นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน เสาร์ 20 เม.ย. 2024 11:59 am

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
โพสต์โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. 01 ก.พ. 2018 5:43 am 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 4533
"ลองพิจารณาดูเถิด
ความไม่สมหวัง
ความพลัดพราก
ความสูญเสีย
ในชีวิตประจำวัน ของเรานี้
มันคือแบบฝึกหัดอย่างดี
สำหรับการเผชิญกับความตาย
ซึ่งจะต้องมาถึงเรา
ไม่วันใด ก็วันหนึ่ง"
-:- พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล -:-




"บุญ เป็นชื่อของความสุข
ทำแล้วทุกข์ อย่าทำ"
-:- หลวงปู่หา สุภโร -:-



“ที่พึ่งที่ถาวร”
ถ้าเราไม่ประมาท เรารีบสร้างที่พึ่งให้กับเราเอง สร้างที่พึ่งในใจเรา ปฏิบัติสร้างธรรมะสร้างความสงบให้กับใจ พอใจสงบเราก็มีที่พึ่ง คนอื่นจะเป็นอะไรเราก็ไม่เดือดร้อน ใจเราก็จะไม่หวั่นไหว ฉะนั้นตอนนี้มีบทเรียนว่าครูบาอาจารย์ท่านจะจากเราไปแล้ว แต่เดี๋ยวบางทีก็ลืม พออาจารย์องนี้ตายไปก็ไปหาอาจารย์องค์ใหม่ แล้วก็ไปเกาะอาจารย์องค์ใหม่ แล้วก็ไม่เคยคิดว่าไปเกาะอาจารย์เพื่ออะไร
ความจริงการไปมีอาจารย์ก็เพื่อจะได้ไปศึกษาคำสอนของท่าน ท่านก็สอนให้เราปฏิบัติ สอนให้เราสร้างที่พึ่งให้กับตัวเราเอง เพราะอาจารย์เดี๋ยวก็ต้องแก่เจ็บตาย ตั้งแต่องค์แรกคือพระพุทธเจ้าท่านก็ต้องแก่เจ็บตาย ท่านก็สอนให้เราปฏิบัติ สร้างที่พึ่ง สร้างมรรคขึ้นมา สร้างสติสร้างปัญญา ถ้าเรามีที่พึ่งมีสติมีปัญญา ใจเราจะไม่ต้องพึ่งผู้อื่น เมื่อไม่ต้องพึ่งผู้อื่นเวลาผู้อื่นเขาเป็นอะไรไปเราก็ไม่เดือดร้อน แต่ถ้าเรายังพึ่งตัวเราไม่ได้ เรามัวแต่ไปพึ่งผู้อื่นที่เขาจะต้องมีวันจากเราไป พอเขาจากเราไปเราก็หวั่นไหว เพราะเราจะไม่มีที่พึ่ง เราหวั่นไหวเพราะเรากลัวว่าต่อไปท่านไปแล้วเราจะไม่มีที่พึ่ง นี่คือความประมาทของลูกศิษย์ลูกหาที่เข้าหาครูบาอาจารย์แต่ไม่ได้เข้าหาเพื่อปฏิบัติ เข้าหาเพื่อเกาะท่าน ได้ยินได้ฟังธรรมของท่านตอนนั้นก็เหมือนกับมีธรรม ฟังธรรมแล้วใจก็มีความสุข รู้สึกว่ามีปัญญา แต่มันเป็นปัญญาแบบชั่วคราว เวลาฟังก็เข้าใจ พอหยุดฟังก็หายไปลืมไป พอมีเหตุการณ์อะไรมากระทบใจก็หวั่นไหวขึ้น เพราะว่าปัญญาที่เกิดจากการฟังธรรมนี้มันเสื่อมได้ ฟังแล้วเดี๋ยวก็ลืม
ฉะนั้นต้องเอาปัญญาที่เราฟังนี้มาพิจารณาอยู่เรื่อยๆ คิดอยู่เรื่อยๆ ว่าอนิจจาไม่เที่ยง ของต่างๆ ในโลกนี้ไม่เที่ยง ครูบาอาจารย์ที่เราพึ่งพาอาศัยท่านก็ไม่เที่ยง เดี๋ยวท่านก็ต้องจากเราไป ร่างกายของเราก็ไม่เที่ยง เดี๋ยวเราก็ต้องจากโลกนี้ไป เราต้องมาสร้างธรรมที่เที่ยง ถ้ามีธรรมแล้วเราจะอาศัยธรรมนี้เป็นที่พึ่งปกป้องรักษาใจของเราได้ ธรรมที่เราต้องมีก็คือสมาธิกับปัญญา ที่เราไม่มีกัน ถ้าเรามีสมาธิมีปัญญาแล้วใจของเราจะไม่หวั่นไหวกับเหตุการณ์ต่างๆ อะไรจะเกิดอะไรจะดับนี้ใจเราไม่เดือดร้อน เพราะใจเรามีที่พึ่งมีความสุขในตัวเอง ไม่ต้องหาความสุขจากผู้อื่น ไม่ต้องหาความสุขจากการไปฟังเทศน์ฟังธรรมกับครูบาอาจารย์ ไม่ต้องหาความสุขจากการไปทำบุญกับครูบาอาจารย์ เราสามารถมีความสุขได้ด้วยตัวเราเอง ด้วยธรรมของเรา
เหมือนกับครูบาอาจารย์ ครูบาอาจารย์ท่านก็เป็นเหมือนเรามาก่อน เมื่อก่อนท่านก็อยู่ของท่านไม่มีที่พึ่งท่านก็ไปหาครูบาอาจารย์ ไปแล้วท่านก็ไปศึกษาและปฏิบัติอย่างจริงจัง ไม่ใช่เพียงแต่ไปอยู่แล้วก็ไปฟังแต่ไม่สร้างที่พึ่งขึ้นมา การฟังนี้เป็นเพียงส่วนแรก ต้องฟังเพื่อให้รู้ว่าเราต้องทำอย่างไรเพื่อให้เราเป็นที่พึ่งของเราเอง แต่ถ้าฟังแล้วเราไม่ไปปฏิบัติ การจะเป็นที่พึ่งของเรานี้เราต้องนั่งสมาธิได้ เราต้องมีปัญญาเห็นไตรลักษณ์ เห็นอริยสัจสี่ ถ้าเรามีสมาธิมีปัญญาใจของเราจะไม่มีความทุกข์กับอะไรไม่มีการหวั่นไหวกับอะไร เพราะสมาธิกับปัญญาจะรักษาใจของเราให้นิ่งให้สงบให้ไม่กระทบกระเทือนกับสิ่งต่างๆ ที่มาสัมผัสรับรู้
นี่คือสิ่งที่เราขาด ขาดสมาธิขาดปัญญา ปัญญาที่ไม่ลืม ตอนนี้เรามีปัญญาแต่เป็นปัญญาที่ลืม ฟังก็เข้าใจ เดี๋ยวสักพักก็ลืมหายไป ถูกกิเลสมาหลอกให้ไปหลงชอบนู่นชอบนี่ต่อไป แต่ถ้ามีปัญญาแล้วมันจะไม่หลง ถ้าปัญญาที่แท้จริงมันจะไม่หลง กิเลสจะมาหลอกให้ไปพึ่งสิ่งนั้นสิ่งนี้ มันไม่ไป เพราะมันเห็นว่าไม่มีอะไรในโลกนี้พึ่งได้ เพราะทุกสิ่งทุกอย่างมันเป็นของชั่วคราว พึ่งได้ชั่วคราว ได้มาแล้วเดี๋ยวก็หมดไป พอหมดไปก็วุ่นวายต้องไปหาใหม่กัน หามาเท่าไหร่ก็หมดไปเท่านั้น ฉะนั้นถ้ามีปัญญาเห็นว่าทุกอย่างในโลกนี้มันเป็นอนิจจัง ไม่เที่ยงไม่ถาวร เป็นของชั่วคราว พึ่งได้ไม่นาน ก็ไม่ไปพึ่งมันดีกว่า สิ่งที่เราพึ่งได้ตลอดถาวรก็คือความสงบ คือสมาธิ กลับมาสมาธิดีกว่า เวลาจะไปพึ่งสิ่งนั้นสิ่งนี้ถ้ามีปัญญาก็บอกว่าไม่ไปดีกว่า มาพึ่งความสงบดีกว่า และความสงบนี้เราสามารถพึ่งได้ตลอดเวลา ถ้าเรารู้จักวิธีทำความสงบแล้ว ใจของเราก็จะสงบไปเรื่อยๆ ไม่มีวันสิ้นสุด.
สนทนาธรรมบนเขา
วันที่ ๓๐ มกราคม ๒๕๖๑
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต




“ต้องมีสมาธิ ต้องมีใจที่สงบ”
ถาม : ถ้าเราไม่กลัวตายจริงๆ ก็ควรคิดว่าชีวิตจากนี้ขอใช้เพื่อเข้าทางถึงความสงบของใจ โดยออกจากทางโลกคือลาออกจากงานและหาที่อยู่ที่เหมาะสมกับวิถีนักบวชเพื่อปฏิบัติให้เต็มที่ โดยไม่ต้องกังวลว่าจะมีเงินใช้ไว้ตอนแก่เจ็บป่วยหรือไม่ ขอแค่มีที่อยู่และได้ปฎิบัติก็พอ อนาคตคิดว่าตายตายเป็นตาย คิดอย่างนี้ถูกต้องไหมคะ
พระอาจารย์ : ใช่ คนที่ละสักกายทิฐิได้นี้จะต้องมีสมาธิก่อนไง ก่อนจะมีปัญญาได้ก็ต้องมีสมาธิก่อน มีความสุขในตัวเอง ถ้ามีสมาธิแล้วไม่กลัวอดตายหรอก ไม่กลัวอดอยากขาดแคลนหรอก ไม่กลัวที่จะต้องไปทำตัวเป็นแจ๋วเป็นคนรับใช้ใครเพื่อที่จะหาอาหารมาเลี้ยงปาก เป็นพระแล้วเป็นเหมือนขอทานใช่ไหม ก็ต้องไปอาศัยการขอทานทุกเช้าเนี่ยอาหารเขาใส่มาให้ แต่ถ้ามีความสุขก็ไม่เดือดร้อน ถ้ามีความสุขใจ มีก็กิน ไม่มีก็อดกินไป เดี๋ยวมันก็ตาย ตายก็ตายไปแต่ความสุขในใจมันไม่ได้ตายไปกับร่างกาย ความสุขความอิ่มใจก็ยังอยู่ เต็มที่ คนที่จะทำอย่างนี้ได้ต้องมีสมาธิต้องมีใจที่สงบก่อน ถ้าไม่มีที่สงบนี้ปัญญานี้มันไม่สามารถที่จะทำให้ใจทำตามที่ปัญญาบอกได้.
สนทนาธรรมบนเขา
วันที่ ๓๐ มกราคม ๒๕๖๑
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต




...ปลา เวลาถูกจับขึ้นมาอยู่บนบกนี้
มันจะไม่มีเรี่ยวมีแรง
แต่พอมันลงไปในน้ำ
มันก็จะเกิดกำลังขึ้นมา
แหวกว่ายไปตามสถานที่ต่างๆในน้ำได้
.
ฉันใด จิตใจของพวกเรา
ถ้าอยู่ห่างธรรม ก็เหมือน
ปลาที่อยู่ห่างน้ำ อยู่ไกลน้ำ
ฉะนั้นเราต้อง .."อย่าอยู่ห่างธรรม"
..ต้องพยายามฟังธรรมกัน อยู่เรื่อยๆ..
................................................
.
คัดลอกการแสดงธรรม
ธรรมะบนเขา
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
วัดญาณสังวรารามฯ ชลบุรี




ถาม: จิตรู้นี่คือก่อนจะทำอะไร
เขาเตือนสติก่อนให้เรารับรู้ใช่ไหมค่ะ
พระอาจารย์: ก็ไม่แน่
คนที่ไม่มีสติก็ไม่เตือนหรอก
คนที่จะกินเหล้า
ถ้าไม่มีสติมาเตือนว่าอย่ากินมันก็กิน
...ฉะนั้นถ้าจะมีสติมันต้องฝึก
ต้องฝึกฟังธรรมะบ่อยๆ
แล้วเราจะได้มีสติมีปัญญา
ได้รู้ว่าอะไรควรไม่ควรทำ
พอเราจะไปทำในสิ่งที่ไม่ควร
สติปัญญามันก็จะมาเตือนเรา
......................................
.
คัดลอกการสนทนาธรรม
ธรรมะบนเขา30/1/2560
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
วัดญาณสังวรารามฯ ชลบุรี


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: Bing [Bot] และ บุคคลทั่วไป 6 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
cron
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO