นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน เสาร์ 04 พ.ค. 2024 2:06 pm

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
 หัวข้อกระทู้: อย่าประมาท
โพสต์โพสต์แล้ว: อาทิตย์ 07 พ.ค. 2017 9:17 am 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 4548
คนเราอย่าได้นับประมาท ลาสา ดูถูกดูแคลน
คนที่เขาทำบุญน้อยนิด

เพราะเขาอาจจะแลกด้วยชีวิต
ถึงจะได้เงินนั้นมาทำบุญ

เขาอาจจะได้อานิสงส์มากกว่าเรา
ที่มีเงินแสนเงินล้านอีกก็ได้

หลวงปู่ครูบาชัยยะวงศาพัฒนา



เวลากิเลสมันเกิดขึ้น
เกิดขึ้นทางกาย เกิดขึ้นทางวาจา เกิดขึ้นทางใจ
รู้ทันมันเดี๋ยวนี้ มันก็ดับไปเดี๋ยวนี้แหละ
-หลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ-





"ปุตฺตาคีเว
บุตรบ่วงหนึ่งเกี่ยวพันคอ

ธนํปาเท
ทรัพย์สมบัติผูกบาทากรอเหนี่ยวไว้

ภริยาหตฺเถ
ภรรยาเยี่ยงอย่างปอรึงรัดมือนา

สามบ่วงนี้ ใครแก้ได้ จึงจะพ้นสงสาร"

-:-หลวงพ่อทูล ขิปปปัญโญ-:-






"ผู้เป็นพ่อแม่
ต้องประพฤติปฏิบัติเป็นคนดี
เป็นตัวอย่างของลูก
ลูกก็จะได้ยอมรับ
จะได้เคารพศรัทธา

คนเราที่ไม่มีศรัทธา
ก็ยากที่จะเชื่อฟัง
ยากที่จะปฏิบัติตาม
เพราะการพูดร้อยครั้ง
ยังไม่เท่า ทำให้ดูครั้งเดียว"

-:-หลวงพ่อกัณหา สุขกาโม-:-






ปฏิบัติกันเถิด .....ตอนที่ ๑

หลวงพ่อชา สุภัทโท วัดหนองป่าพง

วิธีปฏิบัติ

จงหายใจเข้า หายใจออก อยู่อย่างนี้แหละ อย่าใส่ใจกับอะไรทั้งนั้น ใครจะยืนเอาก้นขึ้นฟ้าก็ช่าง อย่าไปเอาใจใส่ อยู่แต่กับลมหายใจเข้าออก ให้ความรู้สึกกำหนดอยู่กับลมหายใจ ทำอยู่อย่างนี้แหละ

ไม่ไปเอาอะไรอื่น ไม่ต้องคิดว่าจะเอานั่นเอานี่ ไม่เอาอะไรทั้งนั้น..ให้รู้จักแต่ลมเข้า...ลมออก...ลมเข้า...ลมออก...พุท เข้า โธ ออกอยู่กับลมหายใจอย่างนี้แหละ เอาอันนี้เป็นอารมณ์ ให้ทำอยู่อย่างนี้จนกระทั่งลมเข้าก็รู้จัก ลมออกก็รู้จัก ลมเข้าก็รู้จัก ลมออกก็รู้จัก ให้รู้จักอยู่อย่างนั้น จนจิตสงบ หมดความรำคาญ ไม่ฟุ้งซ่านไปไหนทั้งนั้น ให้มีแต่ลมออกลมเข้า ลมออกลมเข้าอยู่อย่างนั้น ให้มันเป็นอยู่อย่างนี้ ยังไม่ต้องมีจุดหมายอะไรหรอก นี่แหละเบื้องแรกของการปฏิบัติ

เมื่อใจสงบ กายก็สบาย

ถ้ามันสบาย ถ้ามันสงบ มันก็จะรู้จักของมันเอง ทำไปเรื่อยๆลมก็จะน้อยลง อ่อนลง กายก็อ่อน จิตก็อ่อน มันเป็นไปตามเรื่องของมันเอง นั่งก็สบาย ไม่ง่วง ไม่โงก ไม่หาวนอน จะเป็นอย่างใด ดูมันคล่องของมันเองไปทุกอย่าง นิ่ง สงบ จนพอออกจากสมาธิแล้ว จึงมานึกว่า มันเป็นอย่างใดหนอ แล้วก็นึกถึงความสงบอันนั้น ไม่ลืมสักที

สิ่งที่ติดตามเราเรียกว่าสติ ความระลึกได้ สัมปชัญญะ ความรู้ตัว เราจะพูดอะไร จะทำอะไร จะไปนั่น จะมานี่ จะไปบิณฑบาตก็ดีจะฉันจังหันก็ดี จะล้างบาตรก็ดี ก็ให้รู้จักเรื่องของมัน ให้มีสติอยู่เสมอ ติดตามมันไป ให้ทำอยู่อย่างนี้

การเดินจงกรม

เมื่อจะเดินจงกรม ก็ให้มีทางเดินสักทางหนึ่ง จากต้นไม้ต้นนี้ไปสู่ต้นไม้ต้นนั้นก็ได้ ให้ระยะทางมันยาวสัก ๗-๘ วา เดินจงกรมมันก็เหมือนกับทำสมาธิ ให้กำหนดความรู้สึกขึ้นในใจว่า "บัดนี้ เราจะทำความเพียร จะทำจิตให้สงบ มีสติสัมปชัญญะให้กล้า"

การกำหนดก็แล้วแต่ละคน ตามใจ บางคนออกเดินก่อนก็แผ่เมตตาสัตว์ทั้งหลายทั้งปวง สารพัดอย่าง แล้วก็ก้าวเท้าขวาออกก่อนให้พอดีๆ ให้นึก "พุทโธ...พุทโธ..." ตามการก้าวเดินนั้น ให้มีความรู้ในอารมณ์นั้นไปเรื่อย ถ้าใจเกิดฟุ้งซ่าน หยุด ให้มันสงบ ก้าวเดินใหม่ให้มีความรู้ตัวอยู่เรื่อยๆ ต้นทางออกก็รู้จัก รู้จักหมด ต้นทางกลางทาง ปลายทาง ทำความรู้นี้ให้ติดต่อกันอยู่เรื่อยๆ

เดินจงกรมทำให้เกิดปัญญา

นี่เป็นวิธีทำ กำหนดเดินจงกรม เดินจงกรมก็คือ เดินกลับไปกลับมา เดินจงกรมไม่ใช่ของง่ายนะ บางคนเห็นเดินกลับไปกลับมาเหมือนคนบ้า แต่หารู้ไม่ว่าการเดินจงกรมนี่ทำให้เกิดปัญญานักละเดินกลับไปกลับมา ถ้าเหนื่อยก็หยุด กำหนดจิตให้นิ่ง กำหนดลมหายใจให้สบาย เมื่อสบายพอสมควรแล้ว ก็ทำความรู้สึกกำหนดการเดินอีก แล้วอิริยาบถมันก็เปลี่ยนไปเอง การยืน การเดิน การนั่ง การนอนมันเปลี่ยน คนเราจะนั่งรวดเดียวไม่ได้ ยืนอย่างเดียวไม่ได้นอนอย่างเดียวก็ไม่ได้ มันจะต้องอยู่ตามอิริยาบถเหล่านี้ ทำอิริยาบถทั้งสี่ให้มีประโยชน์ ให้มีความรู้สึกตัวอยู่อย่างนี้ นี่คือการทำ ทำไป ทำไป มันไม่ใช่ของง่ายๆหรอก

ถ้าจะพูดให้ดูง่าย ก็นี่ เอาแก้วใบนี้ตั้งไว้นี่สองนาที ได้สองนาทีก็ย้ายไปตั้งไว้นั้นสองนาที แล้วก็เอามาตั้งไว้นี่ ให้ทำอยู่อย่างนี้ ทำไปทำไป ทำจนให้มันทุกข์ ให้มันสงสัย ให้มันเกิดปัญญาขึ้น นี่ คิดอย่างใดหนอ แก้วยกไปยกมา เหมือนคนบ้า มันก็จะคิดของมันไปตามเรื่อง ใครจะว่าอะไรก็ช่าง ยกอยู่อย่างนั้น สองนาทีนะอย่าเผลอ ไม่ใช่ห้านาที พอสองนาทีก็เอามาตั้งไว้นี่ กำหนดอยู่อย่างนี้ นี่เป็นเรื่องของการกระทำ






"จิตติดที่ไหน
ย่อมไปเกิด ณ ที่นั้น
จิตติดเรือน ก็อาจจะมาเกิด
เป็นจิ้งจกตุ๊กแกได้

แม้แต่พระภิกษุติดจีวร
ยังไปเกิดเป็นเล็น
น่าหวาดกลัวนัก

แล้วกิเลสมีร้อยแปดประตู
พุทโธมีประตูเดียว เพราะฉะนั้น
ให้ฝึกหัดปฏิบัติ ให้คุ้นเคย

วาระที่เราจะเปลี่ยนภพเปลี่ยนชาติ
จะเข้าจิตได้ทันหรือเปล่า"

-:-หลวงปู่หลุย จันทสาโร-:-





“ใจ” เปรียบเหมือนเด็ก “สติ” เปรียบเหมือนผู้ใหญ่
ผู้ใหญ่มีหน้าที่ดูแลควบคุมเด็กให้ดี
เด็กจึงจะกินอิ่มนอนหลับ แล้วก็จะไม่ร้องไม่อ้อน
ต้องให้เด็กมีอาหารดีๆ คือ พุทธะ ธรรมะ สังฆะ เป็นอารมณ์
มีตุ๊กตาตัวโตๆ ให้เล่น คือ เล่นธาตุทั้ง 4

ท่านพ่อลี ธมฺมธโร





ปัจจุบันของรูป คือ “ลม”
ปัจจุบันของนาม คือ “สติ”
ท่านพ่อลี ธมฺมธโร





ความรัก ดูเหมือนหอมหวาน
ความชั่ว ดูเหมือนเผ็ดร้อน
ทั้งสองนี้ เป็นอารมณ์
มีอำนาจเหนือเราเมื่อใด
จะทำลายเรา อย่างเจ็บปวดที่สุด

หลวงปู่จันทร์ศรี จนฺททีโป






"..จะทุกข์ จะจน ขึ้นอยู่กับหัวใจ ที่มันไม่พอ

ถ้าหัวใจไม่พอแล้ว มีเท่าไรก็ไม่พอ

ทุกข์มากที่สุด คือพวกนี้! พวกไม่พอ.."

โอวาทธรรมคำสอน..
องค์หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน






"...เวลารบรากับกิเลส ตอนต้นต้องแพ้กิเลสไปเรื่อยๆ การแพ้ไม่เป็นไร เพราะกิเลสมันช่ำชองในวัฏวน หมุนจิตใจของสัตว์โลก ให้ลงขั้นต่ำมานานแสนนาน แต่เราจะฟื้นจิตใจของเราให้ขึ้นสู่ความดีงามในเบื้องต้นนี้ รู้สึกว่ายากลำบาก ประหนึ่งว่าจะไปไม่ไหว

เพราะอำนาจของกิเลสมันรุนแรง จนจะท้อถอยน้อยใจ ไปตำหนิก็มาซ้ำให้กิเลสได้กำลังเพิ่มเข้าอีก ว่ามีนิสัยวาสนาน้อย ไม่สมควรแก่การปฏิบัติความดีงามทั้งหลาย ปล่อยไปตามบุญตามกรรมอย่างนี้ดีกว่า

นี่เรียกว่า กิเลสได้ชัยชนะแล้ว และนับวันที่จะอ่อนปวกเปียกลงไป หาวันที่จะเจริญก้าวหน้าไม่ได้ ใครถ้าคิดเช่นนั้น..."

โอวาทธรรมคำสอน..
องค์หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 8 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO