นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน เสาร์ 04 พ.ค. 2024 1:03 pm

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
 หัวข้อกระทู้: กำหนดรู้จิต
โพสต์โพสต์แล้ว: จันทร์ 12 มิ.ย. 2017 4:41 am 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 4548
มีโยมคนหนึ่ง เรียนท่านอาจารย์ว่า เคยไปกราบหลวงตา แล้วโดนท่านไล่...ไปๆ

ท่านพระอาจารย์ สอนว่า
" ครูบาอาจารย์ท่านเหนื่อยนะ บางที ท่านไล่ เพราะท่านเหนื่อย ท่านรับแขก คนเยอะ บางทีท่านไล่ เพราะท่านไม่ไหวแล้ว พวกเราไม่รู้ ธาตุขันธ์ ร่างกายไม่ดี บางทีเป็นโรค เป็นโรคหัวใจ อาตมาเคยไปกราบท่านนะ ที่วัดช่องลม ปี2528 หลวงตามาหลบพัก อยู่ในที่ของวัดช่องลม มาพักรักษาสุขภาพ อาตมาไปกราบท่าน ท่านก็รับ สนทนาด้วยดี แค่10-15 นาที ท่านว่าสุขภาพไม่ดี เป็นโรคหัวใจ พูดแล้วกระเทือน ตอนนั้นสุขภาพท่านไม่ดี ท่านก็ยังรับนะ ซัก10-15นาที ท่านว่า เอาล่ะ...เท่านี้ล่ะ เราก็คิดว่า โอ้โห ครูบาอาจารย์ เป็นขนาดนี้แล้ว เราไปรบกวนท่านทำไม เราก็รีบกลับเท่านั้นแหละ

อันนี้ก็เหมือนกัน ถ้าท่านไล่ ให้ไปแล้วล่ะ ก็ท่านเหนื่อย แต่ท่านไม่บอกไง คือครูบาอาจารย์ ท่านไล่ขนาดนั้นแล้ว ท่านเหนื่อยแล้วล่ะ บางทีเราไม่รู้ ก็ว่าทำไมท่านไล่จังเลย ถ้าท่านไม่เหนื่อย โยมฟังดูซิ ท่านพูดคุยกับโยม หัวเราะ....เวลาท่านเหนื่อยแล้ว ท่านก็ว่า ไปๆๆ โอ้ย! ท่านจะตายอยู่แล้ว....

อาตมาเคยไปหาหลวงพ่อองค์นึงนะ ทางเหนือ นานมาแล้ว ปี 2527 ไปพักวัดท่าน 2 คืน วัดพุทธบาทตากผ้า ที่ลำปาง ท่านฉันเสร็จนะ ท่านทำยังไงรู้ไม๊ (ท่านทำท่าให้ดู) ท่านเอนลงหมอนสามเหลี่ยม ท่านเอนหลับตา โยมก็ซื่อ! ชวนคุยนั่น คุยนี่ ท่านก็เอนนอน ไม่ไหวแล้ว โอ้ย! ครูบาอาจารย์ไม่ไหวแล้ว ท่านก็เอนหลับตา...อื้อ..อื้อ เราเป็นพระ เรารู้จักกิริยาครูบาอาจารย์ ครูบาอาจารย์เหนื่อยขนาดนี้แล้ว ท่านฉันเสร็จแล้ว ร่างกายท่านไม่ไหวแล้ว ควรให้ท่านเข้าที่พัก ท่านแก่มากแล้ว เราเช็ดบาตรอยู่แถวนั้นไง ก็เห็น โอ้ยตายแล้ว! พ่อแม่ครูอาจารย์ท่านเมตตา....แต่เราต้องรู้ไง คนปกติเค้าจะนอนทำไม? ร่างกายไม่ไหวแล้วท่านก็เอนพิง หลับตา ตอบว่า อื้อ...อื้อ เราก็บอกพระอุปฐาก หลวงปู่ไม่ไหวแล้วนะ ทำไมไม่บอกโยมไป แล้วนิมนต์ท่านเข้าไปพัก......นี่ บางทีก็เป็นแบบนั้น

จริงๆแล้ว ต้องดูแลช่วยครูบาอาจารย์ โยมมามากๆ ต้องดูแลท่าน บางทีโยมเพิ่งมาถึง บอกว่าเพิ่งมาถึงเอง ไล่แล้ว...ก็จะคุยกับท่าน เช่น เมื่อวานนี้ อาตมารับโยมถึง 11.15 น. โยมเพิ่งมา คุยถึง 11.40 น. ยังไม่ลง, โยมมาอีก คนหนึ่งเคยมา อีกคนไม่เคยมา ถามว่าเคยมาไม๊ เค้าบอกให้เราหลงนะว่า ยังไม่เคยมา อาตมาเลยรับอีก 5 นาที เค้าบอกว่า อาจารย์ ขอธรรมะหน่อย....ทีนี้ลูกศิษย์อาตมาจำได้ ว่าเคยมาแล้ว เมื่อเคยมาแล้ว ก็จะรู้เวลาว่า เรารับญาติโยม 9.30-11.30 น. ก็จะมาตามเวลา ไม่มาสาย ....แต่นี่ มา 11.45 น. แล้วมาขอให้สอนธรรมะ เราพูดมาตั้งสองชั่วโมงกว่าแล้ว หมดเวลารับญาติโยมแล้ว มาสายแล้วยังขอให้พูดธรรมะอีก อย่างนี้ เราไล่ล่ะ ก็มันเหนื่อยแล้วล่ะ พูดมาตั้งแต่เช้า ถึงป่านนี้เกือบเที่ยง แล้วมาสาย มาขอธรรมะ คนพามาก็เคยมาแล้ว รู้เวลา แบบนี้เราก็เริ่มไล่ล่ะ โยมต้องเข้าใจครูบาอาจารย์ มันเหนื่อยแล้ว อาตมาก็ว่า โยมจะเอาธรรมะ เดี๋ยวลงไปเอาหนังสือ เทป ที่โต๊ะข้างล่างนะ เอาไปฟัง แล้วคราวหน้า มาให้ตรงเวลา

คือทุกคนจะเอาแต่ตามสบายตัวเอง นึกจะมาเมื่อไหร่ก็มา ชั้นจะมาเมื่อไหร่ก็ได้ จะมาเช้าตามเวลาก็ไม่ได้ จะเอาตามสบายตัวเอง อาตมารับคนเดียว ไม่ได้เปลี่ยนให้พระมารับแทน ถ้ามีพระมารับแทนก็สบายเรา เรานั่งรับคนเดียว เรากำหนดเวลารับโยมแล้ว เราต้องการให้มาพร้อมๆกัน มาฟังธรรมพร้อมๆกัน สงสัยก็ถาม แต่จะเอาตามสบายตัวเอง มาตามใจชอบ แล้วขอฟังธรรม อาตมาก็ตายเท่านั้นแหละ พวกโยมตั้งกี่คน อาตมาคนเดียว ในเวลาอาตมาพูดไปหมดแล้ว พอหมดเวลา คุณมา แล้วมาขอฟังธรรม อาตมาตายเท่านั้นแหละ พวกเราต้องเข้าใจครูบาอาจารย์กัน......

พระอาจารย์อัครเดช (ตั๋น) ถิรจิตฺโต
วันที่ 11 เม.ย.2560






"บ้านช่องสถานที่ต่างๆ
ที่ทำไว้หรูหรา เวลาตายแล้ว
ไม่เห็นใครเอาไปได้ สักคนเดียว

มีแต่บุญและบาป เท่านั้น
ติดตามตัวของเราไป"

-:-หลวงปู่เทสก์ เทสรํสี-:-





"กรรมทั้งหลาย ไม่ได้มาจากอื่นไกล
มาจากกายกรรม วจีกรรม มโนกรรม
ของเราเท่านี้"

-:-หลวงปู่ฝั้น อาจาโร-:-








..=>คำสอนหลวงพ่อเรื่อง "ตัดมานะการถือตัวถือตน"<=..

.. ผมบอกแล้วว่า "ฌาน" คือ "ชิน"
ผมไม่นิยมคนที่เก่งฌานในการเข้านั่ง
หลับตาขัดสมาธิ ถ้าได้เพียงเท่านั้น ลืมตา
ฌานเคลื่อน อย่างนี้ผมยังถือว่า "ยังเป็น
ผู้เข้าไม่ถึงฌาน"

ผู้มีอารมณ์ฌานจะต้องทรงอยู่ทุก
อิริยาบถ "อารมณ์จิตจะเป็นกุศลในตัวละ
อยู่เสมอ" อย่างนี้เรียกว่า "ผู้ทรงฌาน"
ทรงฌานได้อย่างนี้ พระพุทธเจ้ายังไม่ถือ
ว่าดี คือถือว่าเป็นตัวหน่วงเหนี่ยว เหนี่ยวรั้ง
หรือดึงเข้าไว้ ได้แก่สังโยชน์

ฉะนั้นเราจะไม่เห็นว่า รูปฌานและอรูป
ฌาน เป็นจุดจบแห่งกิจที่เราจะพึงปฏิบัติ
เราจะก้าวต่อไป ทรงกำลังใจไว้ในฌาน
และก็หันไปจับมานะ เพราะรูปฌานและ
อรูปฌานนี่เป็นของไม่ยาก

"มานะ ความถือตัวถือตน" ถือเขาถือเรา
ถือพวกถือพ้องถือพี่ถือน้อง ถือว่าเราดีกว่า
เขา เราเลวกว่าเขา เราเสมอเขา เราเป็น
ลูกศิษย์สำนักโน้น เราเป็นลูกศิษย์สำนักนี้
เรามีความรู้ชั้นนี้ เรามีความรู้ชั้นนั้น "นี่มัน
เป็นความเลวของจิต"

จะมีความรู้สึกอย่างนี้ เพราะอะไรจึงว่า
อย่างนั้น ถือตัวถือตน คืออะไรกันล่ะ ความ
รู้สึกที่เรามีอยู่ พาเราไปนิพพานได้ไหม
ครูบาอาจารย์ผู้สอนพาเราไปพระนิพพาน
ได้ไหม ถ้าพาไปได้ละก็พระพุทธเจ้าพาไป
แล้วทุกคน

สมเด็จพระทศพลทรงตรัสว่า
"อักขาตาโร ตถาคตา ตถาคตน่ะเป็นแต่
เพียงผู้บอกเท่านั้น" ท่านจะไปไหน นั่นมัน
เรื่องของท่าน ไม่ใช่เรื่องของตถาคต จะดี
จะชั่วมันเป็นเรื่องของท่าน

"จำข้อนี้ไว้ให้ดีนะและก็จงวางเสีย
ให้หมด การถือตัวถือตนจงอย่ามี" ถ้าท่าน
ทั้งหลายมีความรู้สึกว่า สัตว์เดรัจฉานกับ
เราไม่เป็นที่รังเกียจกัน เราไม่รังเกียจสัตว์
เดรัจฉานเพราะมีสภาวะความเกิดขึ้นเป็น
เบื้องต้น มีความแปรปรวนไปในท่ามกลาง
มีการสลายตัวไปในมี่สุด

เขามีขันธ์ ๕ เรา มีขันธ์ ๕ เขา มีธาตุ ๔
เรามีธาตุ ๔ ร่างกายเขาสกปรกฉันใด ของ
เราก็สกปรกฉันนั้น ร่างกายเขากับร่างกาย
เรามันก็ไม่ใช่ใครเป็นเจ้าของ "จิตผู้ครอง
ร่างไม่ได้มีอำนาจเป็นเจ้าของร่างกาย"

ร่างกายมีสภาวะของมันไปตามกฎ
ของธรรมดา ใครจะยึดเหนี่ยวรั้งมันไม่ได้
ทำใจให้เป็นสุข คนดี คนชั่ว คนเลว เรื่อง
ของเรา เราถือเฉพาะเพียงอย่างเดียวว่า
"เราทำจิตของเราให้บริสุทธิ์"

เมื่อถึงเวลาจะคบหาสมาคม ก็ถือว่า
การคบหาสมาคมในฐานะเป็นมิตร ไม่คิด
รังเกียจคนและสัตว์ และมีความรู้สึกอยู่
เสมอว่า ขันธ์ ๕ เรา ขันธ์ ๕ เขา ไม่ช้ามัน
ก็พัง ไม่มีอะไรจีรังยั่งยืน

ฐานะไม่มีความหมาย วิชาความรู้ที่
ศึกษามาไม่มีความหมาย เราตายแล้วมัน
ไม่ตายไปด้วย เราจะไม่ยอมถือตัวถือตน ..

(พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน)
ที่มาจาก.. โอวาทหลวงพ่อฯ เล่ม ๔






พวกมีโน่นมีนี่
เขาเรียกว่าพวกตายยาก
พวกไม่มีโน่นมีนี่
เขาเรียกว่าพวกเงียบเป็น.
พระอุบาลีคุณูปมาจารย์
(จันทร์ สิริจนฺโท)






"...มีสติรู้ตัว พูดจาให้น้อยลง พูดเท่าที่จำเป็นจะต้องพูด ด้วยความมีสติรู้ตัวอยู่ การพูดมาก มีโอกาสพูดผิดได้มาก ไม่เกิดประโยชน์ แล้วยังเป็นโทษอีกด้วย

เป็นผู้ฟังแล้วตามคิด เลือกจำสิ่งดี ๆ มาใช้ จะได้ประโยชน์กว่า คนพูดมากมักขาดสติง่าย เป็นผู้ฟังที่โทษน้อย หรือไม่มีเลย แต่เป็นผู้ได้รู้มากกว่าผู้พูด..."

โอวาทธรรมคำสอน..
องค์หลวงพ่อประสิทธิ์ ปุญญมากโร







"...ถ้าท่านลำพังแต่เพียงแค่นั่งสมาธิ ๓-๔ ชั่วโมง ออกมาแล้วปล่อยจิตปล่อยใจให้เป็นไปตามอำเภอใจ ไม่มีการทำสติ กำหนดตามรู้ทุกสิ่งทุกอย่างที่ท่านประสบอยู่ มันก็ไม่คุ้มค่า

จะไปสำรวมจิต เฉพาะในขณะหลับตานั้น ไม่คุ้ม เพราะแรงผลักดัน ที่จะทำจิตของเราให้ตกอยู่ในอำนาจฝ่ายต่ำนี้ มันมีมากเหลือเกิน..."

โอวาทธรรมคำสอน..
องค์หลวงพ่อพุธ ฐานิโย
วัดป่าสาลวัน จ.นครราชสีมา







"...จงพิจารณา ทุกขเวทนาอันเป็นสิ่งที่น่ากลัวอยู่แล้ว ใครๆ ก็กลัวคำว่าทุกข์ เราจะมาถือว่าเป็นเรา เป็นของเราได้อย่างไร ทุกข์ทั้งกอง ยังจะถือว่าเป็นเราอยู่อีกหรือ ถือเป็นเราก็ถือเอาไฟมาเผาใจเรานั่นแล

ทุกข์ให้ทราบว่าเป็นทุกข์ ผู้ที่ทราบว่าเป็นทุกข์ ไม่ใช่ทุกข์ นั้นคือใจ ใจเป็นผู้รู้เรื่องทุกข์ทั้งหลาย ทุกข์เกิดขึ้นใจก็รู้ ทุกข์ตั้งอยู่ใจก็รู้ ทุกข์ดับไปใจก็รู้ รู้ด้วยปัญญา..."

โอวาทธรรมคำสอน..
องค์หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน







"...เมื่อเรามีสติกำหนดรู้จิตของเรา ผู้รู้คือพระพุทธเจ้าก็กำเนิดที่จิต การทรงตัวอยู่ด้วยสติสัมปชัญญะ ก็ทรงไว้ซึ่งคุณธรรม สติที่สังวรระวังตั้งใจจะสำรวมจิต ก็ได้ชื่อว่ามีกิริยาแห่งความเป็นพระสงฆ์อยู่ในจิต

ดังนั้น เมื่อเรามีสติกำหนดรู้จิตของเราเพียงอย่างเดียว หมดปัญหาที่เราจะไปกังวลกับสิ่งอื่น ๆ เพราะธรรมชาติของจิตและกาย ถ้ายังมีความสัมพันธ์กันอยู่ ไม่ว่าอะไรจะผ่านเข้ามา ทางตา หู จมูก ลิ้น กาย และใจ จิตเขาเป็นผู้มีหน้าทีรับรู้ เขาจะรู้เองโดยอัตโนมัติ..."

โอวาทธรรมคำสอน..
องค์หลวงพ่อพุธ ฐานิโย


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 3 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO