นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน เสาร์ 27 เม.ย. 2024 5:06 am

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 23 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2
เจ้าของ ข้อความ
โพสต์โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. 22 ม.ค. 2009 10:45 pm 
ออฟไลน์
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 14 ก.ย. 2008 6:00 am
โพสต์: 6586
.gif


_________________
ถ้าเราไม่อยากได้อะไรจากใคร ก็จะไม่มีอะไรให้หมางใจกัน


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
โพสต์โพสต์แล้ว: พุธ 28 ม.ค. 2009 11:30 am 
ออฟไลน์
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 14 ก.ย. 2008 10:40 am
โพสต์: 369
เฝ้าเรือ

วันหนึ่งหลวงพ่อจงท่านเดินอยู่บริเวณท่าน้ำหน้าวัด แล้วก็มีกระทาชายนายหนึ่งไม่ทราบว่าเป็นใคร เอาเรือไปจอด แกไปด้วยกัน 2 คน แกไปธุระหาเพื่อนใกล้ๆ วัด พอแกไปถึงแกก็ยกมือไหว้ บอกว่าหลวงพ่อขอรับ นี่ผมจะไปธุระบ้านโน้นสักครู่หนึ่ง เรือจะต้องจอดที่นี่ เพราะบ้านนั้นเขาอยู่หลังวัดออกไปอยู่กลางทุ่ง กระผมขอฝากเรือหลวงพ่อด้วยนะ ขอรับ ท่านก็รับคำ รับเฝ้าเรือให้เขา แต่ว่าพ่อกระทาชาย 2 นายนั้นแกไปเวลาเท่าไรก็ไม่ทราบ แกจะคิดหรือเปล่าก็ไม่ทราบว่าเวลานี้แกใช้พระอริยเจ้าเฝ้าเรือ ก็ดีเหมือนกัน ที่พูดอย่างนี้นะ อาตมาแปลกใจหลวงพ่อจงมานานว่าเป็นพระประเภทไม่ค่อยจะเหมือนพระอื่นเขา เรื่องลาภสักการะอะไรต่ออะไรท่านไม่ค่อยสนใจ ได้มาเท่าไรก็ส่งให้น้องชายสร้างวัด ใช้บ้างกินบ้าง เป็นของธรรมดา ที่เหลือก็สร้างวัดสร้างวาทำเป็นสาธารณประโยชน์หมด

ขณะที่เฝ้าเรืออยู่นั้นปรากฏว่าฝนตกพรำๆ หลวงพ่อจงก็เลยนั่งตากฝนอยู่ที่ม้า ไอ้ม้าไม้กระดานเขาต่อไว้ นั่งตากฝนอยู่อย่างนั้นก็พอดีชาวบ้านเขาไปพบเข้า เขาถามว่า หลวงพ่อขอรับ ทำไมไม่เข้าไปในร่มในกุฏิ ฝนมันตก ท่านก็บอกว่าไปไม่ได้หรอก ใครก็ไม่รู้ 2 คน เขาวานเฝ้าเรือไว้ ถ้าหากว่าฉันขึ้นไป เรือเขาหายจะต้องใช้หนี้เขขา ไม่ได้หรอกต้องเฝ้าอยู่แบบนี้ คนที่มาพบท่านเข้าจะไปธุระก็เลยไปไม่ได้ เลยรับอาสาว่า เอายังงี้ก็แล้วกันขอรับ นิมนต์หลวงพ่อขึ้นไปบนกุฏิ กระผมขออาสาเฝ้าแทน ถ้าเรือนี้เขาหายไปกระผมขอรับใช้ขอรับ ผมรับภาระเอง เมื่อเป็นอย่างนั้นท่านจึงได้ขึ้นไปบนกุฏิ

อีตาคนที่เฝ้าเรือบอกว่านั่งเฝ้าอีกพักใหญ่เจ้าสองคนถึงได้มา จึงได้ถามว่านี่ทำไมถึงได้ใช้หลวงพ่อเฝ้าเรือฮึ นี่หลวงพ่อนั่งเฝ้าเรืออยู่ฝนตกก็ไมกล้าขึ้นไปเพราะกลัวเรือของแกหาย ตาสองคนบอก เอไม่รู้จักว่าเป็นหลวงพ่อ นึกว่าเป็นพระหลวงตา คนนั้นก็บอกว่าพระหลวงตากับหลวงพ่อก็มีลักษณะเหมือนกันแหละ แก่เหมือนกัน ทีหน้าทีหลังละอย่าทำอย่างนี้นะ จะไปธุระปะปังที่ไหนก็เอาเรือไปฝากชาวบ้านชาวช่องเขาไว้ซี นี่มาใช้พระเฝ้าเรือแบบนี้มันไม่ถูก โดยเฉพาะอย่างยิ่งพระอย่างหลวงพ่อนี่เป็นพระไม่มีอะไรแล้วนา แกใช้พระที่ไม่มีอะไรหมายความว่ายังไง คนที่พูดก็บอกว่า เห็นหลวงพ่อปานวัดบางนมโคท่านพูดนะ ฉันไม่ได้รู้เองหรอก หลวงพ่อปานวัดบางนมโคท่านบอกว่าหลวงพ่อจงวัดหน้าต่างนอกน่ะ เป็นพระทองคำแล้ว ก็เป็นพระประเภทที่เข้าไปแตะต้องไม่ได้ กิเลสหายาก หลวงพ่อปานท่านว่ายังงั้น ตาคนนั้น ตกใจ ต้องขึ้นไปขมาโทษหลวงพ่อจง

พอเวลาขึ้นไปขมาหลวงพ่อจงท่านว่ายังไง ท่านว่าเอ๊ะ ก็ไม่มีโทษอะไรนี่ แกวานฉันเฝ้าเรือ มันจะมีโทษอะไร เขาก็บอกว่าการวานพระเฝ้าเรือเป็นโทษขอรับ เพราะว่าพระเป็นสรณะ เป็นที่เคารพ ท่านก็เลยถามว่าถ้ารู้อย่างนั้นแล้วใช้ฉันเฝ้าเรือทำไมล่ะ ถ้ารู้แล้วก็ไม่น่าใช้ เขาบอกว่าเขาเผลอไป ท่านบอกว่าไม่เป็นไรหรอก ถ้าแกเผลอได้ ไอ้โทษมันก็เผลอได้เหมือนกัน ก็เป็นอโหสิกรรมกันไปก็แล้วกัน ไม่มีโทษนะเลิกกัน


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
โพสต์โพสต์แล้ว: พุธ 28 ม.ค. 2009 12:26 pm 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร 30 ก.ย. 2008 10:00 am
โพสต์: 634
เยี่ยมจริงๆครับ หลวงพ่อมี วัดมารวิชัย ท่านเคยบอกกับลูกศิษย์ว่า
"หลวงพ่อจง ท่านเป็นพระทองคำ ไม่มีใครเสมอเหมือนท่านอีกแล้ว"


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 23 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 2 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
cron
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO