ของขลังจากล้านนา  ‘น้ำมันพระโพธิสัตว์’
แห่ง  วัดสามหลัง  ต.บ้านกลาง  อ.สันป่าตอง  จ.เชียงใหม่
โดย รณธรรม ธาราพันธุ์เมืองล้านนา หรือ ภาคเหนือของไทยเรา  นับว่าเป็นแหล่งอารยธรรมที่ขึ้นชื่อลือชาไปทั่วไทยและทั่วโลก  คนเคยเที่ยวเหนือจะรู้ดีว่าอาหารเหนือ  วัฒนธรรมเหนือ  ป่าเหนือ  ภูเขาเหนือ  ชาวเหนือ  และอีกหลาย ๆ เหนือนั้น  แสนวิเศษงดงามเพียงไร ?
แต่คนชอบขลังก็ยังถวิลหา   ‘พระเหนือ’   ไม่ขาด  หรือถ้าให้ชี้ชัดก็ต้องว่า  ‘เครื่องขลังจากทางเหนือ’  ดูจะตรงใจกว่า
หลายคนบ่นว่า  ‘พระเหนือ’   สมัยนี้เหมือนจะหมดไปตามกาล  ไม่ได้หมายเอาพระเฉย ๆ นะ  แต่หมายเอาเก่ง ๆ ดี ๆ  อย่างที่เคยมีและปรากฏชื่อลือชาดัง  ครูบาศรีวิชัยก็ดี    หลวงปู่แหวนก็ดี   หลวงปู่เกษมก็ดี  หลวงปู่สิมก็ดี   เป็นอาทิ
บ่น ๆ แต่เธอก็ไม่ออกค้นหาแล้วมันจะเจอหรือ  อันนี้เป็นเสียงคิดที่อยู่ในใจผม  ก็ไม่กล้าพูดหรอกเพราะตัวเองดันออกจะคิดคล้ายพี่แกอยู่นิด ๆ เหมือนกัน	
วันนี้ก็พลันได้ข่าวพระขลังที่ยังไม่ดังเท่าไรดอก  เลยอยากแนะนำให้   ‘ชาวศักดิ์สิทธิ์’  ได้รู้พร้อมกันเพราะเที่ยวเหนือในสงกรานต์วาระนี้ปะเหมาะโชคดีก็ได้ไปร่วมพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์และนมัสการท่านเสียเลย	
ปฐมเหตุก็เกิดแต่วิหารวัดสามหลังซึ่งมีท่านพระครูนิวิตคุณากรเป็นเจ้าอาวาสที่สร้างมาเนิ่นนานก็ยังไม่แล้วเสร็จด้วยขาดปัจจัยในการก่อสร้าง  คณะศิษย์เห็นสมควรพ้องกันว่าน่าจะจัดทำวัตถุมงคลขึ้นเพื่อสมนาคุณผู้อุปการะในการสร้างพระวิหาร   ในเมื่อครูอาจารย์เราก็มีดี  ยังขาดแต่เพียงการประกอบพิธีก็ควรที่จะจัดทำ
	ว่าแล้วก็ดำริจัดพิธีกรรมโบราณเก่าแก่แต่อดีตซึ่งนับวันจะหาคนประกอบพิธีได้ยากยิ่ง  ที่สำคัญคือพิธีนี้ยังไม่เคยมีวัดหรือครูบาอาจารย์องค์ใดในปัจจุบันจัดทำขึ้นมาก่อนเลย  นั่นคือการหุงน้ำมันพระโพธิสัตว์  และ  การเจริญพระพุทธมนต์โองการพระเจ้าห้าพระองค์	
น้ำมันพระโพธิสัตว์  เป็นวัตถุมงคลที่ขลังเอาการทีเดียว  เป็นตำราเก่าแก่ของพระคณาจารย์ทางเหนือโดยเฉพาะ  ผู้ครองตำรานี้และทำได้ศักดิ์สิทธิ์อย่างน่าทึ่งคือ  ท่านมหาป่า  วัดฝายหิน  เป็นพระเถระยุคเก่าที่เทียบอายุแล้วจะพอ ๆ กับสมเด็จโต 	
พระมหาป่า  วัดฝายหิน  นี้ว่ากันว่าทรงอภิญญา  เชี่ยวชาญกสิณ  รอบรู้วิทยาคุณและแตกฉานในพระไตรปิฎกนัก  เป็นพระเถระที่ครูบาอาจารย์ฝ่ายเหนือยกย่องและใช้ตำรับตำราสร้างขลังสืบต่อกันมานานนับร้อยปี	
น้ำมันพระโพธิสัตว์ นี้ก็เช่นกัน  เป็นวัตถุมงคลที่หาใครสืบทอดแทบไม่มี  เพราะข้อบังคับในการสร้างนั้นยากยิ่ง      หากเมื่อทำถูกต้องตามตำราแล้วย่อมมีอานุภาพให้เห็นเป็นอัศจรรย์  คุณวิเศษของน้ำมันนี้ คือ	
1.  เมื่อได้รับมาแล้วให้นำบูชาไว้บนที่สูง  จะเป็นสิริมงคลยิ่ง  บังเกิดความร่มเย็นเป็นสุขแก่ผู้บูชา    ปัดเป่าเสนียดจัญไรและ อุปัทวันตรายทั้งหลายได้  ป้องกันคุณไสยมนต์ดำและภูตผีปีศาจชะงัดนัก	
2.  หากจะเกิดภัยพิบัติใด ๆ แก่เจ้าของ  น้ำมันจะแสดงอภินิหารให้ปรากฏ  คือจะเดือดเป็นฟองขึ้นแม้อยู่ในขวดก็ตาม  เมื่อเป็นดังนี้ให้นำน้ำมันมาอธิษฐานแล้วกินเข้าไปเท่าเมล็ดในพุทรา  (บ่าตัน)  จากนั้นให้แต้มน้ำมันทาที่กลางกระหม่อม  ทาใบหู  ท้ายทอย  ลิ้นปี่  สะดือ  ทาที่ง่ามมือ  ง่ามเท้า  ก็จะเป็นแคล้วคลาดคงกระพัน  แม้เกิดอุบัติเหตุเภทภัยแก่เราก็ไม่ถึงตายแล	
3.  น้ำมันใช้อธิษฐานแล้วเจิมคิ้ว  ทาริมฝีปาก  เจรจาเป็นเสน่ห์มหานิยม  ซื้อง่ายขายคล่อง	
4.  หากถูกแมลงสัตว์กัดต่อย  หรือไฟไหม้น้ำร้อนลวก  ใช้น้ำมันทาที่แผลจะช่วยรักษาได้ดี
ทั้งหมดนี้คือความศักดิ์สิทธิ์ของน้ำมันพระโพธิสัตว์ที่เมื่อผมทราบแล้วก็อยากได้เป็นนักหนา  ก็วัตถุมงคลที่เป็นดังเรดาห์คอยเตือนภัยจะหาที่ไหนมี  เคยได้ยินว่า  ‘น้ำมันงาดำ’  ของ  ท่านพระครูวิมล ศีลาภรณ์  หรือ  ครูบาสุรินทร์  สุรินโท  วัดหลวงศรีเตี้ย  ต.ศรีเตี้ย  อ.บ้านโฮ่ง  จ.ลำพูน  ก็มีอานุภาพดังนี้เช่นกัน  ไม่แน่ใจว่าจะเป็นตำราเดียวกันหรือไม่	
หากทุกวันนี้ครูบาสุรินทร์ก็ละสังขารจากพวกเราไปแล้ว  คงหาน้ำมันของท่านไม่ง่ายนัก  เมื่อมีพระคณาจารย์ที่ทรงคุณวิเศษมาประชุมกันเพื่อหุงน้ำมันศักดิ์สิทธิ์ถึง  4  รูป  ผมก็คิดว่าน่าจะบูชาไว้ก่อนเป็นดี	
เพื่อสร้างพระวิหารให้แล้วเสร็จ   ทางวัดสามหลังจึงกำหนดประกอบพิธีหุงน้ำมันพระโพธิสัตว์ตามอย่างโบราณาจารย์ขึ้น ในวันเสาร์ที่  6  เมษายน  พ.ศ. 2548  ตรงกับ  ขึ้น  8  ค่ำ  เดือน  5  ปีระกา  อันเป็นวันพญาวัน  ซึ่งผู้ชาญวิทยาคุณทางภาคเหนือถือว่าเป็นวันที่สำคัญและแรงยิ่งนัก  นิยมจัดพิธีกรรมที่ต้องการความศักดิ์สิทธิ์อย่างสูง	
โดยในเวลา  10.39 – 10.52  น.  เป็นฤกษ์ดี  ดิถีสิทธิโชค เหมาะจะประกอบพิธีหุงน้ำมันวิเศษ  โดยมีท่านพระครูนิวิตคุณากร  เจ้าอาวาสวัดสามหลังเป็นประธานเสก  และนั่งปรกสี่ทิศด้วยพระอาจารย์ผู้ทรงวิทยาคุณคือ	
1.  พระอาจารย์ประดิษฐ์  อาภาธโร    วัดแม่ร่องน้อย  อ.เมือง  จ.ลำพูน
ท่านองค์นี้เป็นศิษย์ในหลวงปู่ครูบาคำ  สังวโร   แห่ง  วัดศรีดอนตัน  อ.เมือง  จ.ลำพูน  ซึ่งหลวงปู่เป็นพระปฏิบัติดีที่ชาวบ้านเลื่อมใสมาก  พระอาจารย์ประดิษฐ์ได้อยู่อุปัฏฐากหลวงปู่ตั้งแต่เป็นสามเณรจนได้อุปสมบท  ซึ่งตลอดมาก็ได้รับการถ่ายทอดวิชาทั้งคันถธุระ  วิปัสสนาธุระ  และคาถา  อาคมต่าง ๆ จนชำนาญ  ก็ได้รับการอาราธนาจากชาวบ้านให้มาเป็นเจ้าอาวาสวัดแม่ร่องน้อยจนถึงปัจจุบัน
2.  พระอาจารย์พยุงศักดิ์  ธีรธัมโม    วัดควรค่าม้า  อ.เมือง  จ.เชียงใหม่
		ถ้าพูดถึงการจารอักขระเลขยันต์โดย  ‘ตัวเมือง’  ให้สวยงาม  ชัดเจน  และเล็กที่สุดในโลกแล้วคงไม่มีใครเกินท่านนี้   พระอาจารย์พยุงศักดิ์เป็นพระที่คนเชียงใหม่ให้ความเคารพไม่น้อย  ใครจะรู้บ้างว่าตะกรุดต่าง ๆ นับพันชนิดที่พระเถระผู้ใหญ่และผู้น้อยในเมืองเชียงใหม่ออกให้บูชามาจากฝีมือการจารของท่านแทบทั้งสิ้น  		
ท่านศึกษาวิทยาคุณและอักขระวิธีมาตั้งแต่เป็นสามเณร  ครูอาจารย์ใดที่ว่าดีท่านเป็นต้องดั้นด้นไปศึกษาขอวิชามาจนได้  พระอาจารย์องค์สำคัญรูปหนึ่งของท่านคือ  หลวงปู่ครูบา คำปัน  นันทิโย  วัดหม้อคำตวง  อ.เมือง  จ.เชียงใหม่		
สิ่งที่สร้างชื่อพระอาจารย์พยุงศักดิ์ให้ระบือมิใช่เพียงตะกรุดอย่างเดียว  หากเป็น‘เทียน’  ที่มีมากมายหลายแบบโดยเฉพาะเทียนมหาลาภที่พ่อค้าแม่ค้าย่านตลาดช้างเผือกจะรู้จักกันดีว่า  เมื่อจุดบูชาแล้วเป็นขายของแทบไม่ทันจริง ๆ 	
3.  พระอาจารย์ทนง  สุเมธโส   วัดหนองอาบช้าง  อ.แม่ริม  จ.เชียงใหม่
ท่านเป็นพระสายเหนือรูปหนึ่งที่อาคมขลังไม่น้อย  ท่านเองก็ชอบศึกษาวิชาไม่ต่างจากท่านพระอาจารย์พยุงศักดิ์  ครูที่ไปร่ำเรียนมามิใช่แต่พระเถระเท่านั้น  แต่ครูกะเหรี่ยง  ครูยาง  ครูเงี้ยว  ที่ว่าดีว่าแน่  ท่านเป็นเข้าไปขอเรียนหมด อภินิหารของท่านได้เห็นกันตอนที่มีขี้ยามาเสพยาในบริเวณวัดของท่าน  เมื่อทราบท่านก็ไปไล่ขี้ยาคนนั้นให้ออกไปที่อื่น  ปรากฏว่าคนไม่ป่วยแต่ชอบกินยาบันดาลโทสะอย่างแรงคว้ามีดได้ก็ทั้งแทงทั้งฟันท่านไม่เลี้ยง  น่าอัศจรรย์ที่หาเข้าหนังท่านไม่  ซ้ำท่านกลับแอ่นอกท้าให้ฟันอีก  ขี้ยาเห็นดังนั้นก็ถอดใจด้วยไม่พบอภินิหารอย่างนี้มาก่อนถึงกับวิ่งหนีออกจากวัดท่านไป ความขลังอย่างนี้แหละที่ท่านจะมาบรรจุลงวัตถุมงคลทั้งปวงของวัดสามหลังในวันพญาวัน  16  เมษายนนี้	
4.  พระอาจารย์อุดร  ชินวังโส   วัดอุโมงค์เถรจันทร์  อ.เมือง  จ.เชียงใหม่
ท่านผู้นี้ชำนาญในด้านว่านยา  สมุนไพรต่าง ๆ   การปรุงยารักษาโรค  และคัดสรรว่านที่มีอิทธิฤทธิ์เพื่อใช้ในการเคี่ยวน้ำมันมนต์หรือสร้างพระเครื่อง  ต้องยกให้ท่านพระอาจารย์อุดร	
พระอาจารย์ทั้งสี่รูปมีคุณวิเศษและเชี่ยวชาญในวิชาที่แตกต่างกันไป  แต่ท่านมีวัตถุประสงค์เดียวกันคือร่วมสร้างขลังให้วัตถุมงคลของวัดสามหลังเพื่อทำวิหารให้แล้วเสร็จ   ก็น่าที่พวกเราชาวพุทธทั้งหลายจะร่วมใจกันสถาปนาถาวรวัตถุไว้ในพระศาสนาด้วยมิใช่หรือ	
นอกจากน้ำมันพระโพธิสัตว์แล้วทางวัดสามหลังยังได้จัดสร้างวัตถุมงคลที่ทำได้ยากยิ่งอีกสองอย่างคือ
	1.  ตะกรุดชิวหาสาลิกาลิ้นคำ
ตะกรุดนี้เปี่ยมอานุภาพในทางเมตตามหานิยมเป็นอย่างสูง  ถือเป็นสุดยอดตะกรุดแล้วในหมวดของมหาเมตตาฝ่ายเหนือ   น้อยพระอาจารย์ที่จะรู้จักวิชานี้  น้อยพระอาจารย์ที่จะจัดทำขึ้น  เพราะความยากในการสร้างประการหนึ่ง  และยากที่จะเลือกคนให้ตะกรุดแก่คนที่มีคุณธรรม อานุภาพของตะกรุดสาลิกาลิ้นคำย่อมทำให้ผู้พกพามีเสน่ห์มหานิยม  เป็นที่รักของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย  เดินทางไปไหนทั้งทางบก  ทางน้ำ สัตว์ร้าย  คนร้ายก็ไม่สามารถทำอันตรายได้เพราะบังเกิดความเมตตาแก่ผู้มีตะกรุดติดตัว		
แต่เดิมผู้เป็นเจ้าของวิชานี้คือ  ครูบาต๋า  ปัญญาวุฒโฑ   วัดบ้านเหล่า  อ.สันป่าตอง  จ.เชียงใหม่  ผู้สร้างตะกรุดสาลิกาลิ้นคำได้ขลังและศักดิ์สิทธิ์ยิ่ง ท่านเป็นทั้งหลานและศิษย์ใน ครูบาชุ่ม โพธิโก วัดวังมุย  อ.เมือง  จ.ลำพูนจึงไม่ต้องสงสัยในวิทยาคุณของครูบาต๋าเลยว่าจะวิเศษเพียงใด		
เมื่อครูบาต๋าจะสร้างตะกรุดลิ้นคำนี้  ท่านต้องนำแผ่นโลหะไปจารอักขระเลขยันต์ในป่าช้าแต่เพียงผู้เดียว  ครั้นลงครบถ้วนตามตำราแล้วต้องนำแผ่นพระยันต์ที่ม้วนเป็นตะกรุดเรียบร้อยมาดองด้วยน้ำผึ้งแท้เป็นเวลา  7  วัน    ดองในน้ำอ้อยอีก  7  วัน  และน้ำตาลอีก  7  วัน  			
หวานจนหยดสุดท้าย		
ตลอด  21  วันนี้ครูบาต๋าต้องปลุกเสกตะกรุดตามกำลังวันไปตลอดจนครบ  21  วัน  จากนั้นจึงนำมาเสกรวมใหญ่อีกครั้งหนึ่งเป็นเสร็จพิธี		
เพราะยากและมีอานุภาพมากดังนี้   ตลอดชีวิตของครูบาต๋าจึงมีคนได้ครอบครองตะกรุดนี้เพียงไม่กี่คน  และคนสืบทอดวิชาก็นับคนได้เลย		
ถือเป็นโชคของพวกเราที่วัดสามหลังจะประกอบพิธีสร้างตะกรุดชิวหาสาลิกาลิ้นคำตามอย่างโบราณาจารย์ทุกประการและเมื่อเสร็จพิธีเสกใหญ่ในวันพญาวันก็จะออกให้บูชาในวันนั้นทันทีเช่นกัน	
2.  ตะกรุดตุ้มชาตา		
เป็นวิชาของพระเถระทางเหนือที่มุ่งให้อานุภาพของตะกรุดนี้คุ้มครองดวงชะตาของผู้บูชาไม่ให้ตกต่ำ  ผู้ที่ดวงตก  รู้สึกว่าตัวเองทำอะไรก็ไม่ดี  ทำอะไรก็ไม่ขึ้น  ลองอาราธนาบูชาตะกรุดนี้ดู  ท่านอาจได้พบประสบการณ์ที่น่าประหลาดใจ  ที่กล่าวมาทั้งหมดเป็นพิธีการในช่วงเช้าซึ่งเป็นฤกษ์ดีที่ใช้ในการปลุกเสกวัตถุมงคล  แต่ช่วงบ่ายวัดก็มิได้เงียบเหงาแต่ประการใด  หากประกอบพิธีสำคัญอีกอย่างหนึ่งคือ โองการบูชาคุณพระมหากษัตริยาธิราชเจ้าของล้านนาทุก ๆ พระองค์  รวมถึงเจ้าหลวงคำแดงผู้คุ้มครองแผ่นดินล้านนามาตลอดทุกยุคทุกสมัย  และสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองเพื่อแก้ไขเหตุการณ์ร้ายในบ้านเมืองให้กลับร้ายกลายเป็นดีด้วยอานุภาพพระรัตนตรัยและเทพดาผู้ทรงฤทธิ์	
แต่ที่น่าเข้าร่วมพิธีเป็นที่ยิ่งคือการสวดพระพุทธมนต์มหาวิเศษชื่อ  โองการพระเจ้าห้าพระองค์  ซึ่งพระคาถานี้  ครูบาอินตา  วัดห้วยไซ  จ.ลำพูน    จะใช้ในการปลุกเสกวัตถุมงคลเสมอ ๆ ด้วยว่ามีอานุภาพเป็นล้นพ้นสุดพรรณนา  ปรารถนาไปในทางใดย่อมเป็นไปได้ทั้งสิ้น  ทางเหนือเรียกว่าดีพันช่อง  กล่าวกันว่าพระคาถานี้แม้ใครเจริญภาวนาวันละ  5  คาบ  ครบ  3  ปี แม้ยาจกเข็ญใจก็จะกลับกลายเป็นเศรษฐี	
เหตุนี้ทางวัดสามหลังจึงอาราธนาพระเถราจารย์ผู้ทรงคุณมาสวดโองการพระเจ้าห้าพระองค์แบบเต็มสูตร  เพื่อเสริมดวงชะตาชีวิตของผู้ที่ตกต่ำให้รุ่งโรจน์และหนุนผู้ที่ดีอยู่แล้วให้สูงยิ่ง ๆ ขึ้นไป   ดังนั้น  ผู้ที่จะไปร่วมงานจึงควรเตรียมทองคำเปลวอย่างแท้ไปด้วยท่านละ  1  แผ่น  เพื่อนำเข้าไปเสกด้วยพระคาถานี้แล้วทำการลงทองให้เป็นสิริมงคลแก่ตน	
ขอเรียนให้ทราบด้วยว่านอกจาก  น้ำมันพระโพธิสัตว์  ตะกรุดชิวหาสาลิกาลิ้นคำ  และตะกรุดตุ้มชาตา  ที่ต้องเสียสละปัจจัยในการเช่าบูชาแล้ว    พิธีกรรมต่าง ๆ อย่างอื่นไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ  ทั้งสิ้น  และยังมีการตั้งโรงทานเลี้ยงศรัทธาญาติโยมอีกด้วย
	ในงานนี้ยังมีการแจกสีผึ้งจันทร์เพ็ญ  รุ่นท้าพิสูจน์  เสียด้วย  ฟังชื่อรุ่นก็ท้าทายน่าลองนี่กระไร  คนที่ไปร่วมงานได้รับแจกทันที  คนที่ไม่ได้ไปเห็นจะต้องติดต่อขอรับทางไปรษณีย์ซึ่งก็จะได้บอกที่อยู่กันท้ายเรื่อง	
ตอนนี้ขอบอกกำหนดการในวันเสาร์ที่  16  เมษายน  พ.ศ. 2548  ให้เห็นเด่นชัดเสียก่อน  ดังนี้
	เวลา  09.00  น.    โองการขึ้นขันหลวงบูชาครู
	         10.39  น.     ประกอบพิธีปลุกเสกวัตถุมงคล และ หุงน้ำมันพระโพธิสัตว์
	         12.00  น.     รับประทานอาหารกลางวันที่โรงทาน
	         13.00  น.     โองการบูชาคุณพระมหากษัตริยาธิราชเจ้าล้านนา  ทุก ๆ พระองค์
	         13.30  น.     โองการเสริมสิริมงคลรับปีใหม่ไทย  สวดพระพุทธมนต์พระเจ้าห้าพระองค์ฉบับล้านนาแบบเต็มสูตร
ส่วนวัตถุมงคลที่จัดให้บูชาเพื่อนำปัจจัยไปสร้างวิหารวัดสามหลังมีดังต่อไปนี้
1.  น้ำมันพระโพธิสัตว์   พร้อมวิธีใช้  ขวดใหญ่      500   บาท ขวดเล็ก      100   	
2.  ตะกรุดชิวหาสาลิกาลิ้นคำ  เนื้อทองคำบริสุทธิ์น้ำหนัก  1  สลึง   3,000 เนื้อเงินบริสุทธิ์      1,000 เนื้อทองแดง         250   
3.  ตะกรุดตุ้มชาตา  (ค้ำคูณดวงชะตา) 50 
ไม่ว่าท่านจะบูชาวัตถุมงคลเพื่อร่วมกันสร้างวิหาร  หรือจะติดต่อขอรับสีผึ้งจันทร์เพ็ญฟรี กรุณาติด ต่อไปที่				  
 คุณวลีย์   อินต๊ะ ตู้ปณ. 242    ปณฝ. พระสิงห์  อ. เมือง   จ. เชียงใหม่  50205
บูชาวัตถุมงคลโปรดสั่งจ่ายเป็นตั๋วแลกเงินและช่วยค่าส่งกับค่ากล่องพัสดุ  60  บาท  ส่วนสีผึ้งกรุณาส่งตั๋วแลกเงินราคา  60  บาทไป    เพื่อเป็นค่าจัดส่งสีผึ้งกลับมาให้ครับ   
สงสัยอะไรติดต่อสอบถามได้ที่  คุณภานุชิดา  06-6599181  ท่านเป็นประชาสัมพันธ์ช่วยในการก่อสร้างวิหารวัดสามหลัง  ของศิษย์ทางกรุงเทพ   หรือติดต่อที่   คุณณัฐพงษ์  วารินทร์  09-6167496  ประธานหาทุนสร้างวิหารวัดสามหลัง
	ปีใหม่ไทยเลยนำบุญมาฝากกันอย่างนี้แหละครับ  ผมขอให้แฟนานุแฟนทุกท่านจงประสบแต่ความสุข  ความเจริญทั้งลาภ  ยศ  สรรเสริญ  หมดโรค  หมดภัย มีแต่โชคลาภเงินทองรับปีใหม่  ปีระกาอย่างนี้  และขอให้โชคดีตลอดไปครับ.