นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน เสาร์ 04 พ.ค. 2024 9:35 pm

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
 หัวข้อกระทู้: ที่พึ่งของใจ
โพสต์โพสต์แล้ว: จันทร์ 15 พ.ค. 2017 4:31 am 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 4548
"ที่พึ่งของใจ คือธรรมคือบุญคือกุศล มีที่พึ่งผิดกัน ร่างกายต้องอาศัยวัตถุด้วยกันเป็นที่พึ่ง จิตใจต้องอาศัยนามธรรม คือบุญ คือกุศลเป็นที่พึ่งจากการบำเพ็ญคุณงามความดีของเรา จนกระทั่งภาวนา

การให้ทานเราอย่าตระหนี่ถี่เหนียวเมื่อสมบัติยังมีอยู่ ความตระหนี่ถี่เหนียวมันจะปิดกั้นทางเดินของเราในภพชาติทั้งชาตินี้และชาติหน้า ไปที่ไหนอัดอั้นตันใจ

เขามีเราขาดเขิน เขาได้เราไม่ได้ เขาเป็นเศรษฐีเราก็เป็นคนจน เพราะเราเป็นคนตระหนี่ถี่เหนียวปิดกั้นทางเดินและภพชาติทางเดินของตนให้เกิดในสถานที่ไม่เหมาะสมที่ไม่ต้องการที่ไม่พึงปรารถนาไปเรื่อย ๆ

เพราะฉะนั้น จึงต้องเปิดทางให้โลก ด้วยการทำบุญให้ทาน เรามีมากมีน้อย เราไม่ได้ขนเอาไปทานทั้งบ้านทั้งเรือนแหละ

เรามีก็แบ่งกินแบ่งทาน กินเราหามากินได้ สำหรับร่างกายให้ผาสุกไปเป็นเวล่ำเวลา

ส่วนจิตใจมีความหิวโหยอยู่ด้วยอาหาร คือธรรมเป็นเครื่องหล่อเลี้ยง ได้แก่การให้ทาน ผลแห่งการให้ทานย้อนเข้ามาเป็นกุศลหนุนจิตใจของเรา ให้มีอาหารเป็นเครื่องดื่มมีอาหารเป็นที่ยึดที่เกาะหรือเป็นสรณะเป็นที่พึ่งแห่งใจของเราทั้งชาตินี้และชาติหน้า

นี่คือที่พึ่งของใจ จึงต้องได้ทำ การอยู่การกิน เราก็กิน สำหรับทางร่างกายเยียวยารักษาไปให้เสมอกัน"

หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน
เมื่อวันที่ ๒๖ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๔๕





ตั้งแต่โยมพ่ออาตมาเสีย โยมแม่อยู่คนเดียว หลังๆ อาตมาจึงโทรไปคุยบ่อยๆ วันหนึ่ง โยมแม่ถอนใจใหญ่ แล้วพูดว่า "ไม่รู้อยู่ทำไม อยู่ไปวันๆ ไปไหนก็ไปไม่ได้ เป็นภาระของคนอื่น ไม่รู้อยู่ทำไม" เสียงสั่นเครือของท่านน่าสงสารจริงๆ

อาตมาจึงสั่งโยมแม่ว่า "ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ขอให้แม่ทำความดีวันละข้อ อะไรก็ได้ ไม่ต้องเป็นเรื่องใหญ่ เรื่องเล็กๆ ก็ได้ แต่ขอให้เป็นเรื่องที่ทำแล้วรู้สึกภูมิใจได้ โยมแม่ถามว่าอยู่ไปทำไม คำตอบของอาตมาคือ อยู่ไปเพื่อทำความดี วันไหนคนเราทำความดี วันนั้นไม่ว่างเปล่า วันนั้นไม่เป็นหมัน ความดีคือสิ่งที่ทำให้ชีวิตเรามีความหมายและมีความสุข"

ทุกวันนี้เมื่ออาตมาโทรไปที่บ้าน ก่อนอื่นต้องถามโยมแม่ว่า "วันนี้ทำความดีแล้วหรือยัง" ถ้าทำแล้ว อาตมาก็ชื่นชมให้กำลังใจ โยมแม่มีความสุข

การตอบแทนบุญคุณ ไม่ได้อยู่ที่การปรนนิบัติ หรือการรับใช้อย่างเดียว การให้โอกาสให้ท่านทำบุญทำกุศล และรู้จักอนุโมทนาในความดีที่ท่านได้ทำไว้แล้ว คือการช่วยสุขภาพจิตของผู้สูงอายุที่สำคัญมาก

พระอาจารย์ ชยสาโร






"ทรัพย์ของผู้ตระหนี่นั้น
ถึงจะมีมาก ก็เหมือนไม่มี
เพราะไม่เกิดประโยชน์ต่อตนเอง
และผู้อื่น"

-:-สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชฯ-:-





การคบหาสมาคม
เป็นต้นทางที่จะให้เกิดความรู้
ถ้าแรกเริ่มได้คบกับท่านที่เป็นบัณฑิต
ก็อาจรู้จักศิลปศาสตร์ทางดีได้
ถ้าคบคนพาลเสียก่อน
ก็อาจรู้ศิลปศาสตร์ส่วนที่ชั่ว.
พระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (สิริจนฺโท จันทร์)





ตามไปจนสิ้นภพสิ้นชาติ..."..ให้นั่งภาวนา พุทโธ ๆ ไม่ต้องร้องให้มันแรงดอก ให้มันอยู่ในใจซื่อ ๆ ดอก การภาวนาก็เป็นอริยทรัพย์ภายใน มันจะติดตามไปทุกภพทุกชาติ ติดไปสวรรค์ ลงมามนุษย์ มาตกอยู่ในที่มั่งคั่งสมบูรณ์บริบูรณ์ ไม่ยากไม่จน ทรัพย์อันนี้ติดตามไป บ่มีสูญหายดอก ตามไปจนสิ้นภพสิ้นชาติ.."
...หลวงปู่ขาว อนาลโย...





ถ้ายังไม่รู้แจ้งเห็นจริง ให้เชื่อพระพุทธเจ้าไว้ก่อน

ทิฏฐธัมมิกัตถประโยชน์ ประโยชน์ในปัจจุบัน คือในชั่วชีวิต นี้

สัมปรายิกัตถประโยชน์ ประโยชน์ในภพหน้า คือสร้างบุญ สร้างกุศลเพื่อสวรรค์

ปรมัตถประโยชน์ ประโยชน์อย่างยิ่ง คือพระนิพพาน บำเพ็ญเพียรภาวนาเพื่อบรรลุมรรคผลนิพพาน

ท่านวางหลักเกณฑ์ของท่านไว้อย่างนี้ แต่เราไม่เข้าใจคำสอนของท่านเอง ที่ว่าไม่เข้าใจคำสอน นั่นก็เพราะว่ายังมีคนกล่าว ประณามพระองค์ว่า สอนคนให้สันโดษมักน้อย ไปกล่าวตู่ว่าสอนให้งอมืองอเท้า ให้ขี้เกียจขี้คร้าน แต่แท้ที่จริงเราไม่เข้าใจคำสอนของพระองค์ต่างหาก

สิ่งใดที่พระองค์สอนมานี่ ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ จุตูปปาตญาณ เป็นหลักฐานในคำสอนของพระองค์

พระองค์รู้เรื่องอดีตชาติของพระองค์ พระองค์เคยเกิดเป็นอะไร เพราะบุญกรรมอะไร ทำบาปสิ่งนี้ ตายแล้วตกนรก พระองค์เคยทำสิ่งนี้ ตายแล้วไปนรกมาก่อนเราแล้ว ทำบุญสิ่งนี้ ตายแล้วขึ้นสวรรค์ พระองค์เคยทำบุญสิ่งนี้ ตายแล้วขึ้นสวรรค์มาก่อนเรา บำเพ็ญตบะ บำเพ็ญฌาน สำเร็จฌานสมาบัติ ตายแล้วไปเกิดเป็นพระพรหมในพรหมโลก ทั้ง ๓ อย่างนี้พระองค์ได้ปฏิบัติมาแล้ว ได้ลองของมาแล้ว ไฟนรกมันร้อน พระองค์เคยเอาเท้าไปแหย่มา แล้ว สวรรค์มันเยือกเย็น พระองค์ก็เคยสัมผัสกับสวรรค์มาแล้ว

เพราะฉะนั้น คำสอน ของพระองค์นี่ สิ่งที่เป็นบาปเป็นบุญ มันเป็นสิ่งที่พระองค์ได้ลองของมาแล้วทั้งนั้น

คำสอนของพระพุทธเจ้า ไม่ใช่ชนิดที่ว่านอนหลับแล้วฝันไป ตื่นขึ้นมาแล้วเทศน์สอนคน ไม่ใช่อย่างนั้น มันเป็นสิ่งที่พระองค์ได้ทดสอบมาด้วยพระองค์เอง

เพราะฉะนั้น ใครยังไม่รู้แจ้งเห็นจริง เชื่อพระองค์เอาไว้ก่อน รับฟังเอาไว้ อย่าไปหัดลองของเหมือนพระ องค์ ลองแล้วอย่างเราๆ นี่ ไม่รู้หรอก เชื่อพระองค์ว่าพระองค์เคยลองมาแล้วทดสอบมาแล้วทุกอย่าง

เทศนาธรรม ท่านเจ้าคุณพระราชสังวรญาณ
(หลวงพ่อพุธ ฐานิโย)






รูลึก หรือว่าแขนสั้น

"...คำสอนของพระ ตรง ง่าย แต่ยากกับคนที่จะปฏิบัติ เพราะรู้ไม่ถึง เหมือนกับรู คนตั้งร้อยตั้งพันคน โทษว่ารูมันลึกเพราะล้วงไปไม่ถึง ที่จะว่าแขนของตนสั้นนั้นไม่ค่อยมี

พระพุทธเจ้าท่านทรงสอนไม่ให้ทำบาปทั้งปวง เราข้ามไปพากันทำบุญ แต่ไม่พากันละบาป ก็เท่ากับว่ารูมันลึก ที่จะว่าแขนของตนสั้นนั้นไม่มี..."

โอวาทธรรมคำสอน..
องค์หลวงพ่อชา สุภัทโท







"...คำพูด เป็นดาบชนิดหนึ่ง
บางคนใช้ทิ่มแทงตน

และบางกลุ่มใช้ทิ่มแทงกันเอง
ทั้งๆ ที่รู้ว่า ไม่มีใครได้ประโยชน์อะไร..."

โอวาทธรรมคำสอน..
องค์หลวงปู่จันทร์ศรี จนฺททีโป






"..แก่นของบุญ นั้นคือ ใจ

ต้องทำใจของเราให้สงบ

ระงับจาก โลภะ โทสะ โมหะ.."

โอวาทธรรมคำสอน..
องค์ท่านพ่อลี ธมฺมธโร


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 3 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
cron
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO