นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน ศุกร์ 29 มี.ค. 2024 3:38 pm

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 24 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป
เจ้าของ ข้อความ
โพสต์โพสต์แล้ว: อังคาร 16 ก.ย. 2008 1:29 pm 
ออฟไลน์
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ 08 ก.ย. 2008 10:41 am
โพสต์: 1599
หลวงปู่จ้อย พุทธสโร วัดหนองน้ำเขียว ตอน “เมตตาเป็นมหาอำนาจสูงสุด”
โดย ศิษย์กวง
รูปภาพ
ผมได้รับการแนะนำจากเพื่อนต่อ(มนุษย์ ล่องหน) ให้ไปกราบนมัสการท่านพระครูวิฑิตพัฒนาการ (จ้อย พุทธสโร) เจ้าอาวาสวัดหนองน้ำเขียว ต.คลองกิ่ว อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี นอกเหนือจากการการันตีเรื่องของการเป็นพระที่ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบแล้ว ความเข้มแข็งในด้านวัตถุมงคลก็ไม่น้อยหน้าพระเกจิองค์อื่นๆ ในปัจจุบัน โดยเฉพาะในจังหวัดชลบุรีและจังหวัดตามแนวทะเลภาคตะวันออก ทั้งงานราษฎร์ งานหลวง ต้องมีชื่อท่านอยู่ในรายชื่อพระที่ร่วมพิธีพุทธาภิเษกเสมอๆ ดังนั้นเมื่อมีโอกาสว่างจากธุระผมและเพื่อนร่วมอุดมการณ์เดียวกันจึงไม่รีรอที่จะรีบไปกราบนมัสการท่านครับ
การเดินทางไปวัดหนองน้ำเขียวไม่ยากเท่าไหร่เพียงแต่ระยะทางค่อนข้างไกลพอสมควรครับ จากตัวจังหวัดชลบุรีมุ่งหน้าไปทางอำเภอบ้านบึง ก่อนเข้าตัวอำเภอบ้านบึงให้เลี้ยวขวาขึ้นสะพานลอย แล้วก็ตรงไปเรื่อยๆ จะถึงสี่แยก(แยกเอ็ม 16) เลี้ยวขวาไปทางอำเภอบ้านค่ายประมาณ 10 กม.ให้สังเกตขวามือจะมีทางเข้าวัดเป็นถนนดินมีป้ายสุสาน(ฮวงซุ้ย)เต็มไปหมด เลี้ยวเข้าทางนั้นเลยครับ วิ่งกระดึ้ง กระดิ้ง ไปสักระยะหนึ่งจะขึ้นถนนพื้นซีเมนต์คราวนี้ก็วิ่งตรงยาวเลยครับไม่ต้องเลี้ยว ผ่านวัดเขาน้อยคีรีวัน(วัดหลวงปู่โทน) ซักระยะหนึ่งก็จะถึงวัดหนองน้ำเขียวครับ
รูปภาพ
รูปภาพ
วัดหนองน้ำเขียว เป็นวัดที่ร่มรื่น มีต้นไม้ปลูกอยู่เต็มวัด และมีลานแสดงธรรมอยู่บริเวณด้านหน้ากุฎิของท่านหลวงปู่จ้อย พระอุโบสถใหญ่โตและสวยงาม บริเวณประตูและหน้าต่างของพระอุโบสถติดเครื่องหมายสัญลักษณ์ของทหาร (ไม่รู้ว่าหน่วยงานไหน) หมู่กุฏิสงฆ์จะปลูกสร้างอยู่ด้านหลังกุฎิของหลวงปู่ นอกจากนี้ยังมีศาลาปฏิบัติธรรมขนาดไม่ใหญ่นักปลูกสร้างอยู่รอบๆวัดอีกหลายหลัง แต่มีอยู่สองหลังที่หน้าจั่วของศาลาติดพระปรมาภิไธยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและพระบรมราชินีนาถครับ รอบๆวัดจะมีบ้านของชาวบ้านในท้องถิ่นปลูกสร้างกระจายๆ กันอยู่ และที่มีค่อนข้างมากคือ สุสานหรือฮวงซุ้ย นั้นแหละครับ (เยอะจริงๆ)
พวกเราไปถึงวัดได้สักพัก หลวงพี่ที่ค่อยดูแลหลวงปู่จ้อย ท่านก็มาเรียกพวกเราให้ขึ้นไปพบหลวงปู่จ้อย เมื่อขึ้นไปบนกุฎิหลวงปู่ท่านหันมาเห็นพวกเรา ท่านก็กวักมือเรียกให้เข้าไปหา แหม...แต่กว่าจะเข้าไปได้สิครับองครักษ์พิทักษ์หลวงปู่ต่างร้องเพลงแข่งกันระงมไปหมด พวกเราบางคนที่ว่าแน่ๆยังต้องหดตัวซะลีบ(ฮ่า ฮ่า) โดยเฉพาะพี่ “โชกุน” องครักษ์ประจำตัวหลวงปู่วิ่งวนซะจนพวกเรางง ..... หลวงปู่ท่านกำลังอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ครับแต่ก็ยังมีเมตตาละจากสิ่งที่ท่านทำมาสนทนากับพวกเรา
รูปภาพ
หลวงปู่จ้อย พุทธสโร ปัจจุบันอายุ 82 ปี ท่านเป็นพระรูปร่างเล็ก ผิวคล้ำนิดๆ แต่สดใส ค่อนข้างสำรวม มีเมตตา (สังเกตจากท่านจะห่มผ้าเรียบร้อยก่อนให้พวกเราก้มกราบ) มีแววตาที่กล้าแข็ง ดูมีพลัง พูดค่อนข้างน้อย สำเนียงออกเหน่อๆ เรียกว่าถ้าญาติโยมไปเยี่ยมแล้วไม่ยอมชวนท่านคุย ผมรับรองว่าคงต้องนั่งมองหน้ากันอย่างเดียวละครับ จากการสนทนาในเรื่องประวัติของท่าน ทราบว่าท่านเป็นคนอำเภอบางคล้า จังหวัดฉะเชิงเทราหรือแปดริ้ว นั่นแหละครับ หลวงปู่บวชเรียนอยู่กับหลวงปู่เชิด วัดลาดบัวขาว อ.บางคล้า จ.ฉะเชิงเทรา
รูปภาพ
หลวงปู่เชิด วัดลาดบัวขาว อ.บางคล้า จ.ฉะเชิงเทรา
มีเรื่องเล่าสืบต่อกันมาว่าหลวงปู่เชิด ท่านเป็นพระมีวิชาแกร่งกล้า สามารถรักษาคนป่วยวิกลจริตได้ พลังจิตสูงสามารถหายตัวและแปลงกายเป็นเสือได้(จากคำบอกเล่าของชาวบ้านละแวกวัดลาดบัวขาว)สัญลักษณ์ประจำตัวท่านเป็นมีดครู(มีดอีโต้) ที่ท่านติดตัวไว้เสมอเพื่อเอาไว้ใช้ในเวลารักษาโรค หลวงปู่จ้อยได้ศึกษาเล่าเรียนมาจากหลวงปู่เชิดพอสมควรแล้วจึงได้ออกธุดงค์เพื่อฝึกจิตระหว่างที่ธุดงค์ท่านก็ได้พบครูบาอาจารย์ที่เก่งๆ อีกหลายท่าน นอกจากนี้ท่านยังได้ศึกษาเพิ่มเติมในตำราที่ได้รับตกทอดมาจากหลวงปู่เชิด แหละครับ หลวงปู่จ้อยท่านได้เดินธุดงค์จนมาถึงวัดหนองน้ำเขียวแห่งนี้ในราวปี 2490 ท่านจึงได้หยุดธุดงค์แล้วจำพรรษาในวัดแห่งนี้ตลอดมา
รูปภาพ
โต๊ะหมู่บูชาพระของหลวงปู่
วัตถุมงคลที่ทางวัดทำออกมา จะมีชาวบ้านแห่มาเช่าและหมดไปจากวัดอย่างรวดเร็ว เนื่องจากพระของท่านมีประสบการณ์ค่อนข้างสูงในพื้นที่ จุดสังเกตคือพระเครื่องหรือเครื่องรางที่ออกจากวัดหนองน้ำเขียวแห่งนี้จะมีสัญลักษณ์รูปเสือเข้ามาเกี่ยวข้องเสมอ เนื่องจากหลวงปู่จ้อย ท่านเกิดปีขาลและสืบทอดวิชาจากหลวงปู่เชิด ที่เก่งในวิชาอาคม สามารถแปลงเป็นเสือได้ ส่งผลให้พระของท่านเกือบทุกรุ่นจะมีเอกลักษณ์คือรูปเสือปรากฏอยู่ ซึ่งจะทำให้เราสามารถสังเกตได้ง่ายตรงจุดนี้นั่นเอง และในเรื่องที่เกี่ยวกับการปลุกเสกวัตถุมงคลโดยเฉพาะการเสกเครื่องรางประเภทเสือ หลวงปู่จ้อยได้อธิบายแนวคิดของท่านในเรื่องดังกล่าวกับพวกเราได้อย่างเฉียบคมครับ
รูปภาพ
สัญลักษณ์รูปเสือ ติดอยู่บริเวณหน้าประตูกุฎิของหลวงปู่
“เสือ เป็นเครื่องรางทางมหาอำนาจ สัตว์ตัวไหนเจอก็ต้องหลบทางให้ คนในสมัยโบราณจะเรียกโจรว่า ไอ้เสือ ไอ้เสือ แต่เสือของอาตมาเป็นเสือใจดี เป็นเสือเมตตา เพราะอะไรโยมรู้ไหม (ไม่รู้ครับ / ผมตอบในใจ) เพราะ

เมตตาเป็นมหาอำนาจสูงสุด” (ยิ้ม)
“เวลาที่อาตมาปลุกเสก อาตมาเพียงแค่แผ่เมตตาตามที่ได้เรียนมาลงสู่วัตถุมงคล แล้วก็สวด...เมตตายะ ภิกขะเว เจโตวิมุตติยา........” ซึ่งหลวงปู่ท่านได้ท่องให้เราฟังนิดหน่อยครับ (**เมื่อพวกเรามาเปิดดูหนังสือสวดมนต์ คือบท “เมตตานิสังสะสุตตะปาโฐ” ครับ)
นอกเหนือจากการรับนิมนต์ไปร่วมพิธีพุทธาภิเษกแล้วในยามว่างจากกิจนิมนต์ หลวงปู่จ้อยท่านจะอบรมสั่งสอนพระและลูกศิษย์ในวัดตลอด เพื่อที่จะเป็นตัวแทนท่านในการบรรยายธรรมมะแก่ชาวบ้านครับ โดยหลวงปู่จ้อย ท่านได้เล่าความเป็นมาของการกระทำกิจกรรมดังนี้ครับ
“ทุกวันนี้ญาติโยมที่เข้ามาหาอาตมา ก็เพื่อจะมาหาวัตถุมงคล บางคนก็เข้ามาขอให้สอนธรรมมะ อาตมาว่าเอาไปกันมากๆ ท้องจะแตกตาย(หัวเราะ) เอาไปแต่ของ เอาไปแต่ธรรมมะ แต่ไม่เคยมีใครเอาไปปฏิบัติกันเลย”
ครับ ผมว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่พวกเราละเลยและประมาทกันจริงๆ ไม่ต้องดูอื่นไกลเพราะตัวผมเองก็เป็นอย่างนั้นชอบวัตถุมงคล ชอบอ่านหรือฟังธรรมมะ แต่ก็ไม่ค่อยละเอียดในการรับรู้ ชอบบอกตัวเองว่าฟังยาก (แบบว่า งูๆ ปลาๆ นะครับ)
รูปภาพ
ลานแสดงธรรม บริเวณหน้ากุฎิของหลวงปู่
ดังนั้นรูปธรรมที่เห็นได้ชัดเจนสอดคล้องกับคำบอกเล่าของหลวงปู่จ้อย คือลานแสดงธรรมหน้ากุฏิหลวงปู่และศาลาปฏิบัติสมาธิกรรมฐาน ที่ปลูกสร้างกระจายอยู่รอบๆวัดแหละครับ สำหรับเรื่องที่หลวงปู่จ้อย ท่านเน้นเสมอคือ การขัดเกลากิเลส
“กิเลส เป็นสิ่งที่มีอยู่ในตัวเราทุกคนแล้วแต่ใครจะมีมากมีน้อย การจะขัดเกลากิเลส จะต้องใช้จิตและสติ กิเลสอย่างหยาบ จะใช้ศีลเป็นตัวขัดเกลา อย่างปานกลาง ก็จะใช้สมาธิขัดเกลา อย่างละเอียดก็จะใช้ปัญญา ขัดเกลา .. เอาอย่างนี้ซิ พวกโยมลองนั่งนิ่งๆ ดูตัวเองก่อน”
เจ้าเพื่อนตัวดีของผมดันสอดคานเข้ามาในขณะที่หมูกำลังจะหาม “เอาแค่นั่งภาวนา พุทโธ พุทโธ ก็คงพอแล้วมังครับ” ...หลวงปู่จ้อยท่านหันมามองสบตาเป้ง.....เล่นเอาพวกเราสะดุ้ง(แทบละลาย)
“นี่แหละหนาคนเรา ที่เขาเรียกว่านานาจิตตัง ฟังอยู่ตรงนี้คิดไปถึงตรงโน้น(ท่านทำหน้าตาขึงขัง) ที่อาตมาให้พวกโยมนั่งดูตัวเอง ยังไม่ต้องทำอะไร ไม่ต้องภาวนา ไม่ต้องดูไปไกล ก็เพราะ...ธรรมมะมันเกิดที่ตัวเรา.....ต้องดูที่ตัวเราเอง นี่ นี่ นั่งหลับตาอย่างนี้ (หลวงปู่ทำท่านั่งให้ดูครับ) อย่าลืมตา นั่งพิจารณาตัวเอง...ไม่ต้องไปพิจารณาคนอื่น..”
ระหว่างที่หลวงปู่จ้อยสนทนากับพวกเรา บังเอิญท่านเห็นเครื่อง MP.4 จึงได้ถามพวกเราว่ามันเรียกว่าอะไรแล้วทำอะไรได้บ้าง หลังจากได้เรียนให้ท่านได้ทราบถึงคุณสมบัติของเครื่องเล่น MP.4 ท่านได้พูดประโยคหนึ่ง น่าฟังมากครับ
รูปภาพ
“ปัญญาเกิดจากการคิด สิ่งประดิษฐ์เกิดจากความจำเป็น”

ผมว่าคำกล่าวนี้ “คม” น่าดูทีเดียว ....
หลังจากสนทนากับหลวงปู่จ้อยพอสมควรแก่เวลา พวกเราก็ขอกราบลาท่านกลับ พอลงมาจากกุฏิระหว่างนั่งถ่ายรูปมีเด็กวัดสองคนขี่จักรยานเข้ามาหาพวกเรา และร้องขอให้พวกเราช่วยถ่ายรูปให้ด้วยเพราะคิดว่าพวกเราจะเอาไปออกรายการโทรทัศน์(ฮ่า...ฮ่า...) ต้องทำความเข้าใจกันพอสมควร ไม่งั้นจะไม่ยอมให้พวกเราออกจากวัด ดังนั้นพวกเราจึงถ่ายรูปให้โดยสัญญาว่าคราวหน้าจะเอารูปมาให้
ผมสังเกตเห็นว่ารถจักรยานทั้งสองคันนี้มีเชือกผูกติดกันอยู่(ตามรูป)จึงได้ถามเด็กวัดทั้งสองคนนี้ว่าผูกไว้ทำไม
รูปภาพ
รูปภาพ
“หลวงปู่ผูกให้ครับ หลวงปู่บอกว่าเราไปไหนต้องไปด้วยกัน มีอะไรจะได้ช่วยเหลือกัน” .

....อ้าว.....แล้วไม่ล้มเหรอ?

“ไม่ล้มหรอกครับ หลวงปู่สอนว่าให้พวกเราขี่ประคองกันไป”

ผมมานั่งคิดดู เออ.......หรือนี่คือคำสอนที่หลวงปู่จ้อยท่านบอกพวกเราว่า
“มาเรียนรู้ธรรมมะแล้วต้องนำไปปฏิบัติด้วย”
อย่างเช่นกรณีของเด็กวัดทั้งสองคนนี้ ถึงไม่ใช่พี่น้องกันแต่อยู่วัดเดียวกัน หลวงปู่ท่านได้สอนพวกเขาถึงเรื่องของความสามัคคีและให้ปฏิบัติโดยการนำเชือกมาผูกติดเข้ากับรถจักรยานทั้งสองคัน จะได้ช่วยกันขี่ประคองกันไป ช่วยเหลือกันไป ไม่ทอดทิ้งกันจนกว่าจะถึงจุดหมาย (จุดหมายของเด็กวัดสองคนนี้ คือตลาดนัดข้างวัดครับ) ฮ่า..ฮ่า
ครับก็อย่างที่ท่านหลวงปู่จ้อย ท่านบอกไว้แหละครับทุกวันนี้คนเราวิ่งหาธรรมะ ร้องขอจากหลวงพ่อองค์นั้น หลวงปู่องค์นี้ ได้มามากๆเข้าก็จะเกิดอาการฟุ้งซ่าน(อย่างผมเป็นต้น) บางทีก็เกิดความสงสัย บางทีก็เกิดความลังเล ซึ่งไม่ก่อให้เกิดผลดีกับตัวเองเลย สู้เรียนรู้ทีละน้อยๆแล้วนำเอาไปปฏิบัติ จนเกิดผล ความสงสัยหรือลังเลจะได้หมดไปน่าจะดีกว่า อ้อ......เกือบลืมไปอีกอย่างสำคัญมากครับเคล็ดลับวิธีใช้พระหรือเครื่องรางของหลวงปู่จ้อยครับ......

“เมตตาเป็นมหาอำนาจสูงสุด” ครับ
รูปภาพ
ขอขอบคุณ คุณพรชนก สุขพงษ์ไทย เอื้อเฟื้อกล้องและภาพถ่ายสวยๆครับ เพื่อนต่อ(มนุษย์ล่องหน) กับคำแนะนำและชักนำให้ผมดั้นด้นไปวัด คุณสมบูรณ์ ร้านนายอ้อ สระบุรี สำหรับกำลังใจที่มีให้เสมอและผมหวังว่าจะได้รับไปตลอดนะครับ


ภาพถ่ายภายในวัดหนองน้ำเขียวครับ
รูปภาพ
รูปภาพ
รูปภาพ
รูปภาพ
รูปภาพ
รูปภาพ
รูปภาพ
รูปภาพ
รูปภาพ
รูปภาพ
รูปภาพ


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
โพสต์โพสต์แล้ว: อังคาร 16 ก.ย. 2008 11:27 pm 
ออฟไลน์
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 14 ก.ย. 2008 6:00 am
โพสต์: 6586
ของดีมาอีกแล้ว ต้องขอบคุณคุณศิษย์กวงผู้รจนา และขอบคุณคุณเด็กลึกลับผู้นำมาลงมากครับ

อะไร ๆ ก็ดีน่ะแหละ กลัวแต่คุณเด็กลึกลับนี่ล่ะครับ

ผมชักสงสัยว่า กำลังดูเวปพระหรือเวปวิญญาณกันแน่ เยอะแยะเหลือเกิ๊น... :o

_________________
ถ้าเราไม่อยากได้อะไรจากใคร ก็จะไม่มีอะไรให้หมางใจกัน


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
โพสต์โพสต์แล้ว: พุธ 17 ก.ย. 2008 12:12 am 
ออฟไลน์
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 14 ก.ย. 2008 5:09 pm
โพสต์: 1368
:lol: รวมผมด้วยเป่าครับ :lol:


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
โพสต์โพสต์แล้ว: พุธ 17 ก.ย. 2008 12:24 am 
ออฟไลน์
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 14 ก.ย. 2008 6:00 am
โพสต์: 6586
คุณน่าแหละ...


ตายก่อนจูออนอีก
:o

_________________
ถ้าเราไม่อยากได้อะไรจากใคร ก็จะไม่มีอะไรให้หมางใจกัน


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
โพสต์โพสต์แล้ว: พุธ 17 ก.ย. 2008 1:24 am 
ออฟไลน์
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ 08 ก.ย. 2008 10:41 am
โพสต์: 1599
กุ๊ก กุ๊ก กู๋ ผีมาหลอกแล้วววววววว

เอาพระมาซะดีๆๆๆๆๆ

(เวลาอ่าน ให้อ่านแบบยานคางนะฮะ จะได้อารมณ์มาก)

_________________
ชาตินี้ไม่จริง ชาติไหนก็ไม่จริง


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
โพสต์โพสต์แล้ว: พุธ 17 ก.ย. 2008 3:36 am 
ออฟไลน์
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 14 ก.ย. 2008 6:00 am
โพสต์: 6586
เป็นผียังมาหาพระอีก

เอาไปก็ร้อนนะครับ :D

_________________
ถ้าเราไม่อยากได้อะไรจากใคร ก็จะไม่มีอะไรให้หมางใจกัน


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
โพสต์โพสต์แล้ว: พุธ 17 ก.ย. 2008 3:41 am 
ออฟไลน์
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร 09 ก.ย. 2008 11:02 pm
โพสต์: 360
ลงรูปเยอะนี่ไม่มีผลต่อเวปหรือครับ เดี๋ยวที่จะไม่พอเอานาเฮีย

_________________
Yesterday is history
Tomorrow is a mystery
And Today is a gift...
Thats why they call it the Present


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
โพสต์โพสต์แล้ว: พุธ 17 ก.ย. 2008 3:53 am 
ออฟไลน์
Administrator
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ 08 ก.ย. 2008 11:37 am
โพสต์: 6391
บอร์ดนี้เค้าใจกว้างดั่งมหาสมุทร :lol:

_________________
089 969 9445 @ anytime
line ID navaraht


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
โพสต์โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. 05 ก.พ. 2009 6:12 am 
ออฟไลน์
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 14 ก.ย. 2008 6:00 am
โพสต์: 6586
อ่านกี่ครั้งก็รู้สึกดีทุกครั้งครับ

เมื่อวันเสาร์ที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2552 นี้ได้ไปกราบท่านมา แล้วเจอสิ่งที่ "แปลกประหลาด" จนงง เดี๋ยวตั้งสติได้จะมาเล่าสู่กันฟังครับ

จะได้ช่วยกันงง :P :P

_________________
ถ้าเราไม่อยากได้อะไรจากใคร ก็จะไม่มีอะไรให้หมางใจกัน


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
โพสต์โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. 05 ก.พ. 2009 7:37 am 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ 07 ม.ค. 2009 7:44 am
โพสต์: 101
เคยไป มา 2 ครั้ง ครับ ครั้งแรกงง ครั้งหลังไม่ งง แล้ว ครับ แต่มารอท่านพี่ต่อ ว่างงเรื่องอะไร


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
โพสต์โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. 05 ก.พ. 2009 11:32 pm 
ออฟไลน์
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร 09 ก.ย. 2008 11:02 pm
โพสต์: 360
นั่งรอ อ.ต่อ อย่างใจจดจ่อ

อยากรู้จังเลยยยยยยย :smk:

_________________
Yesterday is history
Tomorrow is a mystery
And Today is a gift...
Thats why they call it the Present


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
โพสต์โพสต์แล้ว: ศุกร์ 06 ก.พ. 2009 12:29 am 
ออฟไลน์
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 02 พ.ย. 2008 10:36 am
โพสต์: 114
24_1210610760.jpg


มารอด้วยความ งง อีกคนนะฮับบบบ :mrgreen: :mrgreen:

_________________
....สูซอบเพลงฝรั่ง ข้าซอบฟังเสียงซึง
เอ๊า...ตึง ตึง ต๊ะ ติด ตึง ข้าดีดซึงก้องป่า....@


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
โพสต์โพสต์แล้ว: ศุกร์ 06 ก.พ. 2009 2:49 am 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ 07 ม.ค. 2009 7:44 am
โพสต์: 101
มารออีกคืน


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
โพสต์โพสต์แล้ว: อาทิตย์ 15 ก.พ. 2009 1:54 am 
ออฟไลน์
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ 10 ธ.ค. 2008 11:36 pm
โพสต์: 1173
:vvhpy: สิ่งแปลกประหลาดนั้น คืออะไรครับ อาจารย์ :vvhpy:
อยากรู้อย่างแรง

_________________
หนอนในอาจมย่อมสกปรก เมื่อกลายเป็นจั๊กจั่นก็ดื่มน้ำค้าง เมื่อกลายเป็นหิ่งห้อยก็เรืองโรจน์ใต้เเสงจันทร์
พึงรู้ว่าสะอาดเกิดจากสกปรก สว่างเกิดจากมืดมน


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
โพสต์โพสต์แล้ว: อาทิตย์ 15 ก.พ. 2009 2:57 am 
ออฟไลน์
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 14 ก.ย. 2008 6:00 am
โพสต์: 6586
ดีครับที่ทวง เพราะเรียนตรง ๆ เลยว่าลืมไปแล้วนะนี่

คืออย่างนี้ครับ...

.jpg


เมื่อวันเสาร์ที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2552 น้องชายผมเขาเดินทางลงมาจากกรุงเทพด้วยวัตถุประสงค์ที่ว่าอยากไปถวายสังฆทานกับหลวงพ่อจ้อย พุทธสโร ที่วัดเป็นอย่างมาก เพราะมีความไม่สบายใจหลายเรื่อง เขาก็ลงมากันสองคนรวมผมด้วยก็เป็นสาม

เราแวะเลือกซื้อของสังฆทานด้วยตนเองในห้างโลตัส เพราะชนิดสำเร็จรูปแบบ "บุญกระป๋อง" นั้นไม่คู่ควร เมื่อเลือกซื้อของได้ครบก็เดินทางตรงไปวัดหนองน้ำเขียวทันที ถึงวัดเป็นเวลาประมาณ 16 นาฬิกา เมื่อผมก้าวขึ้นกุฏิท่านแล้วชะโงกหน้ามองผ่านประตูเหล็กอัลลอยด์ ก็เห็นว่าไฟระเบียงหน้าห้องพักท่านปิด และประตูเลื่อนตรงจุดรับแขกก็ปิดสนิท ลักษณะนี้เป็นอันรู้กันว่า

ถ้าไม่อยู่ก็ต้องจำวัด

ผมจึงเรียกน้องช่วยกันถือของเข้าไปนั่งพักก่อน แล้วผมก็เปิดประตูเลื่อนเข้าไปดูประตูห้องพักท่าน

ไม่ได้ใส่กุญแจสายยู

ลักษณะนี้ก็เป็นที่รู้กันอีกว่า หลวงพ่อจ้อยจำวัดอยู่ในห้อง นั่งสมาธิอยู่ในห้อง อ่านหนังสืออยู่ในห้อง ปลุกเสกของอยู่ในห้อง และอีกสารพัดกิจกรรมที่แน่นอนว่าต้องทำอยู่ในห้อง เพราะหากเมื่อใดที่ท่านออกไปไหน ท่านก็จะล็อกประตูแน่นหนาโดยเฉพาะกุญแจสายยูที่คล้องไว้เป็นเหมือนแผ่นพลาสติกเลื่อนหน้าห้องอธิการบดีที่คอยแจ้งผู้มาเยือนว่าจะ อยู่ หรือ ไม่อยู่

ครั้นแน่แก่ใจว่าท่านอยู่แต่อาจนอนพักเราก็ไม่อยากเรียกท่านในทันที จึงนั่งรอเอนรอแล้วฆ่าเวลาคุยกันด้วยเสียงที่ค่อนข้าง "ดัง" เพื่อเป็นสื่อผ่านประตูบานน้อยและผนังไม้บาง ๆ ให้ท่านรับรู้ว่ามีคนมาคอยพบ

เรานั่งคุยกันอยู่นานจนรู้สึกว่าที่แห้งผากนั้นไม่ใช่ลำคอแต่เป็นหัวข้อที่จะหยิบมาคุย ก็คือคุยกันจนหมดเรื่องที่จะคุย เลยยกประเด็นเฉพาะหน้ามาคุยเสียเลยว่าทำไมไม่ตื่นเสียที หรือนั่งเสกของอยู่ หรือ ฯลฯ ครั้นจะเคาะประตูเรียกผมก็กลัวบาปสาหัสถ้าท่านกำลังภาวนา แต่ถ้าไม่เคาะเรียกสักทีพวกผมนั่นแหละที่จะสาหัสเพราะเดินทางมาไกลแถมคอยอีกเป็นชั่วโมง ๆ แต่ไม่ได้พบ

ผมเลยตัดสินใจลุกไปเคาะห้องท่านอย่างแรง(ในความรู้สึกผม)แต่น้องบอกว่าค่อยมาก ๆ ผมเคาะแล้ววิ่งมานั่งทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้เผื่อท่านออกมาจะได้ไม่รู้ว่าผมเคาะ รอ....รอ....รอ....ก็ไม่ออกมา

เลยลุกไปเคาะอีก รอ...รอ...แล้วก็ลุกไปเคาะอีก แล้วก็...รอ...รอ...พอผมเคาะได้ตะติยัมปิคือสามครั้งก็บอกน้องว่า เออ ขนาดนี้ท่านยังไม่ออกมาแสดงว่าเอ็งดวงซวยจริง ๆ จะมาทำบุญยังไม่ได้ทำ เอางี้ทิ้งของไว้ตรงนี้แหละ เขียนจดหมายกราบเรียนท่านไว้ว่าต่อพาน้องมาทำบุญ เดี๋ยวท่านก็ทราบเอง

น้องชายผมทำหน้าเซ็งเป็ดทั้งที่จริง ๆ มันเซ็งผม แต่ก็ต้องยอมตามเพราะผมเป็นผู้นำ(เผด็จการ) เมื่อนำปัจจัยลงซองแล้วเราก็ทำท่าจะกราบลงที่หน้าประตูห้องท่านเพื่อลา ฉับพลันทันทีทุกคนก็ได้ยินเสียงท่านไอค่อนข้างดัง ผมนึกตกใจว่าท่านไม่สบายขนาดนี้จะต้อนรับเราได้หรือ เพราะผมเองก็ทราบข่าวมาก่อนแล้วว่าท่านเพิ่งออกจากโรงพยาบาล

เมื่อท่านไอโขลกอยู่สองสามที ก็หยุดไปหน่อยหนึ่งแล้วกระแอมฮึ่ม ๆ ฮั่ม ๆ นี่ก็เป็นอีกหนึ่งสัญญาณที่คนคุ้นเคยรู้ดีว่าท่านไม่ได้หลับ แต่คงทำธุระส่วนองค์อยู่ การรอคอยของผมซึ่งมืดมิดเหมือนหลอดไฟหน้ากุฏิก็เจิดจ้ามีหวังขึ้นทันที

เราสามคนรีบลงนั่งพับเพียบปั้นจิ้มปั้นเจ๋อทำหน้าไร้เดียงสาให้มากที่สุด เพื่อเวลาขอพระเครื่องจากท่าน ท่านจะได้มองว่าเรายังเด็ก ยังเล็กนัก น่าให้ของไปคุ้มตัว สามคนมองหน้ากันอย่างดีใจ

แล้วก็ รอ.....รอ......รอ........

อ้าว สงสัยตื่นมาไอ ไอแล้วคงนอนต่อ รูปการณ์แบบนี้ไม่ไหวแล้ว เคาะอีกคราวนี้นรกกินหัวแน่ กลับดีกว่า ผมสรุปแบบรวบรัด(อย่างเผด็จการ)อีกครั้ง แล้วก็วางซองปัจจัยลุกขึ้นเดินกลับ

ฉับพลันทันทีก็มีรถกระบะแวนรุ่นเก่าพอ ๆ กับโรงครัววัดคันหนึ่งคลานต้วมเตี้ยมเข้ามาจอดที่หน้ากุฏิ ใกล้บันไดเสียจนผมคิดว่าทำไมไม่ขับขึ้นมาบนนี้เสียเลยล่ะ สงสัยคนมาด้วยคงแก่มากจนเดินไม่ไหว แล้วคนแก่คนนั้นก็เปิดประตูหน้าก้าวลงมา.....


หลวงพ่อจ้อย พุทธสโร


ครับ มองยังไงก็หลวงพ่อจ้อย พุทธสโร ที่ผมออกนามฉายาท่านด้วย เพราะกลัวตัวเองและคนอื่นจะคิดว่าเป็นหลวงพ่อจ้อย วัดศรีอุทุมพร !!

ผมนั้นแทบไม่เชื่อสายตา น้องชายผมเมื่อมองเห็นถนัดว่าเป็นท่าน ก็ร้องออกมาเสียงดังอย่างลืมตัวว่า "เฮ้ย.." หันควั่บมามองหน้าผมทำตาโตเท่าที่ลูกคนจีนตาตี่จะทำได้ แล้วร้องอีกครั้งเหมือนงิ้วออกโรง "เฮ้ย...!! อะไรวะ"

ดี มันไม่บอก "ว๊าก..เพ่ย..."

ผมอยากร้องเหมือนกัน แต่มันร้องไม่ออก จึงรีบกุลีกุจอถลาลงบันไดไปต้อนรับท่าน รีบรับย่ามจากมือท่านคล้ายคนมีน้ำใจ ซึ่งแท้แล้วเป็นอุบายของผมที่พยายามแต๊ะอั๋งท่านด้วยการเบียดเข้าไปกระทบตัวท่าน กระทบแขนท่าน จับมือท่าน จับแขนท่าน ลูบ ๆ คลำ ๆ จนท่านมองหน้าแล้วบ่นว่า "อ้าว ! มาอีกแล้ว" เพราะเมื่อวานก็เพิ่งรับส่งกัน

ผมจับเนื้อจับตัวท่านจนแน่ใจว่านี่คือหลวงพ่อจ้อย "องค์เป็น ๆ"

คุณน้าคนที่มาส่งบอกว่า "ผมเป็นคนมารับหลวงพ่อเอง ตามคำสั่งของหลวงพ่อเกลี้ยง วัดเนินสุทธาวาส คือหลวงพ่อเกลี้ยงท่านจะเททองพระ ให้นิมนต์หลวงพ่อจ้อยไปให้ได้"

ผมถามว่า "แล้วเททองกี่โมงครับ"

แกว่า "ประมาณสี่โมง เนี่ย พอเทเสร็จก็มาส่งหลวงพ่อจ้อยทันทีเลยเนี่ย"

ผมมองนาฬิกา ขณะนั้นเป็นเวลาห้าโมงเย็นเศษ ๆ สรุปคือหลวงพ่อไม่อยู่วัดหลายชั่วโมงแล้ว ตั้งแต่ก่อนหน้าที่เราจะมาถึง ผมรีบวิ่งตามท่านขึ้นกุฏิแล้วจ้องดูท่านไขลูกบิดประตู ผมยิงคำถามว่าใครอยู่ในห้องหลวงพ่อหรือเปล่า ? ท่านบอกว่า "ไม่มี" ผมถามย้ำท่านก็ตอบเหมือนเดิม
.jpg


เมื่อแน่ชัดว่า "ไม่ใช่คน" ผมก็ถามใหม่ว่า หลวงพ่อเลี้ยงกุมารทองหรือเปล่า ? คราวนี้ท่านหัวเราะก๊ากแล้วปฏิเสธทั้งขำ ผมถามย้ำว่าไม่มีจริง ๆ เหรอ แล้วใครมาไอให้ได้ยินล่ะนั่น เล่าถวายท่านฟังท่านก็ทำเฉย ๆ ผมเลยชวนน้องถวายสังฆทานแล้วคุยกันอีกพักใหญ่จึงกราบลา

ลา...ทั้งที่ปริศนายังคาใจ !?

ถึงวันนี้ผมก็ยังไม่ทราบ น้องก็ยังไม่ทราบ ว่าเสียงไอปริศนานั่นเป็นของใคร ? แต่ด้วยความคุ้นเคยที่ผมมีต่อท่านมานานนับสิบปี ผมมั่นใจและทุกคนก็มั่นใจว่า "ไอ" นั้น... "กระแอม" นั้น... เป็นเสียงและลีลาของท่านแน่นอนร้อยเปอร์เซ็นต์


สำหรับคนที่กำลังทุกข์ใจสาหัสอย่างน้องผม ถ้าได้กราบท่าน.... ได้ทำบุญกับท่าน.... ได้ฟังธรรมจากท่าน.... เขาย่อมสบายใจหายทุกข์ขึ้นอักโข

"ใคร" คนนั้น คงเห็นใจและรู้ซึ้งถึงทุกข์นี้ดี เมื่อพวกเราคิดลาจากแม้ว่าจะยังไม่ได้พบหลวงพ่อจ้อยดังที่หวัง "ใคร" คนนั้นจึงกรุณาเลียนเสียงกระแอมไอของหลวงพ่อได้อย่างเหมือนไม่มีต่าง จนพวกเราถูกลวงสนิทว่าท่านอยู่ในห้องแล้วนั่งคอยต่อไปอีกเพียงสิบกว่านาที "ตัวจริง" ก็มา...

ถ้าเขาไม่ดึงเราไว้... วันนั้นเราก็จะคลาดกับหลวงพ่อในเวลาไม่ถึง 15 นาที

ถ้าเขาไม่ดึงเราไว้... วันนั้นเราก็จะไม่ได้ถวายสังฆทานอันเป็นทานที่เลิศจนพระพุทธองค์ทรงยกย่อง

ถ้าเขาไม่ดึงเราไว้... วันนั้นเราคงไม่ได้ฟังธรรม และได้ยิน "อนุสาสนีปาฏิหาริย์" จากปากท่านที่สอนน้องผมจนหายทุกข์ไปกว่าครึ่ง

ถ้าเขาไม่ดึงเราไว้... วันนั้นเราคงไม่ได้ทำบุญหลายประการ


หากบุญใดที่พึงมีพึงได้จากการบำเพ็ญของพวกผมในวันนั้น...

ขอ "ท่านผู้นั้น" จงมีส่วนแห่งบุญทั้งหมดของพวกผมด้วย เทอญ ฯ

_________________
ถ้าเราไม่อยากได้อะไรจากใคร ก็จะไม่มีอะไรให้หมางใจกัน


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
โพสต์โพสต์แล้ว: อาทิตย์ 15 ก.พ. 2009 9:22 am 
ออฟไลน์
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 14 ก.ย. 2008 5:09 pm
โพสต์: 1368
ดีนะเนี่ย ที่ท่านผู้นั้นแค่กระแอมไอตอบอาจารย์รณธรรม ไม่อย่างนั้นเกิดท่านผู้นั้นตอบสวนออกมาว่า "เคาะอะไร ตั้ง 3 ที รู้แล้วๆ เดี๋ยวออกไป" บรื๋อออออ ตัวใครตัวมันแล้วกัน :lol: :lol: :lol:
-----------------------------------------------
ผมเองเชื่ออย่างสนิทใจว่า หลวงพ่อจ้อย พุทธสโร ท่านเป็นพระอริยสงฆ์ที่แท้จริง เพราะสิ่งที่ผมได้พบและเป็นประสบการณ์ตรงมีอยู่หลายครั้ง จะเล่าเป็นเรื่องราวล่ะก็ยาวแน่ๆ เอาเป็นสรุปๆ ตามประสาผมนะครับ สรุปได้ว่า
1. ผมเชื่อว่า ท่านรู้วาระจิตของบุคคลที่ไปสนทนากับท่าน
2. ผมเชื่อว่า ท่านรู้เหตุการณ์ล่วงหน้า
3. ผมเชื่อว่า ท่าน....เอ...ไม่รู้จะใช้คำอะไรดี เอาเป็นว่า ต้องเล่าอันนี้ คือว่า ตอนนั้นผมกำลังอยากสวดมนต์ให้ได้เพราะขี้เกียจหยิบหนังสือมาสวดมนต์มาพนมมือตอนสวด แล้ววันนั้นผมได้สนทนากับท่าน ไปๆ มาๆ ก็มาวกเรื่องธรรมะแล้วเข้าสู่บทสวดมนต์ แล้วท่านก็สวดให้ฟังทีละประโยคพร้อมกับอธิบาย พอคืนนั้นผมกลับมาที่บ้านพอจะสวดมนต์ปั๊บ สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ หลับตาปั๊บก็เห็นเป็นภาพหลวงพ่อพร้อมกับเสียงเหมือนเปิดวีดีโอเทป แล้วผมก็สวดตาม และก็สวดได้เลยตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ผมเชื่อว่า อันนี้เป็นปาฏิหารย์อย่างหนึ่งที่ผมได้รับจากท่าน
4. ผมเชื่อว่า ท่านสามารถบอกได้ว่า สิ่งนั้นคืออะไรเพียงแค่ได้สัมผัส เพราะผมเคยเอาแหวนที่เพื่อนผมมอบมาให้ท่านจาร พอท่านรับปั๊บ ท่านกล่าวออกมาจนผมต้องตกใจว่า ท่านรู้ได้อย่างไรว่า แหวนวงนี้ที่มาที่ไปเป็นอย่างไร ทั้งที่แทบไม่เห็นเลยแค่รับจากมือผมแล้วกำหลวมๆ กลิ้งไปกลิ้งมาในมือท่านอย่างสบายอารมณ์ และท่านก็กล่าวออกมาทันที ผมเชื่อว่า นี่คือ คุณวิเศษของท่าน
5. ผมเชื่อว่า ท่านมีเทวดาหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองอยู่ เพราะเคยได้ทราบว่า มีผู้รับเหมาก่อสราง และเจ้าของโรงหล่อพระไปทำเล่ห์กลเพื่อหลอกเอาเงินวัดและทำให้ท่านและวัดต้องเดือดร้อน คนเหล่านั้นก็ประสบกรรมอย่างคิดไม่ถึงในเวลาอันรวดเร็วและเหลือเชื่อในเรื่องที่ได้รับ และเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมาเพื่อนผมคนหนึ่งนิมนต์ท่านไปที่โรงหล่อพระแห่งหนึ่งที่จังหวัดฉะเชิงเทรา เจ้าของโรงหล่อพระก็ได้เล่าให้ฟังถึงความศักดิ์สิทธ์ของท่านพร้อมกับเรื่องเล่าที่รับรู้กันในหมู่เจ้าของโรงหล่อพระ เขาบอกว่า อย่าไปโกงเล็กโกงน้อย หรือว่า ทำให้ท่านต้องลำบากนะ ไม่งั้นล่ะก็แย่เอาเลย พูดง่ายๆ ว่า พอหลวงพ่อจ้อยไปถึงโรงหล่อพระนี่แทบทั้งโรงงานจะหยุดนิ่งวางมือจากงานที่ทำอยู่ออกมากราบท่านเลย
-----------------------------------------------
โม้ไปเยอะเลยเรา แหะ แหะ แหะ แต่ว่า ไม่รู้นะครับ ผมเชื่อของผมว่า ท่านเป็นพระอริยสงฆ์ที่ศักดิ์สิทธิ์ประจำใจผม


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
โพสต์โพสต์แล้ว: อาทิตย์ 15 ก.พ. 2009 1:05 pm 
ออฟไลน์
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร 14 ต.ค. 2008 9:22 pm
โพสต์: 832
สาธุ สาธุ สาธุ

_________________
"สติเป็นบ่อเกิดของธรรม ใครอยากให้ธรรมเกิด พึงมีสติอยู่ทุกเมื่อ"


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
โพสต์โพสต์แล้ว: จันทร์ 16 ก.พ. 2009 1:27 am 
ออฟไลน์
Administrator
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ 08 ก.ย. 2008 11:37 am
โพสต์: 6391
เชื่อสนิทใจเช่นกันครับ

_________________
089 969 9445 @ anytime
line ID navaraht


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
โพสต์โพสต์แล้ว: จันทร์ 16 ก.พ. 2009 2:59 pm 
ออฟไลน์
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ 10 ธ.ค. 2008 11:36 pm
โพสต์: 1173
ขอบอกว่าอ.ต่อเล่าได้น่ารักและน่าฟังอย่างแรง
479963[1].jpg


มันเขี้ยว อ่ะ :mrgreen:

_________________
หนอนในอาจมย่อมสกปรก เมื่อกลายเป็นจั๊กจั่นก็ดื่มน้ำค้าง เมื่อกลายเป็นหิ่งห้อยก็เรืองโรจน์ใต้เเสงจันทร์
พึงรู้ว่าสะอาดเกิดจากสกปรก สว่างเกิดจากมืดมน


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
โพสต์โพสต์แล้ว: จันทร์ 16 ก.พ. 2009 5:45 pm 
ออฟไลน์
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 14 ก.ย. 2008 9:48 am
โพสต์: 937
อืม...ตื่นเต้นมากๆ :D

_________________
อันความสุขทางใจนั้นหายาก คนส่วนมากไม่ชอบแสวงหา
หวังแต่สุขเพื่อสนุกเพียงหูตา มันจึงพาชักจูงให้ยุ่งใจ


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 24 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
cron
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO