นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน เสาร์ 20 เม.ย. 2024 10:58 pm

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 4 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
 หัวข้อกระทู้: ตะกรุดดีน่าใช้
โพสต์โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. 12 มี.ค. 2009 7:06 pm 
ออฟไลน์
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ 17 ม.ค. 2009 10:59 am
โพสต์: 234
หนึ่งเดียวสืบสายตำนาน “ สมเด็จโต ” ยอดพระยอดครูยอดคน
หลวงปู่พรหมา วัดน้ำพุพรหมจริยาวาส ( พระครูอุปกิตวรานุรักษ์ )
ต. ทุ่งโพ อ. หนองฉาง จ. อุทัยธานี อายุ 87 ปี 63 พรรษา
เจ้าตำรับจารย์ฟัน – โบสถ์ลั่นเมื่อหลับตา – วาจาศักดิ์สิทธิ์ – น้ำมนต์มีฤทธิ์เทไม่ออก
องค์เดียวในประเทศผู้สืบสายตำราวิชา หลวงปู่ขรัวแสง องค์อาจารย์สมเด็จโต วัดระฆัง
อันลือลั่นสนั่นทุ่ง
หลวงปู่พรหมา วัดน้ำพุพรหมจริยาวาส จ. อุทัยธานี

นามหลวงปู่พรหมา เจิดจรัสฉายแววเรืองฤทธิ์อภิญญา ปฎิทาอันห้าวหาญเด็ดเดี่ยวเป็นที่ร่ำลือมิมีใครเกิน สายตำราของหลวงปู่ก็หาธรรมดาไม่ ชื่อหลวงปู่ดังกระฉ่อนทั่วเมือง สมัยเมื่อหลวงปู่เชื้อ วัดใหม่บำเพ็ญบุญ เป็นประธานเสกพระวัดหนึ่ง ท่านนั่งธรรมมาส มององค์หลวงปู่พรหมาที่นั่งเสกอยู่ก่อน พลางเดินมาหาต่างยกมือไหว้กัน ชมกันมิขาดปาก พอเจ้าภาพมา นิมนต์หลวงพ่อเชื้อ จุดเทียนชัย ท่านชี้มือไปหาหลวงปู่พรหมา บอกว่างานนี้ “ พระพรหมเจ้าถิ่นดีกว่า ” เจ้าภาพเสียมิได้ไปกราบบอกหลวงปู่พรหมา ซึ่งตอนนั้นยังไม่มีใครรู้จัก ท่านมองหลวงพ่อเชื้อแล้วยิ้ม และล้วงย่ามได้อะไรไม่รู้ก้อนสีดำๆ มาเคาะ 3 ที เทียนชัยต้นนั้นไฟจุดติดเองได้ ท่ามกลางพระสงฆ์ 9 รูป ที่นั่งสวดเสก และฆราวาสอีก 4 คน พอดีหลวงพ่อเชื้อขึ้น ชยันโต ความตกตะลึงจึงจางไป พระสงฆ์ทั้งนั้นสวดชยันโตไปกับหลวงพ่อเชื้อ พิธีนี้ปิดโบสถ์ เกิดขึ้นมากว่า 30 ปีแล้ว ใคร ๆ ในพิธีนั้นลือว่า หลวงปู่พรหมาเล่นกล ตอนหลังมีศิษย์ไปกราบหลวงพ่อเชื้อท่านบอกว่า “ ท่านพรหมองค์นี้ไม่ธรรมดาตายแล้วเกิดใหม่ก็หาพระอย่างนี้ยาก ” อีกพิธีหลวงปู่พรหมาไปเสกพระในโบสถ์ด้วยวัยชรา ท่านนั่งชันขาตัวเอนๆ เหมือนคนนอนยกเข่าขึ้น หลับตาอยู่ พระหนุ่มหน้าโบสถ์คอยจัดน้ำถวายพระ กระซิบกันว่า “ แก่ป่านนี้แล้วไม่รู้จะทรมานสังขารทำไม นอนอยู่วัดก็หมดเรื่อง ยกแข้งยกขาเสกหรือเปล่าก็ไม่รู้ ” พอเสร็จพิธีหลวงปู่เดินออกมาจากโบสถ์ ตาก็จับจ้องที่พระหนุ่ม 2 องค์นี้ แล้วเดินช้า ๆ เข้าไปหาแล้วบอกว่า “ เสกนะเขาใช้ข้างในเสกถ้า ท่านไม่รู้อย่าพูดเลยนะ บาปกรรมเปล่า ” เล่นเอาพระหนุ่มหน้าชา


สมัยหนุ่ม ๆ หลวงปู่เล่นของแรง ท่านใช้เหล็กจารย์ฟันและห้ามพูดกับผู้หญิง 7 วัน ถ้าใครทำได้จะพูดเจรจามีแต่คนรักคนเชื่อติดในคำพูดของเรา ถ้าใครไปเพลอพูดกับผู้หญิงเข้าฟันแตกเห็น ๆ เลย ถามพระที่วัดได้มีประสบการณ์มาเอง

งานเสกวัตถุมงคลฝังลูกนิมิต ปี 2548 หลวงปู่สั่งให้ปิดโบสถ์เสก ท่านลืมตาตลอด พอท่านหลับตาเท่านั้นเสียงดัง “ เปี้ย ” สนั่นโบสถ์ เสียงอัศจรรย์นั้นทุกวันนี้ยังไม่รู้ว่าเป็นเสียงอะไร ต่างลือว่าหลวงปู่หลับตาแล้วโบสถ์ลั่น งานนี้เณร 2 องค์เฝ้าหลวงปู่อยู่จ้องหลวงปู่มิวางตา พักเดียวองค์หลวงปู่หายไป พอมองอีกทีก็เห็นองค์หลวงปู่นั่งอยู่ที่เดิมแต่เหมือนทองคำเหลืองอร่ามทั่วทั้งองค์ ที่แปลกกว่านั้นอีกเมื่อเณรองค์หนึ่ง เห็นแสงวิ่งตามสายสิญจน์จากมือหลวงปู่เข้าหาวัตถุมงคล เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงหรือเณรตาฝาดไม่ทราบ พิธีนี้น้ำมนต์ในโองหมุนได้เหมือน น้ำปั่น

รูปหล่อบูชารุ่นแรกของหลวงปู่ที่เสกงานโบสถ์ลั่น ศิษย์บูชาไปกลับมาเช่าอีก 20 องค์ บอกว่ามองรูปหล่อแล้วกระพริบตาได้ คนบ้านทุ่งโพมาขอน้ำมนต์ท่าน ท่านก็ไปตักในบาตรมายื่นให้ พอรับไปแล้วนึกฉงนไม่เห็นหลวงปู่ปลุกเสกให้เลย จึงเทน้ำมนต์ทิ้งในตุ่มน้ำ เทยังไงก็เทไม่ออก จึงขับรถเครื่องมาหาท่าน ท่านยืนที่บันไดบอกว่า “ เอาเสกให้แล้วจะเททิ้งหรือ ? ” เขาย้อนหลวงปู่ว่าเทไม่ออก หลวงปู่ก็บอกว่า เอาไหนเทซิ พอเทต่อหน้าท่านก็เทออกปกติ

คราวงานฝังลูกนิมิตวัดติดป้ายประกาศงาน คนมาเห็นป้ายหลวงปู่สีแดง ๆ กล่าวคำไม่ดีกับท่าน แล้งควักปืนมาเล็งที่รูปหลวงปู่ พอลั่นไกลยิงถึงกับปืนแตก ตัวคนยิงก็ตาย รูปนี้ชาวบ้านจึงเก็บหมด เมือครั้งหลวงพ่อผล วัดดักคะนน อยู่ หลวงปู่พรหมาไปหา ท่านไม่ให้กราบ ท่านบอกว่า “ พระไหว้พระก็พอไม่ต้องกราบกันหรอก ”
ทั้ง ๆ ที่อายุหลวงปู่พรหมาน้อยกว่าหลวงพ่อผลหลายปี เรื่องทั้งหมดนี้บอกท่านเพื่อให้รู้ว่า หลวงปู่พรหมานี้มิธรรมดาไม่



หลวงปู่พรหมาผู้สืบสายวิชาหลวงปู่ขรัวแสง องค์อาจารย์สมด็จโต วัดระฆัง

รูปเดียวในประเทศไทย เรื่องจริงที่ใครก็ไม่รู้




หลวงปู่ขรัวแสง เป็นพระภิกษุ เมืองลพบุรี ซึ่งเป็นอาจารย์ของสมเด็จพุฒาจารย์ (โต ) พรหมรังสี แห่งวัดระฆังโฆสิตาราม หลวงปู่ขรัวแสงมีประวัติไม่ธรรมดาศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก ปรากฏในพระราชนิพนธ์ของสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ( รัชกาลที่ ๕) ทรงพระราชนิพนธ์ไว้ในคราวเสด็จประพาสมณฑลอยุธยา เมื่อปีขาล 2421 ความตอนหนึ่งว่า “ ขรัวแสง คนทั้งปวงนับถือกันเพราะว่าเป็นผู้มีวิชา เดินตั้งแต่เมืองลพบุรี ลงไปฉันเพลที่กรุงเทพ ฯ ได้ เป็นคนกว้างขวางเจ้านายขุนนางรู้จักกันหมด ได้สร้างเจดีย์สูงไว้องค์หนึ่ง ที่วัดมณีชลขันธ์ ตัวไม่ได้อยู่วัดนี้ หน้าเข้าพรรษาไปจำพรรษาอยู่ที่วัดอื่น ถ้าถึงออกพรรษาแล้วมาปลูกโรงอยู่ริมพระเจดีย์ 2 องค์นี้ ซึ่งก่อเองคนเดียวไม่ยอมให้คนอื่นช่วย ราษฎรที่นับถือพากันช่วยเรี่ยไรอิฐปูน และพระเจดีย์องค์นี้เจ้าของจะทำแล้วเสร็จแล้วตลอดไป หรือจะทิ้งให้ผู้อื่นช่วยเมื่อตายแล้ว ไม่ได้ตามดู ของเธอก็สูงดีอยู่................. ” ( จดหมายเหตุพระราชนิพนธ์ประพาสต้น ) สมเด็จโตเคยไปเรียนวิชากับหลวงปู่ขรัวแสง องค์นี้ได้รับถ่ายทอดวิชามาจนหมดครบถ้วน กาลข้างหน้าเหมือนหลวงปู่ขรัวแสง จะรู้ชัดว่า เจ้าประคุณสมเด็จจะเป็นดุจยอดปรมาจารย์เอกแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ คราวเมื่อสิ้นบุญสมเด็จโต เล่าสืบกันมาว่าตำราหลวงปู่ขรัวแสงได้ตกทอดถึงสมเด็จพระพุทธบาทปิลันทร์ แห่งวัดระฆัง และเมื่อสมเด็จปิลันทร์ฯ ย้ายไปครองวัดพระเชตุพน ฯ (วัดโพธิ์) ได้นำตำรามอบกับหลวงปู่ภู แห่งวัดอินทราราม ซึ่งเป็นศิษย์พี่ศิษย์น้องของสมเด็จปิลันทร์ ฯ จากนั้นตำรานี้ตกถึงผู้มีบุญอีกหลายท่าน สุดท้ายตกถึงมือหลวงปู่แอ๋ว จากนั้นหลวงปู่พรหมาก็ไปเรียนวิชาในตำรานี้กับหลวงปู่แอ๋ว ขณะที่เรียนหลวงปู่แอ๋วจะให้ไหว้ครูตำราและให้เปิดอ่านเปิดท่องฝึกจิตจนชำนิชำนาญ หลวงปู่แอ๋วไม่อนุญาติให้จดหรือทำสำเนาแต่อย่างใด หลวงปู่พรหมาเรียนวิชานี้อยู่นานจนช่ำชองและเข้าใจดี จากนั้นก็ฝึกจิตถ่ายเคล็ดวิชาจากหลวงปู่แอ๋ว จนถือว่ารอบรู้ทุกอย่างในสายวิชาเก่าแห่งหลวงปู่ขรัวแสงองค์ต้นบรมครู พอสิ้นหลวงปู่แอ๋วแล้วตำราเล่มนี้ก็ไม่รู้ว่าตกอยู่ ณ. ที่ใด ได้หายสาบสูญไป หลวงปู่จึงเป็นผู้สืบทอดตำนานวิชานี้รูปเดียว

อีกหนึ่งตำนานบรมครูที่หลวงปู่พรหมาได้รับสืบทอดมา คือตำราหลวงปู่ ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า หลวงปู่พรหมาได้รับถ่ายทอดผ่านทางหลวงปู่ระย้า ผู้เป็นศิษย์หลวงปู่ศุข ตอนหลังหลวงปู่ระย้ายังได้เป็นพระปฏิบัติรับใช้หลวงพ่อปลื้ม วัดปากคลองมะขามเฒ่า ซึ่งเป็นพระน้องชายแท้ ๆของหลวงปู่ศุข ซึ่งทำให้หลวงปู่ระย้าได้สอบทานวิชาพุทธคุณของหลวงปู่ศุข จนหมดสิ้น หลวงปู่พรหมาบวชและอยู่กับหลวงปู่ระย้ามา จึงไม่ต้องสงสัยในสายพุทธคุณ

ปกตินิสัยหลวงปู่พรหมาเป็นคนเงียบ ๆ สุขุมลุ่มลึก พูดน้อย เก็บตัว สมัยหนุ่ม ๆ ไม่ธรรมดาลองเล่นอาคมไสยเวทย์ ศึกษาฝึกฝนจนชำชองหาตัวจับยาก ปัจจุบันด้วยวัยที่สูงขึ้นท่านตรากตรำกับการสร้างวัดถาวรวัตถุในพุทธศาสนา เป็นเวลานาน สุขภาพหลวงปู่ไม่สู้ดีนัก แต่จิตสมาธิวิชาพลังยิ่งทวีความขลังแรงเพิ่มขึ้น ไปพร้อมกับอายุที่สูงขึ้น ศิษย์หลวงปู่พรหมาจะรู้จักและเข้าใจดีในประสบการณ์ปาฏิหาริย์ของหลวงปู่ และวัตถุมงคลของหลวงปู่ที่สืบสายพุทธเวทย์หนึ่งเดียวในแผ่นดิน


แนบไฟล์:
124.jpg

get_auc1_img.jpg

234.jpg

ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
 หัวข้อกระทู้: Re: ตะกรุดดีหน้าใช้
โพสต์โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. 12 มี.ค. 2009 7:21 pm 
ออฟไลน์
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ 17 ม.ค. 2009 10:59 am
โพสต์: 234
ปิดตาปลดหนี้สุริยัน – จันทรา ( พระปิดตากบกินเดือน )



เป็นปิดตามหาลาภปลดหนี้ปลดสิน ที่มีพิธีกรรม การจัดสร้างที่ไม่ใช่ธรรมดา กล่าวคือ ได้ทำพิธีกดพิมพ์ผสมเนื้อมวลสารในสองฤกษ์ คือ ฤกษ์สุริยัน หรือ ฤกษ์สุริยคราส ดวงจันทร์ทับดวงอาทิตย์ และฤกษ์จันทรคราส ดวงจันทร์ทับเงาโลก เป็นเส้นตรงซ้อนกันระหว่างโลก ดวงจันทร์ ดวงอาทิตย์ เป็นพระปิดตา 2 หน้าเหมือนกัน หน้าหนึ่งลงเจิมแป้งเสกผสมแก่นขนุน( หนุนนำให้เฟื่องฟู)ให้สีเหลือง แทนสัญลักษณ์ พระจันทร์ อันเป็นความเย็นผาสุกสุขุมลุ่มลึก

อีกด้านลงเจิมแป้งเสกผสมแก่นคูน( ค้ำคูนทวีขึ้นมิขาด) ให้สีแดง แทนดวงอาทิตย์ แทนความอบอุ่น ความเจิดจรัส ความสว่าง

ปิดตามหาลาภที่ทำพิธีกรรมในฤกษ์สุริยคราส และจันทรคราส ถือว่าป็นปิดตา “ ดวงพระราหู ” หรือที่ชาวลาวเรียกว่า “ กบกินเดือน ” อันมีความหมายว่า เคราะห์กรรมมากแค่ไหนจะดวงดีดวงตกอย่างไร ก็สามารถเรียกลาภทรัพย์สินเงินทองเข้ามาได้ ปลดหนี้ปลดสินได้ ดังคำว่า “ ลาภไหลมาไม่มีเวลาพัก ทุกข์ภัยหนักก็หายได้ ” ปิดตานี้ดีทั้ง 2 หน้า หนุนดวงเสริมชะตาเรียกโชคลาภได้ทั้งกลางวันกลางคืน มืดก็ได้รับ สว่างก็ได้ลาภ หลวงปู่ปลุกเสกพระปิดตานี้อย่างดียิ่ง เป็นปิดตามหาลาภปลดหนี้ ตำรับสุริยัน –จันทรา รุ่นแรกครั้งแรกของเมืองไทยที่มีการจัดสร้างกัน (เคล็ดผู้ใช้ว่า ผู้ที่เกิด 6 โมงเช้า ถึง 6 โมงเย็น ให้ใส่ด้านเจิมสีแดงออกนอกตัว ผู้ที่เกิด หลัง 6 โมงเย็น ถึง 6 โมงเช้า ให้ใส่พระด้านสีเหลืองหันหน้าออกนอกตัว)

สร้าง 587 องค์


แนบไฟล์:
92_6.jpg

ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
 หัวข้อกระทู้: Re: ตะกรุดดีหน้าใช้
โพสต์โพสต์แล้ว: ศุกร์ 13 มี.ค. 2009 2:32 am 
ออฟไลน์
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 14 ก.ย. 2008 11:16 pm
โพสต์: 1786
ขอบคุณมากเลยครับ คุณ ken "สายบู๊" จริงๆ :P


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
 หัวข้อกระทู้: Re: ตะกรุดดีหน้าใช้
โพสต์โพสต์แล้ว: ศุกร์ 13 มี.ค. 2009 9:37 am 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร 30 ก.ย. 2008 10:00 am
โพสต์: 634
เข้ามาดูด้วยครับ


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 4 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
cron
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO