นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน เสาร์ 04 พ.ค. 2024 9:24 pm

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
โพสต์โพสต์แล้ว: อาทิตย์ 18 มิ.ย. 2017 5:25 am 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 4548
"..ทำการงานทุกอย่างให้มีสติ และยอมรับความจริง ว่าทุกสิ่งในโลก ล้วนไม่จีรังยั่งยืน ยึดถือหรือไม่ยึดถือ.. ก็ไม่ได้อะไร ทางโลกนั้นไปยึดถือเรื่องราวต่างๆ ไม่ว่าสุขหรือทุกข์ มันก็เหมือนกับไปไล่จับลูกนกลูกกา เสียเวลาเปล่า แล้วเอ็งจะเอาอะไร.?. มีสาระอะไรในโลกนี้ให้เอ็งเอาอีกล่ะ.?."
หลวงพ่อประสิทธิ์ ถาวโร
วัดถ้ำยายปริก




"ทุกสิ่งทุกอย่าง ถ้าเราไม่รู้ เราก็ต้องติดอยู่กับสิ่งที่ไม่รู้ ยิ่งสิ่งที่ไม่รู้ ถ้าเรารู้แล้ว เราก็ออกห่างไปได้ อยู่กันได้ เหมือนบุคคลรู้กันนี่แหละ เมื่อรู้กันแล้ว เวลาจะกลับบ้านใครบ้างมันก็ไปได้ เวลาไปหากันก็มี ความสมานสามัคคีกันเป็นกายสามัคคีได้ เวลาหนีจากกันก็หนีได้ ก็เรียกว่าคนรู้เหมือนกับน้ำอยู่บนใบบัว น้ำมันก็อยู่กับใบบัวแต่ก็ไม่ติดใบบัวเราเคยเห็นไหมใบบัวใหญ่ๆ น้ำมันค้างอยู่บนใบบัวแล้วมันติดใบบัวไหม ถ้าเราไปเอียงใบบัวน้ำก็ตกออกจากใบบัวทันที จะไม่มีติดอยู่กับใบบัว

ฉันใดก็ดี ถ้าหากเรามีความพอใจ เราหลงเพลิดเพลินแล้ว เรายึดมั่นว่ามีความสุขแล้ว เราก็รู้ทันทีว่า เดี่ยวนี้จิตของเรากำลังอยู่ในราคะ ตั้งอยู่ในราคะ ความกำหนัด ความยินดี เราควรที่จะรู้อย่างนั้นทันที ถ้าเมื่อเรารู้แล้ว เราก็ควรที่จะปล่อยว่าง ว่าอันนี้เป็นราคะเกิดขึ้นมา ถ้าหากเรายึดมั่นถือมั่น ทุกข์จะตามมาหาเรา เพราะเราติดอยู่กับสิ่งนั้น"

____________________

พระอาจารย์เปลี่ยน ปัญญาปทีโป







"..ถ้าเอ็งยอมรับความจริงนะ.. เอ็งจะไม่กระวนกระวาย เพราะความจริงนั้น..คือเหตุปัจจัย เห-ตุปัจจโย ทุกสิ่งล้วนเกิดจากเหตุปัจจัย.. เพราะเหตุอย่างนี้ จึงเกิดผลอย่างนี้..

ก็ถ้าเอ็งเคยทำบาปทำกรรมไว้ มันจะต้องไปตกนรกหมกไหม้ หรือต้องไปเป็นเปรต อสุรกาย สัตว์เดรัจฉาน มันก็ต้องไปอย่างนั้น ดิ้นรนหนีไปก็เท่านั้น กระวนกระวายไปก็ไม่มีประโยชน์

แต่ก็นั่นแหละ.. เอ็งต้องไม่ลืมว่า.. ในเมื่อเหตุอย่างนี้ ทำให้เกิดผลอย่างนี้ รู้แล้วจะนั่งงอมืองอเท้าหรือ ก็ทำเหตุใหม่ให้ดีสิ ผลร้ายมันจะได้บรรเทาเบาบาง แค่นั้นเอง

จึงว่าความกังวลถึงสิ่งที่ล่วงไปแล้วนั้นไม่มีประโยชน์ การใช้สติพินิจพิจารณาถึงสิ่งทีอยู่ตรงหน้า คือปัจจุบัน ทำกิจประกอบด้วยสติปัญญานั่นแหละมันจะค่อยดีค่อยเป็นขึ้นมา แค่นั้นเอง..!!"

--
หลวงพ่อประสิทธิ์ ถาวโร
วัดถ้ำยายปริก








"..หลวงพ่อแนะนำธรรมะให้เอ็งตลอดมา ว่าทุกอย่างล้วนเป็นเรื่องสมมติ มีเกิดมีดับเป็นธรรมดา ไม่ใช่จะอยู่ถาวรอย่างนั้นเสียที่ไหน แล้วจะมีอะไรที่เอ็งควรจะเข้าไปยึดไปถือ ไปครอบครอง..

แต่เอ็งกลับไปยึดเอาความทุกข์ ซึ่งเป็นสภาวะธรรมอย่างหนึ่งที่ไม่ใช่ตัวตนอะไร เป็นแต่เพียงความรู้สึกในใจ เอ็งไปแบกมันไว้.. ก็โง่เต็มทน

เพราะอะไรรู้ไหม.?. ก็เพราะว่าความทุกข์มันก็อยู่ของมัน มันไม่ได้ขอร้องให้เราไปแบกมันไว้นะ เราต่างหากที่เสนอหน้าเข้าไปหามันเอง

และก็เท่ากับว่า.. เอ็งลืมสิ่งที่หลวงพ่อแนะนำมาทั้งหมด .."

--
หลวงพ่อประสิทธิ์ ถาวโร
วัดถ้ำยายปริก








" ให้พากันสอดส่องมองดูจิตของตนเองเป็นผู้มีสติ ความระลึกได้ สัมปชัญญะ ความรู้ตัว ดูจิตของตนเองอยู่ทุกขณะว่ามันมีพยาบาทมั้ย ถ้ามันมีพยาบาทก็ตั้งเมตตาขึ้นมีความรักไคร่ขึ้น ตั้งกรุณาความสงสารเพื่อนมนุษย์และสัตว์ทั้งหลาย อยากให้มีความสุขเสมอกัน เรามีความสุขก็อยากให้เพื่อนมนุษย์และสัตว์ทั้งหลายมีความสุขเสมอกัน เมื่อนั้นแหละ

หากจิตใจของพวกเราท่านทั้งหลายหายจากความพยาบาทอาฆาตจองเวรกันแล้ว เป็นผู้มีความเมตตากันอยู่ เรียกว่า อัพยาปาทะสังกัปโป ความดำริคลายความพยาบาทออกจากจิตใจให้สิ้นไปมีแต่ความเมตตาตั้งอยู่ จิตก็จะนิ่งอยู่มีความสุขเกิดขึ้นได้ "

__________________

#โอวาทธรรมคำสอน

พระอาจารย์เปลี่ยน ปัญญาปทีโป
วัดอรัญญวิเวก อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่







" ถ้าหากเรามีความพอใจ หลงเพลิดเพลินแล้ว เรายึดมั่นว่ามีความสุขแล้ว เราก็รู้ทันทีว่าเดี๋ยวนี้จิตของเรากำลังอยู่ในราคะความกำหนัด ความยินดี เราควรที่จะรู้อย่างนั้นทันที เมื่อเรารู้แล้วเราก็ควรที่จะปล่อยวาง ถ้าหากเรายึดมั่นถือมั่น ทุกข์จะตามมาหาเรา "

______________________

พระอาจารย์เปลี่ยน ปัญญาปทีโป
วัดอรัญญวิเวก อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่








คนถามว่านรก สวรรคฺมีจริงหรือ !!

" ให้เชื่อพระพุทธเจ้า ถึงยังไงก็เถอะ ถ้ามันไม่สัมผัสด้วยเจ้าของ เขาว่ามันไม่ขาดสงสัย เพราะตัวสงสัยเป็นวิจิกิจฉา เป็นกิเลสตัวหนึ่ง ก่อนจะหมดขั้นสงสัยต้องผ่านขั้นโสดาบันไปก่อนสิหมดสงสัย ทีแรกก็ทำไปตามทางที่ดี เชื่อร้อยเปอเซนต์ พอได้ผลปรากฎเรื่องใจ เราเห็นประจักษ์ว่าเป็นของเราจริง ๆ มันค่อยแน่นขึ้น ศรัทธาก็เพิ่มขึ้นกว่าเก่าเพราะความหนักแน่น เห็นใจคือเห็นธรรม

ธรรมมันก็มีหลายขั้นนี่นา ขั้นต้นก็โลกิยธรรม ต่อไปก็โลกุตรธรรม กัลยาธรรม ธรรมอันงานขึ้นก่อน ปุถุชนมีธรรมอันงาม จากนั้นก็เป็นอริยธรรม ไม่กล้าทำบาปแล้วด้วยกาย เวลาพูดก็ไม่กล้าพูดผิดเพราะอาย การทำสิ่งที่ผิดเพราะกลัวบาป อันนี้เรียกว่าธรรมเข้าถึงตัว เพราะตัวธรรมจริงๆ เป็นตัวใจ ตัวใจมาผสมกันเข้าอยู่ส่วนกลางเรียกว่าใจ การรักษาใจคือการรักษาธรรม รักษาพระศาสนา รักษาตัวเอง เสริมสร้างตัวเอง ให้แข็งแกร่ง ที่แรกก็ให้พึ่งพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ พอได้ทราบว่าพระพุทธเจ้าทำอย่างไร พระธรรมสอนอย่างไร พระสงฆ์สอนอย่างไร พอไปทำตามมันได้รู้ได้เห็นได้เป็นของตัวเอง รู้ชัดเจน พึ่งตัวเองได้แล้ว อัตตาหิ อัตตโน นาโถ ธรรมของพระพุทธเจ้าสอนให้รู้ด้วยตัวเอง ไม่ใช่สักแต่ทำไปตามเขา เบื้องต้นคือน้อมใจเชื่อ เชื่อด้วยศรัทธา ปัญญา ความคิด ให้พยายามทำเข้า ทำได้จริงก็คือ ผล "

__________________

หลวงปู่บุญมี ปริปุญโณ






" เราเป็นลูกชาวพุทธ อย่าปล่อยอย่าวางธรรมจนเกินไป ตื่นขึ้นมาวันหนึ่งจนกระทั่งหลับ ไม่มีพุทโธ หรือธัมโม หรือสังโฆ ติดใจบ้าง นี่มันเหลือประมาณนะ แม้้ไม่ได้เพียง ๕ นาที ก่อนจะหลับนอนก็ยังดี "

_____________________

หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน






ขณะนี้เด็กอยู่ที่วัด ๓๐๐ คน เมื่อคืนให้โอวาทไปแล้ว บอกหนูก่อนไปโรงเรียนไหว้ครูลัก ครูจำ ครูแนะ ครูนำ ครูพร่ำ ครูสอน พบคนแก่ให้เลี่ยงทาง พบพระนมัสการนะหนูนะ หนูดูเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน ราชบุตร ราชธิดา กราบที่เท้าบนสนามหญ้า ๓ ครั้ง มันเป็นภาพที่ซึ้งใจ สอนเด็กมาจนทุกวันนี้ นี่ได้จากครูบาอาจารย์ท่านสอนอาตมา

ธรรม..คำสอน..พ่อแม่ครูอาจารย์หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม
คัดลอกจาก..หนังสือกฏแห่งกรรม ธรรมปฏิบัติ เล่ม 8








"มนุษย์ผู้ใดถือศีล ๕ ได้มั่นเที่ยงแล้ว
ผู้นั้น ได้เป็นอุบาสก อุบาสิกา
ในพุทธศาสนา เป็นผู้มีปัญญา
เกิดมามิเสียชาติ เป็นผู้ฉลาด
นำความสุขมาใส่ตัว
ประเสริฐกว่าทรัพย์สมบัติ ทั้งหลาย
ที่มีอยู่ในโลกนี้ทั้งมวล"

-:-ครูบาเจ้าศรีวิชัย สิริวิชโย-:-







"วันเวลาที่หมดสิ้นไป
โดยไม่ได้ทำอะไรที่เป็นคุณค่า
เป็นประโยชน์แก่ตนเองบ้าง
ในชีวิตที่เกิดมาในโลก
และได้พบพุทธศาสนานี้
ช่างเป็นชีวิต ที่น่าเสียดายยิ่งนัก

เวลาแม้นเพียงหนึ่งนาทีที่
ผ่านเลยไปนั้น แม้ว่าจะทุ่มเงิน
จำนวนมหาศาลสักสิบล้าน ร้อยล้าน
ก็ไม่สามารถซื้อคืนกลับมาได้

ฉะนั้น สิ่งที่น่าเสียดายในโลกนี้
จะมีอะไรน่าเสียดายเท่ากับ
ปล่อยให้วันเวลาผ่านเลยไป
โดยเปล่าประโยชน์
แม้นว่าจะเพียงแค่นาทีเดียว"

-:-หลวงปู่สิม พุทฺธาจาโร-:-








"บัณฑิต ผู้มีความฉลาด
ย่อมไม่ดูหมิ่นบาปบุญ
แม้เพียงเล็กน้อย
บาปนิดหน่อย ก็ไม่ทำ
บุญนิดหน่อย ก็ย่อมทำ"

-:-หลวงพ่อพุธ ฐานิโย-:-






“ไปวัดนั้นว่าเป็นอย่างนั้น ไปวัดนี้ว่าเป็นอย่างนี้ ไปดูพระองค์นั้นเป็นอย่างนั้น พระองค์นี้เป็นอย่างนี้ ตัวเองเป็นอย่างไรไม่คิดบ้างเลย มันได้ประโยชน์อะไร ไปหาดูแต่นอกๆ ไม่สนใจดูตัวเอง เท้าสะดุดรากไม้ หัวตอ อยู่ตลอดเวลา จนล้มลุกคลุกคลาน ไม่ดูเท้าที่สะดุด ดูแต่ต้นไม้ภูเขา ดินฟ้าอากาศโน่น อวกาศโน่น แต่หัวตอ ที่จะให้โดนสะดุดหัวแม่เท้าอยู่ ไม่สนใจดู ความผิดมันอยู่กับเจ้าของ ไม่ได้อยู่ที่รากไม้หัวตอ จึงควรดูเจ้าของ มากกว่าดูสิ่งอื่นใด”

โอวาทธรรมคำสอน..องค์หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปัณโณ


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 4 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO