นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน ศุกร์ 29 มี.ค. 2024 2:21 pm

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
โพสต์โพสต์แล้ว: จันทร์ 20 พ.ย. 2017 6:16 am 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 4511
"หมากัดขาเรา
เราอย่าไปกัดขาหมาตอบ
ถ้าไปกัด คงน่าเกลียดจริงๆ
หมากัดขาเรา ก็รักษาแผลไป
ไม่ต้องไปกัดขาหมาตอบ
เช่นเดียวกัน ถ้ามีคนอื่นตำหนิเรา
เราอย่าไปตำหนิเขาตอบ
ใครทำให้เราโกรธ
เราอย่าหลงไปโกรธเขาตอบ
ตบมือข้างเดียว ไม่ดังหรอก"
-:- หลวงปู่ท่อน ญาณธโร -:-



"เรื่องของเรา
ไม่ใช่เรื่องของคนอื่น
เรื่องของคนอื่น
ไม่ใช่เรื่องของเรา
มัวแต่อยากรู้ว่า
คนโน้นคนนี้ บรรลุธรรมหรือไม่
เคยถามตัวเองบ้างไหมว่า
ตัวเองจะบรรลุธรรมได้อย่างไร"
-:- หลวงปู่ชา สุภัทโท -:-



"ถ้าเราคิดถึงพระ
ได้เหมือนคิดถึงแฟนเมื่อไร
แสดงว่าจะดีแล้ว"
-:- หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ -:-





"ดูซิพระอัสสชิ โปรดพระสารีบุตรให้ออกบวชได้ก็อาศัยอินทรีย์สังวรณ์นี้เอง คนที่ไม่เคยใส่บาตรก็ใส่บาตรได้ สร้างความเลื่อมใสให้แก่ผู้ที่ยังไม่เลื่อมใส ทำความเลื่อมใสของผู้ที่เลื่อมใสอยู่แล้วให้เจริญยิ่งขึ้น แล้วบุญกุศลที่เขาถวายทานแก่พระที่ท่านปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ปฏิบัติซื่อตรง ต่อธรรมวินัย ย่อมมีผลใหญ่ มีอานิสงส์ใหญ่ เพราะปฎิคาหก เป็นผู้มีกายกรรม วจีกรรมและมโนกรรม อันบริสุทธิ์สมกับเป็นพุทธบุตร เป็นเนื้อนาบุญของชาวโลก การบริโภคปัจจัย ๔ ของทายกที่เขาถวายด้วยศรัทธาก็ไม่เป็นหนี้ ที่นี้เมื่อนักบวชเข้ามาบวชเรียนแล้ว ไม่มีการปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ปฏิบัติตรงต่อธรรมวินัย ศีลก็วิบัติ อาจารยะก็วิบัติ
ทิฏฐิก็วิบัติ อาชีวะก็วิบัติ เป็นคนทุศีล ไม่มีสังวรณ์ และการบวชจะมีค่าราคาตรงไหน การบวชก็เป็นโมฆะเป็นหมัน ไม่ได้มรรคผลอะไร
.
ขอให้พวกเราพยายามทำกรรมฐานให้มากจักได้รู้จักอารมณ์ของตนเองไว้ได้จะได้อ่านตัวออกบอกตัวถูกในเรื่องของการปฏิบัติ จะรอแต่ให้ครูบาอาจารย์ตามสอนให้ทุกวันทุกเวลา มันก็ไม่ไหวพยายามหาความมั่นใจในงานกรรมฐานด้วย ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจของตนเองบ้าง เมื่อไม่รู้หรือยังไม่เข้าใจ ครูบาอาจารย์ท่านมีหน้าที่ไว้ให้สั่งสอน ถ้าแม้เราไม่ได้มรรคผลเบื้องสูงก็พอให้เป็นนิสัยปัจจัยในภพต่อไปช่วยทำให้เกิดความแก่ ความเจ็บ ความตาย ลดน้อยลงได้อีก"
หลวงปู่สังวาลย์ เขมโก
เมื่อวันที่ ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๒๑





หลวงปู่ขาว อนาลโย ท่านกล่าวไว้ว่า...ในโลกนี้มีอะไรเที่ยงไหม
ได้ความสรรเสริญดีใจ แต่มันไม่เที่ยง
ความนินทาติเตียนก็มีในโลกนี้แต่มันไม่เที่ยง
ลาภเกิดขึ้นก็มีอยู่ในโลก แต่มันก็เสื่อมไป
ความสรรเสริญเกิดขึ้นแล้วมันก็เสื่อมไป
ความสุขเกิดขึ้นแล้วก็เสื่อมไป
ความนินทาเกิดขึ้นก็เสื่อมไป
สิ่งไหนล่ะจะเอามาเป็นแก่นสารสาระ เราจะไปยึดถือทำไป ปล่อยวางให้หมด ทำจิตให้เป็นอารมณ์เดียว ให้เป็นพุทโธๆ พุทโธคือผู้รู้ ให้ใจเราเบิกบานอย่าให้ใจเราเศร้าหมองไป.




"ครูบาอาจารย์ว่า อย่าไปโกรธท่าน ให้คิดเสมือนว่าท่านกำลังให้พร"
.......ครูบาอาจารย์ท่านชม ก็นับว่าเป็นสิริมงคลดี อย่าว่าแต่ชมเลย แม้ท่านติ ก็นับว่าเป็นสิริมงคลดี เพราะทั้งการชม การตำหนิ ล้วนเป็นไปด้วยเหตุผลอันประกอบด้วยธรรมทั้งนั้น.
"หลวงปู่เจี๊ยะ จุนฺโท"





ถาม : การศึกษาปฏิบัติธรรม เราจะเสาะหาครูบาอาจารย์ผู้รู้จริงได้ที่ไหน เพราะปัจจุบันมีสื่อต่างๆมากมาย รู้สึกสับสน
พระอาจารย์ : ศึกษาไปเรื่อยๆก่อน ถามคนนั้นคนนี้ไปเรื่อยๆก่อน จะให้เรามาบอก เราไม่ค่อยถนัดที่จะแนะนำที่นั่นที่นี่เป็นยังไง เรารู้จักแต่พระป่ากรรมฐานสายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต เท่านั้น ที่เราเชื่อมั่น ครูบาอาจารย์ที่ได้ศึกษาปฏิบัติธรรมกับหลวงปู่มั่น มานี้ ท่านเป็นพระอริยะ ท่านเป็นพระปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ท่านสอนที่ถูกต้อง
ฉะนั้น ถ้าอยากได้ครูบาอาจารย์ที่รู้จริง ก็อ่านหนังสือของหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน องค์เดียวพอแล้ว อ่านศึกษาของท่านองค์เดียว เข้าไปในเว็บไซต์ท่าน Luangta.com มีหนังสือธรรมะต่างๆของท่าน ให้ดาวน์โหลด ให้ได้อ่านได้ศึกษา เท่านั้นพอ
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
ธรรมะบนเขา ณ จุลศาลา เขตปฏิบัติธรรมเขาชีโอน
วัดญาณสังวรารามวรมหาวิหาร ชลบุรี
วันที่ ๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๐





เปรต คือพวกที่ไม่ทำบุญ แต่ทำบาป เวลาตายไปก็ไม่มีทรัพย์ภายในติดตัว แต่จะมีบาปติดตัวไป ก็เลยต้องไปเป็นเปรต ต้องไปรอขอทานขอรับส่วนบุญส่วนกุศลจากผู้ที่มีชีวิตอยู่ อย่างพวกเราเวลาทำบุญ เราก็จะอุทิศบุญกุศลให้ผู้ที่จะรับบุญอุทิศได้ก็มีพวกเปรตนี้เท่านั้น พวกอื่นเขารับไม่ได้ ถ้าไปเกิดเป็นเดรัจฉาน ก็หากินเองได้ ถ้าเป็นมนุษย์ ก็เหมือนกัน ถ้าเป็นเทวดาก็มีทรัพย์ภายในมากจนไม่จำเป็นจะต้องมาเป็นขอทาน มาขอทรัพย์ภายในจากผู้อื่น
พวกเปรตนี้เวลามีชีวิตอยู่ ไม่ชอบทำบุญ ชอบทำแต่บาป โลภมาก ถ้ามาวัดก็เอาของมานิดหนึ่ง แต่ขากลับนี้เอาของเต็มปิ่นโตกลับไป อย่างนี้ลักษณะ ของพวกเป็นเปรตเข้าใจไหม คือ เอาแต่ได้อย่างเดียว แล้วเอาโดยวิธี ไม่ถูกต้องคือไปโกงเขา ไปขโมยของๆเขา คนมาวัดนี้ถ้าเอาของกลับ จะเอาไปได้ถ้าเป็นของที่วัด ให้แล้วพระให้แล้ว อย่างนี้ไม่เป็น เปรต เป็นเปรตก็ต่อเมื่อเขา ไม่ได้ให้แล้วก็ไปหยิบของๆเขา ไปแย่งของคนอื่นเขา อย่างนี้ ถึงจะไปเป็นเปรต
นี่คือลักษณะของเปรต แต่ถ้าทำบุญทำทาน รักษาศีล รับรองได้ว่าเมื่อตายไป ไม่ไปเป็นเปรตอย่างแน่นอน ไปเป็นเทวดาร้อยเปอร์เซ็นต์ อานิสงส์ของผู้ที่ ได้ทำบุญ ไม่ทำบาป ตายไปก็ได้กลับมา เป็นคนร่ำคนรวย มีรูปร่างหน้าตาสวยงาม ผิวพรรณผ่องใส มีอาการครบ ๓๒ มีร่างกาย สุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง มีอายุ ยืนยาวนาน
นี่คืออานิสงส์ที่เกิดจากการทำบุญ ไม่ทำบาป เกิดจากการได้ศึกษาได้ยินได้ฟังพระธรรม คำสอนของพระพุทธเจ้าอยู่ เรื่อยๆ ฟังแล้วก็จะได้เอาไปปฏิบัติ การฟังนี้เป็นการศึกษาแนวทาง ศึกษาวิธีที่จะพาให้เราไปสู่จุดหมายปลายทางของพวกเรา พอฟังแล้วเราต้องปฏิบัติด้วย
ถ้าเราอยากจะไปสวรรค์ก็ทำบุญ รักษาศีล ถ้าอยากจะไปสวรรค์ ชั้นพรหมก็ต้องรักษาศีล ๘ แล้วกนั่งสมาธิทำใจให้สงบ ถ้าอยากจะไปพระนิพพานก็ต้องเจริญปัญญา ต้องพิจารณาให้เห็นไตรลักษณ์ ให้เห็นว่าทุกสิ่งทุกอย่างในโลก นี้เป็นไตรลักษณ์ พิจารณาทุกสิ่ง ทุกอย่างว่าไม่เที่ยง ไม่ใช่ของเรา ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นทุกข์ เพราะ มันจะต้องจากเราไปสักวันหนึ่ง ถ้าเรารู้อย่างนี้แล้วเราจะไม่อยาก มีอะไรไม่อยากได้อะไร พอไม่มีอะไรไม่อยากได้อะไรก็จะไม่มี ความทุกข์ จะมีความสุขไปตลอด
นี่คือการศึกษาของพระพุทธศาสนา คือสอนให้เรารู้วิธีการปฏิบัติที่ถูกต้อง แล้วถ้าเรานำเอาไปปฏิบัติ เราก็จะได้รับผล อย่างเดียวกับที่พระพุทธเจ้าได้รับอย่างแน่นอน
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
ธรรมะในศาลา ธรรมะระดับชาวบ้าน
วัดญาณสังวรารามวรมหาวิหาร ชลบุรี




"ไม่มีผู้หนึ่งผู้ใดเลยที่สามารถจะสร้างความดีขึ้นในขณะเดียว แล้วเต็มหัวใจหลุดพ้นไปได้เลยนั้น ไม่ปรากฏในคำสอนของพระพุทธเจ้า พระองค์ใดก็เหมือนกัน ต้องอาศัยการสั่งสมอยู่โดยสม่ำเสมอ ไม่หยุดไม่ลดไม่ละ แล้วก็เติบโตขึ้นเจริญขึ้น แม้จะเวียนว่ายตายเกิดในวัฏสงสาร ก็เวียนว่ายไปด้วยอำนาจแห่งบุญแห่งกุศล
ผู้พาให้เวียนว่ายก็คืออวิชชา เชื้อแห่งความเกิดพาให้เกิดก็จริง แต่สถานที่ที่อยู่ที่ไปนั้น ด้วยอำนาจแห่งบุญเป็นเครื่องประคับประคอง ย่อมยังผู้ไปนั้นให้ไปเป็นสุขอยู่เป็นสุข ไม่ได้มีความทุกข์ความยากความลำบากเหมือนคนที่ไร้ความดีทั้งหลายเลย ผิดกันอย่างนี้
ความดีกับความชั่ว คนดีกับคนชั่วอยู่ด้วยกันก็ไม่เหมือนกัน มีความแปลกต่างกันอยู่นั้นแล ไปเกิดในภพต่าง ๆ ก็แปลกต่างกันอยู่ สถานที่อยู่แห่งภพนั้น ๆ และการเสวยความสุขความทุกข์ก็แปลกต่างกันโดยลำดับลำดาของผู้มีกรรมต่างกัน แม้ความดี ถ้าผู้มีกรรมดีมากก็ต่างกันกับผู้มีกรรมดีน้อยเหมือนกัน"
หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน
เทศน์อบรมพระ ณ วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๑๕ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๒๙




“คนเราทุกวันนี้ ถ้าเป็นคนที่มีธรรม
จะคิด จะพูด จะทำอะไรก็เป็นธรรม
แต่ถ้าเป็นคนไม่มีธรรม เอาเรื่องโลกมาคิด
มาพูด มาทำ ก็มีแต่โลกทั้งนั้น
ให้เราทั้งหลายช่วยกันทำนุบำรุง
พระพุทธศาสนา เห็นการกระทำอะไรที่ไม่ดี
ให้ช่วยกันบอกสอนแก้ไขให้ถูกให้ควร
อย่าปล่อยให้คนทำผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า
อย่าพึ่งเชื่อในสิ่งที่อาตมาพูด ว่าดี ว่าถูก
ว่าควรแล้ว ให้นำไปไตร่ตรองดูเสียก่อน
หากพิจารณาว่าดี ว่าถูก ว่าควร แล้วจึงค่อยเชื่อ
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสสอนไว้
พ่อแม่ครูจารย์ก็เคยเตือนให้พึงระวัง
เรื่องอายตนะ ๖ กาย ใจ ตา หู จมูก และลิ้น
ไม่ให้นำสิ่งไม่ดีเข้ามา ให้คะลำ
ภาษาอีสาน คะลำ หมายถึง หลีกเลี่ยง
อย่าเอาสิ่งไม่ดีเข้ามาในตัว
หากรู้ว่าไม่ดีให้หลีกหนีให้ไกล...”
โอวาทธรรมคำสอน หลวงปู่บุญมี ปริปุณโณ
วัดป่าศิลาพร อ.เมือง จ.ยโสธร


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
cron
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO