นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน เสาร์ 04 พ.ค. 2024 12:45 pm

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
 หัวข้อกระทู้: ความทุกข์ของโลกธรรม 8
โพสต์โพสต์แล้ว: จันทร์ 29 พ.ค. 2017 12:38 pm 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 4548
"มีทุกอย่างเลย มีเงิน มีครอบครัว
มียศ มีตำแหน่ง แต่ไม่มีความสุข
จะมีไปทำไม? รวยแล้วไม่มีความสุข
จะรวยไปทำไม? เนาะ"

-:-หลวงพ่อกัณหา สุขกาโม-:-





"โลกมันสอนเรา
บางทีก็สนุกสำราญ
บางทีก็เศร้าโศก
บางทีก็ทารุณโหดร้าย
คุณต้องได้เรียนทุกบท
จะบอกว่าไม่ชอบวิชานี้
ไม่เรียนมันไม่ได้"

-:-หลวงปู่หา สุภโร-:-





การปล่อยวางนั้น หากทำถูกต้อง จิตใจจะโปร่งเบา เบิกบาน มีความกระตือรือร้น และมีความสุขทุกเมื่อ ไม่ว่ามีอะไรมากระทบหรือมีเหตุร้ายแรงเกิดขึ้นก็ตาม
ความหดหู่ เฉื่อยเนือย หรือเหนื่อยหน่าย ไม่ใช่การปล่อยวาง แต่เกิดจากความยึดติดหรือมีความคาดหวัง แล้วไม่ได้อย่างที่ยึดอยากวาดหวัง เป็นอารมณ์อกุศลที่พึงบรรเทาหรือกำจัด
พระไพศาล วิสาโล






"ให้ฝนตกลงมาเป็นทองคำ
ฝนทุกเม็ด ตกลงมาเป็นทองคำ
ก็่ไม่ทำให้โลกที่ไม่มีศีลธรรม
มีความสุขได้"

-:- ท่านพุทธทาสภิกขุ -:-





"บุญ คือ ความสบายใจ
ก่อนทำ ก็สบายใจ
ขณะทำ ก็สบายใจ
ทำแล้ว ก็สบายใจ
คิดถึงทีไร สบายใจทุกที"

-:- หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ -:-






สุขชั่วคราว

"...ชีวิตนี้อย่าไปหลงความสุขชั่วคราว อย่าไปติดอยู่กับความสุขชั่วคราวนี้ แล้วจะไม่ได้พบความสุขอันไพบูลย์เลย ผู้ใดติดอยู่ในความสุขชั่วคราว ติดอยู่ในการกิน ไม่ได้กินอาหารอันอร่อย ไม่ได้ฆ่าสัตว์มาทำอาหารกินมันไม่อร่อย นั่นเรียกว่าติดในการกิน อันเป็นเหตุให้ทำบาป

ติดในการนอน ได้นอนมากก็ถือว่าดี ร่างกายจะได้สมบูรณ์ ถ้านอนน้อยกลัวร่างกายจะซูบผอม ไม่ได้ ต้องนอนให้มากๆ เรียกว่าติดในการนอน ไม่แบ่งเวลาประกอบความเพียรทางจิตเลย ก็เลยไม่ได้ผลในจิตใจ ไม่ได้ชำระกิเลสออกจากจิตใจนี้ ลองสังเกตดู..."

โอวาทธรรมคำสอน..
องค์หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ
วัดอรัญญบรรพต ต.บ้านหม้อ อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย






"...ครั้นมันเฒ่ามาแล้ว มันบำเพ็ญเพียรอีหยังบ่ได้ดอก ยังหนุ่มยังแน่นตั้งใจทำความเพียรไป ครั้นเฒ่าอย่างอาตมานี่ มันผ่านมาแล้ว แม้จะแบกแต่กระดูกของตนก็จะตายแล้ว ปานนั้นมันก็บ่ยอมให้เขา หอบมันอยู่นี่แหละกระดูก จะตายให้มันตายอยู่นั่น ไม่ยอมหรอกเรื่องทำความเพียร เอามันจนตาย..."

โอวาทธรรมคำสอน..
องค์หลวงปู่ขาว อนาลโย
วัดถ้ำกองเพล จ.หนองบัวลำภู
หนังสือ "อนาลโยวาท"






"...คนเรานั้น หากยังไม่สามารถก้าวข้ามความเป็นปุถุชนสู่พระโสดาบัน ท่านว่ายังไม่ปลอดภัยจากการตกไปสู่อบายภูมิ

และการตกอบายภูมิ ครูบาอาจารย์สอนว่า อาจใช้เวลานานแสนนาน กว่าจะได้คิวกลับมาเกิดเป็นมนุษย์อีกครั้ง เพราะฉะนั้น พึงอย่าประมาทในการทำความดี..."

โอวาทธรรมคำสอน..
องค์หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี





..=>คำสอนหลวงพ่อเรื่อง "มองดูทุกข์ให้ชัดเจน"<=..

.. ทีนี้การที่จะทำตนให้เข้าถึงซึ่งพระ
นิพพาน องค์สมเด็จพระพิชิตมารให้
"พิจารณาหาความทุกข์ให้พบ" ให้ค้นดู
ว่าอะไรมันเป็นทุกข์ ก็มองดูขันธ์ ๕ ว่า
มันเป็นปัจจัยของความสุขหรือว่าเป็น
ปัจจัยของความทุกข์

ขันธ์ ๕ ก็คือร่างกาย ถ้าเราใช้ปัญญา
สักเล็กน้อย เราจะไม่กล่าวว่าการเกิดนี้เป็น
ความสุข เราจะมองเห็นว่าร่างกายของเรา
ทุกอิริยาบถมันเต็มไปด้วยความทุกข์ แต่
ทว่าองค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้ากล่าวว่า

"ความทุกข์มีจริง แต่คนเห็นทุกข์
ไม่ค่อยจะมี"

ทั้งนี้ก็เพราะว่าอาศัยการแบกโง่เข้าไว้
ไม่ได้แบบความฉลาด ถ้าเราฉลาดเสีย
อย่างเดียวเราก็มองเห็นทุกข์ได้ถนัด
ตั้งแต่ตอนเช้าตื่นมาใหม่ๆ ถ้าเราไม่ล้าง
หน้าไม่แปรงฟัน ความไม่สบายกายไม่
สบายใจมันก็ปรากฏ

เพราะว่าหน้ามันกรัง ปากเปรอะปาก
เหม็น อาการที่ต้องทนแบบนี้ มีความ
รำคาญเป็นอาการของความทุกข์ เรา
ต้องล้างหน้า ต่อจากนั้นไปทุกข์ที่ติดตาม
มาคืออาการปวดอุจจาระปัสสาวะที่เป็น
ทุกข์ประจำ

อาการปวดอุจจาระปัสสาวะก็เป็นทุกข์
หนัก ถ้าไม่ได้ถ่ายเราก็หาความสบายกาย
สบายใจไม่ได้ อันนี้มันก็ทุกข์ เมื่อถ่าย
อุจจาระปัสสาวะแล้ว ความหิวมันปรากฏ
อาการเสียดแทงของความหิวมันก็เป็น
อาการของความทุกข์

ต้องบริโภคอาหาร แล้วก็อาหารที่เรา
ได้มาบริโภคเราได้มาอย่างไร มันเกิดมา
ด้วยอำนาจความเป็นของทิพย์ คือนึกขึ้น
มาแล้วมันปรากฏอย่างนั้นหรือ หรือว่าเรา
ต้องหามาด้วยกำลังกายกำลังใจกำลัง
ทรัพย์กำลังปัญญา

ความจริงอาหารที่จะปรากฏขึ้นมาได้ก็
เพราะการประกอบการงานอย่างใดอย่าง
หนึ่งให้ได้มาซึ่งทรัพย์ แล้วจึงจะนำอาหาร
มาบริโภคได้ ทีนี้การประกอบการงาน
ทุกอย่างก็เต็มไปด้วยความทรมารกาย
ไม่ใช่ว่าเราหามาได้ด้วยความสบาย

จะเป็นพ่อค้า คหบดี ชาวนา ชาวไร่
ชาวสวน หรือรับราชการก็ตาม การงาน
แต่ละอย่างมันเป็นเครื่องทรมานกายและ
ทรมานใจ อาศัยความเหน็ดเหนื่อยเป็น
ปกติ ความเหน็ดเหนื่อยที่เกิดขึ้นจาก
การงานมันก็เป็นอาการของความทุกข์

แล้วในเมื่อเราทุกข์ด้วยการประกอบ
การงาน นำอาหารมาเลี้ยงตัว เลี้ยง
ครอบครัว บริโภคให้มีความสุข แล้วมัน
หาความสุขได้จริงหรือเปล่า เราเหนื่อย
เพื่อนำทรัพย์สินมา นำอาหารมาปรนเปรอ
ร่างกาย

แล้วอาหารทั้งหลายเหล่านั้นที่เราหามา
มันกินอิ่มไหม ถ้ามันอิ่มจริงๆ เราก็กินเวลา
เดียวพอ ตั้งแต่เกิดมากินครั้งเดียวไม่ต้อง
กินใหม่ อันนี้ความจริงไม่ได้เป็นอย่างนั้น
กินไปเท่าไหร่มันก็ไม่รู้จักอิ่ม

กินเช้าพอสายก็หิว กินตอนสายตอน
บ่ายตอนเย็นมันก็หิว ดีไม่ดีกลางคืนมัน
ก็หิวอีก ความหิวเป็นอาการเสียดแทง
มันเกิดความไม่สบายกายไม่สบายใจ

ฉะนั้นการประกอบกิจการงานคือ
การเลี้ยงตัว ตั้งแต่เกิดมาจนวันตายจะ
หาความหยุดยั้งไม่ได้ อันนี้ก็เป็นอาการ
ของความทุกข์ นี่เรื่องของอาหารอย่าง
เดียว ถ้าโรคภัยไข้เจ็บเข้ามาเบียดเบียน
ร่างกาย

อาการเสียดแทงปรากฎขึ้นมันก็เป็น
ความทุกข์ กิจการงานบางอย่างที่เราทำ
แล้วมีผลไม่สมความปรารถนามันก็เป็น
อาการทุกข์ใจ นี่ทุกข์จากการประกอบ
การงานแล้ว แต่ผลไม่ได้ตามความ
ประสงค์ เราก็เกิดความทุกข์เข้ามา
อันนี้กล่าวโดยย่อ

ทีนี้เมื่อความแก่เข้ามาถึงความทุกข์
มันก็ปรากฏอีก ร่างกายที่เคยแข็งแรงมัน
ก็อ่อนแอลง เรียกว่าหาความสุขอะไรไม่ได้
มันไม่มีความคล่องแคล่วเหมือนเดิมที่เรา
ปรารถนา สายตาที่เคยยาวก็กลับสั้น ฟัน
ที่เคยดี มันก็ผุ มันก็พัง ก็หักไป เคี้ยว
อาหารไม่ถนัด

หูฟังอะไรไม่ถนัด ผมที่เคยดำก็กลับ
ขาว สติปัญญา สติสัมปชัญญะที่มีอยู่ก็
เสื่อมทรามลง ทำอะไรไม่คล่องแคล่ว
ไม่ทรงตัว กลายเป็นคนขี้หลงขี้ลืม นี่ก็
เป็นอาการของความทุกข์ คือทุกข์จาก
ความแก่

ทีนี้ทรัพย์สินก็ดี หรือบุคคลเป็นที่รัก
สัตว์เป็นที่รักก็ดีที่มีอยู่ อาศัยความโง่ของ
เราคิดว่ามันจะอยู่กับเราตลอดกาลตลอด
สมัย แต่กฎของความเป็นจริงแล้วสิ่ง
ทั้งหลายเหล่านี้มันจะอยู่ตลอดกาลตลอด
สมัยไม่ได้

ก็เพราะว่ามันมีความเกิดขึ้นในเบื้องต้น
มันมีความเสื่อมไปในท่ามกลาง มันมีการ
สลายตัวไปในที่สุด กฎธรรมดาของมันเป็น
อย่างนี้ หรือเมื่อถึงการที่มันจะสลายตัวหรือ
มันพลัดพรากจากไป เรายึดมันไว้ว่า
มันจะอยู่กับเราตลอดกาลตลอดสมัย

แต่เมื่อความเป็นจริงปรากฏขึ้นมา
ใจมันก็เป็นทุกข์ แล้วในที่สุดร่างกายของ
เรามันจะต้องตาย เพราะมันเกิดเพื่อตาย
ไม่ได้เกิดเพื่ออยู่ เห็นชาวบ้านเขาตายตั้ง
ร้อยตั้งพันตั้งหมื่นตั้งแสนคน แต่เราไม่มี
ความรู้สึก

แต่ว่าพอความตายจะเข้ามาถึงเราเข้า
เราก็เป็นทุกข์ อาการทุกข์อย่างนี้มันเกิด
ขึ้นมาได้ "เพราะอาศัยความโง่เป็นปัจจัย"
โง่ตรงไหนล่ะ โง่ตรง "ตัณหาความอยาก"

"กามตัณหา" สิ่งใดที่ยังไม่มีอยากให้
มันมีขึ้น

"ภวตัณหา" สิ่งใดที่มีอยู่แล้วก็อยากให้
ทรงตัว อาการอยากให้มีขึ้นมันก็มีอาการ
ตะเกียกตะกายแสวงหาเข้ามา ซึ่งเต็มไป
ด้วยความเหน็ดเหนื่อย เต็มไปด้วยความ
ทรมาน

ทีนี้เมื่อได้มาแล้วแต่กฎธรรมดาของมัน
คือต้องมีการเสื่อมการสลายตัว เราก็ไม่คิด
ว่ามันจะเป็นอย่างนั้น คิดว่ามันจะทรงตัวอยู่
ตลอดเวลา ถ้าความเกิดปรากฏขึ้นก็เป็น
อันว่าความทุกข์เกิดขึ้นแล้วกับเรา ความ
ไม่สบายกายไม่สบายใจมันก็เกิด

ซึ่งเราไม่ต้องการให้มันเกิด เมื่อมัน
เสื่อมแล้ว บางทีเราก็จะฝืนกฎธรรมดาดึง
ให้มันกลับมาสู่สภาพเดิม แล้ววิธีการดึงนี่
เราจะดึงแบบไหนมันก็ไม่สำเร็จผล แต่
กฎธรรมดามันก็อย่างนั้น

มันมีความเกิดขึ้นในเบื้องต้น แล้วก็มี
ความเสื่อมในท่ามกลาง มีการแตกสลาย
ไปในที่สุด นี่ถ้าเรามีความฉลาดสักนิด
เดียว "เราก็ไม่ยอมให้ตัณหามาครอบ
คลุมใจ เราน้อมใจเข้าไปยอมรับนับถือ
กฎของธรรมดา"

คิดไว้ตลอดเวลาว่าความเกิดมีแล้ว
มันก็ต้องมีความแก่ มีความป่วยไข้ไม่
สบาย มีการพลัดพรากจากของรักของ
ชอบใจ มีความตายไปในที่สุด เรายอมรับ
นับถือกฎของธรรมดา

ถือว่าร่างกายมันจะแก่ก็ตาม มันจะป่วย
ไข้ไม่สบายก็ตาม ของที่รักจะพลัดพราก
จากไปก็ตาม ร่างกายของเราจะตายก็ตาม
มันเป็นของธรรมดา เราไม่ยึดถือว่ามัน
เป็นเราเป็นของเรา เพราะอะไร

เพราะว่าถ้ามันเป็นเราจริง เป็นของเรา
จริง ถ้าเราไม่ต้องการให้มันแก่ มันก็ต้อง
ไม่แก่ เราไม่ต้องการให้มันป่วย มันก็ต้อง
ไม่ป่วย เราไม่ต้องการให้มันตาย มันก็ต้อง
ไม่ตาย

แต่นี่สภาวะของร่างกายเราจะปรนเปรอ
สักเพียงใดก็ตาม มันไม่ตามใจเรา มันเดิน
ไปตามสภาวะของมัน ตามอำนาจของมัน
ที่จะพึงเป็น สวัสดี ..
(พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน)
ที่มาจาก.. ธัมมวิโมกข์ ฉบับที่ ๔๒๙ หน้าที่ ๒๑-๒๔


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: Bing [Bot] และ บุคคลทั่วไป 4 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO