นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน เสาร์ 27 เม.ย. 2024 8:39 am

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
 หัวข้อกระทู้: ร่างกายเป็นของธรรมดา
โพสต์โพสต์แล้ว: ศุกร์ 20 ต.ค. 2017 5:54 am 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 4541
“เวทนา, ร่างกายมันเป็นธรรมดา มันเป็นรังของโรค เป็นก้อนโรคตั้งแต่ไหนแต่ไรมา มันเป็นอย่างไรก็ไม่มีความหวั่นไหว พระพุทธเจ้าและพระสาวกทั้งหลายก็ไม่มีความหวั่นไหวเวลามันจะเป็นไป ร่างกายแล้วแต่มันจะเป็นไปตามเรื่องของมัน หน้าที่ของเขา ทุกขังอยู่นั่น เวทนาอยู่นั่น เกิดเวทนาก็ให้ฝึกหัดพิจารณาโลกธรรม รูปอันนี้เราได้มาดีแล้ว เมื่อมันชำรุดทรุดโทรมไป พระพุทธเจ้าก็ไม่มีความหวั่นไหวต่อมัน มันจะเสื่อมลาภ ให้มันเสื่อมไปตามวิสัย ใจเราไม่เสื่อม ความนินทามันก็ลมปาก ครั้นรู้เท่าแล้วจิตไม่กระวนกระวาย จิตไม่มาเกี่ยวข้องกับร่างกายแล้ว มันก็สุขเท่านั้นแหละ ความทุกข์การเกิดขึ้นถ้ารู้เท่าแล้วจิตก็ไม่หวั่นไหว...”

อนาลโยวาท
หลวงปู่ขาว อนาลโย
วัดถ้ำกลองเพล อำเภอเมือง จังหวัดหนองบัวลำภู
(พ.ศ. ๒๔๓๑ -๒๕๒๖)






"ชีวิตของเรา เป็นของไม่ยั่งยืน
เป็นของที่จะต้องตายลง โดยแท้แน่นอน

เวลานี้ เราอาจจะได้ยินข่าวมรณกรรม
ของผู้อื่น ของพระอื่น แต่อีกไม่นาน
ข่าวนั้น ต้องเป็นของเราบ้าง
เพราะทุกชีวิต จะต้องเป็นไป
ในลักษณะนี้ ทั้งนั้น

ฉะนั้น อย่าประมาท เรื่องความตาย
ให้เร่งภาวนา ทำจิตใจให้หมดกิเลส
หมดทุกข์ หมดร้อนให้ได้
ก่อนความตายจะมาถึง"

-:- หลวงปู่สิม พุทธาจาโร -:-





ทุกวันนี้มีแต่คนทำบุญไม่มีคนภาวนาพอมีผ้าป่ากฐินมีเทศกาลอะไร

#คนเต็มวัดแต่จะหาคนไปอยู่วัดนอนวัดปฏิบัติธรรมมีน้อยวัดไหนก็เงียบๆ

ไม่เหมือนสมัยหลวงปู่ขาว หลวงปู่ชอบ หลวงปู่หลุย หลวงปู่ฝั้น สมัยนั้นคนชอบเข้าวัด

#สมัยนี้คนไปวัดก็ไปแต่ทอดผ้าป่าทอดกฐิน
#จะไปปฏิบัติละกิเลสเอาบุญในการปฏิบัติไม่ค่อยมี
#ทั้งๆที่เป็นบุญหลักบุญสะอาดบุญขาวบุญไม่ติดไปทำบุญทำทานทำมากก็ติด

#ทำบุญอย่าไปติดบุญ
เหมือนกินข้าวอย่าไปติดข้าวเอากำลังจากกินข้าวไปทำการทำงานมันถึงจะถูก ใครจะบ้าฟันไม้ ไม้มันขาดยังจะไปแบกขวานอยู่

#ก็คนโง่เท่านั้นล่ะทำบุญแล้วยังไม่รู้จักบุญอีก
#อย่างคนสมัยปัจจุบันทำบุญแล้วยังขอถ่ายรูป
#บุญตัวเองทำแท้ๆไม่รู้ไม่เห็น
#เอาไปไว้ในเมมโมรี่หมด
#ใจเราน่ะทำไมไม่ฝังบุญไว้
#ให้บุญมันติดที่ใจสิทำบุญไม่ใส่ใจบุญทำบุญไม่สนใจบุญอย่างนี้คนจึงไม่ชอบภาวนาไม่เอากัน

พระอาจารย์โสภา สมโณ
๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๙




เรื่อง “เทวดามาแย่งบุญมนุษย์”

“ทำดีเพียงเล็กน้อย แต่ให้ผลอานิสงส์มาก”

(คติธรรม ท่านพ่อลี ธมฺมธโร)

อีกเรื่องหนึ่ง ยังมีเทพยดาองค์หนึ่ง แต่ก่อนเป็นผู้หญิง ในสมัยครั้งหนึ่งแกไปวัดไปเห็นมันรกในทางจงกรมของพระ แกก็ไปเขี่ยขี้ฝอยในทางจงกรมนั้น เพื่อให้ความสะดวกในการเดินจงกรมของพระครั้งเดียวเท่านั้น

แต่แกทำด้วยความรัก แกทำด้วยความเชื่อ ทำด้วยความนับถือ ทำด้วยความบริสุทธิ์จิต เพราะของที่รกรุงรังสกปรกนั้น ยังความเศร้าใจให้เกิดขึ้นท่านเห็นเป็นเช่นนี้จึงได้เก็บขี้ฝอยออกจากที่ทาง แล้วก็หาน้ำล้างเท้ามาไว้ในที่นั้น เก็บขี้ฝอยขี้เศษต่างๆ รกรุงรังออกหมด แกก็รู้สึกว่า ใจสบายผ่องแผ้ว กลับไปบ้าน

บังเอิญไปเกิดเป็นลมตาย ตายจากโลกนี้ก็ไปเกิดเป็นเทวดา มีบริษัทบริวาร มีอาหารทิพย์ มีปราสาท มีความอุดมสมบูรณ์อย่างมากมาย เมื่อไปอยู่ที่นั้น ระลึกชาติได้ เมื่อระลึกชาติได้อย่างนี้ ก็นึกในใจว่า ถ้าเราทำบุญมากๆ ก็จะได้ดีมากกว่านี้ จะขอไปทำความดีอีกสักหน่อยเถอะ เพื่อให้มันยิ่งกว่าที่ได้ผลอยู่ขณะนี้ แต่ก่อนไม่ยักรู้ว่ามันจะได้รับผลอย่างนี้

ก็ได้ลงมาจากสวรรค์ ไปเที่ยวหาพระอยู่ตามป่าตามพง พอไปเห็นพระองค์หนึ่งท่านกำลังเข้าสมาธิ ฝ่ายเทวดาก็มายืนจ้อง คอยปฏิบัติอุปัฏฐากพระ ท่านเลยตะเพิดไป “เทวดาทำไมมาแย่งบุญมนุษย์ แต่ก่อนนี้มันประมาท เมื่อไปเสวยผล ได้รับผลดีแล้ว ยังจะอยากโลภมาก ไม่เอา ไม่ให้ท่านให้มนุษย์เขามาทำ คนที่ยังไม่ได้รับความดีอย่างแกนั้นยังมีอยู่อีกมาก ไม่ต้องมาแย่งเขา” เปิดเลย เทวดานั้นขึ้นไปอยู่ในสวรรค์ ก็ได้ผลแค่นั้น บุญใหม่ควรทำต่อ เขาไม่ให้ทำ

นี่เพราะเหตุใด เพราะเหตุว่า คนเราประมาทในบุญเล็กน้อย เมื่อตายไปแล้ว จะมาทำบุญกุศลน่ะ มันยากนัก ยากยังไง กายก็ไม่เหมือนกายมนุษย์ จะมาพูดกับมนุษย์ก็ไม่ได้ จะมาใส่บาตรทำบุญก็ไม่ได้

อย่างดีก็เพียงมายืนคอยอนุโมทนาเท่านั้น ถ้าใครตาดีก็เห็น ใครตาไม่ดีก็ไม่พบพาน ถ้าใครมีภูมิรู้ในทางจิต ก็พอจะแนะนำสั่งสอนกันบ้าง ถ้าไม่มีคนเช่นนั้น เทวดาก็ไม่มีหนทางที่จะบำเพ็ญคุณงามความดีต่อได้เลย นี่มันเป็นอย่างนี้




"นักธรรมะผิดถูก บอกกันได้
ถ้ากิเลสนี่ แตะไม่ได้"
-หลวงตาพระมหาบัวฯ-





เราทำงานเพื่อพระพุทธเจ้า
อุทิศชีวิตถวายแก่งาน
เพื่อให้งานนี้มันเจริญก้าวหน้าต่อไป
ได้อะไรก็อย่างนั้น ไม่ได้อะไรก็อย่างนั้น
เพราะไม่ใช่เรื่องสำคัญ

พระพรหมมังคลาจารย์
(ปั่น ปทุมุตฺตโร)




พระพุทธเจ้า
ท่านไม่มีอะไรจะให้แก่เรา
แต่ท่านให้สิ่งที่ประเสริฐที่สุด
ที่เกิดขึ้นในใจของผู้ทำงาน
คือจิตใจนั้นเต็มไปด้วยความเสียสละ
ตัดความเห็นแก่ตัวออกไป
ทำอะไรก็มุ่งเพื่อประโยชน์ส่วนรวม.
พระพรหมมังคลาจารย์
(ปั่น ปทุมุตฺตโร)


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 5 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
cron
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO