นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน ศุกร์ 03 พ.ค. 2024 4:26 pm

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
 หัวข้อกระทู้: ข้าศึกภายในใจ
โพสต์โพสต์แล้ว: เสาร์ 15 ก.ค. 2017 5:21 am 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 4547
ข้าศึกใดก็ตามในแหล่งโลกธาตุ ไม่มีอำนาจอันลึกลับแหลมคม
เหมือนข้าศึกภายในใจ คือกิเลสตัณหานี่เลย
ข้าศึกนี้น่าหนักใจมากสำหรับผู้มีนิสัยอ่อนแอและขี้เกียจ
ไม่เป็นคนช่างคิด มีอะไรนิดมาสัมผัสคอยแต่จะยอมแพ้
ไม่คิดหาอุบายต่อสู้เพื่อตัวเองบ้างเลย
นิสัยชนิดนี้กิเลสมารชอบมากเป็นพิเศษ
ใครอยากเป็นคนพิเศษของมันก็ต้องฝึกและสั่งสมนิสัยนี้ขึ้นให้มาก
จะได้เป็นผู้รับใช้ที่โปรดปรานของมันชนิดไม่มีวันโผล่หน้าขึ้นมา
เห็นแสงอรรถแสงธรรมเครื่องนำให้พ้นทุกข์ได้เลย
เกิดมาภพใดชาติใดก็มอบดวงใจที่มีคุณค่า
เป็นเครื่องสังเวยเซ่นสรวงแต่กิเลส
ตัวมีอำนาจยิ่งกว่าธรรมภายในใจตลอดไป
.
หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน
คัดจากหนังสือ ปฏิปทาของพระธุดงคกรรมฐาน
สายท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตตะ
เรียบเรียงโดย ท่านอาจารย์พระมหาบัว ญาณสัมปันโน





พญานาค

โยม ; หลวงปู่เจ้าขา บนยอดภูกุ้มข้าว เขาเขียนไว้ว่า รูพญานาค โยมเลยสงสัยว่าพญานาคมีจริงหรือไม่เจ้าค่ะ ช่วงนี้ก็มีข่าวเกี่ยวกับพญานาคออกบ่อยๆ หนูเลยอยากมากราบขอโชคขอลาภกับพญานาคท่านหน่ะค่ะ

หลวงปู่ ; มีสิคุณ พญานาคมีจริงๆนะ

โยม ; หลวงปู่ทราบได้ยังไงว่ามีเจ้าค่ะ

หลวงปู่ ; (หลวงปู่ยกขวดนมเปรี้ยวชนิดหนึ่งขึ้น) ในนี้มีอะไรคุณ

โยม ; แลคโตบาซิลลัส เจ้าค่ะ

หลวงปู่ ; ไอ้ ลัดๆ นี่มันคืออะไร

โยม ; ภาษาเค้าเจ้าค่ะ คือเบคทีเรีย เป็นสัตว์ตัวเล็กๆเจ้าค่ะ

หลวงปู่ ; ทำไมคุณรู้ว่ามีหล่ะ

โยม ; ก็นักวิทยาศาสตร์เขาใช้กล้องส่องดูเจ้าค่ะ ดูด้วยตาเปล่าๆ ไม่เห็น

หลวงปู่ ; เออ การดูของแบบนี้ต้องใช้อุปกรณ์ดู ดูพญานาคก็ต้องใช้อุปกรณ์ดู นาคเป็นสัตว์ในโลกทิพย์ ก็ต้องใช้ตาทิพย์ดู ไม่มีตาทิพย์ก็ไม่เห็นของทิพย์ ไม่มีหูทิพย์ก็ไม่ได้ยินเสียงทิพย์ ไม่มีกายทิพย์ก็ไม่ได้ไปโลกทิพย์ เราไม่เห็นก็ไม่ได้แสดงว่าไม่มี

โยม ; อย่างนั้นโยมก็ไปกราบไหว้ ขอโชคขอลาภได้สิเจ้าค่ะ

หลวงปู่ ; เหอ ผิดไปกันใหญ่แล้ว รอแต่ไปขอคนอื่น มัวแต่ไปขอคนอื่นไม่ทำเอง เราจะได้รึเปล่า พญานาคเขาก็เป็นเพื่อนร่วมโลก ร่วมวัฏฏะสงสาร เคารพกัน อยู่ด้วยกันตามอัตภาพ ไม่ใช่ไปกราบไปไหว้ เป็นของนอกเหนือคำสอนพระพุทธเจ้า ยิ่งกราบยิ่งไหว้ยิ่งหนีไกลจากปัญญา หนีไกลจากพระธรรม การกราบการไหว้พญานาคไม่ใช่คำสอนของพระองค์ท่าน อย่าพากันทำเกินคำสั่งคำสอน โชคก็ดี ลาภก็ดีมัวแต่ไปแบมือขอคนนั้นคนนี้ สิ่งนั้นสิ่งนี้ คุณก็ไม่ต่างจากขอทาน ไม่ต่างจากลูกนกมัวแต่รอเหยื่อที่พ่อแม่เอามาป้อน แขนเราก็มีขาเราก็มีทำไมไม่ทำเอา มัวแต่ขอเขา ขอเขา สุดท้ายเราก็เป็นไอ้ขี้ขอ อยากได้อะไรก็ขอ ก็ขอ เป็นพวกขอทานผู้ดี ขอทานปัญญาชน เรียนมามากศึกษามาสูงกลับมาทำตัวเป็นขอทาน หมูหมาก็เป็นเพื่อนร่วมโลก ร่วมวัฏฏะสงสารทำไมไม่ไปขอ พวกนั้นก็สัตว์ในโลกเหมือนกัน

โยม ; ก็ต่างกันนี่ค่ะหลวงปู่ หมูหมาบันดาลโชคลาภให้หนูไม่ได้

หลวงปู่ ; ก็นั้นสิ แล้วคุณรู้ได้อย่างไรว่า พญานาคเขาดลบันดาลให้คุณได้

โยม ;..............................

หลวงปู่ ; คนฉลาดหมูหมาก็บันดาลโชคให้ได้ บางคนเลี้ยงหมูเลี้ยงหมาแล้วขาย เขาก็มีโชคมีลาภ โชคลาภจากการทำงานไม่ใช่แบมือขอ เขาพวกนั้นไม่ใช่ขอทานปัญญาชน ไม่ใช่ขอทานที่การศึกษาสูงนะ พญานาคเรารู้ว่ามี ก็มี แต่ไม่ใช่ไปเคารพกราบไหว้ ขอโชคขอลาภ เข้าใจนะ

โยม ; แล้วบั้งไฟพญานาคมีจริงไหมเจ้าค่ะ

หลวงปู่ ; เคยเห็นไหมหล่ะ

โยม ; เคยเห็นแต่ในทีวีเจ้าค่ะ

หลวงปู่ ; มีหรือไม่มี จะไปถามหาทำไม ถามแล้วได้อะไร

โยม ; บางคนเขาก็ว่าหลอกลวง

หลวงปู่ ; อย่าไปอยากรู้เลยว่าหลอกหรือไม่หลอก อย่าน้อยๆ บั้งไฟพญานาคก็ทำให้คนแถวนั้นมีรายได้วันออกพรรษา นั้นคนมีปัญญาขอโชคขอลาภกับพญานาค เรารู้จักทำมาหากิน ไม่ใช่แบมือขอ

โยม ; อย่างนั้นออกพรรษานี้ โยมควรไปดูไหมเจ้าค่ะ

หลวงปู่ ; อยากไปไหมหล่ะ

โยม ; อยากเจ้าค่ะ

หลวงปู่ ; คุณมีรถไหมหล่ะ

โยม ; มี เจ้าค่ะ

หลวงปู่ ; มี ก็ไปสิ

โยม ; .............................................

โอวาทธรรม หลวงปู่หา สุภโร







เรื่อง ตั้งศาลพระภูมิ

โยม : หลวงปู่เจ้าค่ะ ลูกสร้างบ้านใหม่ เลยว่าจะตั้งศาลพระภูมิดีไหมเจ้าค่ะ ???

หลวงปู่สิงห์ทอง : ฮือ !!! สิตั้งเฮ็ดหยังแนวผีอยู่ ให้ตั้งพระรัตนตรัยนั้นไว้ที่ใจ !!! อันนี้เป็นมงคลที่สุด อะไรกะเฮ็ดหยังเฮาบ่ได้ แนวอื่นมีแต่พวกผีสางมาอยู่ สู้ตั้งพระบ่ได้ดอก อย่าไปหายุ่งนำศาลผีพวกนี้

โยม : สาธุๆเจ้าคะ แต่ว่าที่บ้านตอนนี้เหมือนเขาจะมากวนให้ตั้งศาลให้ได้เจ้าคะหลวงปู่ จะทำอย่างใดดีเจ้าคะ ???

หลวงปู่สิงห์ทอง : อืม !!! กวนหยังกะอย่าสนใจ อย่าฟัง ให้ตั้งมั่นในพระรัตนตรัย แผ่เมตตาให้เขา เท่านี้กะพอแล้ว พระรัตนตรัยนี้ พุทธ ธรรม สงฆ์ นี้ ช่วยได้ทุกอย่าง

-:- คติธรรมคำสอนภาคเช้า -:-
หลววปู่สิงห์ทอง ปภากโร
วัดป่าสุนทราราม อ.เลิงนกทา จ.ยโสธร





คำสอนหลวงพ่อเรื่อง "แก้อารมณ์กิเลส

.. อันดับต้นขอให้บรรดาท่าน
ทั้งหลายรวบรวมกำลังใจของตน
ไม่ใช่เฉพาะเวลานี้ ผมถือว่าต้องใช้
อาการอย่างนี้ตลอด ๒๔ ชั่วโมง
นั่นก็คือ "สำรวมใจอยู่ในขอบเขต
ของความดี"

อันดับแรก "กำหนดรู้ลมหายใจเข้า
หายใจออก" เวลาหายใจเข้ารู้อยู่ว่า
หายใจเข้า เวลาหายใจออกรู้อยู่ว่า
หายใจออก หายใจเข้ายาวหรือสั้น
หายใจออกยาวหรือสั้นก็รู้อยู่
"นี่เป็นการคุมสติสัมปชัญญะ"

ถ้าจะใช้คำภาวนาเวลาหายใจเข้า
ภาวนาว่า "พุท" เวลาหายใจออก
ภาวนาว่า "โธ" ไม่ต้องออกเสียง
นึกในใจ รวบรวมกำลังใจของเรา
ไว้ในขอบเขตเพียงเท่านี้ นี่เป็นอันดับ
ต้นของการเจริญพระกรรมฐาน

แต่ผมว่าไม่ต้นสำหรับท่านทุกคน
เพราะบางท่านเจริญพระกรรมฐาน
มานับเป็นปีๆ ก็ยังมีอารมณ์ฟุ้ง
มีอารมณ์ซ่าน มีอารมณ์ทะเยอทะยาน
แสดงว่าไม่ได้ลดอะไรลงไปเลย

การไม่ลดของการบวชก็แสดงว่า
เป็นการเพิ่มโทษของกิเลสให้มัน
เพิ่มขึ้น หากว่าท่านทั้งหลายพยายาม
ฝึกใจเพียงเท่านี้ วิธีฝึกใจของท่าน
ทุกคน "จงลงพรหมทัณฑ์ตัวเอง"
หมายความว่า ถ้าไม่จำเป็นใดๆ
เราจะไม่พูดกับใครทั้งหมด

กำหนดจิตไว้อย่างนี้ เพราะว่า
เราจะถืออารมณ์ คุมอารมณ์ไว้ในด้าน
ของความดี คือ "จิตไม่ยอมรับสภาวะ
ของกิเลส" ไม่ยอมเคารพอารมณ์ของ
กิเลส ถ้าไม่จำเป็นจงอย่าพูดกับใคร
ถ้าพูดกับใคร "ก็จงพูดโดยธรรม"
"พูดในสิ่งที่เป็นประโยชน์"

และก็ไม่ก้าวก่ายพาดพิงไปถึง
อำนาจของความรัก อำนาจของความ
โลภ อำนาจของความโกรธ อำนาจของ
ความหลง เจรจาโดยธรรม ก็คือว่า
"เจรจาเฉพาะเหตุที่จะทำอย่างไร
ให้เราพ้นทุกข์" เพราะองค์สมเด็จ
พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงสอนไว้
ว่าอย่างไรอันนี้เป็นของไม่ยาก

ถ้าคิดอย่างนั้นมันไม่สบายใจ
ถ้ามีคาสเซ็ท มีเครื่องบันทึกเสียง
เอาคาสเซ็ทไปฟังตามอัธยาศัย
ใจมันจะอยู่ที่ธรรม เมื่อใจมันอยู่ที่ธรรม
หูมันอยู่ที่ธรรม อย่างนี้ "จิตใจมันก็สงบ"
ความฟุ้งซ่านความเดือดร้อนมันก็ไม่มี

อารมณ์ระยำอัปรีย์คือ ความรัก
ความโลภ ความโกรธ ความหลง
มันจะเบาบางไปทีละน้อยๆ เพราะ
อาศัยใจของเราที่ไม่คบกับมัน
นี่แหละบรรดาท่านพระโยคาวจร
ทุกท่าน

การแก้อารมณ์จากมาร ที่เป็นเหตุ
เป็นปัจจัยของความทุกข์ แก้แบบนี้
"ค่อยๆ ทำไปทุกทีๆ นานเข้าอารมณ์
มันจะชิน" ในที่สุดจิตเราก็จะมีแต่
ความสงบ สามารถที่จะบังคับให้
อารมณ์ที่เป็นอกุศลไม่สามารถที่จะ
มายุ่งกับอารมณ์จิตของเราได้

เราก็จะสบาย จุดนี้ถือเป็น
จุดปัจจัยอันหนึ่งที่จะ "เป็นเหตุที่ทำ
ให้เราพ้นทุกข์" ..

(พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน)
ที่มาจาก.. ธัมมวิโมกข์ ฉบับที่ ๔๑๐ หน้าที่ ๔๒-๔๔






"ให้ชนะความไม่ดีของเขา
ด้วยความดีของเรา"
-:-หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน-:-






"บุคคลไม่ควรเศร้าโศก อาลัยอาวรณ์
ถึงสิ่งนอกกายทั้งหลาย ที่มันผ่านพ้นไปแล้ว
มันหมดไปแล้ว เพราะสิ่งเหล่านั้น
มันได้ทำหน้าที่ของมัน อย่างถูกต้อง
โดยสมบูรณ์ที่สุดแล้ว

-:-หลวงปู่ดูลย์ อตุโล-:-







"คนเราจะเป็นสุข เมื่อรู้จักพอดี
ไม่มีใครได้อะไรตลอดไป
หรือเสียอะไรตลอดไป
ไม่มีใคร หรือสิ่งไหนคงอยู่ตลอดไป
โดยไม่สูญสิ้น ขอเพียงแค่รู้จักพอดี
ทุกคนจะเป็นสุข”

-:- หลวงปู่บุดดา ถาวโร -:-





พระพุทธศาสนา
เปรียบเหมือนน้ำอมฤตอันบริสุทธิ์ปราศจากโทษ
ผู้ถือพระพุทธศาสนาก็เท่ากับผู้บริโภคน้ำอันบริสุทธิ์
ผู้บริโภคมากก็ได้รับความสุขมาก
ผู้บริโภคน้อยก็ได้รับความสุขน้อย
สมควรแก่ภูมิของตน
อันจะปราศจากผลนั้น ไม่มีเลย.
พระอุบาลีคุณูปมาจารย์
(จันทร์ สิริจนฺโท)





ชีวิตความเป็นอยู่ตลอดมาถึงวัยนี้ขัยนี้
ก็เป็นของแสนยากแสนลำบาก
ต้องฝ่าฟันอุปสรรคขัดข้องมาโดยลำดับ.
พระอุบาลีคุณูปมาจารย์
(จันทร์ สิริจนฺโท)







"...กรรมนั้น เมื่อทำแล้ว ก็เหมือนดื่มยาพิษร้ายแรงเข้าสู่ร่างกาย ผู้เบียดเบียนเขา แม้จะได้สิ่งที่มุ่งไว้ แต่ผลที่แท้จริง อันจักเกิดจากกรรม คือ การเบียดเบียน ที่ได้ประกอบกระทำลงไปนั้น เป็นทุกข์เป็นโทษแก่ผู้กระทำอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

กรรมนั้นให้ผลสัตย์ซื่อนัก เหมือนผลของยาพิษร้ายแรง กรรมนั้นเมื่อทำแล้ว ก็เหมือนดื่มยาพิษร้ายแรงเข้าไปแล้วจักไม่เกิดผลร้ายแก่ชีวิต และร่างกายย่อมไม่มี ย่อมเป็นไปไม่ได้

ถ้าเป็นกรรมดีก็จักให้ผลดี ถ้าเป็นกรรมชั่วก็จักให้ผลชั่ว

เราเป็นพุทธศาสนิกชน นับถือพุทธศาสนา พึงมีปัญญาเชื่อให้จริงจังถูกต้อง ในเรื่องกรรม และการให้ผลของกรรมเถิด จักเป็นสิริมงคล เป็นความสวัสดีแก่ตนเอง..."

พระโอวาทธรรมคำสอน..
องค์สมเด็จพระญาณสังวร(เจริญ สุวัฑฺฒโน)
สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาปริณายก พระองค์ที่๑๙ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์






“...ความสุขที่แท้จริง ไม่ต้องใช้เงินเลยแต่กลับทำให้เงินเหลือ ความสุขที่หลอกลวงยิ่งต้องใช้เงิน จนเงินไม่พอใช้

ความสุขที่แท้จริงเกิดจากการทำงาน ด้วยความพอใจจนเกิดความสุข เมื่อกำลังทำงาน

ส่วนความสุขที่หลอกลวงนั้น คนเราไปทำความพอใจ ให้แก่กิเลส ซึ่งไม่รู้จักอิ่ม ไม่รู้จักจักพอ เงินจึงไม่มีเหลือ...”

โอวาทธรรมคำสอน..
องค์ท่านพุทธทาสภิกขุ
วัดสวนโมกขพลาราม จังหวัดสุราษฎร์ธานี







"...เกิดมาเป็นมนุษย์ในชาตินี้ ควรรีบเร่งอย่าชักช้าจะเสียการ จงพยายามฝึกจิต ฝึกใจ ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ให้ได้ทัน

เพราะงานของจิต ต้องถือว่าเป็นงานเร่งด่วน โดยมีความตายคืบคลานเข้ามาอย่างรวดเร็ว ถ้าแม้ว่าเผลอสติเพียงแว้บเดียว ความตายก็มาถึงตัวทันที..."

โอวาทธรรมคำสอน..
องค์ท่านพระอาจารย์เสาร์ กนฺตสีโล


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 6 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO