นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน ศุกร์ 03 พ.ค. 2024 3:42 pm

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
 หัวข้อกระทู้: จิตของเรานี้
โพสต์โพสต์แล้ว: เสาร์ 26 ส.ค. 2017 11:49 am 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 4547
"จิตของเรานี้
เป็นใหญ่ อยู่ในตัวของเรา
เป็นสิ่งสำคัญ เป็นหัวหน้า

คนเรานี้ ถ้าใจดี
กายวาจาก็จะพลอยดีไปตามกัน
ถ้าจิตใจไม่ดี กายวาจาก็พลอยไม่ดีไปด้วย

จงจำไว้ว่า ใจเป็นสิ่งสำคัญ
ศีล สมาธิ ปัญญา จะตั้งอยู่มั่น
ก็ต้องอาศัยมูลฐานอันสำคัญ คือ จิต"

-:-ครูบาเจ้าพรหมา พรมจักรโก-:-







"อย่าได้ลืมบุญคุณของพ่อแม่
พ่อแม่นี้ เป็นเรื่องที่หนักมาก
เทียบกับพระอรหันต์องค์หนึ่ง
ปฏิบัติถูกต่อพ่อแม่แล้ว
ท่านว่าได้บุญมาก ไม่ใช่เล่นๆ นะ
ถ้าทำผิด ก็เป็นพิษอย่างร้ายแรง"

-:-หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน-:-








"ผู้มีปัญญาแล้ว อย่าให้ความโกรธ
อย่าให้กิเลสควบคุมจิตใจ หากมีการพลั้งเผลอ
เราก็ให้อภัยตัวเอง ยกโทษให้ตัวเอง
เอาความผิดครั้งนี้ ไปปรับปรุง"

-:-พระอาจารย์เปลี่ยน ปัญญาปทีโป-:-







คนเราส่วนมาก ถ้าเป็นอยู่สุขสบาย มีกินมีใช้ ไม่มีโรคภัยเบียดเบียน ไม่จนตรอกจนมุม ชอบจะประมาท ไม่แสวงหาที่พึ่ง เวลาถึงคราวจนตรอกจนมุมจึงจะหาที่พึ่ง ปกติส่วนมากจะเป็นอย่างนั้น มันจะไม่ค่อยทัน ให้เราเตรียมตัวเอาไว้ก่อน พึ่งทาน พึ่งศีล พึ่งพุทโธ ธัมโม สังโฆ และใจจะได้มีที่เกาะ อย่างทานอย่างศีลนี้ ถ้าเราได้ทำไว้แล้ว ระลึกได้เมื่อไรจะเย็นใจ ไม่เหมือนทำความชั่ว ซึ่งคิดแล้วเศร้าใจ ไม่สบาย

ถึงจะภาวนาไม่เป็น แต่ถ้าว่าเราได้ให้ทานเอาไว้ รักษาศีลของเราให้บริสุทธิ์ โดยเฉพาะศีลห้า ใจเราก็ไม่เดือดร้อน ถ้าไม่มีอะไรเสียเลย ถึงคราวจำเป็นมา ใจจะไม่มีที่เกาะ เหมือนว่าวเชือกขาด แล้วแต่ลมจะพาไป

หลวงปู่อุ่นหล้า ฐิตธมฺโม
๒๘ มิถุนายน ๒๕๔๗








"นักปฏิบัติจริงๆ แล้วไม่ต้องคบกับใครก็ได้ นอกจากครูบาอาจารย์"
ท่านพระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต

ถาม : พระที่อยู่ด้านล่าง ท่านสนใจอ่านหนังสือธรรมะด้านปฏิบัติไหมคะ

พระอาจารย์ : ส่วนใหญ่ท่านบวชตามประเพณี มีเป้าหมายต่างกัน เป็นเรื่องนานาจิตตัง เป็นเรื่องของอินทรีย์ ถ้ามีอินทรีย์แก่กล้าก็จะมุ่งไปทางสำนักปฏิบัติ ถ้าอินทรีย์ยังไม่แก่กล้า ก็จะอยู่วัดในเมือง เหมือนรับประทานอาหาร เราเลือกร้านกัน ร้านอาหารมีหลายระดับ ตั้งแต่ริมถนนจนถึงระดับ ๕ ดาวในโรงแรม ๕ ดาว อยู่ที่กำลังทรัพย์ ถ้ามีทรัพย์มากก็คงไม่รับประทานอาหารริมถนน ถ้ามีทรัพย์น้อยก็ต้องกินอาหารข้างถนน มีทรัพย์มากก็ไปกินร้านอาหาร ๕ ดาว ถ้ามีอินทรีย์แก่กล้าก็จะไปกินอาหารของพระอรหันต์ เป็นเหมือนบัว ๔ เหล่า สะสมบุญบารมีมาไม่เท่ากัน พัฒนาจิตใจมาไม่เท่ากัน ไม่อย่างนั้นคนที่เกิดในสมัยพระพุทธเจ้า ก็ต้องบรรลุเป็นพระอรหันต์กันหมด เพราะมีพระพุทธเจ้ามีพระอรหันต์อบรมสั่งสอน พระที่บวชอยู่ในสมัยนั้นก็ไม่ได้บรรลุเป็นพระอรหันต์กันทุกรูป เพราะมีอินทรีย์ที่ไม่เท่ากัน

เรื่องเหล่านี้ไม่ควรไปสนใจมาก ควรสนใจอินทรีย์ของเราดีกว่า อินทรีย์เรามีขนาดไหน เพิ่มขึ้นได้หรือเปล่า ทำให้มากกว่านี้ได้หรือเปล่า มัวแต่ไปสนใจเรื่องของคนอื่น ลืมดูเรื่องของตัวเอง อย่าไปมองคนอื่นมากเกินไป ถ้ามองก็มองให้เป็นธรรม คือมองเพื่อเปรียบเทียบ ว่าเขาเก่งกว่าเราหรือด้อยกว่าเรา ถ้าเขาเก่งกว่าเราๆก็ต้องพยายามผลักตัวเราให้เก่งเท่ากับเขาให้ได้ ถ้าเขาด้อยกว่าเราก็อย่าลดตัวเราให้ด้อยเท่ากับเขา ต้องระมัดระวัง เพราะยังอยู่ในฐานะที่เจริญและเสื่อมได้ ยังไม่ถึงจุดที่ไม่เสื่อม ถ้าไม่ระวังถ้าประมาทก็จะเสื่อมลงได้ ถ้าไปคบค้าสมาคมกับคนที่มีอินทรีย์ที่ต่ำกว่า จะถูกเขาชวนไปในทางของเขา ลงมันง่ายกว่าขึ้น ขึ้นมันยากกว่าลง เวลาลงมันง่าย ชวนไปเที่ยวมันง่าย ชวนไปวัดไปปฏิบัติธรรมมันยาก ต้องคบคนที่ชอบไปวัดปฏิบัติธรรม เขาจะคอยชวนเราไปเรื่อยๆ อย่าไปคบกับคนที่ชอบเที่ยว เขาจะชวนเราไปเที่ยว

ท่านสอนว่า อเสวนา จะ พาลานัง ปัณฑิตานัญจะ เสวนา เอตัมมังคะละมุตตะมัง การไม่คบคนพาล การคบบัณฑิต เป็นมงคลอย่างยิ่ง คนพาลคือคนที่มีอินทรีย์ต่ำกว่าเรา เรียกว่าคนพาลได้ บัณฑิตคือคนที่มีอินทรีย์สูงกว่าเรา อินทรีย์คือศรัทธาวิริยะสติสมาธิปัญญา ถ้ามีมากกว่าเรา เขาจะชวนให้เราไปเติมให้มากขึ้น ถ้ามีน้อยกว่าเขาจะชวนให้เราลดน้อยลงไป จะได้อยู่ในระดับเดียวกับเขา เช่นเขานั่งสมาธิได้วันละชั่วโมง เรานั่งได้ ๒ ชั่วโมง เขาก็จะชวนให้เรานั่งวันละชั่วโมง ต้องสังเกตคนที่เราคบค้าสมาคมด้วย เขามีอิทธิพลต่อการประพฤติของเรา อย่างเข้าหาครูบาอาจารย์นี้ท่านจะคุยแต่เรื่องธรรมะตลอด คุยแต่เรื่องปฏิบัติตัดกิเลส ท่านไม่คุยเรื่องอื่น ถ้าไปคุยกับคนอื่น ก็จะคุยเรื่องที่เที่ยว เรื่องสถานที่รับประทาน ที่ไหนอร่อย ที่ไหนไม่อร่อย ถ้าเรามีอินทรีย์สูงกว่าเขา ถ้าเขาชวนไปเที่ยว เราจะไม่ยินดีถ้าเราชอบไปวัด เราจะคบกับคนที่ชอบไปวัด หรือไม่ต้องคบกับใครเลย

นักปฏิบัติจริงๆแล้วไม่ต้องคบกับใครก็ได้ นอกจากครูบาอาจารย์ ที่เราต้องพึ่งพาอาศัย ให้การอบรมสั่งสอน ให้ความรู้ พระพุทธเจ้าก็ทรงตรัสว่า ถ้าไม่สามารถคบคนที่เก่งกว่าเราหรือเท่าเราได้ ก็ให้อยู่คนเดียวดีกว่า อย่าไปคบกับคนที่ด้อยกว่าเรา เพราะจะฉุดเราลงต่ำ การอยู่คนเดียวไม่เป็นการเห็นแก่ตัว เป็นการปลีกวิเวก เป็นปัจจัยสำคัญต่อการปฏิบัติ ต่อการเจริญก้าวหน้าในทางปฏิบัติ ถ้ามีโอกาสที่จะปลีกวิเวกได้ก็ไปเลย อย่าคิดว่าเห็นแก่ตัว ถ้าเราทำภาระหน้าที่ของเราเรียบร้อยแล้ว มีเวลาว่างที่จะปลีกตัวได้ก็ปลีกไป เช่นเวลาอยู่ในวัดมีภารกิจต้องทำร่วมกัน ก็ต้องทำร่วมกัน ปัดกวาดร่วมกัน บิณฑบาตก็ทำร่วมกัน พอไม่มีกิจที่ต้องทำร่วมกัน ก็ปลีกตัวไปอยู่ที่ของตน ไปนั่งสมาธิ ไปเดินจงกรม.

กัณฑ์ที่ ๔๑๒ วันที่ ๒๓ พฤษภาคม ๒๕๕๓ (จุลธรรมนำใจ เล่มที่ ๒๑)

“ใจเป็นตัววัดผล”

ท่านพระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต








"ทำไมผู้คนที่ร่ำรวยมากอยู่แล้ว ยังพยายามที่หาเงินให้มากขึ้น และมากขึ้นอยู่ร่ำไป ก็เพราะว่าเขาชอบสิ่งนี้ มันเป็นการละเล่น มันเป็นตัณหา แต่เราก็อาจจะเรียกมันว่าเป็นตัณหาที่ล้นเกินก็ได้ มันเป็นเพียงแค่การละเล่น มันเป็นการที่เขาพยายามจะพิสูจน์ว่าเขาดีกว่ามนุษย์คนอื่น เฉกเช่นเดียวกับนักกีฬาที่อยากจะพิสูจน์ว่าเขาเป็นนักมวยหรือนักฟุตบอลที่เก่งที่สุด หรืออะไรก็ตาม มันเป็นสิ่งที่เป็นไปในลักษณะเดียวกัน"

พระอาจารย์ปัญญา ปัญญาวฑฺโฒ







ทำสมาธิจิตไม่สงบ
#อย่าน้อยใจว่าภาวนาไม่ได้ผล

การปฏิบัติสมาธิแต่ละครั้ง แม้ว่าจิตไม่สงบเป็นสมาธิ
อย่าไปน้อยอกน้อยใจว่าเราภาวนาไม่ได้ผล
เราภาวนาแต่ละครั้ง จิตเขาจะสะสมกำลังเอาไว
้ทีละเล็กทีละน้อย บางครั้งเราตั้งใจให้จิตเป็นสมาธิ
ภาวนาแทบเป็นแทบตาย มันก็ไม่เป็น
แต่บางครั้งอยู่เฉยๆ พอมีอารมณ์อะไรมากระทบ
จิตมันวูบลงไปได้สมาธิ แล้วผลที่มันเกิด
เป็นสมาธิอย่างนั้นมันมาจากไหน มาจากที่เราปฏิบัติ
จิตสงบบ้าง ไม่สงบบ้าง เป็นบางครั้งบางคราว
แล้วมันจะสะสมพลังงานของมันเอาไว้
ได้จังหวะเหมาะเมื่อไร มันก็เกิดขึ้นเมื่อนั้น

#หลวงพ่อพุธ_ฐานิโย






ชีวิตมนุษย์นั้นมีขึ้นมีลง
วันนี้สูงส่ง พรุ่งนี้อาจตกต่ำ
ไม่มีสิ่งใดแน่นอนหรือยั่งยืนได้เลย
หมั่นทำความดีหรือสร้างบุญกุศลไว้ให้มากๆเถิด
แม้ยามที่ชีวิตตกต่ำ ก็จะมีบุญกุศล
หนุนนำช่วยให้พ้นจากความมืดมิดได้อย่างแน่นอน
บุคคลที่เป็นคนดีนั้น ย่อมเป็นที่รักไปทั้งสามโลก
.
สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก








กรรมเป็นกฎตายตัว เป็นหลักธรรมชาติ จะแก้ไขอย่างอื่นอย่างใดอีกไม่ได้แล้ว
ท่านจึงให้ระวังเรื่องกรรม อย่าทำชั่วถ้าไม่อยากทำลายตัวเอง
มากน้อยทำลายตัวเองไปโดยลำดับ ถ้ากรรมดีก็เสริมตนเองเป็นลำดับ ๆ
นี้คือกรรมเป็นหลักธรรมชาติ พระพุทธเจ้าพระองค์ใดก็ตามไม่เคยมาแก้กรรมนี้เลย
กรรมแก้ไม่ได้เพราะเป็นหลักธรรมชาติ จึงสอนให้ปรับปรุงตัวเองให้เข้าสู่กรรม
กรรมดีให้บำเพ็ญ กรรมชั่วให้ละ ท่านสอนอย่างนั้นด้วยกันทั้งนั้น
มีพระพุทธเจ้าองค์ใดที่แหวกแนวสอน ลบกรรม ๆ ไม่ให้มี ไม่เคยมี
พวกเรายังจะเก่งกล้าสามารถยิ่งกว่าพระพุทธเจ้าหรือ ลบกรรม ๆ มันลบได้ที่ไหน
ตายกองกันอยู่นี้ก็คือกรรมนั่นเองพาให้ตายพาให้เกิด
พ้นจากอำนาจของกรรม จิตบริสุทธิ์แล้ว บังคับให้เกิดก็ไม่เกิด แต่ไม่ตาย
นั่นคือหลักธรรมชาติ ไม่มีอะไรพาเอนพาเอียงแล้ว
กรรมมันบังคับให้ลงต่ำให้ขึ้นสูงขึ้นเรื่อย ๆ พอปัดเหล่านี้ออกหมด
ซึ่งเป็นเรื่องสมมุติ กรรมดีกรรมชั่วเป็นสมมุติ ปัดออกหมดแล้ว
เหลือแต่หลักธรรมชาติล้วน ๆ ท่านก็ให้ชื่ออันหนึ่งเสียว่านิพพาน
หรือว่าธรรมธาตุ เท่านั้นเอง

...........................................................................................

หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน
เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๑๔ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๔๔







“ปฏิบัติจริงจัง”
..เห็นไหมอย่างพระพุทธองค์ท่านเสียสละ ประพฤติปฏิบัติมาไม่รู้เป็นเท่าไหร่ กว่าจะลดละสิ่งเหล่านี้ กว่าจะรู้เท่าของเหล่านี้ โอ๊ย..เอากระดูกมารวมกัน แต่เกิดแล้วตาย ตายแล้วเกิดอยู่นั้น มันใหญ่กว่าภูเขานะ แม้ใครก็เหมือนกัน พระสาวกต่าง ๆ ขนาดนั้นจึงค่อยรู้สึกตัวนะ นี้สิ่งเหล่านี้ ก็ให้พินิจพิจารณาไว้ ถึงโอกาสจะมีการประพฤติปฏิบัติ ก็ให้ลงมือปฏิบัติจริงจัง..

หลวงปู่ศรี มหาวีโร







รักก็ทุกข์ เกลียด โกรธ ก็ทุกข์
อะไรทุกข์ทั้งนั้นขึ้นชื่อว่ากิเลสผลิตขึ้นมาแล้ว
ไม่มีอะไรเป็นสุข มีแต่ความทุกข์ทั้งนั้น
นอกจากมันเคลือบด้วยน้ำตาลล่อนิดหนึ่ง
เหมือนกับเขาเสียบเหยื่อใส่ปลายเบ็ดแล้วก็ล่อปลา
ถ้ามีแต่เบ็ดล้วน ๆ ปลาก็ไม่กิน ต้องเอาเหยื่อล่อ
พอเหยื่อล่อปลากินแล้วก็ตวัดทีเดียวเสร็จไม่มีเหลือ
นี่ก็เหมือนกัน กิเลสมันล่อเรามาตั้งนานเท่าไร
เมื่อไรเราจะเห็นโทษของมันกันบ้างเล่า

........................................................

หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน
เทศน์อบรมพระ ณ วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๑๗ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๒๓








ดีหรือชั่วมันอยู่ที่การควบคุมกำลังใจ
ถ้าใจเราบริสุทธิ์ผุดผ่องเสียอย่างเดียว
ใครจะว่าดีหรือชั่ว ไม่มีความสำคัญ
เขาจะประฌามว่าเลวก็เลวไม่ได้
#มันก็ต้องดีอยู่ตลอดเวลา
ถ้าจิตของเราชั่ว เขาจะสรรเสริญว่าดี
#มันก็ดีไม่ได้เหมือนกัน นี่เป็นอันว่า
พระพุทธเจ้าทรงให้รักษากำลังใจเป็นสำคัญว่า
#ควบคุมกำลังใจให้ดีไว้แล้วมันดีเอง
ไม่ต้องไปฟังคำชาวบ้านเขา .

คัดลอกจากหนังสือ โอวาสหลวงพ่อวัดท่าซุง
เล่ม 5 หน้า 68








อาตมาเพิ่งอ่านเจอว่ามีการเก็บสถิติจากการถาม
คนทั่วโลกว่าเวลาเครียด เขาคลายเครียดอย่างไร
มากกว่าครึ่งบอกว่าฟังดนตรี พอทายได้ไหมว่าอะไร
คืออันดับสอง อันดับสองคือการอาบน้ำ คนใช้การ
อาบน้ำเพื่อคลายเครียดได้เหมือนกัน แต่อันดับหนึ่ง
คือการฟังดนตรี แต่ทางพุทธศาสนาของเรานั้น
จะแก้ปัญหาเราต้องแก้ที่ต้นเหตุ ไม่ใช่ด้วยการ
กล่อมจิตใจหรือพยายามกลบเกลื่อนความทุกข์
ด้วยวิธีต่างๆ คนส่วนมากมักมีความเครียด
แต่แทนที่จะหยุดทบทวนวิถีชีวิต และถามตัวเองว่า
เรากำลังทำอะไรอยู่ เราเครียดอย่างนี้เพราะอะไร
ทำงานหนักเกินไปหรือเปล่า หรือทำงานแบบไม่รู้จัก
ปล่อยวาง ถ้าเราเริ่มถามอย่างนี้ เราอาจจะต้องยอมรับ
ว่าเราดำเนินชีวิตผิดทางเสียแล้ว ทำงานมากเกินไป
เพราะอะไร เพราะอยากได้เงิน ได้เงินมากๆ เพื่ออะไร
เพื่อจะได้มีความสุขใช่ไหม ถ้าอย่างนั้นก็เท่ากับว่า
กำลังทำตัวเองให้เป็นทุกข์เพื่อจะได้เป็นสุขใช่ไหม
มันขัดกันอยู่ในตัว ทำให้ตัวเองเป็นทุกข์ทุกวัน
เพื่อหวังความสุข แต่ความสุขที่ปรารถนา
หรือที่หวังนั้นก็ยังไม่ได้สักที เหมือนคนวิ่งตามเงา
ตัวเอง หวังจะได้ความร่มเย็น แต่ถึงจะวิ่งเร็ว
สักเท่าไหร่ ก็ตามมันไม่ทันสักที .

- โอวาทธรรม พระอาจารย์ชยสาโรภิกขุ


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 6 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO