นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน ศุกร์ 03 พ.ค. 2024 1:33 pm

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
 หัวข้อกระทู้: จิตสงบ หรือ ไม่สงบ
โพสต์โพสต์แล้ว: พุธ 02 ส.ค. 2017 4:58 am 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 4547
..ความสวยที่แท้จริงต้องสวยที่ใจ
ไม่ได้สวยที่ร่างกาย ที่ไม่จีรังถาวร
.
...ต่อให้แต่งให้เสริมมากน้อยเพียงไร
ไม่นานก็เสื่อมไปหมด
สู้กับกาลเวลาไม่ได้
เพราะร่างกายอยู่ภายใต้กฎของ
อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
.
...มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
ถ้าไปหลงยึดติด
อยากจะให้สวยให้งามไปตลอด
ก็จะเกิดความทุกข์ใจขึ้นมา
.
...เพราะไม่ได้เป็นไปตามที่ปรารถนา
ไม่ได้เป็นตัวเราไม่ได้เป็นของเรา
.
...ความสวยงามที่เรา
เสริมสร้างให้อยู่กับเราไปได้ตลอด
ก็คือ "ความสวยงามทางจิตใจ"
.................................

คัดลอกการแสดงธรรม
ธรรมะบนเขา
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
วัดญาณสังวรารามฯ ชลบุรี





...ธรรมะนี้ ถึงแม้จะ
มีมากมายเต็มตู้พระไตรปิฎก
แต่ความจริงแล้ว ให้เรารู้แค่
สามหัวข้อใหญ่ๆก็พอ
.
...ให้รู้จักวิธีทำบุญทำทาน ทำยังไง
ให้รู้จักวิธีรักษาศีลว่า ศีลมีอะไรบ้าง
ให้รู้จักวิธีภาวนา นั่งสมาธิทำใจให้สงบ
รู้จักวิธีเจริญปัญญาให้มีดวงตาเห็นธรรม
.
...แค่นี้แหละที่เราจำเป็นจะต้องรู้จริงๆ
"อย่างอื่นรู้ก็ได้ ไม่รู้ก็ได้"
.
...ฌาน8 ฌาน10 อภิญญา108 อะไร
รู้ก็ได้ ไม่รู้ก็ได้ "ไม่สำคัญ"
มันเป็นความรู้ที่เป็นส่วนประกอบ เท่านั้นเอง
..........................................
คัดลอกการสนทนาธรรม
ธรรมะบนเขา 1/8/2560
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
วัดญาณสังวรารามฯ ชลบุรี







"บุญอยู่ที่ใจ แค่คิดจะทำบุญก็สุขใจ ทำความดีแล้ว ไม่ต้องหวังผลตอบแทน ทำความดีแล้ว ไม่ต้องให้ใครเห็น ทำความดีก็จารึกไว้ในใจแล้ว บุญคู่อยู่กับใจ ตายไปแล้ว ไม่ว่าไปอยู่ภพไหนๆ บุญก็จะตามติดไปเป็นเพื่อน"

โอวาทธรรม:องค์หลวงปู่อ่ำ ธมฺมกาโม
วัดสันติวรญาณ จ.เพชรบูรณ์





คำถาม : พระอาจารย์ครับ การนั่งฟังธรรมหากเราฟังด้วยสติที่จดจ่อกับธรรมที่แสดงออกมา ใจเราจะเบาๆ ไปกับการฟังธรรมใช่ไหมครับ
.
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต : ถ้าจดจ่อไม่ไปคิดเรื่องนั้นเรื่องนี้ใจก็จะเบา ใจก็จะเข้าสู่ความสงบ แต่อาจจะไม่เข้าสู่ความสงบเต็มที่ เพราะว่ายังมีการทำงานของใจอยู่ ยังมีการรับรู้เสียงอย่างต่อเนื่อง แต่ถ้าปล่อยวางเสียงได้เมื่อไหร่ แล้วจิตวู๊บเข้าไปนี้ จิตก็จะเข้าสู่ความสงบได้เต็มที่
.
ดังนั้น การฟังแล้วในเบื้องต้นจะรู้สึกเบาอกเบาใจ สบายอกสบายใจ แต่ยังไม่ถึงกลับนิ่งสงบไม่รับรู้เสียงเลย เสียงหายไปจากการรับรู้เลย หรือได้ยินเสียงแต่ไม่สนใจเลย เข้าไปข้างในแล้ว อย่างนี้ถึงจะเรียกว่าเป็นสมาธิเป็นอุเบกขาอย่างแท้จริง นี่คือการฟังธรรมด้วยการจดจ่ออยู่กับเสียงธรรม เพราะเราไม่สามารถที่จะพิจารณาเหตุและผลของธรรมที่แสดงได้
.
เป็นเพราะว่าปัญญาของเรายังไม่ถึงระดับนั้น ฟังแล้วไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจก็อย่าเลิกฟังให้ฟังต่อไป ฟังเกาะติดอยู่กับเสียงธรรมไปเรื่อยๆ อย่าไปคิดถึงเรื่องนั้นเรื่องนี้หรือบ่นว่าคนเทศน์ว่าพูดอะไรไม่รู้เรื่อง วิพากษ์วิจารณ์ไป อย่างนั้นแทนที่จะเป็นมงคลกลับเป็นอัปมงคลไป ฟังแล้วไม่ได้ผลไม่ได้ ไม่ได้ประโยชน์กลับได้ความหงุดหงิดรำคาญใจขึ้นมา
.
ดังนั้น เวลาฟังธรรม ถ้าฟังไม่เข้าใจก็ให้เกาะติดกับเสียงธรรม ใช้เสียงธรรมกล่อมใจให้เข้าสู่ความสงบได้ อย่างนี้จะได้รับประโยชน์ในขั้นของสมาธิ แต่ถ้าพิจารณาแล้วเข้าใจด้วยเหตุด้วยผลก็จะเกิดปัญญา เกิดบรรลุธรรมขึ้นมาได้ อันนี้เป็นธรรมขั้นสูง ก็ได้ทั้ง ๒ อย่างอยู่ที่ความสามารถของผู้ฟัง
.
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต








"ฝึกสติให้มากขึ้น"

ถาม : นั่งสมาธิแล้วเกิดอาการตัวโยก บางครั้งโน้มไปข้างหน้า แล้วยืดนั่งตรงขึ้นมาเอง บางทีก็รู้สึกแค่ศรีษะเอียงไปเอียงมา หมุนไปรอบๆ ควรแก้ไขอย่างไรคะ

พระอาจารย์ : ก็ต้องฝึกสติให้มากขึ้น แสดงว่าเวลาเรานั่งนี้ บางทีสติไม่มีแล้ว นั่งต้องมีสติ ต้องมีพุทโธ พุทโธอยู่เรื่อยๆ ไม่ใช่นั่งไปแล้วก็ปล่อยให้พุทโธหายไป ปล่อยให้ลมหายไป แล้วมันก็จะเหมือนกับไม่มีอะไรมาควบคุมใจ ใจมันก็จะทำให้ร่างกายส่ายไปส่ายมาได้ ถ้ามีพุทโธ มีลมหายใจ รับรองได้ว่าร่างกายมันจะนิ่ง เหมือนเราตอนนี้นั่งคุยกัน ทำไมมันไม่ส่ายไปส่ายมา เพราะเรามีสติอยู่กับการฟัง อยู่กับการพูดอยู่ .

ธรรมะบนเขา

วันที่ ๓๐ กรกฎาคม ๒๕๖๐

พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต






คิดบัญชีตัวเราเอง‬
.
เพราะโลกเก่าเราก็ผ่านมาแล้ว มาถึงโลกปัจจุบัน ณ บัดนี้
จากนี้ก็จะไปโลกหน้าคือโลกใหม่ ได้แก่ออกจากร่างนี้แล้วก็จะไปร่างนั้น
จะเป็นร่างใดนั้นแล้วแต่อำนาจของกรรมที่กายวาจาใจของเราได้สั่งสมเอาไว้ด้วย
ใจเป็นผู้บงการ เราอย่าให้เสียท่าเสียทีที่ได้ผ่านโลกอันนี้มานาน
โลกอันนี้ไม่ใช่เป็นโลกที่จะควรสงสัย เพราะเป็นโลกที่เราเคยอยู่
เคยหลับเคยนอนเคยไปเคยมา เคยสุขเคยทุกข์
สิ่งเหล่านี้ได้ผ่านมาด้วยกันทุกคน จึงไม่น่าสงสัยว่าจะเป็นอะไรต่อไปอีก
นอกจากจะเป็นเช่นนี้อยู่ตลอดกาลของเขาเท่านั้น
สำคัญที่เราจะพยายามดำเนินตัวของเราให้ก้าวขึ้นอันดับสูงกว่านี้เป็นลำดับไป
ด้วยความขยันหมั่นเพียรหรือด้วยความเฉลียวฉลาด
รอบรู้เรื่องความเป็นไปหรือความเป็นอยู่ของเรา นั่นละเป็นหลักสำคัญ

.................................................................................................

หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน
เทศน์อบรมคณะหมออวย เกตุสิงห์ ณ วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๓๑ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๐๘








"การที่คิดจะทำ คำที่คิดจะพูด เรื่องที่คิดว่าจะคิด
เป็นไปเพื่อเบียดเบียนตน เป็นไปเพื่อเบียดเบียนผู้อื่น
เป็นอกุศล ให้เกิดโทษทุกข์ มีทุกข์เป็นวิบาก
ก็จงงดเว้นเสีย ไม่ทำ ไม่พูด ไม่คิด"

-:-สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชฯ-:-






"...คนเราหลงกันอยู่ที่หนัง หนังเป็นเครื่องปกปิด สิ่งที่ไม่น่าดูเอาไว้ ถ้าถลกหนังออก อวัยวะทุกส่วนก็หาส่วนที่น่าดูไม่ได้เลย เน่าเปื่อย ผุพัง สลายไป ไม่มีส่วนไหนที่จะถือได้ว่าเป็นของมั่นคง..."
โอวาทธรรมคำสอน..
องค์หลวงปู่แหวน สุจิณโณ








"...พระพุทธเจ้าทรงสอนว่า อานนท์ ปฏิบัติให้มาก ทำให้มาก แล้วจะสิ้นสงสัย ความสงสัยจะไม่มีวันสิ้นไปได้ด้วยการคิด ด้วยทฤษฎี ด้วยการคาดคะเน หรือด้วยการถกเถียงกัน หรือจะอยู่เฉยๆไม่ปฏิบัติภาวนาเลย ความสงสัยก็หายไปไม่ได้อีกเหมือนกัน

กิเลสจะหายสิ้นไปได้ก็ด้วยการพัฒนาทางจิต ซึ่งจะเกิดได้ก็ด้วยการปฏิบัติที่ถูกต้องเท่านั้น..."

โอวาทธรรมคำสอน..
องค์หลวงพ่อชา สุภัทโท





ภาวนาก็คือการทำใจนั่นเอง ทำใจให้มีกำลังพอที่จะอยู่กับความจริง พุทธศาสนาสอนว่าความสงบเกิดจากการรู้เห็นความจริงในทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นักปฏิบัติพยายามสำรวจไม่ให้จิตวิ่งเตลิดตามสิ่งน่าปรารถนา ไม่ให้มุทะลุผลักไส หรือปฏิเสธสิ่งไม่น่าปรารถนา เพียงแต่ให้พยายามรู้เข้าใจในสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น รู้ความเกิดของมัน รู้ความดับของมัน รู้คุณ รู้โทษของมัน รู้วิธีที่จะไม่ตกเป็นทาสของมัน อยู่กับความจริง ปฏิบัติต่อความจริงของชีวิตในทุกขณะ ไม่กลัวความจริง ไม่หันหลังให้ความจริง หรือพยายามกลบเกลื่อนความจริงด้วยกามารมณ์
โอวาทธรรม...พระอาจารย์ชยสาโร






ดวงดีถูกหวยจะเอาเงินไปทำบุญสักแสน หรือจะยอมรับจ้างดายหญ้าเอาเงินแค่ 5 บาทไปทำบุญ..." วัตถุนิยมเป็นของดี ท่านชมว่าดีอยู่ ถ้าได้มาในทางที่ชอบ ได้มาในทางที่ไม่ชอบมันก็ไม่เป็นมงคล เอามาทำบุญก็ได้น้อย ไม่เหมือนได้มาในทางที่ชอบ เงินเลข เงินผา เงินเบอร์ เงินทุจริตทรัพย์สินที่เป็นสังหาริมทรัพย์ก็ดี อสังหาริมทรัพย์ก็ดี นำมาบริจาคทานในสมณะ ในทางพระพุทธศาสนานั้น อานิสงส์ไม่มาก มีอานิสงส์นิดเดียว เพราะเป็นของไม่บริสุทธิ์ "...โอวาทธรรมหลวงปู่หล้า เขมปัตโต





จิตสงบ ไม่สงบ ก็สักว่ารู้..จิตสงบก็รู้ว่าจิตสงบ มันไม่สงบก็รู้ว่ามันไม่สงบ รู้ว่ามันเป็นธรรมชาติของจิตที่จะต้องขึ้นๆลงๆอย่างนี้เป็น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา พอเข้าใจหลักนี้แล้ว
ต่อไปเวลาจิตจะสงบหรือไม่สงบก็ไม่วุ่นวายกับมัน ก็สักแต่ว่ารู้ไป พอไม่วุ่นวายไปกับมัน จิตก็สงบ ใจก็สงบอย่างแท้จริงเพราะไม่มีความอยากให้มันสงบหรือไม่สงบพอไม่มีความอยาก มันกลับสงบของมันเองแต่พอมีความอยาก มันกลับไปทำให้มันไม่สงบอันนี้ปริศนา ลองไปปฏิบัติดูแล้วจะเข้าใจ
โอวาทธรรม...พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 7 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
cron
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO