Switch to full style
รวมบทความที่น่าสนใจต่าง ๆ จากนักเขียนชื่อดัง และ ผู้ที่ทรงภูมิความรู้มากมาย
ตอบกระทู้

องสรภาณมธุรส (หลวงพ่อบ๋าวเอิง) วัดสมณานัมบริหาร

พฤหัสฯ. 05 ก.พ. 2009 3:39 pm

องสรภาณมธุรส (หลวงพ่อบ๋าวเอิง) วัดสมณานัมบริหาร (วัดญวน สะพานขาว)
ตอน ความดีเท่านั้นที่จะเป็นสีแสงติดดวงวิญญาณของเราตลอดไป


โดยคุณศิษย์กวง

1.jpg
1.jpg (42.12 KiB) เปิดดู 3213 ครั้ง

สัตว์โลกทั้งหลายย่อมต้องพบกับสภาวะ ๔ อย่าง คือ “เกิด แก่ เจ็บ ตาย..”

ในพระพุทธศาสนากล่าวไว้ว่าทั้ง ๔ อย่างนี้ล้วน “เป็นความทุกข์” เพราะเมื่อสิ้นจากโลกมนุษย์ไปแล้วก็ยังต้องไป “เวียนว่ายตายเกิด” ในภพชาติต่างๆ หาสูญสิ้นไม่....

“การทำบาปด้วยกายก็ดี วาจาก็ดี ใจก็ดี แม้จะกระทำในที่ลับไม่มีผู้ใดรู้ ก็ยังมีผู้หนึ่งรู้จนได้ ผู้นั้นคือ....ตนเอง....”

2.jpg
2.jpg (65.02 KiB) เปิดดู 3214 ครั้ง


กรุงเทพมหานครย้อนหลังไปประมาณ ๗๐ ปี ชื่อของ “องสรภาณมธุรส (หลวงพ่อบ๋าวเอิง)” อดีตเจ้าอาวาส “วัดสมณานัมบริหาร” หรือที่เรารู้จักกันในชื่อ “วัดญวน สะพานขาว” เป็นที่รู้จักของคนทั่วไปในฐานะที่ท่านเป็นพระสงฆ์ญวน สังกัดอนัมนิกาย ที่มีการปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบตามหลักของพุทธศาสนา

ความเมตตาของท่านนอกจากการให้ความช่วยเหลือและสงเคราะห์ช่วยรักษาโรคภัยไข้เจ็บแล้ว สิ่งที่ทำให้ท่านเป็นที่รู้จักของคนทั่วไปในยุคสมัยนั้นคือ “การอัญเชิญวิญญาณ” และ “การติดต่อสื่อสารกับสิ่งเร้นลับ” เช่น เทพ เทวดา วิญญาณของนักบวชที่ล่วงลับไปแล้ว ฯลฯ.....
3.jpg
3.jpg (49.57 KiB) เปิดดู 3198 ครั้ง


วัดสมณานัมบริหาร..เป็นวัดฝ่าย”อนัมนิกาย..” เดิมชื่อ “วัดเกี๋ยงเพื้อกตื่อ” ตั้งอยู่ริมคลองผดุงกรุงเกษม ชาวญวนที่อพยพมาพึ่งพระบรมโพธิสมภารในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นผู้สร้างขึ้น ต่อมาในปี พ.ศ.๒๔๔๙ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามวัดใหม่ว่า "วัดสมณานัมบริหาร"

029.jpg
029.jpg (54.54 KiB) เปิดดู 3196 ครั้ง


อนัม....แปลว่า ญวน หรือเวียดนาม คนที่มีเชื้อสายของประเทศเวียดนามเราเรียกว่าคนญวน หรือคนอนัม ซึ่งเมื่อคนเหล่านั้นอพยพมาพึ่งพระบรมโพธิสมภารในเมืองไทยและมีการสร้างวัดขึ้น

เราจึงเรียกวัดเหล่านั้นว่า วัดญวน หรือวัดอนัม ซึ่งคำว่า “อนัม หรือ ญวน หรือ เวียดนาม” จึงเป็นคำที่มีความหมายเดียวกัน ดังนั้นคำว่า “อนัมนิกาย” จึงสามารถแปลได้ว่า...

“การถือพระพุทธศาสนาอย่างเมืองญวน”

4.jpg
4.jpg (65.74 KiB) เปิดดู 3190 ครั้ง


แต่เนื่องจากพระญวนในประเทศเวียดนามกับพระญวนในประเทศไทยไม่ได้มีการติดต่อกัน โดยต่างฝ่ายต่างก็ถือคติและธรรมเนียมตามประเทศที่ตนเองอาศัยอยู่ ดังนั้นพระญวนที่เข้ามาอยู่ในประเทศไทย จึงหันมายึดถือตามแนวของพระสงฆ์ไทยในบางเรื่อง เช่นการไม่ฉันข้าวเย็น การครองผ้าสีเหลือง ฯลฯ

026.jpg
026.jpg (55.82 KiB) เปิดดู 3188 ครั้ง

ซึ่งลักษณะแบบนี้จะแตกต่างจากพระสงฆ์ในประเทศเวียดนามหรือประเทศจีน คือพระสงฆ์ที่นั่นสามารถฉันข้าวเย็นได้ การครองผ้าจีวรมีทั้งสีเทา สีแดงฝาด สีเหลือง และสีอื่น ๆ เพียงแต่”ข้อวัตรปฏิบัติอย่างอื่นและกิจของสงฆ์ที่พึงทำ”ก็ยังคงปฏิบัติตามแบบในประเทศเวียดนามเหมือนเดิม เช่น ประเพณีการทำกงเต็ก หรือการให้ความเคารพและเชื่อถือในเรื่องของเทพเจ้าต่างๆ

5.jpg
5.jpg (68.48 KiB) เปิดดู 3175 ครั้ง

หลวงพ่อบ๋าวเอิง ท่านเป็นพระที่ได้รับการยอมรับของลูกศิษย์และคนทั่วไปว่ามีความสามารถในการเชิญวิญญาณ ซึ่งท่านเคยเล่าให้ฟังว่าตัวท่านเองมีความสนใจในเรื่องของจิตและวิญญาณ ท่านจึงได้เริ่มค้นคว้าและทดสอบอยู่หลายปี จนท่านสามารถเชิญวิญญาณลงมาประทับบนร่างทรงได้...

ท่านอธิบายว่าการประทับทรงนี้เป็นวิธีการอย่างหนึ่งที่ทำให้มนุษย์สามารถติดต่อกับวิญญาณได้โดยตรงและเป็นวิธีการแต่เพียงอย่างเดียวที่ทำให้เราเห็นปรากฏการณ์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับวิญญาณได้ชัดเจนกว่าวิธีการในแบบอื่นๆ
6.jpg
6.jpg (47.62 KiB) เปิดดู 3173 ครั้ง

“ผลของการเชิญวิญญาณ จะทำให้เราพบว่าวิญญาณนั้นๆ มีสภาพอย่างไรและวิญญาณเหล่านั้นได้รับผลกรรมที่ตนเองเคยกระทำไว้เมื่อครั้งสมัยที่ยังมีชีวิตอยู่อย่างไร...”

สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านทรงได้ตรัสรู้พระธรรมอันประเสริฐสุด คือ “อริยสัจ ๔” ซึ่งเป็นทางที่ทำให้พระองค์ทรงหลุดพ้นจากมวลทุกข์ ไปสู่จุดหมายปลายทางคือ “พระนิพพาน” คือไม่ต้องมาเวียนว่ายตายเกิดใน “วัฏฏะสงสาร” อีกต่อไป...

เรื่องของ “การเวียนว่ายตายเกิด” หรือ “การสืบภพชาติ” มีกล่าวไว้ในพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธศาสนาและก็มีเรื่องจริงให้พวกเราได้เห็นเป็นตัวอย่าง เช่น การระลึกชาติ ฯลฯ

จะว่าไปแล้วถึงเรื่องเหล่านี้จะฟังดูแล้วเหมือนเป็นนิทานหรือนวนิยายสำหรับใครบางคน แต่ก็ยังมีคนอีกจำนวนไม่น้อยที่คงเชื่อถือว่าเรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องจริง.....

7.jpg
7.jpg (37.52 KiB) เปิดดู 3166 ครั้ง

“อาตมาภาพได้พยายามค้นคว้าหาวิธีที่จะนำเรื่องเหล่านี้มาแสดงให้ประจักษ์แก่คนทั่วไป โดยการเรียนรู้จากวิญญาณหรือที่เราเรียกกันว่า “สิ่งไม่มีตัวตน” ซึ่งถ้าเราปฏิบัติให้ถูกวิธีแล้วก็จะได้รับผลที่ปรากฏตามมา ส่วนว่าใครจะเชื่อแค่ไหนก็แล้วแต่ความวินิจฉัยของแต่ละคน...”

หลวงพ่อบ๋าวเอิงมักจะถ่อมตนเสมอว่าท่านเองเป็นเพียงนักปฏิบัติและชอบศึกษาค้นคว้าหาความจริงตามหลักธรรมของพระพุทธเจ้า ในฐานะที่ท่านเป็นพุทธบุตรของพระพุทธเจ้าในลัทธิ..

“มหายานแห่งอนัมนิกาย...”

ท่านได้ใช้หลักที่ว่า...

“เชื่อเป็นแม่บทแห่งความสำเร็จ”

สำหรับเป็นหลักในการปฏิบัติ

และท่านก็เชื่อต่ออีกว่ามนุษย์เราทุกคนล้วนตกอยู่ในอำนาจสามประการคือ “กิเลส กรรม และวิบาก” ด้วยหลักที่ว่าเมื่อชีวิตและร่างกายแตกดับแล้ว จิตวิญญาณย่อมเกิดสืบภพชาติต่อไปอีก อดีตวิญญาณของคนเราต้องมีแน่ ซึ่งสิ่งนั้นเองเป็นมูลเหตุให้ท่านมีความคิดที่ว่า “การติดต่อกับวิญญาณ” สามารถกระทำได้
8.jpg
8.jpg (60.92 KiB) เปิดดู 3174 ครั้ง


พูดถึงเรื่องของการติดต่อกับวิญญาณหรือที่เราจะเรียกง่ายๆ ว่าการติดต่อกับภูตผีอะไรทำนองนี้ ผมเคยเรียนถามกับท่านพระสมณานัมธีราจารย์(ติ่นเรียน) เจ้าอาวาสวัดสมณานัมบริหาร องค์ปัจจุบัน ว่าท่านเชื่อหรือไม่ว่าเรื่องผีมีจริง แทนคำตอบท่านกลับถามผมว่า..

“โยมต้องถามตัวเองก่อนว่าเชื่อเรื่องผีหรือเปล่า”

แน่นอนครับคำตอบคือ... “เชื่อ”

การสนทนาจึงดำเนินต่อไปว่า ตามทัศนคติความเชื่อของชาวญวนพื้นฐานโดยทั่วไปเชื่อในเรื่องของวิญญาณ ซึ่งความเชื่อดังกล่าวจึงเป็นที่มาของพิธีกรรมที่เราเรียกกันว่า “กงเต็ก”

ท่านว่าพิธีกงเต็กมีมานานเนกาเลแล้ว...ซึ่งผมเองก็คงไม่ต้องอธิบายมากเพราะคติความเชื่อในพิธีกงเต็กนี้ ปัจจุบันก็ยังคงมีการประกอบพิธีอยู่เสมอ นัยว่าเพื่อเป็นเกียรติ เป็นประโยชน์แก่ผู้ถึงแก่กรรม ดังนั้นเราจึงสามารถเห็นพิธีกงเต็กเสมอๆทั้งในงานราษฏร์และงานพิธีของหลวง

9.jpg
9.jpg (60.32 KiB) เปิดดู 3157 ครั้ง


คำว่า “กงเต็ก” ประกอบด้วยสองคำรวมกันครับ

คือคำว่า “กง” ในพระพุทธศาสนาลัทธิมหายาน หมายถึง การกระทำในสิ่งที่ถูกที่ชอบซึ่งเป็นประโยชน์แทนวิญญานผู้มรณะ

และคำว่า “เต็ก” หมายถึง กุศลกรรมอันเกิดจากกรรมดี

พิธีกงเต็กตาม”ธรรมเนียมของชาวญวน” จะประกอบไปด้วย ๕ ขั้นตอนคือ ชุมนุมเทวดา เชิญวิญญาณให้มาสถิตอยู่ในโคมจำลอง เปิดมณฑลพิธี สวดแผ่เมตตาและส่งข้ามสะพาน....

และด้วยเหตุที่ว่าพิธีกงเต็ก มี”บทอัญเชิญเทพเจ้าและวิญญาณ” หลวงพ่อบ๋าวเอิงท่านจึงได้นำวิธีการนี้มาใช้ในการติดต่อกับวิญญาณครับ ความสำเร็จที่ได้จากเคล็ดลับอันนี้จึงเป็นที่มาของเหตุการณ์นี้ครับ เรื่องมีอยู่ว่า....
10.jpg
10.jpg (51.91 KiB) เปิดดู 3159 ครั้ง


ในปี พ.ศ.๒๔๘๙ หลวงพ่อบ๋าวเอิง ท่านได้รับนิมนต์ให้ไปทำพิธีกงเต็กให้แก่ นายฮ้วย แซ่หลือ โดยพิธีเริ่มในเวลาประมาณบ่ายสองโมง หลังจากได้ดำเนินกรรมวิธีตามขั้นตอนต่างๆครบถ้วนแล้ว

ในช่วงเวลาประมาณหกโมงเย็น ท่านได้ตั้งจิตอธิฐานระลึกถึงบารมีของพระพุทธเจ้า ให้ทรงโปรดประทานโอกาสให้ดวงวิญญาณของนายฮ้วย แซ่หลือมาสิงสถิตย์ในโคมจำลอง(ที่สถิตของวิญญาณ-ตามพิธีกรรม) เพื่อที่ว่าวิญญาณจะได้ฟังธรรมและรับการแผ่ส่วนบุญกุศลจากบรรดาบุตรของนายฮ้วย....

หลวงพ่อบ๋าวเอิงท่านเล่าว่า ในขณะนั้นเกิดนิมิตเห็นแสงสว่างขนาดเท่าไฟฉายส่องแสงเป็นลำและพุ่งตรงมาที่ท่าน ซึ่งในลำแสงนั้นท่านสังเกตว่ามีจุดเล็กๆเคลื่อนที่เข้ามายังตัวท่าน และมันก็ค่อยๆเคลื่อนเข้ามาใกล้ๆ จนท่านสังเกตเห็นว่ามันเป็น..

"ภาพของวิญญาณในร่างมนุษย์"

000.jpg
000.jpg (27.93 KiB) เปิดดู 3157 ครั้ง


ซึ่งภาพนั้นเป็นร่างของมนุษย์สวมเสื้อกุยเฮงและกางเกงปั่งลิ้นสีดำ ลักษณะของร่างกายผอมและหลังค่อมเล็กน้อย เมื่อดวงวิญญาณนั้นเคลื่อนเข้ามาใกล้ท่านสักพักก็หายไป ด้วยความประหลาดใจท่านจึงนำเอาลักษณะของชายชราคนนี้ไปถามกับบรรดาลูกๆของผู้ตาย คำตอบที่ได้รับคือชายคนนั้นคือ “...นายฮ้วย แซ่หลือ...” นั่นเอง....

หลวงพ่อเล่าว่า ขณะที่ท่านคิดว่าจะรวบรวมเรื่องราวเกี่ยวกับวิญญาณเพื่อใช้เป็นคติสอนคน..

ท่านได้เกิดความวิตกว่ายังมีบุคคลอีกจำนวนมากที่ไม่เชื่อและไม่เลื่อมใสในเรื่องหล่านี้ ดูได้จากปัญหาข้อถกเถียงในเรื่องของ “การเข้าทรง” ว่ามันเป็นเรื่องจริงหรือเรื่องเท็จ....เชื่อถือได้ขนาดไหน

031.jpg
031.jpg (60.71 KiB) เปิดดู 3157 ครั้ง


ครับ...ท่ามกลางมรสุมของความเคลือบแคลงว่า “เชื่อได้หรือไม่” ในที่สุดหลวงพ่อบ๋าวเอิงท่านได้ตัดสินใจนำเรื่องราวเหล่านี้ตลอดจนประสบการณ์ทางวิญญาณที่เกิดขึ้นมาเผยแพร่

ท่านกล่าวด้วยความมั่นใจว่า.....ท่านไม่กลัวเรื่องที่ว่าคนจะกล่าวหาท่านว่าเป็นพระงมงายไม่มีเหตุผล เพราะเรื่องที่ท่านทำมันไม่ใช่การทำลาย แต่มันเป็นเรื่องของการทำประโยชน์ และที่สำคัญมันเป็นการเผยแพร่ในเรื่องของจิต วิญญาณ การเวียนว่ายตายเกิด ตลอดจนบาปบุญคุณโทษ...

11.jpg
11.jpg (57.54 KiB) เปิดดู 3151 ครั้ง


“อาตมาเผยแพร่ด้วยความสุจริตใจ ด้วยศีลของพระพุทธองค์ ด้วยสัจจะของพระภิกษุ ถ้าจะมีผู้กล่าวหาว่าอาตมาทำเพื่อสร้างบารมีให้ตัวเอง อาตมาขอเจริญพรเสียก่อนในที่นี้ว่า

อาตมามีบารมีของตัวเองมากพอแล้ว ไม่จำเป็นต้องหาอะไรอีกให้เกิดมลทินแก่ตัวเอง บารมีที่ว่านี้คือบารมีขององค์พระพุทธเจ้าที่อาตมาได้อาศัยอยู่ในขณะนี้....”

“การสละตัวเข้าเป็นพุทธบุตรของพระพุทธเจ้า และประพฤติตามธรรมของพระองค์ เท่านี้ก็เป็นบารมีที่น่าภูมิใจมากพออยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องหาบารมีอะไรอีกแล้วสำหรับอาตมา...”


12.jpg
12.jpg (89.74 KiB) เปิดดู 3143 ครั้ง


ความกล้าหาญของหลวงพ่อบ๋าวเอิงในการเลือกที่จะทำเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ที่เสี่ยงต่อการต่อต้านของคนหลายคน ทำให้เรื่องราวที่เป็นเหมือนนวนิยายกลายเป็นเรื่องจริงและเป็นเรื่องเล่าที่สืบทอดกันมาอีกยาวนาน...

ในช่วงประมาณเดือนธันวาคม พ.ศ.๒๔๙๑ หลวงพ่อบ๋าวเอิงได้รับนิมนต์จากคณะกรรมการศาลเจ้าพ่อกวนอู ที่ปากน้ำโพ จังหวัดนครสวรรค์ เพื่อไปประกอบพิธี”เทวาภิเษกเบิกพระรัศมี เจ้าพ่อกวนอู” โดยมีการตกลงกันว่าหลวงพ่อแค่เพียงแต่ประกอบพิธีทางศาสนาให้ครบถ้วนและถูกต้องตามวิธีการเท่านั้น

13.jpg
13.jpg (51.63 KiB) เปิดดู 3144 ครั้ง


ส่วนเรื่องของการเชิญเจ้าพ่อกวนอูเพื่อให้มาประทับทรงลุยไฟเป็นเรื่องของศาลเจ้า โดยท่านให้เหตุผลว่า มันไม่ใช่เรื่องของสงฆ์ มันเป็นเรื่องของเจ้าพ่อกวนอูเองว่าจะกระทำได้หรือไม่ และถ้าวิญญาณของเจ้าพ่อกวนอูศักดิ์สิทธิ์จริงแล้ว ท่านก็จะดลบันดาลลงประทับทรงลุยไฟเอง...

แต่การณ์กลับไม่เป็นอย่างนั้น เพราะเมื่อเสร็จพิธีของท่าน คณะกรรมการศาลเจ้าได้ขอร้องไม่ให้ท่านกลับ และขอร้องให้ท่านเชิญวิญญาณของเจ้าพ่อกวนอูด้วย

เนื่องจากการจัดงานครั้งนี้คณะกรรมการได้ทุ่มเทแรงกาย แรงใจและทุนทรัพย์ลงไปมาก จึงอยากขอชมเป็นบุญตาว่าความศักดิ์สิทธิ์ในเรื่องเทพเจ้าทั้งหลายในโลกโดยเฉพาะเจ้าพ่อกวนอูนั้นมีจริงและศักดิ์สิทธิ์จริง...

14.jpg
14.jpg (88.92 KiB) เปิดดู 3145 ครั้ง


เรื่องนี้จบลงตรงที่ท่านไม่สามารถหลีกเลี่ยงการนิมนต์ครั้งนี้ได้ ท่านว่ามันเป็นลักษณะของการเสี่ยง เพราะตั้งแต่เกิดมาท่านยังไม่เคยมีความคิดจะตั้งตัวเป็นอาจารย์ในทางเชิญวิญญาณเจ้าพ่อเจ้าแม่ลุยไฟเลย ครั้นถึงเวลาลุยไฟจริงๆ ท่านว่าแทบจะเป็นลมเพราะนึกว่าถ่านที่นำมาใช้ในพิธีลุยไฟจะใช่แต่เพียงถังสองถัง แต่นี่กลับมีมากถึงหลายเล่มเกวียน...

15.jpg
15.jpg (40.46 KiB) เปิดดู 3138 ครั้ง


“ข้าพเจ้าตกตลึงและจิตใจเต้นเป็นตีกลอง เหงื่อกาฬไหลทันที ไม่สามารถจะนำมาบอกเล่าได้อย่างไรถูก ยืนงงอยู่กับที่เป็นเวลานาน ขณะที่ผู้คนก็ไม่รู้ว่ามาจากไหนต่อไหนเต็มลานไปหมด มองดูแล้วใจหาย....”

หลวงพ่อบ๋าวเอิงเล่าว่า...ท่านจุดธูปสวดมนต์ภาวนาตั้งเป็นหลายชั่วโมง ก็ยังไม่เห็นวี่แววว่าเจ้าพ่อกวนอูจะเสด็จลงมาประทับทรงสักที และเมื่อหันกลับไปมองดูคนที่เข้ามาร่วมพิธี ท่านว่าถ้าแทรกแผ่นดินได้ก็อยากจะแทรกแผ่นดินหนีไปเลย...

อีกอย่างถ้าเจ้าพ่อกวนอูไม่ยอมเสด็จลงมาลุยไฟเห็นทีจะต้องกราบถวายวัดและคืนตำแหน่งสมภาร คิดไปคิดมาท่านก็คิดถึงพระคาถาอัญเชิญวิญญาณในพิธีกงเต็ก..

ท่านว่าพระคาถานี้มีเพียง ๑๔ คำและสำหรับพระญวนแล้วนับว่าเป็นหญ้าปากคอกเลยทีเดียว ท่านจึงสั่งให้พระที่มาด้วยสวดขึ้น ขณะที่ตัวท่านได้ถือธูปสำรวมจิตและส่งกระแสจิตไปที่รูปเจ้าพ่อกวนอู...

16.jpg
16.jpg (53.42 KiB) เปิดดู 3132 ครั้ง


“ถ้ามีความศักดิ์สิทธิ์จริงแท้ ขอให้เข้าประทับร่างทรงคนหนึ่งคนใดลุยไฟให้เป็นที่ประจักษ์แก่ตาประชาชนในกาลบัดนี้เถิด....”

สรุปรวบรัดว่าหลวงพ่อบ๋าวเองสามารถอัญเชิญวิญญาณเจ้าพ่อกวนอูให้ประทับทรงและลุยไฟได้สำเร็จ แต่ท่านว่าเหตุการณ์ครั้งนั้นยังไม่ได้ทำให้ท่านมั่นใจ เพราะมันอาจเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแบบบังเอิญชั่วครั้งชั่วคราว

ดังนั้นเมื่อท่านกลับมาถึงวัดท่านจึงได้จัดการบวงสรวงบูชาเจ้าพ่อกวนอูที่ศาลภายในวัดสมณานัมบริหาร และเมื่อท่านทำพิธีเชิญ ผลที่ได้รับคือท่านสามารถอัญเชิญดวงวิญญาณเจ้าพ่อกวนอูได้จริง...ครับเล่าลือกันว่าหลังจากเหตุการณ์ที่ปากน้ำโพ

“ถนนทุกสายล้วนมุ่งตรงสู่วัดญวน”

17.jpg
17.jpg (78.79 KiB) เปิดดู 3127 ครั้ง


จะว่าไปแล้วปัญหาที่ว่า “วิญญาณมีจริงหรือไม่” ได้เป็นข้อถกเถียงกันมานานหลายชั่วอายุคนแล้ว..

การถกเถียงกันนี้เราสามารถแบ่งออกเป็นสองฝ่าย ฝ่ายหนึ่งมีความเชื่อว่าวิญญาณมีจริง ปัญหาที่ตามมาจึงไม่เกิด แต่อีกฝ่ายหนึ่งสิครับไม่เชื่อว่าวิญญาณมีจริง แน่นอนมีปัญหาข้างเคียงเหมือนเงาตามตัว

ตามความคิดของผม ผมเชื่อว่าวิญญาณมีจริง เพียงแต่การที่เราจะค้นคว้าหาความรู้และความจริงในเรื่องนี้ เป็นเรื่องที่นอกเหนือไปจากความสามารถของมนุษย์ธรรมดาอย่างพวกเรา เพราะอะไรหรือครับ ตอบง่ายมาก....

“เพราะวิญญาณเป็นสิ่งที่มนุษย์ไม่สามารถมองเห็นด้วยตาเนื้อ”

ถึงแม้ว่าเราจะใช้เครื่องมือทางวิทยาศาสตร์มาจับในเรื่องของวิญญาณ(ตามที่เห็นในรายการโทรทัศน์) มันก็ยังไม่สามารถทำให้เราเห็นวิญญาณหรือได้ข้อสรุปอะไรที่ชัดเจน ดังนั้น...

“วิญญาณจึงเป็นสิ่งเร้นลับแก่มนุษย์ตลอดมาตั้งแต่อดีตจนถึงบัดนี้...”

จะว่าไปแล้วพระธรรมคำสั่งสอนในพระพุทธศานา ได้กล่าวรับรองความจริงในเรื่องของวิญญาณไว้...

แต่ก็สอนให้เราไม่ยึดถือในเรื่องดังกล่าวเพราะเรื่องของวิญญาณเป็นเรื่องที่จะทำให้มนุษย์ต้องติดตรึงอยู่ในสงสารวัฏ....

18.jpg
18.jpg (51.62 KiB) เปิดดู 3125 ครั้ง


ว่ากันว่า “เมื่อรูปร่างกายดับ ชีวิตดับ จิตวิญญาณนั้นจะต้องไปสร้างภพใหม่ หาร่างใหม่ตามกำลังบุญและบาปที่ได้กระทำไว้….”

พูดถึงเรื่อง”วิญญาณ” คำว่าวิญญาณเป็นภาษามคธ แปลว่า “รู้แจ้งหรือรู้ชัดและมีอยู่ในคนหรือสัตว์ทั่วไป” จัดเป็นนามธรรม ไม่ว่าจะเป็นคน สัตว์ เทวดา ผีสางนางไม้ ล้วนแล้วแต่มีวิญญาณครองและมีลักษณะที่เรียกว่า “เกิดและดับ..”

และเมื่อเราพูดถึงวิญญาณ ก็คงต้องพูดถึงเรื่องจิตด้วยครับ เพราะคำสองคำนี้ใช้ผสมผสานปนเปกันไปหมด บางคนก็ว่าจิตกับวิญญาณคือคำๆเดียวกัน บางคนก็ว่าจิตและวิญญาณ ความหมายหรือนัยยะแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ผมเองก็ภูมิความรู้ต่ำไม่สามารถอธิบายได้ คงต้องรอผู้ที่รู้มาให้คำจำกัดความที่ชัดเจนน่าจะเหมาะสมกว่าครับ..

แต่อย่างไรก็ตามผมเคยอ่านบทความหนึ่ง เขียนไว้ว่า

“จิตเปรียบเหมือนน้ำ” และ

“วิญญาณเปรียบเหมือนคลื่น”

คลื่นเกิดจากอำนาจลมและอากาศ เกิดขึ้นแล้วยุบดับลง ไปเกิดเป็นคลื่นลูกใหม่ แล้วก็ดับไปอีก นัยยะนี้วิญญาณก็เช่นกัน เกิดขึ้นแล้วดับไป ถ้าเกิดกับอารมณ์ก็จะดับไปพร้อมอารมณ์ แต่จิต.....จิตเป็นตัวยืน เปรียบเหมือนกับน้ำที่ยืนทรงตัวเป็นแดนเกิดของลูกคลื่น...ฉะนี้แล.....

19.jpg
19.jpg (40.29 KiB) เปิดดู 3119 ครั้ง


ผมได้สอบถามจากลูกศิษย์เก่าๆของหลวงพ่อบ๋าวเอิง เขาว่าหลวงพ่อท่านเก่งมากในเรื่องสมาธิจิต สามารถอัญเชิญวิญญาณของผู้ที่ล่วงลับไปแล้วให้มาเข้าทรงได้ พิธีกรรมในการอัญเชิญ หลวงพ่อจะให้ญาติพี่น้องของผู้ถึงแก่กรรมเข้ามาร่วมพิธีหลายๆคน ยิ่งมากยิ่งดี

ท่านว่าหนึ่งคือเหมือนเป็นพยาน

สองคือเมื่อวิญญาณมาถึงจะสามารถหาร่างที่ลงได้อย่างเหมาะสม....

แน่นอนครับว่าไม่ผิดหวังเพราะมีการลงทรงทุกครั้งที่เชิญ คนที่วิญญาณลงในร่างจะมีความรู้สึกวูบวาบและดำดิ่ง ซึ่งหลวงพ่อบ๋าวเอิงบอกว่าหากวิญญาณได้ลงครบอาการทั้งสามสิบสอง นั่นแหละคือการลงทรงที่สมบูรณ์..

นอกจากการอัญเชิญวิญญาณลงร่างแล้ว ทีเด็ดอีกอย่างหนึ่งของหลวงพ่อคือการอัญเชิญให้วิญญาณมาปรากฏเป็นรูปร่างบนนิ้วหัวแม่มือ...

สิ่งที่น่าแปลกใจอย่างมากคือ"อำนาจจิตและบารมี"ของท่านที่มีมาก จนทำให้ท่านสามารถที่จะจิ้มให้ภาพนี้ปรากฏขึ้นที่นิ้วมือของใครก็ได้ พูดง่ายๆ คือ

"จิ้มตรงไหนขึ้นตรงนั้น.."ทำนองนี้ครับ

030.jpg
030.jpg (42.02 KiB) เปิดดู 3109 ครั้ง


การอัญเชิญวิญญาณให้มาปรากฏบนนิ้วมือนั้นได้ก่อให้เกิดเรื่องสำคัญของวงการแพทย์ขึ้นเรื่องหนึ่ง ซึ่งผมเชื่อว่าเพื่อนๆบางท่านอาจจะไม่ทราบว่าเรื่องนี้โดยแท้จริงแล้ว..

ณ วัดญวน สะพานขาวแห่งนี้แหละ.....คือจุดกำเนิด....



20.jpg
20.jpg (34.89 KiB) เปิดดู 3114 ครั้ง


เป็นที่ทราบกันดีครับว่า “ชีวกโกมารภัจจ์” คือนายแพทย์ที่รักษาพระพุทธเจ้า ในอดีตเรามักจะลืมเลือนและไม่ค่อยได้ให้ความสำคัญกับท่านนัก เรื่องราวของท่านจึงค่อนข้างถูกกลืนหายไปจากความทรงจำ...

อยากให้เพื่อนๆลองตั้งคำถามกับตัวเองดูครับ..

”เคยเห็นรูปของท่านหมอชีวกโกมารภัจจ์ไหมครับ”...

แน่นอนอีกเช่นกันรอยยิ้มริมมุมปากแทนคำตอบว่าเคยเห็น.....แต่รูปนี้มีที่มาที่ไปครับ

a.jpg
a.jpg (56.19 KiB) เปิดดู 3110 ครั้ง


รูปนี้และรูปหล่อนี้เกิดจากการที่หลวงพ่อบ๋าวเอิง อัญเชิญให้มาปรากฏบนนิ้วมือเพราะท่านต้องการปั้นพระพักตร์ของท่านหมอชีวกโกมารภัจจ์ ไว้สำหรับเคารพบูชาในฐานะที่ตัวหลวงพ่อเองท่านเป็นพระที่รักษาโรคแก่คนทั่วไปด้วย..

ท่านเล่าว่าได้ติดต่อช่างปั้นคนหนึ่งชื่อว่า “นายโชติ สโมสร” ขณะนั้นนายโชติกำลังรับปั้นรูปหล่อหลวงพ่อคง ของสำนักท่านอาจารย์ชุม ไชยคีรี

21.jpg
21.jpg (50.45 KiB) เปิดดู 3105 ครั้ง


นายโชติได้ตกลงรับงานนี้และได้นำดินน้ำมันมาลองปั้นโดยหะแรกเข้าใจว่าท่านหมอชีวกโกมารภัจจ์เป็นชาวจีน เพราะเห็นว่าหลวงพ่อบ๋าวเอิงท่านเป็นคนญวน รูปปั้นจึงน่าจะออกมาในลักษณะแบบนั้น และด้วยเหตุผลที่เกิดจากการคิดไปเอง นายโชติจึงได้ปั้นพระพักตร์ของท่านหมอชีวกโกมารภัจจ์ออกมาเป็นหน้าตาแบบคนจีน

เมื่อทราบว่าตนเองปั้นผิดเพราะท่านหมอชีวกโกมารภัจจ์เป็นพราหมณ์ หน้าตาต้องเป็นแบบอินเดีย ครั้นจะเริ่มใหม่...ก็เกิดปัญหา...คือนายโชติจินตนาการไม่ออก

หลวงพ่อบ๋าวเอิงท่านจึงตัดสินใจที่จะอัญเชิญท่านหมอชีวกโกมารภัจจ์มาปรากฏบนนิ้วมือของท่านเพื่อให้นายโชติได้เห็นอย่างชัดเจน โดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนั้น นายโชติได้บันทึกไว้ดังนี้ครับ...

“ผมได้ชวนคุณเฉลิมและคุณจุไรรัตน์ มาเป็นเพื่อนเพื่อพิสูจน์ความจริง เมื่อมาถึงวัดหลวงพ่อได้ให้พวกผมขึ้นไปบนกุฎิพร้อมกับท่าน หลวงพ่อได้ทำพิธีอัญเชิญ ผมได้สนใจเฝ้าดูหลวงพ่อทุกอิริยาบถและรู้สึกว่าการทำพิธีอัญเชิญนั้นง่ายเหลือเกินและแปลกกว่าความคาดหมายของผม..

หลวงพ่อได้จุดธูปและปักตามที่บูชาต่างๆในกุฏิ จากนั้นท่านได้ว่าคาถาเป็นภาษาญวนปนไปกับภาษาบาลี ซึ่งผมเองก็ฟังไม่รู้เรื่อง จิตใจของผมในขณะนั้นอยากจะเห็นภาพและทำการปั้นเพื่อพิสูจน์ความจริง คุณเฉลิมและคุณจุไรรัตน์ ได้ขึ้นมานั่งดูอยู่ด้วย...

027.jpg
027.jpg (55.54 KiB) เปิดดู 3095 ครั้ง


หลวงพ่อได้นั่งบนอาสนะ มือถือธูปที่จุดแล้วกำมือและหัวแม่มือชูขึ้น สายตาของผมจ้องจับอยู่ที่หัวแม่มือของหลวงพ่อ ในไม่ช้าก็ปรากฏเห็นเป็นจุดขาวและจุดขาวนั้นได้ขยายตัวโตขึ้นๆ จนเห็นเป็นภาพ แต่ไม่ชัด ผมตอนนั้นจิตใจรู้สึกตื่นเต้นเพราะได้ประจักษ์สิ่งที่ไม่เคยเห็นมาก่อน...

หลวงพ่อได้เปลี่ยนที่นั่งใหม่ ซึ่งมีแสงสว่างน้อย คราวนี้ภาพที่หัวแม่มือของหลวงพ่อได้ปรากฏแจ่มชัด ผมเริ่มปั้นตามภาพใบหน้าที่เห็นในภาพนั้นทันที ใจผมเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง แต่ก็ได้ปั้นตามภาพที่ปรากฏให้เห็นนั้น..

ผมใช้เวลาถึงสองชั่วโมงจึงปั้นเสร็จเรียบร้อย คุณเฉลิมและคุณจุไรรัตน์ ที่ผมชวนมาด้วยก็เห็นภาพนั้นเช่นเดียวกับผมและยืนยันว่า ภาพที่ปรากฏที่หัวแม่มือหลวงพ่อเหมือนกับรูปที่ผมปั้นทุกประการ....”

22.jpg
22.jpg (68.09 KiB) เปิดดู 3096 ครั้ง


เชื่อกันว่ารูปท่านหมอชีวกโกมารภัจจ์ ที่ถือกำเนิดจากฝีมือของนายโชติ สโมสร และอำนาจพลังจิตของหลวงพ่อบ๋าวเอิง ได้รับการยอมรับจากคนทั่วไปว่าเป็น...

”รูปหมอชีวกโกมารภัจจ์ที่ปรากฏเป็นลักษณะองค์จริงครั้งแรกของโลก...”

หลวงพ่อบ๋าวเอิงได้ขนานนามรูปหล่อท่านชีวกโกมารภัจจ์ว่า

“บรมคุรุแพทย์ ชีวกโกมารภัจจ์...”

พ่นมาขนาดนี้ เชื่อว่าเพื่อนๆคงจะคุ้นกับคำว่า “บรมคุรุแพทย์ ชีวกโกมารภัจจ์”เป็นอย่างดี...

ดังนั้นจงอย่าแปลกใจเลยครับที่ทุกวันนี้จะมีชาวต่างชาติที่ให้ความเคารพท่านหมอชีวกโกมารภัจจ์แวะเวียนเข้ามากราบไหว้ สักการะ ขอพรกับรูปหล่อขนาดเท่าองค์จริงของท่าน ณ วัดญวน สะพานขาวแห่งนี้เสมอๆ

23.jpg
23.jpg (50.66 KiB) เปิดดู 3097 ครั้ง


ปัจจุบันหลวงพ่อบ๋าวเอิง ท่านได้มรณภาพไปนานหลายปีแล้วครับ สรีระของท่านถูกฝังไว้ในวิหารโดยมีรูปหล่อเหมือนเท่าองค์จริงของท่านตั้งทับเอาไว้...

เพื่อนๆ ท่านใดใคร่เข้าไปขอพรจากท่านก็เชิญได้เลยครับ แล้วท่านอาจจะพบกับคำว่า "ความศักดิ์สิทธิ์มีจริง.."

ตลอดชีวิตของหลวงพ่อ..ท่านได้ทุ่มเทกับเรื่องราวของจิต วิญญาณและการปฏิบัติตามพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า เรื่องราวที่เกิดขึ้นท่านได้บันทึกไว้ในหนังสือและมีการพิมพ์เผยแพร่แจกเป็นวิทยาทาน โดยมีจุดมุ่งหมายให้คนอ่านเข้าใจในเรื่องพวกนี้และเชื่อมั่นในเรื่องของ"บาปบุญคุณโทษ..."

24.jpg
24.jpg (55.05 KiB) เปิดดู 3091 ครั้ง


“พูดถึงเรื่องการทำบุญ จะเอาบุญมาล้างบาปเห็นเป็นไม่ได้ ทำกรรมใดกรรมนั้นก็ติดตัวไป ใช้หนี้กรรมเรื่อยไป..

การทำบุญทุกครั้งไม่ต้องขอร้องวิงวอนให้ผลบุญสนองอย่างนั้นอย่างนี้ ผลแห่งการสร้างบุญที่ได้สร้างไปในทางใดก็ให้ผลในทางนั้น....

และจุดมุ่งหมายหรือทางที่บุญจะให้ผลดีที่สุดคือพระนิพพาน ไม่มีการเกิดมาใช้หนี้กรรมอีกต่อไป....”

aa.jpg
aa.jpg (68.37 KiB) เปิดดู 3091 ครั้ง


ครับ...หากเพื่อนๆ เชื่อว่า"ชาตินี้มีจริง"ก็คงจะไม่ปฏิเสธและเชื่อว่า"ชาติหน้าก็มีจริง"เช่นกัน....

ชาวพุทธมีความเชื่อว่าหากได้ปฏิบัติตามพระธรรม จะทำให้บุคคลผู้ที่ปฏิบัตินั้นสามารถหลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด และบางทีอาจสามารถก้าวเข้าไปสู่สภาวะอันสูงสุดคือ “นิพพาน”

การที่ได้เรียนรู้ในเรื่องของวิญญาณอย่างถ่องแท้ถือว่าเป็นประโยชน์ ซึ่งพวกเราควรศึกษาและรับทราบไว้บ้าง เพราะอะไรหรือครับ ก็เพราะตามคติชาวพุทธเชื่อมั่นว่า...

“การที่เราได้เกิดมาเป็นมนุษย์นั้นถือว่าพวกเรามีบุญเป็นอันมาก สามารถที่จะกระทำความดีได้ตลอดเวลา”

ว่ากันว่า.."อานิสงส์ของการทำความดีมีมาก" ..เพราะ

“ความดีถือว่าเป็นสิ่งที่คุ้มครองตัวเรา”

ดังนั้นพวกเราจึงควรรีบปฏิบัติธรรมและสร้างสมบุญกุศลไว้เป็นเครื่องประดับวิญญาณของตัวเรา เพราะความดีเท่านั้นที่จะเป็นสีแสงติดดวงวิญญาณของเราตลอดไป....สวัสดีครับ

25.jpg
25.jpg (38.82 KiB) เปิดดู 3086 ครั้ง


ขอกราบขอบพระคุณ พระสมณานัมธีราจารย์(ติ่นเรียน) เจ้าอาวาสวัดสมณานัมบริหาร หลวงพี่จักรพันธุ์(เถี่ยนเหว่) ที่เมตตาให้ข้อมูลและคำแนะนำ / คุณพรชนก สุขพงษ์ไทย สำหรับภาพถ่าย เพื่อนต่อกับคำแนะนำที่มีประโยชน์ คุณสมบูรณ์ ร้านนายฮ้อ สระบุรี สำหรับกำลังใจทีมีให้เสมอครับ

Re: องสรภาณมธุรส (หลวงพ่อบ๋าวเอิง) วัดสมณานัมบริหาร

พฤหัสฯ. 05 ก.พ. 2009 4:11 pm

ขอบคุณสำหรับผู้เขียน และขอบคุณสำหรับผู้ลากมาด้วยครับ :D

Re: องสรภาณมธุรส (หลวงพ่อบ๋าวเอิง) วัดสมณานัมบริหาร

พฤหัสฯ. 05 ก.พ. 2009 4:26 pm

ขอบคุณเช่นกันครับ

Re: องสรภาณมธุรส (หลวงพ่อบ๋าวเอิง) วัดสมณานัมบริหาร

พฤหัสฯ. 05 ก.พ. 2009 8:02 pm

เยี่ยมยอดครับ.ขอบคุณครับที่นำเรื่องราวดีดีแบบนี้มาให้อ่านกัน

มีรูปเล็กๆอยู่ 1 รูปในบทความ ที่มีพระภิกษุจีน 2 รูปอยู่ซ้ายขวา พระภิกษุไทย 1 รูป
อยากถามว่าพระภิกษุไทยรูปนั้นคือหลวงพ่อโอภาสีหรือไม่ครับ :)
ถือว่าเป็นรูปที่หาดูได้ยากมากครับ

Re: องสรภาณมธุรส (หลวงพ่อบ๋าวเอิง) วัดสมณานัมบริหาร

ศุกร์ 06 ก.พ. 2009 1:42 am

ขอบคุณเด็กลึกลับ ที่กรุณาเข้าไปลากเรื่องนี้
ขอบคุณท่านรณธรรม สำหรับคำแนะนำและการให้คำอธิบายกับเรื่องที่ไม่เข้าใจ
สำหรับคำถามของคุณอาร์ต ตามรูปนี้..
19.jpg
19.jpg (40.29 KiB) เปิดดู 3009 ครั้ง

ซ้ายมือ เป็นพระจีนครับ ตามข้อมูลทราบว่าท่านเก่งพอตัวและอยู่วัดจีนแห่งหนึ่ง ในละแวกนั้น(ใกล้วัดญวน)
ต้องขออภัยเพราะไม่ทราบว่าวัดไหนจริงๆ
องค์กลาง คือหลวงพ่อโอภาสีครับ
องค์ขวามือ คือท่านหลวงพ่อบ่าวเอิงครับ
:P
พรุ่งนี้(๖ ก.พ.) ที่วัดญวนได้จัดงานพิธีสวดนพเคราะห์ ตามความเชื่อในเรื่องของศาสตร์แบบญวน
กำหนดงานจะเริ่มสวดเวลาประมาณ สองทุ่ม แต่ในช่วงเช้าจะมีพิธีเทกระจาดและพิธีกรรมบางอย่าง
จึงขอเรียนเชิญ เพื่อนๆ ที่มีปีเกิดที่เรียกว่า ปีชง อะไรแบบนี้ หรือต้องการเสริมสิริมงคลให้กับตัว
ในงานนี้จะมีการแจกฮู้ให้กับผู้เข้าร่วมในพิธี ความสำคัญอยู่ที่ว่า "ฮู้" นี้จัดทำขึ้นแบบปีต่อปี
ผู้ที่ประสงค์จะเข้าร่วมในพิธี ไม่ต้องเตรียมอุปกรณ์อะไรไปครับ เพียงขอให้ใส่ชุดขาวไปอย่างเดียว
พิธีกรรมของวัดญวน ได้ชื่อว่ามีความศักดิ์สิทธิ์และได้รับการยอมรับมานานแล้วครับ
วัดญวน อยู่ฝั่งตรงข้ามสนามม้านางเลิ้งครับ หรือจะเข้าทางด้านตลาดโบ้เบ้ ก็ได้ครับ :P

Re: องสรภาณมธุรส (หลวงพ่อบ๋าวเอิง) วัดสมณานัมบริหาร

ศุกร์ 06 ก.พ. 2009 6:54 pm

เมื่อวานหลังจากอ่านแล้ววันนี้เวลาเที่ยงวันโดยประมาณข้าพเจ้าก็ถึงหน้าวัดโดยปริยาย

ด้วยความคิดที่จะไปขอผงธูปในกระถางธูปที่ตั้งอยู่ด้านหน้าขององค์ปฐมท่านหมอ ชีวกโกมารภัจจ์ ยิ่งทราบว่าที่วัดนี้เป็นต้นกำเนิดของรูปหล่อท่านปู่ ชีวกโกมารภัจจ์ แล้ว จึงจำเป็นที่ข้าพเจ้าจะต้องไปนำผงธูปของท่านมาผสมในกระถางธูปที่บูชาท่านอยู่ในบ้านของข้าพเจ้า(เออ..รู้สึกจะกระด้างไปหน่อย :mrgreen: )และเพื่อเป็นการเชื่อมต่อความศักดิ์สิทธิ์อีกนัยหนึ่ง

หลังจากที่กราบไหว้และเดินเยี่ยมชมสถานที่ต่างๆเป็นที่เรียบร้อย จึงได้เข้าไปพูดคุยกับหลวงปู่(เจ้าอาวาส)พอสังเขป และได้บอกกับท่านว่าจะขอผงธูปไปบูชาที่บ้าน หลวงปู่ก็เมตตาอนุญาติและบอกว่าได้ทำถูกต้องแล้วที่มาขออนุญาติกับท่านก่อนแถมยังสัพหยอกกับผมอีกว่า "บางทีคืนนี้โยมอาจจะได้เห็นท่านมานะ" นั่นแน่ :shock: :shock: :shock: (เอ่อ..แล้วผมควรจะดีใจ มั้ยนี่) แต่ถ้าเห็นจริงๆก็ดีสิครับจะได้ถวายตัวเป็นลูกศิษย์ซะเลย(ประโยคนี้ผมพูดเสียงเบาๆในลำคอนะครับ)

หลวงปู่(เจ้าอาวาส)บอกว่า วันนี้ช่วงบ่ายจะมีพิธีพะเก็ง คือ ลงชื่อ วัน เดือน ปีเกิดของผู้เข้าร่วมพิธี เพื่อเสริมดวงเป็นสิริมงคล สะเดาะเคราะห์ โดยเฉพาะคนที่เกิดปีชงสมควรอย่างยิ่งในการเข้าร่วมพิธี เคราะห์ใหญ่ก็จะกลายเป็นเล็ก เคราะห์เล็กก็จะหมดไป ส่วนในช่วงเย็นหรือหัวค่ำก็มีพิธีเวียนเทียนรอบพระอุโบสถ และในพระอุโบสถก็มีความสำคัญอย่างยิ่งยวด เพราะเป็นที่ประดิษฐานของพระประธานแล้ว ยังมีพระพรหมประดิษฐานอยู่หน้าพระประธานด้วยซึ่งหาดูที่อื่นไม่ได้แน่และพระพรหมองค์มีประวัติที่ไม่ธรรมดาแน่ครับถึงได้ประดิษฐานอยู่ที่นั่น ซึ่งคงต้องรบกวนให้อ.ต่อ มาอธิบายเองจะดีกว่า ซึ่งผมเองก็จะได้รับความรู้ไปด้วย :D ส่วนทางด้านซ้ายมือของเราที่หันหน้าให้พระประธาน คือ รูปหล่อองค์ปฐมของบรมครู หมอชีวกโกมารภัจจ์ ทางด้านขวามือก็เป็น พระมหาโพธิสัตว์ กวมอิม

ก็เอาเป็นว่ารายละเอียดต่างๆนั้นบทความด้านบนก็ได้ลงไปพอสังเขปแล้วส่วนเรื่องพระพรหมในโบสถ์นั้นก็คงต้องให้อ.ต่อมาอธิบายให้ด้วยครับ :D

Re: องสรภาณมธุรส (หลวงพ่อบ๋าวเอิง) วัดสมณานัมบริหาร

ศุกร์ 06 ก.พ. 2009 7:00 pm

เยี่ยมยอดทั้งนั้เลยครับ มิเสียแรงเป็นแฟนพันธุ์แท้ :mrgreen:

Re: องสรภาณมธุรส (หลวงพ่อบ๋าวเอิง) วัดสมณานัมบริหาร

ศุกร์ 06 ก.พ. 2009 7:27 pm

มีภาพพระพรหมในโบสถ์มาให้ดูกัน อุโบสถที่วัดนี้ไม่ได้เข้าไปดูง่ายๆนะครับ เพราะว่าใน1ปีเปิดให้ประชาชนเข้าไปกราบไหว้ไม่กี่ครับเองครับ :)
CIMG3209.jpg
CIMG3209.jpg (140.73 KiB) เปิดดู 2964 ครั้ง

CIMG3209.jpg
CIMG3209.jpg (140.73 KiB) เปิดดู 2964 ครั้ง

พระพรหมองค์นี้แหละครับ
CIMG3212.jpg
CIMG3212.jpg (144.75 KiB) เปิดดู 2965 ครั้ง

CIMG3211.jpg
CIMG3211.jpg (146.78 KiB) เปิดดู 2950 ครั้ง

CIMG3213.jpg
CIMG3213.jpg (144.39 KiB) เปิดดู 2948 ครั้ง

ไม่ธรรมดาครับ
CIMG3208.jpg
CIMG3208.jpg (143.14 KiB) เปิดดู 2948 ครั้ง

เข้าใจว่าช่วงนี้พระอุโบสถยังเปิดให้เข้าไปกราบไหว้สักการะไปถึงวันมาฆบูชา ถ้ามีเวลาก็เชิญนะครับ :D
แล้วจะได้รู้ว่าทำไมถึงไม่ธรรมดา อะเฮ้อ...ไม่ธรรมดา ;)

Re: องสรภาณมธุรส (หลวงพ่อบ๋าวเอิง) วัดสมณานัมบริหาร

ศุกร์ 06 ก.พ. 2009 7:46 pm

อาร์ต เขียน:มีภาพพระพรหมในโบสถ์มาให้ดูกัน อุโบสถที่วัดนี้ไม่ได้เข้าไปดูง่ายๆนะครับ เพราะว่าใน1ปีเปิดให้ประชาชนเข้าไปกราบไหว้ไม่กี่ครับเองครับ :)
CIMG3209.jpg

CIMG3209.jpg

พระพรหมองค์นี้แหละครับ
CIMG3212.jpg

CIMG3211.jpg

CIMG3213.jpg

ไม่ธรรมดาครับ
CIMG3208.jpg

เข้าใจว่าช่วงนี้พระอุโบสถยังเปิดให้เข้าไปกราบไหว้สักการะไปถึงวันมาฆบูชา ถ้ามีเวลาก็เชิญนะครับ :D
แล้วจะได้รู้ว่าทำไมถึงไม่ธรรมดา อะเฮ้อ...ไม่ธรรมดา ;)



ยืนยันตามพี่อาร์ตครับว่าภายในไม่ธรรมดาจริงๆ และงดงามมากครับ

ภายในนอกจากองค์พระประธานแล้วยังมี พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรกวมอิม, พระกษิติครรภมหาโพธิสัตว์, พระพรหม, ท่านพ่อหมอ
ชีวกโกมารภัจจ์, รูปเหมือนองค์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว

Re: องสรภาณมธุรส (หลวงพ่อบ๋าวเอิง) วัดสมณานัมบริหาร

ศุกร์ 06 ก.พ. 2009 10:57 pm

ขอบคุณ สำหรับความรู้ หลวงพ่อบ๋าวเอิง ที่กรุณานำมาเผยแพร่ ซึ่งนานมากแล้วที่ไม่ค่อยพบ

สำหรับรูปนี้เล็ก ที่มีรูปท่านและ หลวงพ่อโอภาสี ผมเคยเห็น 2 ครั้ง ครั้งแรก ที่มูลนิธิอุบลรังสี เจ้าแม่กวนอิม ตรงพุทธมณฑลสาย 4
และอีกครั้งที่เพื่อนรุ่นน้องนำมาให้ดู เนื่องจากผมบอกว่าอยากเห็นรูปหลวงพ่อโอภาสี เก่า ๆ หน่อย สำหรับหลวงพ่อองค์ทีอยู่ข้าง เพื่อนผมบอกว่าเป็นพ่อบุญธรรม ของเขา เนื่องจากท่านกรุณารับเพื่อนผมที่เป็นเด็กกำพร้าเลี้ยง และ เมตตาส่งเสียจนเรียนสำเร็จ ผมเองก็จำชื่อท่านไม่ได้ แต่เพื่อนให้รูปหล่อองค์เล็กของท่านไว้เป็นที่ระลึก 1 องค์ก่อน เขาจะย้ายไปทำกิจการส่วนตัวที่เชียงใหม่ ยังไม่เจอกันอีกเลย

และ ขอขอบคุณ สำหรับข่าวงานวัดญวน วันอาทิตย์นี้จะเข้าไปกราบท่านที่วัด ขอบคุณมากครับ

Re: องสรภาณมธุรส (หลวงพ่อบ๋าวเอิง) วัดสมณานัมบริหาร

อาทิตย์ 08 ก.พ. 2009 12:38 am

โมนาด้วยจ้า ได้ข่าวอะไรอย่างไร รบกวนมาเล่าสู่กันฟังบ้างเน้อ

Re: องสรภาณมธุรส (หลวงพ่อบ๋าวเอิง) วัดสมณานัมบริหาร

อาทิตย์ 08 ก.พ. 2009 12:10 pm

ขออนุญาตนำลิงค์จากเวปพลังจิตมาให้ชมกันครับ

http://board.palungjit.com/showthread.php?p=516846

Re: องสรภาณมธุรส (หลวงพ่อบ๋าวเอิง) วัดสมณานัมบริหาร

อาทิตย์ 08 ก.พ. 2009 11:58 pm

เอาพระคาถาบูชา "บรมคุรุแพทย์ ชีวกโกมารภัจจ์" ไปก่อนนะครับ

นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ ( ๓ จบ)

โอม นะโม ชีวะโก สิะระสา อะหัง กะรุณิโก สัพพะสัตตานัง โอสะถะ ทิพพะมันตัง ปะภาโสสุริยาจันทัง โกมาระวัตโตปะกาเสสิ วันทามิ ปัณฑิโต สุเมธะโส อะโรคา สุมะนาโหมิ ฯ.


พระคาถานี้ต้นฉบับเดิมเป็นของ องสรภาณมธุรส (บ๋าวเอิง) ท่านได้มาจากสมาธิเมื่อครั้งที่ "เทพเจ้าสุวรรณรัตน์" เสด็จลงมาเยี่ยมท่าน บอกว่าเป็นพระคาถาบูชาบรมคุรุแพทย์ชีวกโกมารภัจจ์ และยังใช้เสกน้ำ เสกข้าว เสกอาหารรับประทานเพื่อรักษาโรคภัยไข้เจ็บได้เป็นอย่างดีอีกด้วย ผู้ที่ป่วยอยู่เมื่อได้ทำบ่อย ๆ ก็หายได้เร็วไว ผู้ที่ยังไม่ป่วยเมื่อทำบ่อย ๆ ก็มีสุขภาพแข็งแรง อายุยืนนาน ไม่เจ็บป่วยง่าย

ถ้าสวดบูชาองค์ท่าน ก็สวด ๓ จบ ๗ จบ หรือ ๙ จบ ถ้าเสกอาหารเป็นยา ก็สวด ๗ จบครับ

Re: องสรภาณมธุรส (หลวงพ่อบ๋าวเอิง) วัดสมณานัมบริหาร

อังคาร 10 ก.พ. 2009 5:41 pm

:mrgreen: พี่ต่อครับ พระคาถาบูชาพระสิวลี, พระสังกัจจายน์ และพระอุปคุต ที่เคยขอไว้

น้องยังไม่ได้รับทางเมล์เลยขอรับ

ขอความกรุณาทั่นพี่ขึ้นเป็นกระทู้ใหม่เลยได้ไหมครับ เพื่อนๆ ท่านอื่นจะได้อานิสงส์นี้ไปด้วย :ilu:

Re: องสรภาณมธุรส (หลวงพ่อบ๋าวเอิง) วัดสมณานัมบริหาร

อังคาร 10 ก.พ. 2009 9:11 pm

มารอด้วยคน

Re: องสรภาณมธุรส (หลวงพ่อบ๋าวเอิง) วัดสมณานัมบริหาร

พุธ 11 ก.พ. 2009 1:09 am

UltraChai เขียน::mrgreen: พี่ต่อครับ พระคาถาบูชาพระสิวลี, พระสังกัจจายน์ และพระอุปคุต ที่เคยขอไว้

น้องยังไม่ได้รับทางเมล์เลยขอรับ

ขอความกรุณาทั่นพี่ขึ้นเป็นกระทู้ใหม่เลยได้ไหมครับ เพื่อนๆ ท่านอื่นจะได้อานิสงส์นี้ไปด้วย :ilu:



:o หา .. จริงดิ แต่พี่ส่งไปแล้วนะครับ ใครต่อใครเขาก็ได้รับกันทั้งนั้น นี่เห็นว่าสวดจนมีเงินเป็นสิบล้านกันไปหลายคนแล้วนะนี่ ทำไมน้องยังไม่ได้เล่า

ได้ครับ เดี๋ยวพี่จะขึ้นโพสท์เป็นกระทู้ใหม่เลยนะครับ แหม จัดให้มี "บอร์ด" ใหม่ ว่าด้วยเรื่อง "พระคาถา" ต่าง ๆ ซะเลยดีไหมนี่ ? :lol: :lol: :lol:

(อันนี้ต้องปรึกษาบรรดา "สมาชิก" แล้วให้สมาชิกช่วยกันเรียกร้อง "กดดัน" เจ้าของเว็บเองแล้วล่ะครับ :lol: :lol: :lol: )

Re: องสรภาณมธุรส (หลวงพ่อบ๋าวเอิง) วัดสมณานัมบริหาร

พุธ 11 ก.พ. 2009 1:22 am

เห็นด้วยกั๊บ เห็นด้วย :mrgreen:

Re: องสรภาณมธุรส (หลวงพ่อบ๋าวเอิง) วัดสมณานัมบริหาร

พุธ 11 ก.พ. 2009 1:46 am

ทั้งกด ทั้งดัน จนได้บอร์ดใหม่แล้วครับ :lol:

Re: องสรภาณมธุรส (หลวงพ่อบ๋าวเอิง) วัดสมณานัมบริหาร

พุธ 11 ก.พ. 2009 2:58 am

มาแล้วนะครับ น้องUltraChai น้องพรหมาสตร์ และทุก ๆ ท่าน

forum45/

เราจัดให้คุณแล้ว ไม่ใช่เพียงตั้ง "กระทู้ใหม่" ให้เท่านั้น แต่ถึงขนาดตั้ง "บอร์ดใหม่" ให้เลยตามประสาเจ้าของเว็บใจดีที่ต้องการให้มีการแลกเปลี่ยนทัศนะคติและพระคาถาที่พี่ ๆ น้อง ๆ เคยสวด เคยภาวนาแล้วได้ผลดี ไม่ว่าจะช่วยให้จิตสงบมีสมาธิ มีสติในการทำงานและในการใช้ชีวิตมากขึ้น หรือผ่านพ้นอุปสรรคเลวร้ายมาได้อย่างน่าทึ่ง

ผมเชื่อว่าก็ล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องดี เป็นสิริมงคลทั้งนั้นครับ


เอาเวลามาพูดคำศักดิ์สิทธิ์ ดีกว่ามานั่งพูดคำส่อเสียดนินทากัน ด่าว่ากันนะครับ


เพราะพูดคำมงคลก็เป็นมงคลกับตนเอง พูดคำอัปมงคลก็ย่อมเป็นอัปมงคลกับตนเอง


ขอให้ประสบความสำเร็จในชีวิตทั่วกันครับ :D

Re: องสรภาณมธุรส (หลวงพ่อบ๋าวเอิง) วัดสมณานัมบริหาร

พุธ 11 ก.พ. 2009 8:21 am

สาธุ สาธุ อนุโมทนาด้วยครับ :D :D
ตอบกระทู้