นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน พฤหัสฯ. 18 เม.ย. 2024 5:24 pm

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
 หัวข้อกระทู้: ทุนเดิม
โพสต์โพสต์แล้ว: จันทร์ 30 ต.ค. 2017 4:38 am 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 4531
"พวกเรามีบารมี มีทุนเก่า
ทำให้พวกเรา มาเข้าวัด
มาทำบุญเพิ่มมากขึ้น
มีสติปัญญาเพิ่มมากขึ้น
ครูบาอาจารย์ หรือคนที่ปฏิบัติธรรม
อยู่เนืองนิจ ถึงจะมีอายุเยอะ
หรือเป็นคนเฒ่าคนแก่
เขาก็ยังยิ้มแย้ม นั่นเป็นเพราะ
เขามีจิตใจที่แจ่มใส มีคุณธรรม
เป็นของดีติดตัว
พวกเราเสียอีก ที่เป็นคนหนุ่มคนสาว
กลับหน้าเหี่ยว ยิ้มกันไม่ค่อยออก"
-:- หลวงปู่เปลี่ยน ปัญญาปทีโป -:-





"หลวงปู่ชา สุภทฺโท แนะนำการเดินจงกรม"
....เมื่อจะเดินจงกรม ก็ให้มีทางเดินสักทางหนึ่ง จากต้นไม้ต้นนี้ ไปสู่ต้นไม้ต้นนั้นก็ได้ ให้ระยะทางมันยาวสัก ๗ - ๘ วา
เดินจงกรมมันก็เหมือนกับการทำสมาธิ ให้กำหนดความรู้สึกขึ้นในใจว่า "บัดนี้ เราจะทำความเพียร จะทำจิตให้สงบ มีสติสัมปชัญญะให้กล้า"
การกำหนดก็แล้วแต่ละคน ตามใจ บางคนออกเดินก่อน ก็แผ่เมตตาสัตว์ทั้งหลายทั้งปวงสารพัดอย่าง แล้วก็ก้าวเท้าขวาออกก่อน ให้พอดี พอดี
ให้นึก พุทโธ พุทโธ ตามก้าวที่เดินนั้น ให้มีความรู้ในอารมณ์นั้นไปเรื่อย
ถ้าใจเกิดฟุ้งซ๋าน ให้หยุด ให้มันสงบแล้วก้าวเดินใหม่ ให้มีความรู้ตัวอยู่เรื่อยๆ ต้นทางออกก็รู้จัก รู้จักหมด ต้นทาง กลางทาง ปลายทาง ทำความรู้นี้ให้ติดต่อกันอยู่เรื่อยๆ
นี่เป็นวิธีทำ กำหนดเดินจงกรม เดินจงกรมก็คือเดินกลับไป กลับมา เดินจงกรมไม่ใช่ของง่ายนะ บางคนเห็นเดินกลับไปกลับมา เหมือนคนบ้า แต่หารู้ไม่ว่า การเดินจงกรมนี่ ทำให้เกิดปัญญานักละ
เดินกลับไป กลับมา ถ้าเหนื่อยก็หยุด กำหนดจิตให้นื่ง กำหนดลมหายใจให้สบาย เมื่อสบายพอสมควรแล้ว ก็ทำความรู้สึกกำหนดการเดินอีก
แล้วอิริยาบถมันก็เปลี่ยนไปเองหรอก การยืน เดิน นอน นั่ง มันเปลี่ยน คนเราจะนั่งรวดเดียวไม่ได้ ยืนอย่างเดียวไม่ได้ นอนอย่างเดียวไม่ได้ มันจะต้องอยู่ตามอิริยาบถเหล่านี้ ทำอิริยาบถทั้งสี่นี้ให้มีประโยชน์ ให้มีความรู้สึกตัวอยู่อย่างนี่ นี่คือการทำ ทำไป ทำไป มันก็ไม่ใช่ของง่ายๆ หรอก.




ถ้าตั้งสติอยู่ทุกเมื่อ สัมปชัญญะรู้ตัวอยู่ทุกเมื่อ วิเศษวิโส กิเลสจะเบาไปบางไปสติ เมื่อมันแก่กล้าขึ้นมาแล้ว ไม่เผลอ ไม่หลง หายใจเข้า รู้ หายใจออก รู้ จะว่า พุทโธไม่ว่าก็รู้ เอาความรู้นั้นแหละเป็นสติ
หลวงปู่ท่อน ญาณธโร
วัดศรีอภัยวัน จังหวัดเลย




"...ก่อนอื่นที่เราจะเกิดเป็นมนุษย์ ก็ต้องอาศัย ปุพเพ จ กตปุญญตา คือบุญที่เราได้กระทำไว้แต่ชาติปางก่อน ตามสนับสนุนให้เรามาเกิดเป็นมนุษย์
เมื่อเกิดเป็นมนุษย์ ก็ไปเกิดในประเทศที่มีพระพุทธศาสนา ที่ให้ละชั่วปฏิบัติดีปฏิบัติบุญกุศล ทำจิตใจให้พ้นจากกองทุกข์
ถ้าแม้ว่าเราไม่ตัดกิเลสตายไป กิเลสออกกิเลสลดในชาติปัจจุบันนี้ ก็ยังเป็นอุปนิสัยปัจจัย ให้ใจของเรามีคุณธรรมยิ่งๆ ขึ้นไป..."
โอวาทธรรมคำสอน..
องค์หลวงปู่จันทร์ศรี จันททีโป
วัดโพธิสมภรณ์ อ.เมือง จ.อุดรธานี





"...ผู้ที่มีธุดงควัตรดี ผู้ที่หนักแน่นในธุดงควัตร ก็คือผู้หนักแน่นในข้อปฏิบัติ คือผู้ตั้งใจเพื่ออรรถเพื่อธรรม เพื่อปราบปรามกิเลสอย่างแท้จริง ไม่ใช่ผู้บวชเข้ามาอยู่เฉยๆ ลืมเนื้อลืมตัว
ในธุดงค์ ๑๓ นี้ เป็นเครื่องมือสำหรับปราบปรามกิเลสของผู้ปฏิบัติตามทั้งนั้น ไม่มีอะไรเป็นข้อต้องติได้เลย นอกจากจำพวกเทวทัตเท่านั้น จะตำหนิได้ลงคอ..."
โอวาทธรรมคำสอน..
องค์หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน





พระพุทธศาสนามีที่สุด
"...พระพุทธศาสนานี้ สอนมีจุดที่รวมได้มีที่สุด หมดสิ้นสงสัย หมดเรื่อง ไม่เหมือนวิชาชีพอื่นเขาสอนไม่มีที่สิ้นสุด จึงว่าพุทธศาสนาสอนถึงที่สุด
แต่บุคคลผู้ทำตามนั้น ทำไม่ถึงที่สุด จึงจำเป็นต้องทำสมาธิบ่อยๆ จนกว่ามันจะถึงที่สุด..."
โอวาทธรรมคำสอน..
องค์หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี
วัดหินหมากเป้ง อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 4 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
cron
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO