นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน ศุกร์ 03 พ.ค. 2024 2:10 pm

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
 หัวข้อกระทู้: ทางโลก ทางธรรม
โพสต์โพสต์แล้ว: พุธ 28 มิ.ย. 2017 8:30 pm 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 4547
ถาม : พระภิกษุ ควรติดตามข่าวสารทางโลกหรือไม่

พระอาจารย์ : นักบวชจริงๆไม่ควรรับรู้อะไรเลย
ต้องปิดทวารทั้ง๕ ตา หู จมูก ลิ้น กาย
สมัยอยู่วัดป่าบ้านตาด ท่านไม่ให้ดูหนังสือพิมพ์ ไม่ให้ฟังวิทยุ
ไม่ให้ติดต่อสื่อสารกับใครทั้งนั้น ให้ปิดทั้งหมด
แม้แต่กิจนิมนต์ยังไม่ให้ออกไปเลย ไม่ให้ออกไปรับรู้เรื่องราวต่างๆ
ให้ดึงใจเข้าข้างในอย่างเดียว

ถ้าอยากจะบรรลุธรรมต้องดึงใจเข้าข้างใน
ถ้าเปิดทวาร ใจมันก็จะส่งออก ท่านจึงให้ปิดทวารทั้ง๕
แล้วก็มาปิดทวารที่๖ ด้วย "สติ"
ทวารที่๖ ก็คือ "ความคิด"
ส่วน ตา หู จมูก ลิ้น กาย คือทวารทั้ง๕
กิเลสมันจะออกไปทาง ตา หู จมูก ลิ้น กาย
แล้วก็ออกไปทาง "ใจ" ก็คือ "ความคิด"
ปิดทวารด้วยการอยู่ในที่ไม่มีการรับรู้เรื่องราวต่างๆ
แล้วก็ใช้ "สติหยุดความคิด"
ถ้าหยุดความคิด ใจก็จะเข้าข้างใน ใจก็จะสงบ
แล้วใจก็จะหลุดพ้นจากความทุกข์ได้

พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
ธรรมะบนเขา ณ จุลศาลา เขตปฏิบัติธรรมเขาชีโอน
วัดญาณสังวรารามวรมหาวิหาร ชลบุรี
วันที่ 24 สิงหาคม 2559





"... เป็นมะเร็งเนอะ ช่างหัวมัน
คนเราน่ะ เกิดมามันต้องแก่ มันต้องเจ็บ มันต้องตาย ต้องพลัดพรากจาก ช่างหัวมัน
ให้โยมมีความสุขในการรู้จักรู้แจ้ง เนอะ
ถ้าเราตายก่อน เราก็ไปก่อน ช่างหัวมัน
เรามีความสุขในการมีคุณธรรม
มีความสุขในการหายใจเข้า
มีความสุขในการหายใจออก
ช่างหัวมัน
โยมมาอาศัยร่างกายนี้อยู่ เราก็ว่าเป็นผู้หญิง
เจ้านั้น มาอาศัยร่างกายนั้นอยู่ ก็ว่าเป็นผู้ชาย
คนเค้ามาหาหลวงพ่อน่ะ ก็จากหลวงพ่อไปเยอะละเนอะ
แล้วโยมมา โยมก็ต้องไปโรงครัว (...โยมหัวเราะ...)เนอะ
เอ้า สาธุให้เค้าหน่อย..."

หลวงพ่อกัณหา สุขกาโม
วัดป่าทรัพย์ทวีธรรมาราม
วันพุธที่ ๒๑ มิถุนายน ๒๕๖๐





"ความเจริญทางโลก"

สมัยนี้ทางโลกเฃาพัฒนาไปรวดเร็ว ทุกอย่างสะดวกรวดเร็ว จะพัฒนาไปอย่างไรก็ไม่สามารถ มาทำให้ใจเราเย็นได้ มีแต่จะทำให้ใจเราร้อนขึ้นไปเรื่อยๆ จึงขอให้เราระวังกับการเจริญทางโลก มันจะทำให้ใจเราร้อนขึ้นไปเรื่อยๆ เพราะยิ่งสะดวกรวดเร็วก็ยิ่งอยากให้มันสะดวกรวดเร็วขึ้นไป ใจจะร้อนขึ้นไปไม่ได้เย็น ใจจะมีความทุกข์มากขึ้น ฉะนั้นอย่าไปหลงกับความเจริญทางโลกมากจนเกินไป เอาความเจริญทางโลกมาใช้ให้เกิดประโยชน์ คือเราต้องรู้จักประมาณ อย่าไปหลงใหลกับสิ่งต่างๆ ที่เขาผลิตขึ้นมาหลอกเรา ให้เราอยากได้อยากมีอยากเป็นกัน เพราะต่อให้เราได้มาเท่าไหร่ มันก็ไม่อิ่มไม่พอ แต่จะทำให้เราหิว ทำให้เราอยากได้เพิ่มมากขึ้นไปเรื่อยๆ มันก็จะหลอกให้เราดิ้นรนไปหากัน เหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้ากับการแสวงหา สิ่งต่างๆ ที่เราเห็น ที่เราได้พบ ได้มาแล้วก็ไม่พอ มีแต่อยากจะได้เพิ่มมากขึ้นไปเรื่อยๆ นี่คือผลกระทบต่อจิตใจของพวกเรา กับความเจริญก้าวหน้าทางด้านวัตถุ.

สนทนาธรรมะบนเขา

วันที่ ๒๗ มิถุนายน ๒๕๖๐

พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต





"..."จิต" คนเรามีพลัง มีอำนาจมาก ขอให้ภาวนา ทานก็ทำ เป็นสมบัติติดตัว ติดตามไปทุกภพ ทุกชาติ แต่จิตภาวนานี้ มีอำนาจมาก มีพลังมากขอให้ "ภาวนา" อย่าได้ขี้เกียจภาวนา"
ภาวนาจนจิตสงบ จิตรวมลงเหมือนเส้นด้ายพุ่งเข้ารูเข็มให้ได้เสียก่อน แล้วจึงหมุนสู่ขั้นปัญญา สมาธิก็เหมือนการรวบรวมทรัพย์ เมื่อมีมากจนเพียงพอแล้ว ก็เอาทรัพย์ออกไปใช้ คือ เอาปัญญาออกไปฆ่ากิเลส เข้าใจมั้ย..."
หลวงปู่จันทร์เรียน คุณวโร วัดถ้ำสหาย จ.อุดรธานี






...แล้วก็ "อย่าไปยกระดับ" ของอาหาร
และเสื้อผ้า ให้มันมีราคาแพงขึ้นไป
เพราะมันก็ "ทำหน้าที่ได้เหมือนกัน"
.
...อาหารมื้อละหนึ่งร้อย
กับ อาหารมื้อละห้าร้อย
มันก็ทำให้ร่างกาย "อิ่มเหมือนกัน"
.
...ฉะนั้นสู้ใช้ร้อยนึง แล้วเก็บไว้สี่ร้อยดีกว่า
เผื่อวันข้างหน้าไม่มีรายได้
ก็จะมีเงินนี้เอามาใช้ได้
.
...ถ้าใช้ของแพงมันก็จะหมดเร็ว
แล้วมันก็จะติดเป็นนิสัย
"ใช้ของแพงแล้วจะใช้ของถูกไม่ได้"
.
...เวลาต้องกลับมาใช้ของถูก
ก็จะ..มีความไม่สบายใจ มีความทุกข์ใจ
.
...แล้วก็อาจจะทำให้เราไปทำสิ่งที่
เราไม่ควรทำกัน..คือ
"ไปทำบาป ไปทำผิดกฏหมายกัน"
.................................................
.
คัดลอกการสนทนาธรรม
ธรรมะบนเขา 27/6/2560
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
วัดญาณสังวรารามฯ ชลบุรี






"อุทิศบุญให้กับผู้ที่ต้องมารับบุญ"

ถาม : การทำบุญครบรอบวันละสังขารของพ่อแม่ครูบาอาจารย์ เวลากรวดน้ำถวายบุญกุศลให้ พ่อแม่ครูบาอาจารย์ได้คนเดียว จะอุทิศให้บุคคลอื่นได้ไหมคะ เช่นพ่อแม่ เจ้ากรรมนายเวรของเราค่ะ

พระอาจารย์ : ได้ ครูบาอาจารย์ไม่ต้องไปอุทิศให้ท่านหรอก ท่านเป็นเศรษฐีบุญแล้ว เพียงแต่เราเอาเหตุของความตายของท่านมาเป็นเหตุให้เราได้ทำบุญ แล้วเราก็อุทิศให้กับผู้ที่ต้องมารับบุญ ครูบาอาจารย์ท่านไม่มารับบุญของเราหรอก ท่านมีบุญมากกว่า บุญที่เราส่งไปให้ท่าน ท่านเป็นเศรษฐี เศรษฐีบุญ เหมือนกับเศรษฐีนี่ถ้าเอาเงินที่ให้ขอทานไปให้เศรษฐีเขาจะเอาไหม บอกไม่ต้องหรอกเก็บไว้เถอะนะ เรามีเหลือกินเหลือใช้แล้ว แต่เขาทราบเขาก็จะบอกขอบใจ อนุโมทนาที่ยังอุตส่าห์คิดถึงเราอยู่ แต่ไม่ต้องกังวลกับเราหรอก เรามีบุญเหลือเฟือแล้ว อุทิศไปให้กับพวกที่เขาไม่มีดีกว่า ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่าเป็นใคร เพราะถ้าเขาไม่มาบอกเรา เราก็ไม่รู้หรอกแต่เราก็ทำเผื่อไปอย่างนั้นเอง เผื่อพ่อแม่เขาไม่มีบุญ เขารอบุญอยู่นี้เราก็ให้เขาไป แต่ส่วนใหญ่ถ้าเขามาขอบุญนี้เขาจะต้องมาส่งสัญญาณบอกเรา เช่นมาเข้าฝันว่าโอ้ยตอนนี้ลูก พ่อแม่ลำบากเหลือเกิน ช่วยพ่อแม่หน่อยเถิด อดอยากขาดแคลน ไม่มีข้าวกิน ไม่มีที่อยู่อาศัย นี่ตอนเช้าก็ไปใส่บาตรซะ แสดงว่าท่านมาขอบุญ แต่ถ้าไม่มาขอเราก็ทำไป ให้สรรพสัตว์ไป ใครก็ได้ ถ้าบางทีไม่มีพี่ไม่มีน้อง หรือไม่มีคนที่เราชอบทำบุญอุทิศให้ เราก็อุทิศแทนให้เขาไปก็ได้ หรือไม่อุทิศก็ได้ แล้วแต่เรา.

สนทนาธรรมะบนเขา
วันที่ ๒๖ มิถุนายน ๒๕๖๐
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 5 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
cron
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO