นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน เสาร์ 04 พ.ค. 2024 9:55 pm

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
 หัวข้อกระทู้: ภาวนาชำระกิเลส
โพสต์โพสต์แล้ว: พุธ 14 มิ.ย. 2017 5:37 am 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 4548
"...ภาวนาก็เอาแต่ดูนาฟิกา นี่ครบชั่วโมงหรือยัง ไอ้อย่างนี้มันภาวนาเอาเวลานี่ ไม่ใช่ภาวนาชำระกิเลส สำรอกกิเลส ภาวนาก็คิดแต่ว่าได้หรึอ เมื่อไหร่จะได้ จะมีจะเป็น ภาวนาอย่างนี้ มันเป็นตัณหา มันเอาแต่หา แล้วอย่างงี้มันจะสงบได้อย่างไร ภาวนามันต้องปล่อย ต้องละ ต้องวาง ไม่ใช่คอยแต่จะหา จะเอา..."

โอวาทธรรมหลวงปู่ทองคำ กาญจนวัณโณ





"ในหมู่คนดี
ย่อมมีคนไม่ดี
ปะปนอยู่ด้วย
เป็นของธรรมดา
จึงไม่ควรใส่ใจ

คนไหนดี
เราก็สรรเสริญ
คนไหนไม่ดี
เราก็ออกห่าง
ไม่ยกย่อง

จงรักคนทุกคน
ไว้ใจบางคน
อย่าทำผิดต่อทุกคน
และจงดูตนเสมอ"

-:-หลวงปู่หลอด ปโมทิโต-:-







การพิจารณาเรื่องธาตุเรื่องขันธ์ในเวลาจะตาย ไม่ใช่พิจารณาเพื่อชำระสะสางจิตใจซึ่งมีความลุ่มหลงนะ มันหากเป็นตามอัธยาศัย เราแน่ใจว่าบรรดาพระขีณาสพทั้งหลายท่านเป็นอัธยาศัยของท่าน ที่จะต้องพิจารณาตามความจริง ในระหว่างขันธ์กับจิตที่จะจากกัน คือสัมผัสสัมพันธ์กับความรู้อันนั้น ส่วนความรู้ที่บริสุทธิ์แล้วจะเป็นอะไรไปไม่ได้ นอกจากความบริสุทธิ์ล้วน ๆ อยู่ตลอดเวลาอกาลิโกเท่านั้น ไม่มีทางเป็นอื่น

อย่างพระพุทธเจ้าท่านทรงเข้าฌานเสีย ๑) ตามพระอัธยาศัยของพระองค์ ๒) เป็นถึงขั้นศาสดาต้องวางลวดลายไว้ให้เต็มภูมิของศาสดาในวาระสุดท้าย ในบรรดาสาวกทั้งหลายท่านทำตามอัธยาศัยของท่าน เช่นดังที่ท่านอาจารย์มั่นท่าน พูดแล้วเรามาเขียนไว้ว่า บางองค์ท่านเดินนิพพาน บางองค์นั่งนิพพาน บางองค์ยืนนิพพาน บางองค์นอนนิพพาน ทำไมท่านจึงเป็นอย่างนั้น ท่านทำตามอัธยาศัยของท่าน เพราะเหตุใด เพราะเวทนาทั้งหลาย แม้ถึงขั้นขนาดนั้นก็ไม่สามารถจะมาครอบงำจิตของท่านที่เป็นวิสุทธิจิตนั้น ให้อยู่ใต้อำนาจแห่งสมมุตินี้ได้เลย เพราะฉะนั้นท่านจึงทำตามความสะดวกสบายของท่าน ตามอัธยาศัยของท่านอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย แล้วก็ผ่านไปอย่างสบายหายห่วง

นี่แหละการเรียนธรรมะ ให้มันรู้ถึงใจอย่างนั้นซิ อย่าฟังแต่ความคาดคะเนของตน หลอกตนเองอยู่เรื่อย ๆ ปฏิบัติ ความจริงมีอยู่ สติปัญญามีอยู่ ศรัทธาความเพียรมีอยู่ ของจริงที่จะพิจารณา เป้าหมายแห่งการพิจารณา เพื่อทราบความจริงมีอยู่ ในกาย ในเวทนา ในจิต ในธรรม ในทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค นี้เป็นสถานที่ลับสติปัญญาให้คมกล้า ถึงกับรู้ความจริงนี้มาโดยลำดับ จนกระทั่งรู้ความจริงสุดส่วนก็อยู่ที่นี่ไม่อยู่ที่ไหน อย่าคาดอย่าหมายไปที่ไหนนักปฏิบัติ เอาให้เห็นที่ตรงนี้ พระพุทธเจ้ารู้ที่ตรงนี้ พิจารณาที่ตรงนี้ รู้ที่ตรงนี้ สาวกทั้งหลายท่านก็ปฏิบัติที่ตรงนี้ รู้ที่ตรงนี้ รู้ที่ตรงนี้แล้วหายห่วงหมด

พ่อแม่ครูอาจารย์หลวงปู่ใหญ่พระมหาบัว ญาณสัมปันโน
เทศน์อบรมพระ ณ วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๒๒ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๒๑








"อย่ายึด อย่าขึ้นกับครูบาอาจารย์
ธรรมะจะรักษาผู้ประพฤติธรรม
สิ้นครูบาอาจารย์ไป
ธรรมะก็ยังอยู่กับบุคคลนั้น

ปฏิบัติธรรม สำคัญว่า
นำธรรมะมาปฏิบัติ ใช่หรือเปล่า
ไม่ใช่ว่าอยู่สายไหน
ธรรมะของพระพุทธเจ้าเดียวกันนะ"

-:-หลวงพ่ออำนาจ โอภาโส-:-






"ถ้าหากว่าเรารู้ธรรม
เราทำจิตให้เป็นกลางลงไป
แล้วไม่ลำเอียงกับใคร

ให้ถือว่า เป็นเพื่อนร่วมการร่วมงานกัน
เป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกัน
ถือว่า เป็นเพื่อนสร้างบุญบารมีร่วมกัน
ถ้าต่างคน ต่างระลึกอย่างนี้ รู้อย่างนี้แล้ว

เราก็ร่วมงานกันไป จะผิดพลาดไปบ้าง
ก็ให้อภัยกันไปอย่างนี้ ไม่ถือสาหาความกัน
นี่เรียกว่า ความประพฤติ เป็นธรรมต่อกันและกัน"

-:-หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ-:-






กุศลชนิดใดที่มีอานิสงส์มากกว่าวิหารทาน
ผู้ถาม : หลวงพ่อครับ กุศลชนิดใดที่มีอานิสงส์มากกว่าวิหารทานบ้างครับ?
.
หลวงพ่อ : สัพพะทานัง ธัมมะทานัง ชินาติ การให้ธรรมเป็นทาน ชนะการให้ทั้งปวง ให้ธรรมทานซิคุณ
.
หนังสือเรียนของเด็ก หนังสือเรียนของผู้ใหญ่หนังสือเรียนของพระหนังสือธรรมะต่างๆ ดูตัวอย่างพระสารีบุตร ให้ปัญญากับประชาชนทั้งหลาย เพราะอานิสงส์ได้เคยสร้างพระธรรม ซึ่งเป็นถ้อยคำที่มีประโยชน์ถวายพระพุทธเจ้า เกิดมาชาติหลังสุด จึงทำให้เป็นพระที่มีปัญญามาก
.
อย่างเงินที่เขาถวายฉันไว้นี่ พอกลับไปถึงวัดก็เรียบร้อย เลี้ยงอาหารพระบ้าง ค่ากระแสไฟฟ้าบ้าง ค่าก่อสร้างบ้าง รวมความว่า ที่ท่านตั้งใจนี่มีผล ๔ อย่าง
.
๑. สร้างพระพุทธรูป
๒. วิหารทาน
๓. สังฆทาน
๔. ธรรมทาน
.
ทั้งหมดนี้ ใช้ทุนไม่ต้องมากก็ได้ เอาสัก ๕๐ สตางค์ เป็นอันว่า การทำบุญเอาแค่พอสมควร แต่ให้มันเป็นบุญใหญ่ เขามุ่งแบบนั้นนะ คือเราเอาไปผสมกับเขาก็แล้วกันไม่ต้องสร้างทั้งหลัง
.
ที่มา : หนังสือ หลวงพ่อตอบปัญหาธรรม (ฉบับพิเศษ เล่ม ๑)






คราวเมื่อไปธุดงค์อยู่กันที่พระบาทบัวบก หลวงปู่มั่น หลวงปู่เสาร์ หลวงปู่บุญ หลวงปู่คำ เป็นพระผู้ใหญ่ คืนหนึ่งหลวงปู่มั่นเทศน์ “การภาวนานั้นอย่าเอาจิตออกนอกขันธ์ ให้รวมจิตสบายๆ เออ รู้จิตให้เห็นจิต ถ้าเอาจิตออกนอกขันธ์ไปดูนั้นดูนี้ เดี๋ยวระวังจะเป็นบ้านะ เหตุนั้นอย่าให้ออก อย่าให้ถอนจิตออกจากขันธ์ ถอนออกไปแล้วจิตจะเป็นบ้า”
หลวงปู่มั่นเทศน์ไว้อย่างนั้น หลวงปู่ตื้อได้ฟัง

“เอ๊! คนอยู่ดีๆ มันจะเป็นบ้าได้ยังไง เพราะคนไม่เป็นบ้า คนเป็นบ้ามันน่าจะผีเข้า ถูกของ หรือเป็นบ้ามาเก่า อยู่ดีๆ ว่าจิตออกนอกขันธ์เป็นบ้า มันเป็นไปไม่ได้ ทดลองดูก่อนจึงจะเชื่อ”

หลวงปู่ตื้อก็ภาวนาดู

“บ๊ะ ไปเที่ยวพรหมโลกลองดูซะก่อน มันจะเป็นบ้าก็ให้รู้แล้วรู้รอดไป”

เมื่อเวลาจิตรวมลงไปนั้น มีอีตาปะขาวคนหนึ่งมารับ

“ดอกบัวนั้น โอ๊ย! ใหญ่มาก” หลวงปู่ตื้อว่า

“อะ คุณหลานๆ เข้าในดอกบัวนี้”

เข้าในดอกบัวตามนิมิต แล้วก็อีตาปะขาวก็แบกดอกบัวขึ้นบนสวรรค์เลย ไม่ต้องอะไร ถึงพรหมโลกเลย ไม่ต้องฟังเสียง มีศาลาหนึ่งใหญ่ ตอนไปถึงนั้น บรรจุคนได้เป็นพัน แต่มีพระ มีแต่พระส่วนมาก มีหลวงปู่ผู้เฒ่าองค์หนึ่งนั่งบนธรรมาสน์กำลังเทศน์ หัวขาวๆ หัวหงอกแล้ว บางองค์ก็พนมมือฟัง บางองค์ก็นั่งขัดสมาธิฟัง จำได้บอกเป็นภาษาบาลีว่า “กามาวจรํ กุสลํ จิตฺตํ อุปฺปนฺนํ โหติ” ว่าอรหันต์เทศน์ หลวงปู่ตื้อก็คลานเข้าไปใกล้ๆ ธรรมาสน์นั่นแหละ หลวงปู่ตื้อนั่งสมาธิ สักพัก ก็ลืมตาขึ้น ได้ยินหลวงปู่เฒ่า

“อ้าว! คุณหลานมาว่าไงนี่ มาเมื่อไรนี่ มายังไงกันนี่?”

“เพิ่งมาถึงครับ”

“มากับใคร?”

“อีตาปะขาวพามาครับ”

ก็หันหน้าทางตาปะขาว ก็ดุใหญ่เลย อรหันต์องค์นั้น

“อีตาปะขาวเอ๊ะยังไง ไม่รู้เรื่องไม่รู้ราว มันไม่ถึงกาลถึงเวลา พาคุณหลานมาอย่างนี้แล้ว ธาตุ ๔ ขันธ์ ๕ ลมอัสสะ ปัสสาสะ ไม่มีใครรักษา ตายจะว่ายังไง ไป ไปส่งๆ คุณหลานเดี๋ยวนี้”

เมื่อดุแล้วก็ ตาชีปะขาวก็มาส่ง ตอนมาส่งนี่ไม่ได้อยู่ในดอกบัว หลวงปู่ตื้อว่า อุ้มลงมาเหมือนกับเราอุ้มลูกอุ้มหลาน บินมาในอากาศ

“บ๊ะ! ตาปะขาวก็ดื้อแท้ๆ”

หลวงปู่ว่าอย่างนั้น ก็นึกว่าจะมาส่ง ว่ามาถึงแล้วก็ทิ้งลงมาเลย ก็ไม่รู้ วู๊บ... ลงมาเลย ใจจะขาดตายเลย หลวงปู่ตื้อว่า คล้ายๆ เหวี่ยงลงมาเลย

เมื่อมาถึงขันธ์ ๕ ตนเอง นั่งภาวนาแล้วก็นานเข้าๆ มันเอียง เอียงก้มหัวไปติดกับก้อนหินเรียกว่างง ยังเหลือลมหายใจอยู่ เข้าขันธ์ตนเองไม่ได้ สักพักก็เข้าขันธ์ได้ เข้าขันธ์ได้ ออกไม่ได้ ตัวมันเย็น เมื่อนานก็ธาตุมันทำงาน ก็ออก ออกจาก เอาหัวออกจากก้อนหินที่ไปนอนตะแคงอยู่นั้น ก็ล้างหน้าล้างตาก็ออกบิณฑบาต ก็ตามหลังหลวงปู่มั่น

หลวงปู่มั่นจั๊ก(รู้) จะเหลียวหน้าเหลียวหลัง เหลียวหน้าเหลียวหลัง

“ตื้อ เจ้านี้มันดื้อเนาะข่อย (ผม) บอกบ่ให้เอาจิตออกขันธ์ เมื่อคืนนี้เทศน์ เจ้าก็ยังเอาออกขันธ์อีก ว้า! เจ้านี่เจ้าดื้อเนาะ เจ้าไปเมื่อคืนนี้ เจ้าได้ธรรมมาว่าจั่งได๋ มาเล่าให้ข่อยฟังแหน่ (มาเล่าให้ผมฟังหน่อย)”

ก็เล่าให้ฟัง “กามาวจรํ กุสลํ จิตตํ อุปฺนนฺนํ โหติ” ผู้เทศน์นี้ท่านบอก “เขาเล่าลือกันเป็นอรหันต์”

“อันนี้เป็นกามาวจรภูมิ เป็นพรหมโลก กามาวจรํ ก็ยังติดอยู่ในกามอยู่ กุสลํ คือ กามาวจรภูมิ ไม่ใช่โลกุตรภูมิ”

ที่มา: ประวัติท่านพระอาจารย์ตื้อ อจลธมฺโม






"เรื่องดีขนาดไหน เรื่องไม่ดีขนาดไหน ผ่านไปแล้วจะเป็นอดีตไปเสีย ถึงเรื่องปัจจุบันทั้งหมดที่สุด ก็จะต้องกลายเป็นเรื่องอดีตไป ผ่านไปทั้งนั้น ไม่มีอะไรที่จะไม่เป็นอดีต จึงว่าอะไรที่เป็นปัจจุบันนี่ อะไรที่คิดแล้ว ทำแล้ว พูดแล้ว หากเป็นอกุศล อันนั้นให้หลีก อันนั้นให้ระวัง คิดแล้ว ทำแล้ว พูดแล้ว เกิดความเศร้าหมอง อย่าไปคิด อย่าไปพูด อย่าไปทำ ทำแล้วเกิดความเศร้าหมอง ความเศร้าหมองนี้ฝังลึก ทั้งๆ ที่เรื่องทุกเรื่องไม่ได้มีอะไร เกิดขึ้นแล้วผ่านไป เกิดขึ้นแล้วก็ผ่านไป"
โอวาทธรรมคำสอน..องค์หลวงปู่แบน ธนากโร






คนที่ชอบสวดมนต์เป็นพระโสดาบันได้
คนที่เขาไม่เคยเจริญพระกรรมฐาน แต่ชอบสวดมนต์เป็นปกติ มีศีล ๕ บริสุทธิ์
จะถามว่าคนประเภทนี้เป็นพระโสดาบันได้ไหม ก็ต้องตอบว่าได้คนที่เขานั่งสวดมนต์เป็นปกติเขาสวดด้วยความเคารพในพระพุทธเจ้าเคารพในพระธรรม เคารพในพระอริยสงฆ์เพราะบทสวดมนต์ทุกบทมีค่าเท่ากันคือ
สรรเสริญความดีของพระพุทธเจ้า
สรรเสริญความดีของพระธรรม
สรรเสริญความดีของพระอริยสงฆ์
แล้วเขาก็มีศีลบริสุทธิ์แต่ตอนนี้ต้องระวังนิดหนึ่ง ถ้าเรามีจิตเข้าเพียงเท่านี้อาจจะยังไม่ได้เป็น พระโสดาบันอาจจะเรียกว่า "กัลยาณชน"ทีนี้ถ้าบุคคลผู้นั้นเขามีกำลังใจเพิ่มไปอีกนิดหนึ่งว่า ที่เขายอมเคารพในพระพุทธเจ้ายอมเคารพในพระธรรมยอมเคารพในพระสงฆ์
มีศีล ๕ บริสุทธิ์อย่างนี้เขามีความประสงค์อย่างเดียวคือพระนิพพาน
ถ้ามีอารมณ์ใจหยั่งถึงพระนิพพานอย่างนี้เป็นพระโสดาบันแน่ นี่อารมณ์ของพระโสดาบัน มีเท่านี้ พระสกิทาคามีก็เหมือนกัน...จาก ธัมมวิโมกข์ ฉบับที่ ๓๕๗ หน้า ๑๘-๑๙
หลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี






ทุกสิ่งในโลกนี้มีธรรมอยู่อย่างเด่นชัด
แต่เรามองไม่เห็นเองต่างหาก.
พระอุบาลีคุณูปมาจารย์
(จันทร์ สิริจนฺโท)






คนเราเมื่ออยากเกิดขึ้น
แสวงหาทุกสิ่งทุกอย่าง
เมื่อเวลาความตายมาถึงแล้ว
สิ่งที่หามาได้ อาศัยไม่ได้

หลวงปู่บุญจันทร์ กมโล







หลวงพ่อจรัญ ธิตธฺโม ท่านกล่าวไว้ว่า...
พลังแห่งความเมตตาเหมือนน้ำที่เย็นฉ่ำ
เมื่อเราส่งไปสำผัสผู้ใด เขาก็จะรู้สึกได้ถึงความฉ่ำเย็น
ซึ่งมีผลทำให้จิตใจของผู้นั้นสงบเย็นด้วย

และหากว่าเราส่งจิตที่มีเมตตานี้
ให้แก่เจ้ากรรมนายเวรแล้วไซร้ เขาจะสำผัสรับรู้ถึงความปารถนาดี ความสงบเย็น ความเป็นมิตรของเรา
ซึ่งมีผลทำให้ความอาฆาตแค้นในใจของเขาลดน้อยลง
และพร้อมที่จะให้อภัยแก่เรา

เมื่อเขายอมให้อภัย
เวรกรรมระหว่างเขากับเราก็สิ้นสุดลง..

#ขออโหสิกรรม..ทุกวัน
แผ่เมตตา..ทุกวัน
ชีวิตจะดีขึ้นๆๆๆ ทุกๆ วัน
ยอมรับ และ ขอโทษ ในสิ่งที่ผิด
ยกโทษ ให้อภัย ผู้อื่น
แบ่งบุญอวยพรผู้อื่น
ชีวิตจะคุ้นชินกับการเป็นผู้ให้...

"กรรมใด ๆไม่ว่าจะเป็น
กายกรรม วจีกรรม มโนกรรม
ที่ข้าพเจ้าได้ทำล่วงเกินแก่ผู้ใด
ทั้งโดยตั้งใจก็ดีไม่ได้ตั้งใจก็ดี
ในภพชาติใดก็ตาม ขอให้เจ้ากรรม
นายเวรทั้งหลาย จงโปรดยกโทษ
ให้เป็นอโหสิกรรมให้แก่ข้าพเจ้า
อย่าได้จองเวรจองกรรมต่อกันอีกเลย
แม้แต่กรรมใดที่ใคร ๆ ทำแก่ข้าพเจ้าก็ตาม
ข้าพเจ้าขออโหสิกรรมให้ทั้งสิ้น ....
ยกถวายพระพุทธเจ้าเป็นอภัยทาน

ขอจงดลใจให้เขาเหล่านั้น
กลับมีเมตตาจิตคิดเป็นมิตรกับข้าพเจ้า
เพื่อจะได้ไม่มีเวรกรรมต่อกันตลอดไป

ด้วยอานิสงส์...
แห่งอภัยทานนี้ ขอให้ข้าพเจ้า
พร้อมทั้งครอบครัว ตลอดจน...
วงศาคณาญาติผู้มีอุปการคุณของข้าพเจ้า
พ้นจากความทุกข์ยากลำบาก เข็ญใจ
ความทุกข์อย่าได้ใกล้ความเจ็บไข้อย่าได้มี
ขอให้มีความสุขสวัสดี มีชัย เสนียดจัญไร
และอุปัทวันตรายทั้งหลายจงเสื่อมสิ้นหายไป
นึกคิดปรารถนาสิ่งใด
ที่เป็นไปโดยชอบประกอบด้วยธรรม


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 3 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO