นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน เสาร์ 04 พ.ค. 2024 9:57 pm

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
 หัวข้อกระทู้: เห็นด้วยปัญญาดีกว่า
โพสต์โพสต์แล้ว: ศุกร์ 26 พ.ค. 2017 7:34 am 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 4548
"เห็นด้วยปัญญาดีกว่า"

ถาม : ขอคำแนะนำครับ เวลาจิตมันมันอวดเก่งไม่ยอมฟัง ผมสอนจิตว่า ถ้าเก่งจริงให้อยู่กับพุทโธให้ได้สิอย่างนี้ถูกไหมครับ

พระอาจารย์ : ไม่จริงหรอกถ้าเก่งจริง อดข้าวสัก ๓ วันดูนะ พระ พุทธเจ้าอด ๔๙ วัน เราเอาแค่สามวันก่อนก็ได้

ถาม : ผมนั่งสมาธิเคยเห็นอวัยวะภายในร่างกายไม่สนใจภาวนาไปเลยถูกต้องไหมครับ ออกจากสมาธิเจริญปัญญาต่อได้ไหมครับ

พระอาจารย์ : คือถ้าเราภาวนา เราควรจะอยู่กับอารมณ์ที่เราใช้กำกับใจ ถ้าเราใช้พุทโธ ก็ให้อยู่กับพุทโธไป แล้วเราไปเห็นอะไรก็อย่าไปสนใจ เพราะว่าจะทำให้ใจเราไม่สงบ ถ้าเราอยู่กับพุทโธไปเพียงอย่างเดียว เดี๋ยวใจเราก็จะสงบ การนั่งสมาธินี้เพื่อทำใจให้สงบ ยังไม่ต้องการเห็นอะไร การจะเห็นอะไรนี่เราเห็นด้วยปัญญาดีกว่า คือด้วยการพิจารณาหลังจากที่เราออกมาจากสมาธิแล้ว เราก็ใช้ปัญญาพิจารณา นึกถึงสิ่งที่เราอยากจะเห็น เช่นเราอยากจะเห็นอาการ ๓๒ ของร่างกาย เราก็นึกไป นึกถึงอาการต่างๆ ตอนต้นถ้าเรามองไม่เห็น ไม่รู้ว่ามีอาการอะไรบ้าง เราก็ไปเปิดหนังสือดูก็ได้ หนังสือที่นักศึกษาแพทย์เขาเรียนกัน เขามีเป็นภาพวาดก็ได้ มีเป็นภาพถ่ายก็ได้ ที่ทำให้เราเห็นอาการต่างๆ ที่มีอยู่ในร่างกายของเรา ที่อยู่ภายใต้ผิวหนัง แล้วเราก็เอาบันทึกเอามาคิดอยู่เรื่อยๆ จนต่อไปเวลาเรามองเห็นร่างกายใครก็เห็นอาการต่างๆ อย่างนี้พร้อมๆ กันไปเลย ไม่เห็นแต่เฉพาะภายนอก เห็นทั้งภายในด้วยแล้วมันก็จะทำให้เราหายหลง.

สนทนาธรรมมะบนเขา

วันที่ ๒๕ พฤษภาคม ๒๕๖๐

พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต





"งามร่างกายนี้
ยังไงๆ ก็ต้องแก่
แต่งามในศีลนี้
ชาตินี้ก็งาม
ชาติหน้าก็งาม"

-:-หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินธโร-:-






ข้อที่ ๓ สมชีวิตา การดำเนินการครองชีพไปด้วยความสม่ำเสมอ ไม่ให้ฝืดเคืองหรือฟุ่มเฟือยจนเกินไป เป็นผู้มีหลักเหตุผลในการเก็บรักษา และการจับจ่ายประจำตนตลอดเวลา ไม่เก็บรักษาจนตนเองเกิดความฝืดเคือง และจับจ่ายจนฟุ่มเฟือยเกินไปซึ่งเป็นการผิดทั้งสองทาง เพราะทรัพย์ถือว่าเป็นคู่ชีวิตในคราวจำเป็น ถ้าจำเป็นก็ต้องจ่ายเพื่อไถ่ถอนเอาความสะดวกมาสู่ตน เท่าที่เห็นสมควรตามความจำเป็นที่เกิดขึ้นมากหรือน้อย แต่จะเห็นจำเป็นไปเสียทุกอย่างก็เกินไป เพราะสมัยทุกวันนี้สิ่งที่ผ่านมาเพื่อทำลายทรัพย์มีมากมายจนตามแก้ไม่ทัน คนที่มีรายได้มากๆ แต่กลับจนก็เพราะความไม่รู้จักประมาณ เห็นการจ่ายเป็นของดีเสียท่าเดียว ไม่เห็นคุณค่าในการเก็บรักษาทรัพย์ แม้จะมีมากจึงสูญหายไปราวกลับว่ามีปีก

แท้จริงปีกหรือหางของทรัพย์ไม่มี แต่อาศัยปีกหางของความฟุ้งเฟ้อเห่อเหิมของความคะนองและความไม่รู้จักประมาณ พาบินหนีไปทั้งวันทั้งคืน คือพาบินเข้าไปตามชามข้าวต้มขนม อาหารว่างบ้าง โกโก้ กาแฟบ้าง ตามโรงลิเกละครบ้าง ตามโรงภาพยนตร์บ้าง ตามรถยนต์ รถไฟ แท็กซี่บ้าง เพื่อขับขี่ท่องเที่ยวด้วยความคะนอง พร้อมทั้งเครื่องประดับเล็กๆ น้อยๆ โดยไม่จำเป็น และไม่คำนึงถึงความลำบากอันจะเกิดมีแก่ตนในกาลข้างหน้า พาบินเข้าไปในโฮเต็ลบ้าง ไนท์คลับที่พักผ่อนบำรุงบำเรอบ้าง บินเที่ยวตากอากาศตามสถานที่ต่างๆ บ้าง ทั้งนี้ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งของและสถานที่ที่จะคอยสังหารทรัพย์ให้เสียไปโดยไม่จำเป็น เมื่อตรองดูแล้วสิ่งของและสถานที่ดังกล่าว ถ้าใครลองได้ก้าวเข้าไปแล้ว ย่อมเป็นเช่นกับโคตัวก้าวเข้าไปสู่โรงฆ่าสัตว์ ไม่เห็นโคตัวใดจะรอดพ้นชีวิตออกมาได้ นอกจากจะแปรสภาพเป็นเนื้อเป็นหนังของโคออกมาเท่านั้น

บุคคลผู้พาทรัพย์ก้าวเข้าไปสู่สถานที่ดังกล่าวแล้ว ก็มีลักษณะเช่นเดียวกันกับโคฉะนั้น ขณะที่ก้าวเข้าไปทรัพย์ก็พร้อมแล้วที่จะก้าวเข้าไปด้วย แต่ขากลับทรัพย์ไม่กล้าออกมาและกลับบ้านด้วย เพราะฉะนั้นรายจ่ายซึ่งเป็นไปเพราะอำนาจความชินต่อนิสัยของผู้ไม่รู้จักประมาณ จึงทวีคูณขึ้นทุกวันไม่มีวันลดละ เมื่อนิสัยได้ถูกฝึกในทางจับจ่ายจนพอตัวแล้ว อะไรก็เลยเป็นของจำเป็นไปเสียทุกอย่าง แม้รายได้ยังไม่ปรากฏ แต่ความจำเป็นที่ท่วมท้นเข้ามาอันเป็นเชิงบังคับให้จ่าย คอยจะประกาศท้าทายแก่ตัวเองอยู่ตลอดเวลา ซื้อเงินสดไม่ทันจำเป็นต้องซื้อเงินผ่อน หนักเข้าซื้อเชื่อเครดิต หนักเข้าจริงๆ ก็ซื้อแกมโกงไปเลย

ทั้งนี้เนื่องจากฝึกหัดนิสัยในทางฟุ่มเฟือยจนเกินตัว ถูกเวลาทรัพย์ด้อยหรือหมดไปด้วยนิสัยที่เสีย จึงนับวันทวีคูณและรบกวนให้เราได้รับความเดือดร้อน เมื่อหาให้ไม่ทันก็ผลักดันไปในทางมิชอบ หนักเข้าก็เป็นโจรไปเลยทั้งๆ ที่เราไม่อยากเป็นเช่นนั้น แต่เพราะสนิมเบื้องต้นก็เกิดจากเหล็กเล็กๆ น้อยๆ ต่อไปก็กัดเหล็กให้เสียจนใช้การไม่ได้ นอกจากนิสัยกลายเป็นเสือร้ายตัวศัตรูต่อทรัพย์แล้ว ยังมีทางถ่ายทอดให้กุลบุตรและกุลธิดารับไว้เป็นเครื่องสังหารตนต่อไปอีกเป็นเวลานาน นี่คือโทษแห่งความไม่สำนึกตัว จึงกลายเป็นนิสัยโรคระบาดติดต่อกันไปเรื่อยๆ ตลอดวงศ์สกุล ผิดถูกคนเราก่อนจะทำอะไร ควรพิจารณาให้รอบคอบ ไม่เช่นนั้นจะเป็นทางให้ผู้อื่นเสีย เพราะเราเป็นตัวอย่างไม่ดีอีกจำนวนมาก เพราะผู้ใหญ่ทุกคนต้องเป็นแบบพิมพ์ของเด็กได้ทุกๆ วัย ถ้าแบบพิมพ์ดีสิ่งสำเร็จรูปมาจากแบบพิมพ์ก็จะกลายเป็นของดีไปตามๆ กัน

เพราะฉะนั้นการจ่ายทรัพย์ไม่รู้จักประมาณ ไม่มีหลักเหตุผลค้ำประกัน ทรัพย์ที่มีอยู่จึงพร้อมที่จะฉิบหายไปตามๆ กันจนไม่มีอะไรเหลือ เด็กที่เดินตามผู้ใหญ่ก็พลอยจะเสียทั้งทรัพย์และรับเอานิสัยไม่ดีไว้สังหารตนในอนาคต ก็จะปรากฏแต่คนเสียหายไปทั่วโลก ไม่มีใครจะฉลาดสามารถนำแผ่นดินอันเป็นทองทั้งแท่งไว้ได้ เมื่อแผ่นดินถล่มบ้านเมืองก็ล่มจมไปด้วยโดยไม่ต้องสงสัย ดังนั้น สมชีวิตา จึงเป็นธรรมค้ำจุนโลก ไม่ให้กลายเป็นโลกที่ล้มเหลว ผู้ต้องการความเจริญในทรัพย์สินและบุตรธิดาที่ดี จึงควรเชื่อธรรมของพระพุทธเจ้าไว้ครองหัวใจ อย่าเชื่อกิเลสตัณหาความโลเลยิ่งกว่าธรรม จะเป็นผู้เจริญด้วยทรัพย์และเป็นสง่าราศีแก่ตนเองและวงศ์สกุลตลอดกาลนาน

พ่อแม่ครูอาจารย์หลวงปู่ใหญ่พระมหาบัว ญาณสัมปันโน
เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๑๕ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๐๕





"เราทำบุญกับใคร ให้ลืม
ใครทำบุญกับเรา ให้จำ"

-:-หลวงพ่อสนอง กตปุญโญ-:-






"ถ้าเราคิดดี พูดดี ทำดีแล้ว
คนอื่นเค้าว่าไม่ดี ก็เป็นเรื่องของเขา
เราอย่าทิ้งความดีของเรา
มันอยู่ที่ตัวเรา ไม่ใช่ที่คนอื่นมอง"

-:-หลวงปู่ชา สุภัทโท-:-





"จงมองตนเอง เพื่อแก้ไข
และมองคนอื่น เพื่อให้อภัย
จะอยู่สุขใจ และเป็นอิสระ"

-:-หลวงปู่ศรี มหาวีโร-:-







"เอาเหรียญ เอาพระไป
ไม่ใช่ว่าจะไปอวดดี อวดเก่งอะไร
เอาห้อยคอไป เพื่อกระตุ้นเตือนใจ
จะไปทำชั่ว ให้อายพระบนคอ"

-:-หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ-:-




"...วันหนึ่งๆ เกิดมาเป็นมนุษย์นั้น ให้ได้ทำบุญ อย่างน้อยๆ ก็เอาเมล็ดข้าวให้มดกินก็ได้ หรือเอาให้นกกินก็ได้ เอาให้ไก่กินก็ได้

เราทำทุกๆ วัน พอมีวันหนึ่งไม่มีให้เลย อย่างนี้ เรานึกจะทำบุญอะไรหนอ อย่างน้อยไม่มีอะไรจะให้ทาน วันนี้เราก็ทำใจให้สบายที่สุด ไม่โกรธใคร ใครจะว่าอะไร ก็ช่างมันเถอะ เราทำใจสบาย จะทำอย่างนี้ก็ได้..."
หลวงปู่ชา สุภัทโท






เหมือนเด็กในบ้านเรานั่น เด็กในบ้านมันซน จะทำยังไงมันไม่หยุด มันไม่นิ่งจะทำยังไง เอาลูกโป่งมาให้มันเล่นเสีย มันก็เพลินกับลูกโป่งของมันสบาย มันก็ไม่ร้อง มันก็ไม่วุ่นวายเพราะอะไร เอาเครื่องเล่นมาให้มันๆก็เพลินกับลูกโป่งนั่นแหละ
จิตนี้ก็เหมือนกัน เมื่อมันวุ่นวายวอกแวกอยู่ หาอารมณ์ให้มันเล่น เอาอะไรบ้าง พุทธานุสติบ้าง ธรรมานุสติบ้าง สังฆานุสติบ้าง สีลานุสติบ้าง จาคานุสติบ้าง เอามรณานุสติบ้าง ให้มันพิจารณาความตาย
หลวงปู่ชา สุภัทโท
จากหนังสือ ความผิดในความถูกหน้าที่ ๙๕







ท่านญาณธัมโม (ปัจจุบันท่านเป็นเจ้าอาวาสวัดป่ารัตนวัน นครราชสีมา) เล่าให้ฟังว่า มีปัญญาธรรมอย่างหนึ่งที่เราประทับใจจนถึงทุกวันนี้ เป็นเรื่องเล็กๆน้อยๆ แต่ยังจำได้
ครั้งหนึ่งหลวงพ่อชาอยู่ที่โรงฉัน มีโยมมาบอกข่าวว่าเขาไปขุดส้วมหลวงปู่มั่นตามวัดต่างๆที่ท่านเคยพำนักเพื่อหาพระธาตุ
หลวงพ่อชา ซึ่งก็เป็นลูกศิษย์ของหลวงปู่มั่น ก็พูดว่า
"ดูซิ ธรรมะของหลวงปู่มั่นเขาไม่เอากัน ไปเอาแต่ขี้ของหลวงปู่มั่นมาบูชา"

เรียบเรียงจาก กิ่งก้านแห่งโพธิญาณ หน้าที่ ๔๔๙






เกิดเป็นมนุษย์ใช้ร่างกายให้คุ้มค่า

ศีลของเราดีหรือเปล่า
ภาวนาของเราตั้งใจมั่นหรือเปล่า

ถ้าไม่แน่วแน่ ยังวอกแวกไม่เป็นอันเดียว
มันก็งมโข่งไปเรื่อย

ถ้าเราแน่วแน่ในใจเต็มที่ ไว้วางใจตนเอง
เป็นที่เชื่อมั่นในตัวเอง
ไม่เกี่ยวข้องอะไร มีดวงจิตดวงเดียวเท่านั้น

เวลาตายยิ้มตาย ไม่กลัวอะไรเลย

หลวงปู่ท่อน ญาณธโร







ผู้ใดมีสติอยู่ทุกเวลา
ผู้นั้นก็ได้ฟังธรรมของพระพุทธเจ้าอยู่ตลอดเวลา
เพราะว่า เมื่อตามองเห็นรูป ก็เป็นธรรมะ
หูได้ฟังเสียง ก็เป็นธรรมะ
จมูกได้กลิ่น ก็เป็นธรรมะ
ลิ้นได้รสก็เป็นธรรมะ
ธรรมารมณ์ที่เกิดขึ้นกับใจ
นึกขึ้นได้เมื่อใดเป็นธรรมะเมื่อนั้น
ฉะนั้นผู้มีสติจึงได้ฟังธรรมะของพระพุทธเจ้าอยู่ตลอดเวลา
ไม่ว่าจะยืน เดิน นั่ง นอน มันมีอยู่ทุกเวลา
เพราะอะไร ? เพราะเรามีความรู้อยู่

หลวงพ่อชา สุภัทโท






เรื่องของโลกยิ่งเรียนยิ่งกว้าง
เรื่องของธรรมยิ่งรู้ยิ่งแคบ

และรู้แคบเท่าไรก็ยิ่งดี
ถ้ารู้กว้างออกไปมักฟุ้งซ่าน
เป็นเหตุให้เกิดความไม่สงบ

ผู้ที่ทำจิตให้แคบเข้าละเอียดเข้าก็จะเกิดความวิเวกสงบ
เกิดแสงและวิปัสสนาญาณ

มองเห็น อดีต อนาคต และปัจจุบันได้ทุกอย่าง

ท่านพ่อลี ธมฺมธโร


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 4 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO