นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน อังคาร 19 มี.ค. 2024 12:09 pm

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
โพสต์โพสต์แล้ว: เสาร์ 17 มี.ค. 2018 5:40 am 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 4501
พระนาคเสนเรียนตอบว่า "อย่าว่าแต่พระเจ้ามิลินท์องค์เดียวเลย, ให้
พระเจ้าแผ่นดินในชมพูทวีปทั้งหมด มาถามปัญหาข้าพเจ้า ๆ จะแก้ปัญหานั้น
ทำลายล้างเสียให้หมด, ขอท่านอดโทษให้แก่ข้าพเจ้าเถิด" เมื่อพระเถรเจ้ายัง
ไม่ยอมอดให้ จึงเรียนถามว่า "ถ้าอย่างนั้นในไตรมาสนี้ ข้าพเจ้าจะไปอยู่ใน
สำนักของใครเล่า ?"
พระเถรเจ้าตอบว่า "พระอัสสคุตตเถระผู้มีอายุ ท่านอยู่ที่วัตตนิย
เสนาสน์, ท่านจงไปหาท่านแล้ว กราบเรียนตามคำของเราว่า "พระอุปัชฌาย์
ของข้าพเจ้าให้มากราบเท้าท่าน และเรียนถามว่า "ท่านไม่มีอาพาธเจ็บไข้ ยัง
มีกำลังลุกคล่องแคล่วอยู่ผาสุกหรือ, และส่งข้าพเจ้ามาด้วยปรารถนาจะให้อยู่
ในสำนักของท่าน สิ้นไตรมาสนี้; และเมื่อท่านจะถามว่า "พระอุปัชฌาย์ของ
ท่านชื่อไร" ดังนี้แล้ว, ก็เรียนท่านว่า "พระอุปัชฌาย์ของข้าพเจ้าชื่อโรหณ
เถระ," และเมื่อท่านจะถามว่า "เราชื่อไรเล่า" ก็เรียนท่านว่า "พระอุปัชฌาย์
ของข้าพเจ้าทราบชื่อของท่าน."
พระนาคเสนรับคำของพระเถรเจ้าแล้วกราบลา ทำประทักษิณแล้ว ถือ
บาตรจีวรหลีกจาริกไปโดยลำดับ ถึงวัตตนิยเสนาสน์แล้วเข้าไปหาพระอัสส
คุตตเถรเจ้า กราบท่านแล้วยืน ณ ที่สมควรแห่งหนึ่งเรียนตามคำซึ่งพระ
อุปัชฌาย์ของตนสั่งมาทุกประการ.
พระอัสสคุตตเถรเจ้าถามว่า "ท่านชื่อไร ?"
น. "ข้าพเจ้าชื่อนาคเสน."
อ. "พระอุปัชฌาย์ของท่านชื่อไร ?"
น. "พระอุปัชฌาย์ของข้าพเจ้า ชื่อโรหณเถระ."
อ. "เราชื่อไรเล่า ?"-
น. "พระอุปัชฌาย์ของข้าพเจ้าทราบชื่อของท่าน."
อ. "ดีละ นาคเสน ท่านเก็บบาตรจีวรเถิด."
พระนาคเสนเก็บบาตรจีวรไว้แล้ว ในวันรุ่งขึ้น ได้กวาดบริเวณตั้งน้ำ
บ้วนปากและไม้สีฟันไว้ถวาย.

พระเถรเจ้ากลับกวาดที่ซึ่งพระนาคเสนกวาดแล้วเสียใหม่, เทน้ำนั้นเสียแล้ว
ตักน้ำอื่นมา, หยิบไม้สีฟันนั้นออกเสียแล้ว หยิบไม้สีฟันอันอื่นใช้, ไม่ได้เจรจา
ปราศรัยแม้สักหน่อยเลย. พระเถรเจ้าทำดังนี้ถึงเจ็ดวัน ต่อถึงวันที่เจ็ดจึงถาม
อย่างนั้นอีก. พระนาคเสนก็เรียนตอบเหมือนนั้น. ท่านจึงอนุญาตให้อยู่จำ
พรรษาในที่นั้น.
ในสมัยนั้น มีมหาอุบาสิกาผู้หนึ่ง ซึ่งได้อุปฐากพระเถรเจ้ามาถึง
สามสิบพรรษาแล้ว เมื่อล่วงไตรมาสนั้นแล้ว มาหาพระเถรเจ้าเรียนถามว่า "มี
ภิกษุอื่นมาจำพรรษาอยู่ในสำนักของท่านบ้างหรือไม่ ?"
ท่านตอบว่า "มีพระนาคเสนองค์หนึ่ง."
มหาอุบาสิกานั้นจึงนิมนต์พระเถรเจ้ากับพระนาคเสนไปฉันที่เรือนใน
วันรุ่งขึ้น. พระเถรเจ้ารับนิมนต์ด้วยดุษณีภาพแล้ว ครั้นล่วงราตรีนั้นถึงเวลา
เช้าแล้ว ท่านครองผ้าตามสมณวัตรแล้ว ถือบาตรจีวรไปกับพระนาคเสนเป็น
ปัจฉาสมณะตามหลังถึงเรือนมหาอุบาสิกานั้นแล้ว นั่งบนอาสนะที่ปูลาดไว้
ถวาย. มหาอุบาสิกานั้นจึงอังคาสพระเถรเจ้ากับพระนาคเสนด้วยของเคี้ยว
ของฉันอันประณีต ด้วยมือของตน. ครั้นฉันเสร็จแล้ว พระเถรเจ้าสั่งพระนาค
เสนว่า "ท่านทำอนุโมทนาแก่มหาอุบาสิกาเถิด." ครั้นสั่งดังนั้นแล้ว ลุกจาก
อาสนะหลีกไป.
ส่วนมหาอุบาสิกานั้นกล่าวขอกะพระนาคเสนว่า "ตนเป็นคนแก่แล้ว
ขอให้พระนาคเสนทำอนุโมทนาแก่ตนด้วยธรรมีกถาที่ลึกสุขุมเถิด" พระ
นาคเสนก็ทำอนุโมทนาแก่มหาอุบาสิกานั้นด้วยอภิธรรมกถาอันลึกละเอียด
แสดงโลกุตตรธรรมปฏิสังยุตด้วยสุญญตานุปัสสนา ขณะนั้น มหาอุบาสิกา
นั้นได้ธรรมจักษุคือปัญญาที่เห็นธรรมปราศจากธุลีปราศจากมลทินคือกิเลส
ในที่นั่งนั้นเองว่า "สิ่งใดสิ่งหนึ่งมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งทั้งปวงนั้นมี
ความดับเป็นธรรมดา" ดังนี้. แม้พระนาคเสนเอง ทำอนุโมทนาแก่อุบาสิกา
นั้นแล้ว พิจารณาธรรมที่ตนแสดงอยู่ นั่งเจริญวิปัสสนาอยู่ที่อาสนะนั้นก็ได้
บรรลุโสดาปัตติผล.

เวลานั้น พระอัสสคุตตเถรเจ้านั่งที่วิหาร ทราบว่าพระนาคเสนและ
มหาอุบาสิกา ได้ธรรมจักษุบรรลุโสดาปัตติผลทั้งสองคน จึงให้สาธุการว่า "ดี
ละ ๆ นาคเสน ท่านยิงศรเล่มเดียว ทำลายกองสักกายทิฏฐิอันใหญ่ได้ถึงสอง
กอง." แม้เทวดาทั้งหลายก็ได้ถวายสาธุการหลายพันองค์. พระนาคเสนลุก
จากอาสนะกลับมาหาพระอัสสคุตตเถรเจ้า อภิวาทแล้วนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้าง
หนึ่ง. พระเถรเจ้าจึงสั่งว่า "ท่านจงไปสู่เมืองปาฏลิบุตร, เรียนพระพุทธวจนะ
ในสำนักแห่งพระธรรมรักขิตเถระผู้มีอายุ ซึ่งอยู่ในอโสการามเถิด."
น. "เมืองปาฏลิบุตร แต่ที่นี้ไปไกลกี่มากน้อย ?"-
อ. "ไกลร้อยโยชน์."
น. "หนทางไกลนัก, ในกลางทางอาหารก็หาได้ยาก, ข้าพเจ้าจะไป
อย่างไรได้ ?"
อ. "ไปเถิดนาคเสน, ในกลางทางท่านจักได้บิณฑบาตข้าวสาลีที่
บริสุทธิ์และแกงกับเป็นอันมาก."
พระนาคเสนรับคำของพระเถรเจ้าแล้ว กราบลาทำประทักษิณแล้ว ถือ
บาตรจีวรจาริกไปเมืองปรากฏลิบุตร.
ในสมัยนั้น เศรษฐีชาวเมืองปาฎลิบุตรพร้อมด้วยเกวียนห้าร้อยกำลัง
เดินทางจะไปเมืองปาฎลิบุตรอยู่. ได้เห็นพระนาคเสนเดินทางมาแต่ไกล, จึง
สั่งให้กลับเกวียนห้าร้อยนั้นแล้ว ไปหาพระนาคเสนถามว่า "พระผู้เป็นเจ้าจัก
ไปข้างไหน ?"
พระนาคเสนตอบว่า "จะไปเมืองปาฏลิบุตร."
เศรษฐีชวนว่า "ดีละ ข้าพเจ้าก็จะไปเมืองปาฏลิบุตร เหมือนกัน, พระผู้
เป็นเจ้าจงไปกับข้าพเจ้าเถิด จะได้ไปเป็นสุข" ดังนี้, แล้วเลื่อมใสในอิริยาบถ
ของพระนาคเสน แล้วอังคาสท่านด้วยของเคี้ยวของฉันอันประณีต ด้วยมือ
ของตนจนอิ่มเสร็จแล้ว นั่ง ณ ที่อาสนะต่ำแห่งหนึ่งแล้วถามว่า "พระผู้เป็นเจ้า
ชื่อไร ?"


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 2 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
cron
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO