นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน ศุกร์ 03 พ.ค. 2024 5:40 pm

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
 หัวข้อกระทู้: บรรดาสิ่งสมมุติ
โพสต์โพสต์แล้ว: พุธ 23 ส.ค. 2017 5:34 am 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 4547
"โลกนี้อยู่ยากขึ้นทุกวัน
ต้องอาศัยการควบคุมตนให้ได้
ใจให้สงบระงับ มั่นคง บริสุทธิ์อยู่
ไม่เบียดเบียนใครผู้ใด เช่นนี้
ก็พอจะอยู่ได้บ้าง อย่างมีสุข"

-:- หลวงปู่จาม มหาปุญโญ -:-







มีคนเล่าให้ฟังว่าเวลาไปกราบหลวงตา เห็นคนถวายทองกัน แต่ตนเองไม่มีปัญญาที่จะถวาย ก็น้อยอกน้อยใจ เราก็บอกว่าไม่ต้องน้อยใจหรอก ทำไปตามฐานะของเรา ถ้ามีก็ทำไป ถ้าไม่มีก็ควรทำบุญที่สูงกว่า ที่ดีกว่า เช่น การรักษาศีล เขาบอกว่ารักษาศีลไม่ได้ เพราะพยายามหาเงินมาทำบุญ แสดงว่ายังติดอยู่กับการให้ทานก็เลยไม่สามารถก้าวขึ้นสูธรรมที่สูงกว่าการให้ทานได้ ให้ตามฐานะของเรา มีมากน้อยเพียงไรก็ให้ไป เพราะเราทำเพื่อไม่ต้องกลับมาเกิดอีก

พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต






“ยึดก็ติด ปล่อยก็วาง”
..เรื่องธรรมะนี้มันไม่ตายเป็นนะ แทรกเข้าในจิตใจได้หลายกัปหลายกัลป์ ส่งต่อไปเรื่อย ๆ เห็นคุณค่าอย่างนี้ ก็ขยันหมั่นเองหรอกคนเรา ถ้าไม่เห็นคุณค่าของธรรมะ ก็อย่างว่านั้นหละ ไปยึดไปติดอยู่แต่ของภายนอก อย่างท่านเคยเล่ากันมา ใครติดทรัพย์สมบัติข้าวของ ก็เอาฝังไว้ พอตายไปก็เป็นปู่โสมเฝ้าทรัพย์อยู่นั้น ไม่ได้ไปไหนมาไหน..

หลวงปู่ศรี มหาวีโร








ทิฐิมานะก็อีกตัวหนึ่ง ยกตัวเองอยู่นั่น แต่เห็นคนอื่นชั่วไปหมด
แล้วอรรถธรรมของพระพุทธเจ้าจะโผล่ขึ้นได้ยังไง
เพราะมันติดอยู่ จิตมันไม่สะอาด ให้ชำระจิตตนเองให้สะอาด
โอ๊ย...กว่าจิตมันจะรวมได้ มันเป็นสัปปายะหมดล่ะ
วางจิตลงเป็นผ้าเช็ดเท้าหรือเป็นดินโน่น
แล้วอรรถธรรมของพระพุทธเจ้าจะโผล่ขึ้นมาให้เห็นเอง

....................................................................

หลวงปู่ลี กุสลธโร วัดป่าภูผาแดง อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี
เทศน์เมื่อวันที่ ๒๐ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๓๗







ผู้รู้จักวิธีแก้กิเลสและบาปธรรมก็มี ไม่รู้จักวิธีแก้ก็มี
ผู้ที่รู้จักวิธีแก้กิเลสและบาปธรรมตามคำสอนของธรรมที่ชี้บอกไว้
ดำเนินข้อปฏิบัติด้วยศีล สมาธิ ปัญญา ไม่หยุดยั้ง
มีความเพียรและอดทนต่อความลำบาก
ซึ่งจะเกิดจากความเพียร ก็สามารถแก้กิเลส
และบาปธรรมที่มีอยู่ ณ ภายในใจให้เบาบางไปโดยลำดับ

....................................................

หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน
คัดจากหนังสือ ชีวิตแลกธรรม









ทุกฺขํ นตฺถิ อชาตสฺส ทุกข์ไม่มีแก่ผู้ไม่เกิดเท่านั้น
อะไรพาให้เกิดก็คือกิเลส เกิดก็คือเกิดทุกข์นั่นแหละ
พร้อมกันไปในขณะตั้งแต่เริ่มเกิดจนกระทั่งถึงตาย
แล้วเกิดแล้วตาย แล้วเกิดแล้วตาย
ภพใหม่ภพเก่ามันก็คือภพเกิดภพตาย ภพที่เต็มไปด้วยความทุกข์
หาบหามความทุกข์ไปกับความเกิดความตายนั่นแล

...................................................................

หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน
คัดจากหนังสือ ชีวิตแลกธรรม






“ของดีอะไร อะไรคือของดี ของดีก็มีอยู่ด้วยกันทุกคนแล้ว”
.
การที่ร่างกายแข็งแรงไม่เจ็บไข้ได้พยาธินั้น ก็มีของดีแล้ว
การมีร่างกายแข็งแรง มีอวัยวะครบถ้วน ไม่บกพร่องวิกลวิการ
อันนี้ก็เป็นของดีแล้วของดีมีอยู่ในตน ไม่รู้จะไปเอาของดีที่ไหนอีก
สมบัติของดีจากเจ้าพ่อ เจ้าเแม่ให้มาก็เป็นของดีอยู่แล้ว
มีอยู่แล้วทุกคน จะไปเอาของดีที่ไหนอีกของดี
ก็ต้องทำให้มันเกิดมันมีขึ้นในจิตใจของตน
ความดีอันใดที่ยังไม่มี ก็ต้องเพียรพยายาม
ทำให้เกิดให้มีขึ้นนี่แหละของดี
ของดีอยู่แล้วในตัวของเราทุกๆคน มองให้มันเห็น
หาให้มันเห็น ภายในตนของตนนี่แหละ จึงใช้ได้
ถ้าไปมองหาแสวงหาของดี ภายนอกแล้วใช้ไม่ได้
.
หลวงปู่แหวน สุจิณโณ








“...บรรดาสิ่งสมมุติที่เราไปยึดถือว่าเป็นกรรมสิทธิ์ของเรานั้น ก็จะได้เพียงชีวิตหนึ่งๆ เท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นสามี ภรรยา หรือสมบัติต่างๆ เมื่อเราตายไปแล้ว เราจะยึดถือเป็นกรรมสิทธิ์ของเราอีกไม่ได้ เราจะเอาสิ่งต่างๆ เหล่านั้นติดตามไปสวรรค์ นรก หรือที่ไหนๆ ก็ไม่ได้ ตรงกับคำว่า สมบัติของโลก ก็ต้องอยู่ในโลก...”

โอวาทธรรมคำสอน..
องค์หลวงปู่คำดี ปภาโส







"คนที่ทำดี แต่ไม่ได้ดี
เพราะเหตุผลหลายอย่าง
คือ ทำดีไม่ถึงดี ทำดีเกินพอดี
ทำดีผิดที่ ทำดีเอาหน้า
นึกว่าทำดี แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่ดี
ทำดีกับคนไม่ดี"

-:-หลวงปู่จันทร์ศรี จนฺททีโป-:-








"ประโยชน์ที่สำคัญที่สุด
ของการที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์
แล้วได้พบพระพุทธศาสนา
ได้ยิน ได้ฟังแล้วก็คือ การปฏิบัติตาม
ถ้าเราไม่ปฏิบัติ มันก็ไม่มีประโยชน์"

-:-ครูบาเจ้าพรหมา พรหมจักโก-:-








หลวงปู่แสวง อมโรเล่าว่า

"สมัยไปอยู่กับหลวงปู่กงมา จิรปุญฺโญ กับท่านอาจารย์อุ่น กลฺยาณธมฺโม ท่านให้เราไปอยู่หน้าถ้ำเสือ เราก็ไม่รู้ว่าเป็นเสือแม่ลูกอ่อน จะทำอย่างไร เราไปปักกลดขวางทางเข้าออก มันก็หวงลูกของมัน แผ่ฤทธิ์ใหญ่ กระโดดข้ามกลดของเรา เราเลยนึกถึงคำครูบาอาจารย์เคยสอน แล้วอธิษฐานว่า'เรามาบำเพ็ญภาวนาไม่ได้มาเบียดเบียนอะไรเธอ แต่ถ้าเราเคยพยาบาทอาฆาต ก็ขอให้เธอจับเราเป็นอาหารเลย เราขออุทิศส่วนกุศลให้เธอ ต่อไปภายหน้าเธอจะได้เกิดมาเป็นมนุษย์ มาบวชบำเพ็ญกุศลอยู่กับเรา มันก็ไม่มีอะไร มันเป็นเสือเทวดา เสือภูมินั้นแหละ มาลองใจเรา"

บางทีงูใหญ่เท่าคืบเลื้อยผ่านเข้ามาในกลดขณะเรานั่งสมาธิอยู่ จะไปเลยก็ไม่ว่า มาค้างอยู่ที่ตักของเรา ถ้าเราจะลุกหนี เขาก็จะม้วนตัวลัดเอวเราเลยทันที พอไม่ไหวแล้วก็เลยตั้งอธิษฐานจิต “ขออุทิศกายนี้เพื่อบูชาพุทธ ธรรม สงฆ์ เข้ามานี่เพื่อปฏิบัติธรรม ไม่หวังอะไรซักอย่าง หวังอย่างเดียวคือความสงบ ถ้ากรรมเราเคยพยาบาทอาฆาตต่อกัน ขอให้เธอม้วนเราเป็นอาหารอยู่ตรงนี้ เรามอบให้ แต่ถ้าไม่เคยทำกรรมกันในอดีตชาติ ขอให้อภัยแก่เรา ข้าพเจ้าขออุทิศส่วนกุศลให้” คือ เขาเป็นภูมิมาลองเรา

เราบวชมาแล้ว ๕๐ ปี ในพรรษาที่ ๑๘ เราธุดงค์ไปทางเขตนครพนม มีผีโป่งค่าง ใครจะมาอยู่ไม่ได้ กลางคืนนี่ วิ่งหนีหมดชาวบ้านเขากลัวเขารู้ดี “ท่านจะไปอย่างไร ผีมันดุ” ชาวบ้านเขาถาม เราก็ว่า “เถอะน่า..ไปส่งเราที เราจะไปบำเพ็ญภาวนา” ตกกลางคืนมันก็วอบๆแวบๆ แล้วโผล่ออกมาตัวใหญ่เท่าถ้ำ แลบลิ้นปลิ้นตา ขู่เข็นอ้างสิทธิ์ว่าเป็นสถานที่ของเขา ..เราก็เลยอธิษฐาน “เรามาบำเพ็ญเพียรภาวนาไม่ได้มาเบียดเบียนอะไรเธอ เราขออุทิศส่วนกุศลให้ เธอเกิดๆตายๆมาหลายอสงขัย หลายกัป แล้วก็วนเวียนอยู่แต่สถานที่นี้ เพราะความติด ความหึงหวง จึงไปได้ไปเกิดซักที ขอให้เธอฟังเรา และคอยรับส่วนบุญนี้” เขาก็น้อมรับ พออยู่ต่อมา เขาก็ไม่อาละวาด ชาวบ้านก็เริ่มเข้ามาทำบุญ ฟังธรรม เขาเองก็มาคอยอนุโมทนา และรับส่วนกุศล แต่เราสั่งเขาว่า “เวลามาอย่าปรากฏตัว เดี๋ยวชาวบ้านเขาจะกลัว ตอนหลังเขาก็ไม่อยู่อีกแล้ว ในสถานที่นั้น







หลวงปู่แสวง อมโรเล่าว่า
สมัยก่อนท่านพระอาจารย์จวน พาเข้าป่า เข้าเขารกชัฏ เดินบิณฑบาตไปขาไปก็มองไม่เห็นเสือ เวลาเดินกลับมาจากบิณฑบาตเห็นรอยเท้าเสือ เสือมันเดินตามเราอยู่ทุกวัน เมื่อก่อนไข้มาเลเรียมันเยอะ อะไรจะฉันมันก็ไม่มี หยูกยาก็ไม่มี เดินธุดงค์ที่บึงกาฬอยู่ ๗ วัน ๗ คืน ขอโทษนะ น้ำจะฉันมันก็ไม่มี ต้องปัสสาวะกินไปแทนน้ำ ทุกข์แสนสาหัสมาก มีแต่ช้าง แต่สัตว์ป่า เวลานอนก็นอนใครนอนมัน แยกย้ายไป มีแต่พิจารณาความตาย ตายในการปฏิบัติธรรมมันเป็นนักรบที่แท้จริงประเสริฐนัก ช่วงนั้น..ท่านพระอาจารย์จวน เป็นไข้ป่า เราต้องไปตามท่านอยู่ ๓ กม. ตามท่านลงมาจากเขา อย่างไรก็ต้องตามท่านลงมาให้ได้ ไม่อย่างนั้นท่านอาจตายได้ ท่านพระอาจารย์จวน ท่านถึงรักเรา เดินธุดงค์จากศรีวิไล ไปบึงกาฬ สมัยก่อนมันนานนะ มันไกล ไม่เหมือนสมัยปัจจุบัน นั่งรถจากกรุงเทพฯไม่กี่ชั่วโมงก็มาถึงแล้ว มันรวดเร็วไปหมด
ทำให้นึกถึงหลวงปู่มั่น เราเป็นผ้าขาวตามไปอยู่ ท่านเดินจากอุบลราชธานี ไปนครพนม ไปสกลนคร มาหนองคาย เข้าพม่า เดินไปถึงเชียงใหม่ เดินด้วยเท้า รองเท้าสมัยนั้นทำจากหนังควาย เดินจนหูกระต่ายขาดแล้วขาดอีก จนพังต้องทิ้ง ดูเท้าบวมไปหมด ก็ใช้ผ้าอาบมาฉีกแล้วพันรอบเท้า เดินต่อไปได้ สมัยนั้นเดินอย่างเดียวมันทุกข์มันยาก ตอนนั้นก็มีหลวงปู่ขาว อนาลโย ,หลวงปู่ชอบ ฐานสโม และ หลวงปู่หลุย จันทสาโร ตามไปอยู่ เดินไปบิณฑบาตกับชาวเขา เขาเอาอาหารมาเทลงในบาตรท่านพระอาจารย์มั่น เพียงองค์เดียว หลวงปู่มั่น ท่านก็ว่า “หา!..ใส่กันทุกๆองค์ซิ” ชาวเขาก็ตอบว่า “พวกมึงก็เอาไปแบ่งกันซี่” เขานะไม่รู้นะ จะไปถือโทษเขาก็ไม่ได้ คนมันไม่เคย

บางวันก็ได้ ปลาปากแหลมๆ ตัวเล็กๆมาองค์ละหนึ่งตัว ก็ต้องอด ก็ต้องทน... หลวงปู่มั่น พาไปที่ไหนอด ที่ไหนอยากจะพากันอยู่เป็นเดือน แต่ที่ไหนอุดมสมบูรณ์ มีข้าวมีปลาดี ๓ วันท่านก็พาหนีแล้ว แหมจริงๆ พาอดพาทนทรมาน เดินก็ไม่ให้ใกล้กัน ห่างกันเป็นกิโล เดินห่างกัน ๒ เส้น ๓ เส้น ถ้าเดินใกล้กันพากันคุย ท่านให้เดินภาวนา สมัยที่ไปกับหลวงปู่มั่น เจอภูมิเยอะจริงๆ มาลอง มาทดลอง มาพิสูจน์ ทุกอย่าง ขนาดเป็นเสือมันมานอนใกล้ๆไม่ไปไหน คนสมัยก่อนใช้ใบหูกวางมาทำเป็นเพิงหลังคา ใบหูกวางที่หมูป่ามันเอาไปทำเป็นรังใหญ่เท่าจอมปลวก ออกลูก ออกหลานนั่นแหละ เวลาลมพัดมาแรงๆมันปลิวเอาไปหมด มองเห็นเสือมันทั้งตัว มันก็ไม่ยอมไปนะ นอนเฝ้าอยู่ทั้งคืน บังเอิญเดชะบุญ ปัสสาวะก็ไม่ปวด หนักก็ไม่ปวด เอ๊ะ!..ดีเหมือนกัน เทวดาช่วย ถ้าเกิดลงไปมันตะครุบเราแน่ นั่นแหละเราอยู่กับครูบาอาจารย์









หลวงปู่แสวงอมโร ท่านเล่าว่า
" โยมพ่อท่านตายไปแล้วเป็นเปรต คืนหนึ่งได้มาหาท่าน องค์ท่านเองก็จำไม่ได้ว่าเป็นโยมพ่อท่าน ร่างกายที่มาปรากฏนั้นก็ผ่ายผอม ไม่มีเสื้อผ้าใส่ ส่วนสาเหตุที่มาเป็นเปรตตกระกำลำบากนี้ก็เพราะว่าเคยฆ่าแมวโดยไม่ได้ตั้งใจ เนื่องจากพ่อท่านเป็นช่างลับมีด แล้วแมวมันมากวน โยมพ่อท่านก็เลยตั้งใจเอาสันมีด เคาะไปที่หลังแมว แต่จับด้ามผิดฝั่ง กลายเป็นเอาด้านคม ไปเฉาะเอาตรงคอแมวเข้า แต่มันไม่ขาดห้อยต่องแต่งอยู่อย่างนั้น โยมพ่อท่านทุกข์ใจเรื่องนี้มาก ก่อนตายก็คิดแต่เรื่องนี้ จึงได้กลายมาเป็นเปรต หลวงปู่แสวง ท่านก็ทำบุญอุทิศให้โยมพ่อ โดยนำอาหารที่ท่านบิณฑบาตได้นั้น มาใส่บาตรครูบาอาจารย์อีกทีหนึ่งเพื่ออุทิศให้โยมพ่อท่าน และนำผ้าจีวรเนื้อดีถวายแก่ครูบาอาจารย์ หากจำไม่ผิดท่านนำจีวร ไปถวายหลวงปู่มหารักษ์ เรวโต พระอุปัชฌาย์ของท่าน

ในส่วนของผ้าจีวรนี้ ท่านได้มาจากหลวงปู่จวน กุลเชฏโฐ ซึ่งก่อนหน้านี้ หลวงปู่แสวง ได้เป็นผู้ร่วมสร้างสะพานไม้รอบภูทอก แต่มีจุดหนึ่งที่มีสะพานหินธรรมชาติเชื่อมไปยัง เขาโดดลูกเล็กที่มีลักษณะคล้ายเห็ดที่แยกตัวออกไปจากภูทอก หลวงปู่จวนบอกกับลูกศิษย์ว่า ใครหาวิธีเชื่อมทางเขา ๒ ลูกนี้ได้ เราจะให้ผ้าจีวรเนื้อดีแก่ผู้นั้น หลวงปู่แสวง ก็หาวิธีจนได้ โดยทำเชือกผูกเป็นบ่วง โยนค่อมไปที่เขาลูกนั้น แล้วหย่อนเชือกลงไป ให้สามเณรที่ตัวเบาๆ ผูกกับเอว แล้วค่อยๆไต่ขึ้น ท่านว่าพวกเณรนั้นไม่มีใครกลัว ต่างก็ชอบเล่นกันเป็นของสนุก ทั้งพระทั้งเณรต่างช่วยกันสกัดหินทำสะพานไม้เชื่อมต่อเขาสองลูกจนสำเร็จ เขาลูกนี้เป็นที่ทราบกันในชื่อว่า “พุทธวิหาร” ซึ่งอยู่บริเวณชั้นที่ ๕ ของภูทอก ด้วยเหตุนี้ หลวงปู่แสวง จึงได้ผ้าจีวรเนื้อดีจากหลวงปู่จวน และได้ทอดผ้าบังสุกุลอุทิศให้โยมพ่อ จึงเปลี่ยนภพเปลี่ยนภูมิ จากเปรตไปเป็นภูมิเทวดาได้"








ผู้ใดได้ความเชื่อความเลื่อมใส
ในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ๓ รัตนะนี้แล้ว
ผู้นั้นชื่อว่าเลื่อมใสแล้วในที่อันเลิศ ผลที่สุดพิเศษ
เลิศใหญ่ยิ่งกว่าผลแห่งกุศลอื่น ๆ ทั้งสิ้น
ย่อมมีแก่ผู้เลื่อมใสในรัตนะทั้ง ๓ นั้น.
สมเด็จพระวันรัต (ทับ พุทธสิริ)


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 8 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO