นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน อังคาร 19 มี.ค. 2024 1:37 pm

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
โพสต์โพสต์แล้ว: อาทิตย์ 18 มี.ค. 2018 12:35 pm 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 4501
น. "เราชื่อนาคเสน."
ศ. "พระผู้เป็นเจ้าทราบพระพุทธวจนะบ้างหรือ ?"
น. "เราทราบพระอภิธรรมอยู่บ้าง.
ศ. "เป็นลาภของข้าพเจ้าที่ได้พบกับพระผู้เป็นเจ้า, เพราะข้าพเจ้าก็
เป็นผู้ศึกษาพระอภิธรรม พระผู้เป็นเจ้าก็เป็นผู้ศึกษาพระอภิธรรม, ขอพระผู้
เป็นเจ้าจงแสดงพระอภิธรรมแก่ข้าพเจ้า." พระนาคเสนก็แสดงพระอภิธรรมให้
เศรษฐีฟัง, เมื่อกำลังแสดงอยู่นั้น เศรษฐีได้ธรรมจักษุบรรลุโสดาปัตติผล, แล้ว
จึงสั่งให้เกวียนห้าร้อยนั้นล่วงหน้าไปก่อนแล้ว ส่วนตัวเองมากับพระนาคเสน
ข้างหลัง ถึงทางสองแยกใกล้เมืองปาฏลิบุตร ก็หยุดยืนชี้บอกหนทางที่จะไป
อโสการาม แล้วถวายผ้ารัตตกัมพลของตน ยาวสิบหกศอกกว้างแปดศอกแก่
พระนาคเสน แล้วเดินแยกทางไป.
ส่วนพระนาคเสนอไปถึงอโสการามแล้ว เข้าไปหาพระธรรมรักขิตเถร
เจ้าแล้ว กราบเรียนเหตุที่ตนมาแล้ว ขอเรียนพระพุทธวจนะไตรปิฎกธรรมใน
สำนักแห่งพระเถรเจ้า เป็นแต่เพียงสาธยายพยัญชนะคราวละหนเท่านั้นถึง
สามเดือนจึงจบ ยังซ้ำพิจารณาอรรถแห่งพระพุทธวจนะที่ได้เรียนแล้วอีกสาม
เดือนจึงตลอด. พระธรรมรักขิตเถรเจ้าเห็นพระนาคเสนแม่นยำชำนาญในพระ
พุทธวจนะไตรปิฎกธรรมแล้ว จึงกล่าวเตือนให้สติว่า "ดูก่อนนาคเสน ถึงว่า
ท่านทรงพระพุทธวจนะไตรปิฎกได้แล้ว ก็ยังไม่ได้ผลแห่งสมณปฏิบัติ, เหมือน
นายโคบาลถึงเลี้ยงโคก็มิได้บริโภคโครสเหมือนคนอื่นฉะนั้น"
พระนาคเสนเรียนตอบพระเถรเจ้าว่า "กล่าวเตือนด้วยวาจาเพียงเท่านี้
พอแล้ว" ในวันนั้น บำเพ็ญเพียรก็ได้บรรลุพระอรหัตตผลพร้อมด้วยพระจตุ
ปฏิสัมภิทาญาณ. ขณะนั้น เทวดาได้ถวายสาธุการ, มหาปฐพีบันลือเสียงลั่น,
มหาพรหมตบพระหัตถ์, เทพเจ้าทั้งหลายบันดาลจุรณ์จันทน์และดอกมัณฑา
รพอันเปนของทิพย์ให้ตกลง ดุลห่าฝน เป็นมหัศจรรย์.



ครั้นพระนาคเสนได้บรรลุพระอาหัตตผลแล้ว พระอรหันต์เจ้าร้อยโกฏิ
ก็ประชุมกันที่พื้นถ้ำรักขิตคูหา ณ เขาหิมพานต์ ส่งทูตให้นำศาสน์ไปยังสำนัก
พระนาคเสนว่า "ขอพระนาคเสนอจงมาหา เราทั้งหลายปรารถนาจะพบ" ดัง
นี้. พระนาคเสนได้ฟังทูตบอกดังนั้นแล้วจึงอันตรธานจากอโสการาม มา
ปรากฏที่เฉพาะหน้าแห่งพระอรหันต์เจ้าทั้งหลายนั้น. พระอรหันต์เจ้าทั้งหลาย
จึงมีคำสั่งว่า "นั่นแน่ะ นาคเสน พระเจ้ามิลินท์ตรัสถามปัญหาโต้ตอบถ้อยคำ
ทำภิกษุสงฆ์ให้ได้ความลำบากยิ่งนัก, ขอท่านไปทรมานพระเจ้ามิลินท์เถิด."
พระนาคเสน ตอบว่า "ข้าแต่พระเถรเจ้าทั้งหลาย อย่าว่าแต่เจ้ามิลินท์
พระองค์เดียวเลย, ให้พระเจ้าแผ่นดินในชมพูทวีปทั้งหมดมาถามปัญหา
ข้าพเจ้า ๆ จะวิสัชนาแก้ทำลายล้างเสียให้หมด, ขอท่านทั้งหลายอย่าได้กลัว
เลย จงไปสู่สาคลราชธานีเถิด." พระเถรเจ้าทั้งหลายก็พากันไปสู่สาคลราช
ธานี ทำพระนครนั้นให้เหลืองอร่ามด้วยผ้ากาสาวพัสตร์ มีสมณบริษัทเดินไป
มาไม่ขาด.
ในสมัยนั้น พระอายุปาลเถรเจ้าผู้มีอายุ อาศัยอยู่ที่สังเขยยบริเวณครั้ง
นั้น พระเจ้ามิลินท์ตรัสปรึกษาราชอมาตย์ทั้งหลายว่า "คืนวันนี้เดือนหงายน่า
สบายนัก, เราจะไปสากัจฉาถามปัญหากะสมณะหรือพราหมณ์ผู้ไหนดีหนอ,
ใครจะสามารถเจรจากับเรา บรรเทาความสงสัยเสียได้ ?"
ราชอมาตย์เหล่านั้นกราบทูลว่า "มีพระเถระรูปหนึ่งชื่ออายุปาละได้
เล่าเรียนพระคัมภีร์แตกฉาน เป็นพหุสุตทรงพระไตรปิฎก, ในเวลานี้ท่านอยู่ที่
สังเขยยบริเวณ, ขอพระองค์เสด็จไปถามปัญหากะพระอายุปาลเถระนั้นเถิด"
พระเจ้ามิลินทร์รับสั่งว่า "ถ้าอย่างนั้น ท่านทั้งหลายจงไปแจ้งความแก่
ท่านให้ทราบก่อน"
เนมิตติกอมาตย์รับสั่งแล้วจึงใช้ทูตไปแจ้งแก่พระ อายุปาลเถรเจ้าว่า "
พระราชามีพระประสงค์จะใคร่เสด็จพระราชดำเนินมาพบพระเถรเจ้า." พระ
เถรเจ้าก็ถวายโอกาสว่า "เชิญเสด็จมาเถิด."


จึงพระเจ้ามิลินท์เสด็จขึ้นทรงรถพระที่นั่ง พร้อมด้วยอมาตย์ชาติโยนก
ห้าร้อยห้อมล้อมเป็นราชบริวาร เสด็จพระราชดำเนินมาถึงสังเขยยบริเวณ
วิหารแล้ว เสด็จไปยังสำนักพระอายุปาลเถรเจ้า ทรงพระราชปฏิสันถาร
ปราศรัยกับพระเถรเจ้าพอสมควรแล้ว เสด็จประทับ ณ ส่วนข้างหนึ่ง จึง
ตรัสถามปัญหากะพระเถรเจ้า ดังนี้:
มิ. "บรรพชาของพระผู้เป็นเจ้า มีประโยชน์อย่างไร, และอะไรเป็น
ประโยชน์ที่พระผู้เป็นเจ้าประสงค์เป็นอย่างยิ่ง ?"
อา. "บรรพชามีประโยชน์ที่จะได้ประพฤติให้เป็นธรรม ประพฤติให้
เสมอ."
มิ. "ใคร ๆ แม้เป็นคฤหัสถ์ที่ประพฤติเป็นธรรม ประพฤติเสมอได้ มีอยู่
บ้างหรือไม่ ?"
อา. "ขอถวายพระพร มีอยู่, คือเมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงแสดงพระ
ธรรมจักร ที่ป่าอิสิปตนมิคทายวัน ใกล้กรุงพาราณสี, ครั้งนั้น พรหมได้บรรลุ
ธรรมาภิสมัยถึงสิบแปดโกฏิ, ส่วนเทวดาซึ่งได้บรรลุธรรมาภิสมัยเป็นอันมาก
พ้นที่จะนับได้; พรหมและเทวดาเหล่านั้นล้วนเป็นคฤหัสถ์ มิใช่บรรพชิต อนึ่ง
เมื่อทรงแสดงมหาสมยสูตร มงคลสูตร สมจิตตปริยายสูตร ราหุโลวาทสูตร
และปราภวสูตรเทวดาได้บรรลุธรรมาภิสมัยเป็นอันมากเหลือที่จะนับได้;
เทวดาเหล่านี้ล้วนเป็นคฤหัสถ์ มิใช่บรรพชิต."
มิ. "ถ้าอย่างนั้น บรรพชาของพระผู้เป็นเจ้าก็ไม่มีประโยชน์อะไร, ตกลง
เป็นพระสมณะเหล่าศากยบุตร บวชและสมาทานธุดงค์ เพราะผลวิบากแห่ง
บาปกรรมที่ตนทำไว้แต่ปางก่อน คือ ภิกษุใด ถือเอกาสนิกธุดงค์, ชะรอยใน
ปางก่อนภิกษุนั้น จะเป็นโจรลักโภคสมบัติของคนอื่นเป็นแน่; เพราะโทษที่แย่ง
ชิงโภคสมบัติของเขา เดี๋ยวนี้จึงต้องนั่งฉันอาหารในที่อันเดียว ไมได้ฉันตาม
สบาย ด้วยผลวิบากแห่งกรรมอันนั้น.


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: Bing [Bot] และ บุคคลทั่วไป 6 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
cron
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO