นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน ศุกร์ 29 มี.ค. 2024 6:40 am

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
โพสต์โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. 19 ต.ค. 2017 7:21 am 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 4510
มัวแต่เกียจคร้าน มีโทษ
ทำให้ยกเหตุต่างๆ เป็นข้ออ้าง
ผัดผ่อนไม่ทำการงาน
ทรัพย์ใหม่ ก็ไม่เกิด
ทรัพย์ที่มีอยู่ ก็หมดไปสิ้น คือ
๑. หนาวนัก
๒. ร้อนนัก
๓. เย็นไปแล้ว
๔. ยังเช้านัก
๕. หิวนัก
๖. อิ่มนัก

-:- สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ -:-






"ผู้ที่ประสบภัยพิบัติ
หรือ ผู้ที่ตกในสภาวะอับจน
ก็ไม่ควรหมดอาลัยตายอยาก
ควรทําจิตใจ ให้สงบระงับ ตั้งมั่นอยู่
ก็จะค่อยๆ หาทางออกให้แก่ตนได้

เพราะ ปัญหาทุกอย่าง
ที่ไม่มีทางออกทางแก้
ย่อมไม่มีในโลก

ดูเอาเถอะว่า แม้แต่ปัญหาเรื่องความทุกข์
อันเกิดจาก ความเกิด แก่ เจ็บ ตาย
พระพุทธองค์ ก็ยังหาคําตอบไว้ให้ได้

สําหรับปัญหาอื่นๆ อันเล็กน้อย
จะไม่มีคําตอบ ได้อย่างไร

-:- หลวงปู่ดูลย์ อตุโล -:-






"คำสอนทางพระพุทธศาสนา
เปรียบเหมือนยารักษาโรค
ท่านค้นคว้าหายาแล้ววางไว้
ต่อหน้าเราด้วยพระมหากรุณาธิคุณ
แต่ท่านบังคับให้เราทานยานั้นไม่ได้
การทานยาเป็นหน้าที่ของเราต่างหาก"

-:- พระอาจารย์ชยสาโร ภิกขุ -:-





"ชีวิต ความเป็นอยู่ของเรา
ก็ล่วงไปๆ ทุกขณะลมหายใจเข้าออก
ไม่ควรนอนใจ เวลาล่วงไป
ชีวิตของเราก็ล่วงไป ล่วงไปหาความตาย

ให้เร่งทำคุณงามความดี
ทำบุญ ทำกุศล ให้ทาน รักษาศีล
ภาวนาอย่าให้ขาด
ทำสมาธิภาวนา ให้มีสติ ระวัง

คนไปสวรรค์ เท่ากับเขาวัว
คนไปนรก เท่ากับขนวัว
วัวมี ๒ เขา แต่ ขนมันนับไม่ถ้วน"

-:- หลวงปู่ขาว อนาลโย -:-





ฆราวาสธรรม ธรรมของฆราวาส ๔ อย่าง ที่หลวงพ่อให้เน้นหนักคือ

สัจจะ ให้มีความจริงจัง จริงใจ ให้มีสัจจะในตัวเอง อย่าเป็นคนเหลาะแหละ

ทมะ ให้รู้จักข่มจิตของตน อย่าให้ออกนอกลู่นอกทางเวลาโกรธ โมโหใคร อย่าไปใช้อารมณ์จนเกินงาม มันไม่ดี เผลอๆ แล้วอันตรายกับตนเองอีกต่างหาก ให้รู้จักข่มเอาไว้

ขันติ ให้มีความอดทนต่อหน้าที่การงาน ถึงจะหนักจะเบาบ้าง ถึงจะร้อนจะหนาวบ้าง ถึงจะพอใจไม่พอใจบ้างก็ต้องอดทนต่องานที่จะต้องทำ ต้องใช้ความอดทนเป็นหลัก

จาคะ คนที่มีจาคะ อยู่กับชุมชนใดอยู่กับกลุ่มใดก็อยู่ได้ อยู่กับพ่อแม่ก็เสียสละให้พ่อแม่ สิ่งไหนที่ควรจะเสียสละให้พวกท่าน อยู่กับลูกน้อง เราก็ควรจะเสียสละให้ลูกน้อง อยู่กับครอบครัว เราก็จะเสียสละอย่างไหนให้ครอบครัว

สรุปแล้วให้อยู่ในกรอบ ไม่ผิดศีล ไม่ผิดธรรม อยู่ตามครรลองคลองธรรม ไม่ผิดกฎหมายบ้านเมืองแล้ว ก็ให้มี จาคะ ให้มีความเสียสละต่อชุมชน ต่อสังคม ต่อประเทศชาติอันนี้คือฆราวาสธรรม ธรรมของฆราวาส

หลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสโก
คัดจาก “ฆราวาสธรรม”
หนังสือ “สันตุสสโกวาท”





ถามให้เป็น - ตอบให้เป็น

โยม : ถ้าดิฉันมีความสงสัย ควรทำอย่างไร
หลวงพ่อ : ให้ถามตอบตัวเองอย่างน้อยสิบครั้ง
…........................................

โยม : มีความสุขแล้ว ทำไมต้องมาปฏิบัติธรรม
หลวงพ่อ : สุขนั้นเจือด้วยทุกข์ นักปฏิบัติจะรู้เท่าทันในสุข
ถ้าสุขเปลี่ยนไป จะไม่เป็นทุกข์
…........................................

โยม : รู้สึกว่า ตนเองไม่ได้ยึดติดสมบัติอะไร
หลวงพ่อ : ให้รื้อผ้าคลุมออก แล้วพิจารณาทุกชิ้น

หลวงพ่อทูล ขิปปปัญโญ






ถามให้เป็น - ตอบให้เป็น

โยม : คนใกล้ตาย ควรทำใจอย่างไร
หลวงพ่อ : ควรทำเดี๋ยวนี้ เพราะทำใจตอนใกล้ตาย ทำไม่ทัน
............................................

โยม : การปฏิบัติธรรม ต้องคิดมาก ๆ มั้ย
หลวงพ่อ : มากน้อยไม่สำคัญ สำคัญที่คิดแล้วได้ประโยชน์ เหมือนรดน้ำต้นไม้
............................................

โยม : พูดอย่างไร จึงจะเรียกว่า ไม่สร้างโทษ
หลวงพ่อ : อย่าพูดบังคับให้เขาเข้าใจดังที่เราต้องการ

หลวงพ่อทูล ขิปปปัญโญ





ถามว่า ที่เรามาเกิดนี้ เราจำเป็นที่จะต้องหาสมบัติในโลกใบนี้มาพึ่งพิงอิงอาศัยหรือไม่? มันจำเป็น เพราะธาตุขันธ์เรามันเป็นธาตุสี่ มันต้องอาศัยธาตุภายนอกมาจุนเจือเอาไว้ หาอยู่หากิน เอาไปให้อยู่ได้วันหนึ่งคืนหนึ่งเท่านั้น แต่วัตถุสมบัติในโลกใบนี้ มันจะไม่ทำให้ธาตุคนหรือตัวคนเรานี่ มีชีวิตยืนยาวเป็นกัปเป็นกัลป์ได้ แต่ธาตุขันธ์มันหนุ่มมันสาวเสมอต้นเสมอปลายไปก็ไม่ได้ จะมีอาหารดีเลิศเลอสักปานใดก็ตามกินแล้วก็แก่ตามเดิม อาหารดีหรือไม่ดี มันก็แก่อยู่อย่างนั้นล่ะ หรืออาหารก็ดี ที่อยู่ที่อาศัยบ้านเรือนก็ดี ทุกอย่างเราสร้างขึ้นมาเพื่อพักอาศัยเฉยๆ มันไม่ทำให้คนหนุ่มขึ้นได้ นี่คือของจริง
หลวงพ่อทูล ขิปปปัญโญ
จากหนังสือ คาถามหาเสน่ห์






เราทุกข์เราวุ่นวายมากี่ชาติแล้ว

ทุกวันนี้ก็ยิ่งวุ่นวายเกิดขึ้น คนตีตัวออกห่างหลักศีลธรรม ก็ยิ่งนำความวุ่นวายความเดือดร้อนเกิดขึ้นแก่โลกนี้ พวกเราท่านทั้งหลาย..ถ้ามาดูแล้ว จิตใจนี้ไม่รู้มันกี่หมื่นกี่แสนกี่ล้านกี่โกฏิชาติแล้ว มันมาเอารูปร่างกายนี้ เกิดแก่เจ็บตายอย่างนี้ หรือเป็นสัตว์เดรัจฉานก็ดี ไปตกนรกอเวจี ไปเกิดเป็นสัตว์ เดรัจฉานแล้วมาเกิดเป็นมนุษย์ จนได้ไปสวรรค์ถึงพรหมโลก วนไปเวียนมาเป็นมนุษย์อยู่นี่ เราก็ไม่สามารถที่จะทบทวนหรือรู้ระลึกชาติหนหลังได้ ว่าเราเกิดมากี่ชาติแล้ว เราทุกข์เราวุ่นวายมากี่ชาติแล้ว เราไม่สามารถที่จะรู้ได้เพราะเราไม่มีญาณปัญญา ที่อันเฉียบแหลม ที่ใสสะอาด ส่องย้อนหลังขึ้นไปได้ ตรงนี้หนา..สัตว์โลกจึงเป็นไปตามอุปนิสัยที่เขาเกิดมา หลายภพหลายชาติ เป็นไปตามธรรมชาติอยู่

หากไม่ศึกษา ไม่พินิจพิจารณา ไม่ปรับปรุง ไม่แก้ไข จิตใจก็จะเสื่อมไปเรื่อยๆ ตกต่ำไปเรื่อยๆจิตใจของบุคคลเรา เหตุฉะนั้นพวกเราจึงได้พากันมาประพฤติปฏิบัติพัฒนาจิตใจของพวกเรา ยกฐานะให้จิตใจของพวกเรานั้นคิดไปทางที่ถูกที่ต้องตามทำนองคลองธรรม ในทางที่ชอบ เพื่อมันจะได้ประกอบคุณงามความดีแก่ตนเองได้

"หลวงพ่อเปลี่ยน ปัญญาปทีโป"






"เรื่องภัยพิบัตินั้นก็จะเกิดมีอยู่ อาตมาเห็นอยู่แต่อาตมาไม่ทราบว่าจะเกิดขึ้นช่วงไหน จึงขอเตือนให้ญาติโยมภาวนา "พุทโธ พุทโธ พุทโธ" กันไว้..."

"คนที่ภาวนาพุทโธ แล้วจะรอดพ้นจากภัยพิบัติหรอครับหลวงปู่"..โยมถาม

"เปล่า...คนภาวนาพุทโธ ตายแล้วจะไปสู่สุคติ"

หลวงปู่เปลี่ยน ปัญญาปทีโป


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 4 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
cron
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO