นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน ศุกร์ 19 เม.ย. 2024 7:23 am

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
 หัวข้อกระทู้: รักษาความดี
โพสต์โพสต์แล้ว: อังคาร 02 ม.ค. 2018 5:01 am 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 4532
"ให้ปีใหม่ มันดีกว่าปีที่แล้วมา
อย่างน้อย ก็ให้มันโลภน้อยกว่า
โกรธน้อยกว่า หลงน้อยกว่า
สรุปแล้วคือ เห็นแก่ตัวน้อยกว่า"
-:- ท่านพุทธทาสภิกขุ -:-



"ไม่ต้องตื่นเต้น กับวันใหม่ ปีใหม่
อันนั้นมันหมุนไป ตามเรื่องของมัน
วันหนึ่ง เดือนหนึ่ง ปีหนึ่ง
อันนั้น เป็นสมมุติบัญญัติขึ้นมา
อันที่เรา ควรจะตื่นเต้นนั้น
ควรตื่นเต้น ที่ตัวของเราว่า
วันหนึ่งๆ เดือนหนึ่ง ปีหนึ่ง
เราเจริญขึ้น หรือว่าเราเสื่อมลง
อันนั้นต่างหาก เราเห็นความเสื่อม
ความเจริญของเรา
แท้จริง ร่างกายของเรา
มันเจริญขึ้น ไม่มีหรอก มีแต่เสื่อมลง
มันเกิดขึ้นมาแล้ว ก็เสื่อมลงทุกทีๆ"
-:- หลวงปู่เทสก์ เทสรํสี -:-





ถาม : บาปที่ได้กระทำไปแล้ว เรามีวิธีแก้บาปอย่างไร?
พระอาจารย์ : วิธีแก้บาปนั้นไม่มี แต่มีวิธีที่จะไม่ไปรับบาปนั้น คือ เราก็ต้องพยายามทำบุญให้มากๆ และต้องทำบุญให้มากกว่าบาปอยู่เรื่อยๆ เมื่อถึงเวลาเราตายไป บาปที่เรากระทำใว้มันยังไม่มีกำลังพอที่จะดึงเราให้ไปรับผลของบาปได้ เพราะถ้าเราได้ทำบุญมากกว่าทำบาป ถ้ามีบุญจนกระทั่งไม่ต้องกลับมาเกิดเลย อย่างองคุลิมาลนี้ก็ไม่ต้องมาใช้ผลบาปที่ทำใว้ องคุลิมาลฆ่าคนตั้ง ๙๙๙คน แต่พอสร้างบุญที่ระดับของพระอรหันต์ได้ ก็ไม่ต้องกลับมาเกิด เมื่อไม่เกิดก็ไม่ต้องมารับผลบาปอีกต่อไป
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
ธรรมะบนเขา ณ จุลศาลา เขตปฏิบัติธรรมเขาชีโอน
วัดญาณสังวรารามวรมหาวิหาร ชลบุรี
วันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๐


"เรื่องของเฮาคือ ฮักษาใจ ฮักษาความดี"
“เรื่องของปาก ผู้ใด๋สิเว่าสิเฮ็ดจังใด๋ มันกะกรรมของเขา ในครั้งพระเจ้า กะมีคนนินทาพระเจ้า มันกะกรรมของเขานั่นหล่ะ เฮาบ่ไปทุกข์นำมัน มันกะบ่ทุกข์ดอก เรื่องของเฮากะคือ ฮักษาใจ ฮักษาความดี”
"พระธรรมคำสอน หลวงปู่เพียร วิริโย"



พระพุทธเจ้าสอนลงในจุดรวมว่า
ผู้ที่จะไปสู่ภพชาติใดๆ ต้องขึ้นอยู่กับจิตนี้เท่านั้น
เพราะฉะนั้นจงสร้างจิตฝึกฝนอบรมจิตให้ดีเป็นสำคัญ
ถ้าอบรมจิตนี้ด้วยดี คือ โดยศีล โดยธรรมแล้ว
จะมีสักกี่ร้อยล้านภพภูมิของสัตว์ก็ตาม จิตจะเกิดในภพภูมิที่ดีเท่านั้น
เหมาะสมกับวาสนาบารมีของตน
.................................................
หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน






.
เพราะโลกเก่าเราก็ผ่านมาแล้ว มาถึงโลกปัจจุบัน ณ บัดนี้
จากนี้ก็จะไปโลกหน้าคือโลกใหม่ ได้แก่ออกจากร่างนี้แล้วก็จะไปร่างนั้น
จะเป็นร่างใดนั้นแล้วแต่อำนาจของกรรมที่กายวาจาใจของเราได้สั่งสมเอาไว้ด้วย
ใจเป็นผู้บงการ เราอย่าให้เสียท่าเสียทีที่ได้ผ่านโลกอันนี้มานาน
โลกอันนี้ไม่ใช่เป็นโลกที่จะควรสงสัย เพราะเป็นโลกที่เราเคยอยู่
เคยหลับเคยนอนเคยไปเคยมา เคยสุขเคยทุกข์
สิ่งเหล่านี้ได้ผ่านมาด้วยกันทุกคน จึงไม่น่าสงสัยว่าจะเป็นอะไรต่อไปอีก
นอกจากจะเป็นเช่นนี้อยู่ตลอดกาลของเขาเท่านั้น
สำคัญที่เราจะพยายามดำเนินตัวของเราให้ก้าวขึ้นอันดับสูงกว่านี้เป็นลำดับไป
ด้วยความขยันหมั่นเพียรหรือด้วยความเฉลียวฉลาด
รอบรู้เรื่องความเป็นไปหรือความเป็นอยู่ของเรา นั่นละเป็นหลักสำคัญ
.................................................................................................
หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน
เทศน์อบรมคณะหมออวย เกตุสิงห์ ณ วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๓๑ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๐๘




“ตนนั้นแลเป็นที่พึ่งของตน” ความจริงอันนี้ก็ใช่แล้ว
ให้พากันเร่งความเพียร อย่าไปนอนใจนะ ทำเอา
ทำใครทำมันอยู่อย่างนั้น สมบัติใครสมบัติมัน
ผู้ใดขี้เกียจขี้คร้านก็เท่านั้นแหละ
มีแต่กิเลสนะที่มันเหยียบหัวอยู่นั่น
อะไรก็ต้องให้ถูกใจตัวเองหมด
ผู้อื่นก็ต้องให้ถูกใจตัวเองหมด
แต่หัวใจตัวเองก็ยังไม่ถูก
.
หลวงปู่ลี กุสลธโร วัดภูผาแดง อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี




"...ตัดกระแสจิตให้แคบเข้ามาในวงกาย เวลาทำสมาธิต้องอยู่กับปัจจุบัน ตัดเรื่องภายนอกออกชั่วคราว ถือว่ามีเราอยู่คนเดียวในโลก จ่อสติอยู่ภายใน ไม่สนใจอะไรนอกจากสติกับจิต ใครบริกรรม พุทโธ ก็อยู่กับพุทโธเท่านั้น กิเลสดึงไปไหน มีสติรู้แล้วดึงกลับมาทันที ให้ฝืนรู้ บังคับรู้ อย่าไปตามรู้ จิตมันพร้อมจะหลงอยู่แล้ว ตามไปตามมา เดี๋ยวก็หลงมายาของจิตเหมือนเดิม ต้องฝืน ต้องบังคับ ให้สงบระงับอยู่ภายใน อย่าตามรู้ไป เดี๋ยวเป็นอรหันต์นกหวีด เป่าปี้ดๆก็บอกบรรลุธรรม
...พอถึงขั้นเดินปัญญา ต้องพิจารณาทั้งเหตุผลต้นปลาย อดีต ปัจจุบัน จนถึงอนาคต มันจึงจะเห็นไตรลักษณ์ จิตสงบรวมลงเกิดปัญญา จิตเขาจะวางของเขาเอง
...พิจารณาเรื่องความตาย ,อสุภะ ,กายคตาสติ ดีที่สุด เป็นเครื่องทำลายความหลง ความคะนองด้วยกามราคะ ดูตั้งแต่ตอนเราเป็นเด็ก โตขึ้น จนตอนนี้ ถึงอนาคตแก่ เหี่ยวย่น จนตาย ไม่ใช่ว่าตายแล้วจบ ตายแล้วสภาพศพใหม่ ศพเก่า จนสลายเหลือแต่กระดูก ดูกระดูก เพ่งกระดูกต่อ จนสลายกลายเป็นดินธรรมดาๆ เพ่งดิน น้ำ ลม ไฟ ในธรรมดาธาตุอีก จนเข้าถึงความจริงประจักษ์ใจ
...มัวแต่สงสัย แต่ไม่ลงมือปฏิบัติ แม้จะอ่านมาก ฟังมาก มันก็ความรู้ครูบาอาจารย์ เป็นปัญญาผู้อื่น ยังไม่ใช่ญาณทัศนะของเรา
ปัญญาแท้เกิดกับใคร ผู้นั้นจะวางทุกข์ได้ สัญญาที่ไปขโมยปัญญาผู้อื่นมา นอกจากวางทุกข์ไม่ได้แล้ว ถ้านำไปใช้โต้วาทีกัน กลับยิ่งเพิ่มภาระ เพิ่มทุกข์ทับถมตนให้หนักขึ้น ดังนั้นควรรีบภาวนาให้เกิดปัญญาแท้ไวๆ
ธรรมะไม่ใช่เครื่องมือไปเถียงไปทะเลาะ
ใครเก่งกว่า ใครเหนือกว่า ใครแน่กว่า
ธรรมะแท้ท่านเป็นน้ำดับไฟ
จิตรู้เท่าทันเมื่อไหร่
เมื่อนั้นจิตเขาจะวางของเขาเอง
เราทำเหตุให้ต่อเนื่องก็แล้วกัน..."
โอวาทขณะภาวนา
พระอาจารย์คม อภิวโร
วัดป่าธรรมคึรี อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา




#นักรบ" #มีโอกาสที่จะชนะข้าศึกได้, "นักหลบ" มองไม่เห็นทางที่จะชนะข้าศึกได้เลย นักบวชต้องสมัครเป็นนักรบ นักบวชก็คือ นักรบ เป็นนักหลบไม่ได้ เข้ามาในวงการสถาบันของนักบวช ก็คือ เข้ามาในวงการนักรบนั่นเอง ถ้าเรารบในที่นี้ ไม่ใช่มุ่งชนะผู้อื่นผู้ใด มุ่งชนะเราเอง นักบวช นับตั้งแต่พระพุทธเจ้า พระสาวกของพระพุทธเจ้าเป็นนักรบทั้งนั้น มุ่งในการที่จะรบกับเจ้าของเอง รบกับตนเอง เพราะภายในจิตในใจมีสิ่งที่เป็นข้าศึกอยู่มาก
นักบวช ก็คือ นักรบ ที่ชนะข้าศึกที่กวนบ้านกวนเมือง กวนจิต กวนใจ ไม่ให้จิตใจมีโอกาสได้พักผ่อน สงบ ร่มเย็น เพราะข้าศึกมันกวนอยู่เสมอ ข้าศึกที่กวนจิตกวนใจนี้ นักรบมีโอกาสที่จะชนะได้ ถ้าหากเป็นนักหลบมีแต่ที่จะแพ้ ปราชัย อย่างเดียว เพราะไม่มีโอกาสที่จะประหารข้าศึก มันมีแต่หลบ มีแต่แพ้ มีแต่ยกธงขาว ข้าศึกมันกวนจิต กวนใจ และมันกวนเสมอ ข้าศึกที่เค้ารบกันยังมีการพักรบ พักผ่อน และบางที่พักเป็นหลายๆวัน เป็นเดือนก็มี แต่ข้าศึกที่มันรบที่มันกวนจิตกวนใจนี้ มันไม่มีเวลาพักผ่อน ตั้งแต่เช้าตื่นขึ้นมา บางทีมันกวนตั้งแต่เวลาตื่น นอนตื่นมาเมื่อไร มันกวนเมื่อนั้น สารพัด อาวุธที่มันจะเอามาประหัตประหารจิตใจ สิ่งที่เราชนะ สิ่งที่เราทำ ข้าศึกมันเอา “สิ่งที่เรารัก” …. .”สิ่งที่เราชัง” นี่ล่ะมาเป็นอาวุธที่จะประหัตประหารจิตใจของเราอยู่เป็นประจำ
นักบวชนักรบ จะต้องมีอาวุธ คือ “ธรรม” นักบวชนักรบจะต้องมีอาวุธ คือ “สติ”….สติธรรม สมาธิธรรม ปัญญาธรรม นักบวชจะต้องมีอาวุธ คือ ศีล ธรรมชาติ ศีล สมาธิ สติเป็น ธรรมาวุธ ที่ประหารข้าศึก คือ กิเลส ที่กวนใจ กิเลสมี อย่าง หยาบ อย่างกลาง อย่างละเอียด ธรรมะ-อาวุธ ที่จะมาประหัตประหารกิเลส ก็มีอย่างหยาบ อย่างกลาง อย่างละเอียด กิเลสอย่างหยาบ อย่างกลาง อย่างละเอียด มองไปก็ไม่เห็น เพราะกิเลสมันอยู่ภายในจิต ในใจเรานี้ พระพุทธเจ้าท่านจึงสอนให้น้อมมาดูจิตเสมอ มันก็จะเห็นเดี๋ยวมันเอาอันนั้นมากวน เดี๋ยวมันเอาอันโน้นมากวน เอาของอะไรต่อมิอะไรไม่รู้ กวนซ้ำ กวนซาก สิ่งอันเดียวกัน วันนี้มันเอามากวน พรุ่งนี้มันเอามากวนอีก วันมะรืนมันก็เอามากวนอีก มันไม่ได้เอาของนอกโลกสิ่งที่ตาเราไม่เห็น มันเอา “สิ่งที่เรารักมากวน” “สิ่งที่เราชังมากวน”
ธรรมาวุธ คือ สติ คือ ปัญญา จะต้องศึกษาให้แจ่มแจ้งสิ่งที่กิเลสเอามากวนจิตกวนใจของเรานั้น ถ้าหากว่าเราศึกษา ทำธรรมาวุธของเราให้มีกำลังพอ อาวุธที่กิเลสมันเอามาประหัตประหารเรานั้นมันจะสลายตัวไป อาวุธอันนั้นจะหมดสภาพไป สลายตัวก็ใช่ หมดสภาพก็ใช่ เนื่องจาก สติ ปัญญา ธรรมาวุธของเรามีกำลังเหนือกว่า เราต้องฝึกสติ ฝึกปัญญาของเราอยู่เสมอ สัจธรรม อริยสัจเป็นธรรมที่จะฝนจะลับ สติ ปัญญ าของเรา ให้มีความแหลม ความคม และ ความละเอียดอยู่เสมอ ยกอริยสัจธรรมมาเป็นหลัก แล้วเอาจิตเข้าไปเกี่ยวข้องๆ อยู่ในวงอริยสัจนั้น เหมือนกับผู้ที่เค้าลับมีด ฝนมีด เค้าเอามีดถูกับหินๆ สัมผัสอยู่กับหินอย่างนั้น ผลลัพธ์ออกมา ก็คือ มีดนั้นมันคม…..สติปัญญา ของเราจะมี ความแหลม ความคม จะประหารข้าศึกได้นี้ต้องอาศัยสัจธรรมนี่ล่ะ เป็นธรรมเครื่อง ฝนสติ ฝนปัญญา
มองอริยสัจธรรม มองที่ไหน? มองเข้ามาหาที่ ขน ผม เล็บ ฟัน หนัง เพราะอันนี้ล้วนแต่เป็นอริยสัจ ทั้งนั้น อันนี้ล้วนแต่มีสัจจะ มีความจริงของเขาทั้งนั้น แต่ละอย่างๆนี้ ล้วนแต่เป็นของเกิด ล้วนแล้วแต่เป็นของเปลี่ยนแปลง ล้วนแล้วแต่เป็นของที่ต้องสลาย แต่ชิ้นส่วนอันไหนๆทั้งหมดที่เกิดขึ้นแล้ว ไม่เปลี่ยนแปลง ไม่แตกสลาย ไม่มีในกองอริยสัจกองนี้ คำว่า “ชาติการเกิด” “ชาติการเกิด” ก็คือตัวนี้มันเกิด ก็คือตัวนี้ล่ะที่เป็นกองอริยสัจ ไม่ต้องไปลูบคลำ ลังเล สงสัย ในตำหรับ ตำรา ที่ไหน ธรรมาวุธ มันไม่อยู่ในตำหรับ ตำรา มันอยู่ในกองเกิด กองแก่ กองตาย กองนี้ สัจธรรม ที่เป็นธรรมขัดเกลาจิตใจให้สว่างกระจ่างแจ้ง มีความแหลม ความคม มันมีอยู่ในกองเกิด กองแก่ กองตาย กองนี้
เดินก็ดูไป นั่งก็ดูไป ตั้งแต่ศรีษะลงมาหาเท้า อยู่ในอิริยาบถ ก็ดูลงไปในกองนี้ ดู ผม ก็เป็นเส้นๆ ดู ขน ก็เป็นเส้นๆ ดูเล็บก็เป็นเกล็ดๆ ดูฟันก็เป็น ซี่ๆ ดูหนังก็เป็นแผ่นๆ ดูเนื้อก็เป็นเนื้อ ดูกระดูกก็เห็นเป็นกระดูก ดูเส้น ดูเอ็น ก็เห็นเป็นเส้นเป็นเอ็น ดูให้มันชัดในกองสัจธรรมอันนี้
ธรรมเทศนา พระอาจารย์ แบน ธนากโร (บางส่วน)
วัดดอยธรรมเจดีย์ สกลนคร




“เรื่องความโลภนี้ เมื่อเกิดขึ้นในจิตใจของผู้ใดย่อมไม่มองเห็นความเป็นธรรมเลย ขอให้ตนเองได้มากๆ ตามความปรารถนาของตนเองแล้ว ใครจะทุกข์จะยากลำบากอย่างไร ไม่คำนึงเลย โลกจึงลุกเป็นไฟ เผาผลาญกันอยู่ตลอดเวลา”
หลวงปู่บุญจันทร์ กมโล
วัดป่าสันติกาวาส จ.อุดรธานี




"อาการจิตจะสงบ"
ถาม : อาการตกหลุมหลังนั่งสมาธิเป็นอย่างไร รบกวนพระอาจารย์ขยายความด้วยค่ะ
พระอาจารย์ : ก็เวลานั่งเครื่องบินแล้วมันตกหลุมอากาศ มันวู๊บลงไปอย่างนั้นแหละ สมัยก่อนสะพานที่เขาสร้างนี้มันเป็นสะพานที่มันเวลาลงนี่มันจะลงแบบพุบพั๊บเนี่ยมันก็จะรู้สึกวู๊บลงไป สมัยก่อนถ้านั่งรถยนต์ แต่พวกคนที่อายุน้อยนี่คงไม่เคยเจอสะพานแบบเก่าแล้ว สะพานแบบเก่านี้เวลาลงนี่มันจะลงวู๊บลงไปเลย เหมือนกับตกหลุมตกบ่อลงไป อาการเวลาจิตจะสงบมันก็จะแบบนั้นแหละ มันจะวู๊บลงไป เหมือนกับตกจากที่สูงลงมา ตกหลุมตกบ่อตกเหว เหมือนกับเราลงลิฟท์มา ถ้าลิฟท์วิ่งเร็วๆ เนี่ยมันก็จะวู้บลงมาอย่างนี้ มันก็จะลงแบบนั้น แต่อย่าไปคาดคะเนนะเวลานั่ง อย่าไปนึกถึงมัน ถ้านึกถึงมันแล้วมันจะไม่เกิดให้นึกอยู่กับพุทโธ พุทโธอย่างเดียว ถึงจะเกิด.
สนทนาธรรมะบนเขา
วันที่ ๖ เมษายน ๒๕๖๐
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต




“ปีใหม่ ๒๕๖๑”
ดังนั้น วันนี้เป็นวันสิ้นปี จึงอยากให้ท่านได้เอาเวลาวันสิ้นปีนี้มาคิดบัญชี ว่าปีนี้ทั้งปีได้ทำอะไร ตามที่พระพุทธเจ้าทรงสั่งสอนบ้างหรือเปล่า พระพุทธเจ้าทรงสั่งสอน ๓ ข้อใหญ่ๆ
๑.ให้ละการกระทำบาปทั้งปวง
๒.ให้สร้างบุญสร้างกุศลทั้งหลายให้ถึงพร้อม
๓.ให้กำจัดความโลภความอยากให้หมดไปจากจิตจากใจ
ถามตัวเราเองว่า เราได้ทำมากน้อยเพียงไร ถ้ายังทำไม่มากพอ ก็ขอให้ปีใหม่นี้ เริ่มทำกันให้มากขึ้นไปเถิด เพราะไม่มีอะไรที่จะมีคุณค่ามีประโยชน์กับจิตใจเรา มากกว่าการปฏิบัติ ตามคำสอนของพระพุทธเจ้า.
ธรรมะบนเขา
วันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๐
“บัญชีใจ”
อาจารย์สุชาติ อภิชาโต


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
cron
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO