นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน ศุกร์ 03 พ.ค. 2024 11:11 am

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
 หัวข้อกระทู้: จงพากันรักษาใจ
โพสต์โพสต์แล้ว: จันทร์ 31 ก.ค. 2017 10:46 am 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 4547
"ความทุกข์นั้น ไม่ได้อยู่ที่ว่า
มีอะไรเกิดขึ้นกับเรา แต่อยู่ที่เรา
รู้สึกยังไง กับมันต่างหาก"
-:- พระอาจารย์ไพศาล วิสาโร -:-




"จงพากันรักษาใจของเราด้วยธรรม
มองกัน ให้มองในแง่ให้อภัยเสมอ
อย่ามองแง่ร้าย"
-:-หลวงตามหาบัว ญาณสมฺปนฺโน-:-






"วันเวลาที่หมดไปสิ้นไป
โดยไม่ได้ทำอะไรที่เป็นคุณประโยชน์
แก่ตัวเองบ้าง ในชีวิตที่เกิดมาในโลก
และได้พบพระพุทธศาสนานี้
ช่างเป็นชีวิตที่น่าเสียดายยิ่งนัก

เวลาแม้เพียงหนึ่งนาที ที่ผ่านไปนั้น
แม้ว่าจะทุ่มเงิน จำนวนมหาศาล
สักสิบล้าน ร้อยล้านบาท
ก็ไม่สามารถซื้อกลับคืนมาได้

ฉะนั้น สิ่งที่น่าเสียดายในโลกนี้
จะมีอะไรน่าเสียดายเท่ากับ
ปล่อยวันเวลาผ่านเลยไป
โดยเปล่าประโยชน์
แม้ว่าจะเพียงแค่นาทีเดียว"

-:- หลวงปู่สิม พุทฺธาจาโร -:-






"...การปฏิบัติธรรมที่ดี
คือการปฏิบัติตัวเหมือนนักเดินทาง
คือเข้าใจแผนที่ดี มีทุนพร้อม

ทางเดินชีวิตในโลกหน้า
ไม่ต่างกับการเดินทางในโลกนี้

เราต้องอ่านแผนที่เป็น
และมีเสบียงคือบุญพร้อม..."

โอวาทธรรมคำสอน..
องค์หลวงปู่จันทร์ศรี จนฺททีโป






"...นี่พวกเราจะปล่อยให้กิเลสหลอก ให้เกิดให้ตายกันไปถึงไหน ทำไมไม่สร้างสติปัญญาความฉลาดรอบรู้มาเป็นคู่ของใจเอาไว้บ้าง เพื่อจะได้ตัดช่องทางของวัฏฏะให้สั้นเข้า จะได้ไม่มัวเมาจมอยู่ในหลุมมูตรหลุมคูถ(หลุมเยี่ยวหลุมขี้)นี้อีกต่อไป

ฝึกใจให้สมกับคำว่า มนุษย์ใจสูง ก็ให้มันสูงกว่าสัตว์ดิรัจฉาน ถ้ายังปล่อยให้กิเลสตัณหาพามั่วสุมอยู่กับสิ่งสกปรกโสโครกในโลกนี้อยู่ ก็ไม่เกินกันกับสัตว์ดิรัจฉานนี้เลย

แมลงผึ้งแสวงหาเกสร แมลงวันแสวงหาของเน่า นักปราชญ์แสวงหาความดี นี้ใจเราเป็นแมลงวันหรือเป็นแมลงผึ้งกันแน่..."

โอวาทธรรมคำสอน..
องค์หลวงพ่อทูล ขิปฺปปญฺโญ





"...พิจารณาความทุกข์ ความไม่เที่ยง อนัตตา พิจารณาไปเลย ให้มันเกิดความเบื่อหน่ายในสิ่งนั้นๆไป ให้มองเห็นชัดว่าสิ่งต่างๆไม่มีอะไรเป็นของเรา พิจารณาให้มันรู้ให้มันเห็นของสิ่งเหล่านี้ พิจารณาความทุกข์ พิจารณาความไม่เที่ยง พิจารณาทุกสิ่งทุกอย่างเป็นอนัตตา ไม่มีอะไรเป็นของๆเรา

ส่วนมากไปเน้นหนักเรื่องวัตถุสมบัติ เรื่องวัตถุสมบัติที่มีอยู่ในตัวเองทั้งหมดที่เอาเป็นกรรมสิทธิ์ ว่าสิ่งนี้เป็นของๆเรา หรือวัตถุอื่นที่มีวิญญาณครองหรือไม่มีก็ตาม เอาของสิ่งนี้มาพิจารณา การพิจารณาไม่ใช่พิจารณาให้มันรู้เฉยๆนะ ให้มันเห็นด้วย

เมื่อพิจารณาไปแล้ว ดูจิตเราเองบ้าง ว่ามีความยินดีผูกพันไหม การพิจารณาไปพูดไปนั้นถูกไหม ถูกต้อง แต่ดูจิตตัวเองด้วย ถ้าจิตตัวเองยังมีความยินดีผูกพันกับของเหล่านี้อยู่ ถึงความรู้เราจะพิจารณาได้ถูกต้อง แม่นยำ คล่องแคล่วสักเท่าใดก็ตาม ก็ยังไม่เป็นประโยชน์กับตัวเรา เพราะจิตเรายังไม่ได้ถอน ยังมีความยึดมั่นถือมั่นในส่วนลึกอยู่

ก็ให้เอาเรื่องเก่านั่นหล่ะ มาพิจารณาอีก พิจารณาซ้ำๆซากๆ ไปๆมาๆ หลายครั้งหลายหน มีการทบทวนดูตัวเองอยู่บ่อยๆ นี่คือพิ้นฐานครั้งพุทธกาลเขาทำกันอย่างงั้น..."

โอวาทธรรมคำสอน..
องค์หลวงพ่อทูล ขิปฺปปญฺโญ






หลวงปู่มั่นพบพระพุทธเจ้าในพระนิพพาน

มีเรื่องเล่ากันนานปีมาแล้ว ว่าท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตตมหาเถระ

ท่านเคยเล่า ว่าคืนหนึ่งขณะท่านปฏิบัติอยู่ในป่า ใจร่ำร้องกราบพระพุทธบาทสมเด็จพระบรมศาสดา ขอประทานพระมหาเมตตาให้ท่านพระอาจารย์ท่านรู้วิธีปฏิบัติที่จะนำไปสู่ความสมปรารถนาได้พ้นทุกข์

และสมเด็จพระบรมศาสดาก็ทรงพระเมตตาเสด็จลงให้ท่านพระอาจารย์ ได้เฝ้าพระพุทธบาทรับประทานวิธีปฏิบัติธรรมไปสู่ความไกลกิเลสได้สิ้นเชิง

ท่านพระอาจารย์ท่านเล่าว่าสมเด็จพระบรมศาสดาเสด็จลงให้ท่านได้เฝ้าพระพุทธบาทได้เห็นพระพุทธองค์ ดั่งได้เฝ้าพระองค์จริงขณะทรงดำรงพระชนมายุสังขารอยู่ฉะนั้น

ไม่ทราบว่าท่านพระอาจารย์ท่านบอกหรือเปล่า ว่าท่านมีความปีติโสมนัสเพียงไรในบุญวาสนาของท่านที่ไม่น่าเป็นไปได้ในชีวิตผู้ใดแต่ได้เกิดแก่ชีวิตท่านพระอาจารย์ท่านแล้วจริง

โปรดประทานพระมหากรุณาให้ท่านพระอาจารย์ท่านรู้วิธีเดินจงกรม วิธีปฏิบัติจิตใจ

จนในที่สุดท่านพระอาจารย์ท่านก็ได้เป็นดั่งองค์ แทนศิษยานุศิษย์ผู้สามารถปฏิบัติธรรมดำเนินถึงความพ้นทุกข์โดยสิ้นเชิง ได้เป็นพระอาจารย์สายปฏิบัติธรรมองค์สำคัญที่สุดอยู่ในยุคนี้ เป็นที่รู้กันอยู่ในบรรดาผู้ใส่ใจในการปฏิบัติธรรมทุกถ้วนหน้า

เรื่องนี้ ที่ท่านพระอาจารย์ท่านได้เล่าไว้ ไม่เพียงทำให้ท่านได้เป็นอาจารย์ผู้สอนธัมมะสำคัญแก่ศิษยานุศิษย์มากหลาย แต่ทำให้ได้ความเข้าใจที่ไม่เคยเข้าใจมาก่อนเลย ดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้น ว่าเมื่อสมเด็จพระบรมศาสดาเสด็จอยู่ในเมืองพระนิพพานแน่ ยังทรงได้รู้ ได้เห็น ได้ยิน ได้ฟัง ที่ควรแก่การได้รับพระพุทธเมตตา เช่นท่านอาจารย์มั่นท่านนั่นเอง ท่านพระอาจารย์ใหญ่มั่นท่านควรที่สุดแน่นอนแล้วที่จะได้รับพระมหากรุณา ผู้ปฏิบัติธรรมหรือผู้ศึกษาธรรมทั้งหลายย่อมเห็นด้วยกับความจริงนี้แน่นอน.

สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก
แสงส่องใจ วิสาขบูชา ๒๕๕๐







กล่าวเรื่องต่อไปอีก ปฏิปทาของหลวงปู่(หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต)ทอดสะพานให้ลูก ๆ หลาน ๆ ยังมีอยู่อีกมากมายนัก การเรี่ยไรแผ่ ๆ ขอ ๆ ในทางตรงและทางอ้อมและจัดงานขึ้นในวันเพื่อหารายได้สมทบการก่อสร้างหรือซ่อมแซมที่เกี่ยวกับตัวเงิน ๆ ไม่มีในขันธสันดานขององค์หลวงปู่เลย ของรางของขลังไม่มีในปฏิปทาเลย รูปเหรียญ ขายพระเล็กพระน้อย พุทธาภิเษกก็ไม่มีในปฏิปทาขององค์ท่านเลยนา วิชาปลุกเสก แกะหูแกะตา แคะหู แคะตา ให้พระพุทธรูปหรือทำพิธีบวชให้พระพุทธรูปก็ไม่มีในสันติวิธีขององค์ท่าน

องค์ท่านกล่าวว่า "สมมติเป็นพระพุทธรูปแล้วก็เสร็จกัน เราดีอย่างไรจึงจะไปบวชให้องค์ท่าน องค์ท่านบวชก่อนเราแล้ว เราดีอย่างไรจึงจะไปปลุกท่านให้ตื่น ท่านตื่นก่อนเราเข้าสู่อนุปาทิเสสนิพพานแล้ว เราดีอย่างไรจึงจะไปแคะหูแคะตาให้องค์ท่าน ตานอกตาในหูนอกหูในขององค์ท่านดีกว่าเราแล้ว จะภิเษกภิษันให้องค์ท่านเป็นอะไรอีก องค์ท่านเป็นพระพุทธเจ้าเต็มภูมิแล้ว จะเอาไสยศาสตร์ไปพอกไปทาองค์ท่านทำไม นั้นแหละตัวบาป นั้นแหละขุมนรกขุมมิจฉาทิฏฐิ เห็นผิดเต็มภูมิแล้วยังสำคัญว่าเห็นชอบ เข้าข้างตัวแต่ไม่เข้าข้างธรรมวินัย เพียงเท่านี้ก็ยังไม่รู้จักผิดรู้จักถูกแล้ว ธรรมอันละเอียดลออก็ยังมีขึ้นไปกว่านี้มาก ไฉนจะรู้ได้"

จาก ชีวประวัติ พระหล้า เขมปตฺโต







จิตรวมใหญ่ใต้ต้นกระบก

จนในที่สุดเมื่อภาวนาอยู่ไม่รู้จักคำว่า “หยุดถอย” อยู่มาวันหนึ่งในพรรษาที่ ๓ มานั่งภาวนาอยู่ที่ใต้ต้นกระบกที่วัดทรายงาม “จิตรวมใหญ่ด้วยการหยั่งสติปัญญา ลงในกายานุปัสสนา แยกแยะส่วนต่างๆ ของธาตุขันธ์ออก พิจารณาด้วยปัญญาไม่ลดละ คือยกทั้งส่วนรูปกาย ทั้งส่วนเวทนาคือทุกข์ภายใน ทั้งส่วนสัญญาที่หมายกายส่วนต่างๆ ว่าเป็นทุกข์ ทั้งส่วนสังขารตัวปรุงแต่งว่า ส่วนนี้เป็นทุกข์ ส่วนนั้นเป็นทุกข์ ขึ้นสู่เป้าหมายแห่งการพิจารณาของสติปัญญาผู้ดำเนินงาน ทำการขุดค้น คลี่คลายอย่างไม่หยุดยั้ง จิตมีกำลังขึ้นมาอย่างประจักษ์สามารถคลี่คลายธาตุขันธ์จนรู้แจ้งตลอดทั่วถึง ด้วยอำนาจแห่งการพิจารณา พิจารณากายครั้งนี้ละเอียดลออไปทุกชิ้น ทุกส่วน ทุกอัน ไม่มีตกหล่น จนได้สภาวะของใจอันละเอียดสุดนั้น จิตลงสู่ความจริงประจักษ์ใจ โลกทั้งหลายไม่มีปรากฏขึ้นกับใจ ขาดสูญไปหมด มีอยู่จำเพาะใจดวงเดียวไม่มีสิ่งใดเจือปน”

การพิจารณากายครั้งนี้ ปรากฏประหนึ่งว่า “แผ่นดิน แผ่นฟ้าละลายหมด กายกับใจนี้มันขาดออกจากกัน เหมือนว่าโลกนี้ขาดพรึบลงไป ไม่มีอะไรเหลือเลย แม้แต่ร่างกายก็สูญหายไปหมด เหลือแต่ความบริสุทธิ์ของใจอันเที่ยงแท้ทีเดียว” เมื่อจิตถอนออกจากสมาธิแล้ว จิตนี้แปลกประหลาดอัศจรรย์และพิสดารอย่างลึกล้ำ ถึงกับได้อุทานภายในใจว่า “นี่แหละชีวิตอันประเสริฐ เราได้พานพบแล้ว” คืนนั้นจึงเป็นคืนที่น่าจดจำอย่างไม่มีวันลืมธรรมชาติของจิตนี้มันแปลกกว่าที่คาดอยู่มาก มากขนาดว่าก่อนจิตรวมกับหลังจิตรวมนี้มันเหมือนคนละคน ทั้งๆ ที่เป็นคนเดียวกัน อันนี้พูดในด้านธรรมะนะ ไม่ได้โอ้อวด พอจิตนี้รวมถึงที่สุดแล้ว ถอนจิตออกจากสมาธิแล้ว จิตนี้มันอาจหาญ ไม่กลัวใคร คำไม่กลัว ไม่ได้หมายว่าเราเป็นนักเลง คือไม่กลัว ต่อความจริง อันไหนเป็นความจริงเราอาจหาญที่จะต่อสู้และพิจารณา เรียกว่า “ธรรมทำให้กล้าหาญ”

เมื่อภาวนาจิตลงได้อย่างนั้นแล้ว สมบัติใดๆ ในโลกที่เขานิยมว่ามีค่ามาก จะเอามากองให้เท่าภูเขาเลากา ไม่ได้มีความหมายเลย ธรรมสมบัติที่ปรากฏเมื่อคืนนี้ เป็นธรรมสมบัติเหนือรัตนะเงินทองโดยประการทั้งปวง อัศจรรย์ในธรรมของพระพุทธเจ้า เป็นที่ยิ่ง จิตไม่เกี่ยวเกาะด้วยกามคุณเลย ทั้ง ๆ ที่เคยสัญญากับคนรักไว้ก่อนบวชว่า “บวชเพียงหนึ่งพรรษา ก็จะสึกออกมาแต่งงานกัน” เมื่อจิตมิได้เยื่อใยในโลกเช่นนั้นอยู่มาวันหนึ่งเดินออกบิณฑบาต เจอคนที่เราเคยรักมาใส่บาตร เราจึงบอกสาวคนที่เรารักนั้นไปว่า “แป้งเอ๊ย...ต่อแต่นี้ไปเราจะไม่สึกแล้วนะ”

เมื่อเป็นสันทิฏฐิกธรรม คือรู้เองเห็นเองเฉพาะตนแล้ว จึงไม่นำไปพูดกับใครและปิดไว้ไม่ให้ใครรู้ จึงนึกถึงแต่กิตติศัพท์และกิตติคุณของท่านพระอาจารย์ (เมื่อเรานำเรื่องนี้ไปกราบเรียนท่านพระอาจารย์มั่น) ต่อมาภายหลังท่านเทศน์ให้หมู่เพื่อนฟังว่า

“บุญกุศลนี้ต่างกันโว้ย มีหมู่ปฏิบัติมา ๓-๔ ปี มันลงเหมือนเราที่นครนายก”

เราจึงรู้ว่ามันลงเหมือนกัน เพราะตอนนั้นเรายังเด็ก (อ่อนพรรษา) ทีหลังท่านเรียกเราว่า “ผ้าขี้ริ้วห่อทอง” ท่านว่าให้หลวงตาบัวฟังหรือเปล่าก็ไม่รู้ ท่านเรียก “ผ้าขี้ริ้วห่อทอง” เหมือนกัน (หัวเราะ)


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 7 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
cron
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO