นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน ศุกร์ 03 พ.ค. 2024 2:40 pm

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
 หัวข้อกระทู้: ฝึกจิตให้มีสติ
โพสต์โพสต์แล้ว: ศุกร์ 04 ส.ค. 2017 5:35 am 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 4547
พ้นนรกเพราะท่อง"พุทโธ ธัมโม สังโฆ"

"นายพรานท่องพุทโธ ธัมโม สังโฆ ก่อนตาย"

อีกเรื่องหนึ่ง.."นายพราน..พระพุทธเจ้าท่านเมตตา
ท่านจะเอาหมามาให้เรา.."

นายพรานได้ยินว่า "หมา" ก็ดีใจมาก
บอกภรรยาว่า.."เออ..เอาเข้ามาเถอะ"

พระพุทธเจ้าจึงตรัสบอกกับนายพรานว่า

"หมาของเรานี้มันมีชื่อต่างกัน
ต้องจำชื่อมันให้ได้เสียก่อน
จึงจะเรียกมันไว้ได้"

แล้วก็บอกให้ท่องชื่อของหมาว่า

ตัวที่ ๑ มันชื่อ "พุทโธ"
ตัวที่ ๒ ชื่อ "ธัมโม"
ตัวที่ ๓ ชื่อ "สังโฆ"

นายพรานดีใจมากนึกว่า หมาของพระพุทธเจ้านี้
ต้องเป็นวิเศษดีนัก ก็พยายามท่องชื่อหมา ๓ ตัวนี้เรื่อยไป
โรคก็กำเริบขึ้นๆ ตัวก็นึกแต่ชื่อหมาเรื่อยไป
จนใจขาด ในที่สุดก็ตาย

ด้วยอานิสงส์ที่ท่องชื่อ "พุทโธ ธัมโม สังโฆ" นี้
ทำให้นายพรานพ้นจากอบายไปเกิดที่สุคติได้ชั่วคราว
นี่..เรื่องมนต์เป็นอย่างนี้ บ่นไปๆ โดยไม่รู้ก็ยังดี
บ่นด้วยปากด้วยใจแปลไปอย่างนั้นๆ ก็ย่อมได้ประโยชน์

"พระอาจารย์ลี ธัมมธโร"
วัดอโศการาม จ.สมุทรปราการ






คนเราส่วนใหญ่อยู่คนเดียวไม่เป็น
พออยู่คนเดียวแว่บเดียวก็เหงา คิดถึงเพื่อน
นี่คือความอ่อนแอของจิตใจ
ความทุกข์ที่คนมักมองไม่เห็นว่าเป็นปัญหา
คิดว่าเป็นเรื่องธรรมดา

ผู้ที่สามารถฝึกจิตให้มีสติตื่นรู้อยู่ในปัจจุบันอย่างต่อเนื่อง
จะมีความรู้สึกว่าไม่ขาดอะไรสักอย่าง
จะอยู่คนเดียว อยู่น้อยคน อยู่มากคน ความรู้สึกนี้คงที่
จะคบเพื่อนก็มีความสุขได้ จะอยู่คนเดียวก็มีความสุขได้เหมือนกัน
ความสุขจึงขึ้นอยู่กับปัจจัยภายใน ไม่ต้องพึ่งคนอื่นจึงมีความสุขได้
ความคล่องแคล่ว ความเป็นอิสระอย่างนี้ ไม่น่าปรารถนาหรือ

โอวาทธรรม : พระอาจารย์ชยสาโร





หากให้ทาน รักษาศีล บำเพ็ญภาวนา
แล้วกิเลสไม่ได้ลดลง

มีความยึดติดถือมั่นในตัวตนแน่นหนา
ก็แสดงว่าทำผิดแล้ว

หรือพูดให้ถูกต้องกว่านั้นก็คือ
"ทำผิดในสิ่งที่ถูก"

ความดีนั้น หากทำไม่ถูก วางใจไม่เป็น
มันก็เป็นโทษแก่ตนเองได้

ท่านอาจารย์พุทธทาสจึงเตือนเสมอว่า
"ระวังอย่าให้ความดีกัดเจ้าของ"

โอวาทธรรม :พระไพศาล วิสาโล







"เราอยากให้คนอื่น
ทำดีกับเรา อย่างไร
คนอื่น ก็อยากให้เรา
ทำดีกับเขา อย่างนั้น

ขอให้พยายามคิดถึง ความจริงนี้
ให้บ่อยที่สุด เท่าที่จะมีสตินึกได้
จะเป็นคุณ แก่ตนเองอย่างยิ่ง

การคิด พูด ทำ ทั้งหมด
จะเป็นไปอย่างดีที่สุด
ไม่เป็นการทำร้ายผู้อื่น
ไม่เป็นการเบียดเบียนผู้อื่น"

-:- สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชฯ -:-






"ลูกทุกคน บางคนก็มีนิสัยไม่ดีๆ
เราก็เมตตามัน เพราะมันได้มาเกิดกับเราแล้ว
อย่างนี้แหละ ก็สงเคราะห์ไปตามกำลัง
ที่สงเคราะห์ได้

ถ้าคนที่เสียจริงๆ ทำดีไม่ได้จริงๆ
มันเหลือวิสัย ก็วางอุเบกขาลง
ไม่ต้องไปโกรธไปเกลียดอะไร
ก็กรรมของเขา สร้างมาอย่างนั้น
เราจะทำอย่างไรได้ ฝึกอย่างไรจะให้มันดี
มันก็ดีไม่ได้ อย่างนี้

ถ้าขืนโกรธไป โมโหโทโสไป
เสียใจกับลูกคนนั้นอยู่ ก็เป็นทุกข์เปล่าๆ
เสียใจอย่างไร ลูกก็ทำดีไม่ได้
เพราะว่านิสัยไม่ดีแต่ก่อน
แต่ชาติก่อน โน้นแหละ

ถ้าหากว่าผู้เป็นพ่อแม่
ไม่รู้จักวางอุเบกขาลง
ไม่นึกถึงกรรมของสัตว์แล้ว
มันก็เป็นทุกข์"

-:-หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ-:-







"ไม่ใช่แต่เวลาของตนเท่านั้น
ที่เหลือน้อย เวลาของคนท่ีตนรัก
และผูกพัน ก็เหลือน้อยลงเช่นกัน

ถ้าผู้คนตระหนักว่า
พ่อแม่มีเวลาเหลือน้อยลงทุกที
เขาจะไม่มัวทำมาหาเงิน
หรือเที่ยวเตร่สนุกสนานจนลืมพ่อแม่

-:-พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล-:-






"ผู้ใดทำใจให้ถึงความเป็นกลางได้
ผู้นั้นจะพ้นจากทุกข์ทั้งปวง"
-:-หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี-:-






"ปีนี้จะดีไหม?
ราศรีนี้จะดีไหม?
ถามไปหาอะไร?

จะดีหรือไม่ดี
ก็อยู่ที่เจ้าของทำ
พระพุทธเจ้าสอนให้พึ่งตัวเอง
ไม่ใช่ให้นั่งรอผล"

-:-หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน-:-






"...ตั้งใจภาวนา อย่าให้เสียชาติเกิดนะ เกิดเปล่าๆ ตายเปล่าๆ ไม่มีประโยชน์อะไรเลยนะ

เกิดมาทั้งที ได้พบพระพุทธศาสนาชั้นยอด พบครูบาอาจารย์ชั้นยอด บุญสุดๆแล้ว จะหาได้ในสามโลกธาตุนี้ วาสนาสุดๆแล้ว ในบรรดาสัตว์โลกเรา อย่าตายทิ้งเปล่าๆ เท่านั้น..."

โอวาทธรรมคำสอน..
พระอาจารย์วันชัย วิจิตฺโต






"...ไม่มีธรรมในใจเพียงอย่างเดียว จะอยู่ในโลกใดกองสมบัติใด ก็เป็นเพียงโลกเศษเดน และกองสมบัติเดนเท่านั้น ไม่มีประโยชน์อะไรแก่จิตใจแม้แต่นิด

ความทุกข์ทรมาน ความอดทนทนทานต่อสิ่งกระทบกระทั่งต่างๆ ไม่มีอะไรจะแข็งแกร่งเท่าใจ ถ้าได้รับความช่วยเหลือที่ถูกทาง ใจจะกลายเป็นของประเสริฐให้เจ้าของได้ชม อย่างภูมิใจต่อเรื่องทั้งหลายทันที..."

โอวาทธรรมคำสอน..
องค์หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต






จากหนังสือ หลวงพ่อตอบปัญหาธรรม
ปัญหาเรื่อง ช่วยคนก่อนตาย

ผู้ถาม : หลวงพ่อคะ อย่างเวลาที่คนจะถึงกับความตายนี่นะคะ หากว่าจะบอกทางเขา บอกว่าภาวนา สัมมาอรหังๆ ไว้นะคะ ถ้าหากว่าคนที่จะตายนี่ไม่มีสติแต่จุดธูปไว้ที่หัวนอนให้เขาได้กลิ่นธูป เขาจะได้ระลึกถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ อย่างนี้จะช่วยได้มั้ยคะ…?

หลวงพ่อ : ก็ต้องลองดูก่อน ลองตอนที่คุณจะตาย

ผู้ถาม : (หัวเราะ)

หลวงพ่อ : ฉันเคยเจอะเคยได้ยิน “ยาย…ภาวนาพุทโธนะ” ยายบอก “พุทโธ โครตพ่อโครตแม่มึง” นี่แน่ะ ไม่มีทางหรอกที่จะไปนึกเวลาตายนะ อย่าลืมว่าคนมันจะตาย ทุกขเวทนามันบีบคั้นขนาดไหน ขนาดทำจิตเป็นฌาน มันยังเข้าฌานไม่ทันเลย จิตเขาทรงฌาน ๔ เป็นปกตินะ เวลาจะตายปั๊บจิตจับฌานไม่ทัน แต่เวลาจะตายจิตเป็นกุศลก็ไปเกิดเป็นเทวดา ไปเป็นพรหมไม่ได้ แต่ถ้าหมดอายุเป็นเทวดาเมื่อไร เขาไปเป็นพรหมทันที เพราะกำลังฌานให้ผล นี่มันต้องซ้อมกันไว้ก่อน เวลานี้มีเวลาก็ทำเสียซิ ถ้าไปทำเวลานั้นก็เตรียมตัวไปอยู่กับพระยายม พระยายมพร้อมรับ
มีคราวหนึ่งไปดูสำนักงานต้นงิ้ว เห็นมันเต็มพอดีเราก็นึกดีใจ เออ…กูตายแล้วไม่ต้องมาแน่ ไปถามนายนิริยบาล ถ้าคนตายมาอยู่นี่ก็ไม่มีที่ขึ้นซิ แกบอก “ที่นี่ไม่ต้องห่วง ขึ้นพอดีกับคนเสมอ” ไอ้ป่าระยำ เรานึกว่าปลอดแล้วนะ คงไม่ถึงเรา ใช่ไหม…บางคนบอกว่าเวลานี้ไม่มีแล้ว เขาเอามาทำฟืนรถไฟกันหมด ที่ไหนได้ล่ะ ไปปรากฏอยู่เมืองนรก ต้นงิ้วถูกรบกวนจากเมืองมนุษย์ บอกอยู่ไม่ไหวแล้วไอ้เมืองมนุษย์นี่ มันโกงเหลือเกิน ยืนอยู่ดีๆ มันก็มาตัดมาฟัน เอาต้นไปทำฟืนเสียบ้าง ทำอะไรบ้าง คราวนี้ต้นงิ้วทนไม่ไหวเลยต้องหนีไปเกิดในเมืองนรก ไปคอยอยู่ที่นั่น

ผู้ถาม : ต้นเหมือนกับที่อยู่ในเมืองมนุษย์ไหมคะ…?

หลวงพ่อ : ไม่เหมือนหรอก ต้นงิ้วที่นั่นไม่มีใบ มีแต่กิ่งกับหนาม เป็นต้นงิ้วยักษ์ มีพิษมาก ต้นงิ้วเมืองมนุษย์มีปุ่มเล็กๆนิดเดียวรอบต้น แต่ว่าหนามงิ้วที่เมืองนรกนี่ยาว ๑๖ องคุลี ไม่ใช่องคุลีมนุษย์นะ เป็นองคุลีนรก ยาวมากใหญ่มากแล้วมีสภาพเป็นสปริง มันติดอยู่กับต้น มีความคมเป็นกรด แต่เวลาที่คนมีบาปขึ้นไป มันมีอาการพุ่งตัวแทงให้ทะลุหลังขึ้นไปได้ มันไม่นอนนิ่งๆ มันเด้งได้เหมือนสปริงที่เราทำเก้าอี้ พอเวลานั่งก็ยุบลงไป เวลาลุกก็ฟูขึ้นมา รวมความว่ามันมีสภาพ
เป็นหนามที่มีชีวิต แต่มันรู้ว่าคนที่บาปขึ้นไป ไปกระทบมันจะพุ่งแทงทันที เลือดก็แดงฉานลงมา
นรกขุมนี้ลงโทษคนที่ชอบเจ้าชู้ เรื่องเจ้าชู้นี่เขาไม่ได้บังคับแต่เฉพาะผัวใครเมียใครเท่านั้น แม้แต่ลูกของเขา ถ้ายังไม่ได้รับอนุญาตจากผู้ปกครอง คือ บิดามารดา แม้ว่าเจ้าตัวเขาจะยินยอมก็ตามทีก็ไม่ได้ ต้องถูกลงโทษมาลงนรกขุมนี้ ถ้าเป็นข้าทาสหญิงชายของบุคคลอื่น หรือบุคคลที่อยู่ในปกครอง ถ้าไม่ได้รับอนุญาตจากผู้ปกครองแล้ว ไปร่วมรักกันเข้า ท่านกล่าวว่ามีโทษตกนรกขุมนี้ อันนี้ต้องจำกันไว้ให้ดี





เมตตากายกรรมนั้น คือ
ให้เห็นกายของตนนี้ ว่าเป็นที่รัก ที่หวงแหนแห่งตน
ไม่ต้องการให้ผู้อื่นมาเบียดเบียนให้เจ็บปวดด้วยประการใดประการหนึ่ง
คนอื่นสัตว์อื่นก็เช่นเดียวกันกับเรา
ให้ตั้งเจตนาขาดลงไปว่า
กายของเราจักไม่ทำให้ผู้อื่น สัตว์อื่นได้รับความเดือดร้อนเลย.
พระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (จันทร์ สิริจนฺโท)


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 8 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO