เหรียญดีเมืองพริบพรี
หลวงพ่ออบ อินทวิริโย
วัดถ้ำแก้ว ต.คลองกระแชง อ.เมือง จ.เพชรบุรี
เพชรบุรี ได้ชื่อว่าเมืองหน้าด่านที่สำคัญก่อนเลี้ยวรถดิ่งลงสู่ภาคใต้ยาวโลด เมืองที่หวานหอมไปด้วยน้ำตาลโตนดแท้แห่งนี้มีเรื่องเล่าขานเนิ่นนานนับร้อย ๆ ปี ทั้งเกี่ยวเนื่องด้วยชาติ ศาสนา หรือพระมหากษัตริย์
ก็ขนาดที่ว่าสมเด็จพระนเรศวรผู้เป็นเจ้ากับพระเอกาทศรถองค์อนุชา ยังเคยมาทรงเรือใบเพื่อสำราญพระราชหฤทัยหลังศึกสงครามอยู่นับเดือน ณ เมืองเพชร
ที่นั่นคือหาดเจ้าสำราญ
ไม่อยากเล่าอีกหลายเรื่องเพราะเกรงจะเลยเป้าประสงค์ที่ลงหัวกระดาษว่า เหรียญหลวงพ่ออบ เอาเป็นว่าถ้าอยากรู้จักเมืองเพชรให้ดีกว่านี้รีบหาหนังสือมาอ่าน แต่จะกี่สิบเล่มคงไม่เท่าเดินทางไปดูด้วยตา สัมผัสด้วยกาย และซึมซับความเป็นเพชรบุรีด้วยใจ จะดีกว่า
ณ ที่แห่งนี้ใช่อุดมแต่เพียงธรรมชาติหรือวัฒนธรรมที่งามงด หากยังเปี่ยมด้วยมนต์ขลังของ
วัตถุศักดิ์สิทธิ์อันคนเช่นเราใฝ่หา
หลวงพ่อวัดเขาตะเครา
ปูชนียวัตถุที่ชาวเมืองเพชรให้ความเคารพนับถือเป็นยิ่ง และยังแผ่อานุภาพไปทั่วจนแม้คนไกลเช่นผมก็ถวายความเคารพบูชาไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าคนเพชร สะใจเป็นที่สุดเมื่อกรรมการวัดร้องบอกถึงการบันทึกภาพหลวงพ่อว่าถ้าไม่ขอ…
ยังไงก็ไม่ติด
ไม่ใช่ไม่เชื่อ แต่คิดเสมอว่าเรามาเป็นสิบครั้ง ทุกครั้งเปี่ยมด้วยความเลื่อมใสจนรู้สึกได้ ไม่ขอก็ไม่เห็นแปลก คิดแล้วก็ยกกล้องลั่นชัตเตอร์ ถ่ายไปได้เพียง 2 รูป จู่ ๆ กล้องใหม่ก็เกิดอาการสะดุด ตามด้วยเครื่องกรอฟิล์มกลับเองทั้งที่ถ่ายได้ 2 รูป ฟิล์มใหม่เสียด้วยสิ
จากนั้นมากล้องตัวนั้นก็มีอาการป้ำ ๆ เป๋อ ๆ เหมือนเจ้าของจนต้องเลิกใช้มัน เพราะซ่อมไปกี่ทีก็เหลวทุกที งานนี้ไม่โทษหลวงพ่อและไม่โทษตัวเอง แต่โทษบริษัทกล้องญี่ปุ่นที่ทำของมาให้เสียไว ให้ซ่อมบ่อย ให้เปลี่ยนอะไหล่ยันเต
นั่นคือพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ และถ้าพระสงฆ์ศักดิ์สิทธิ์ต้องนี่
หลวงพ่อแดง วัดเขาบันไดอิฐ
พูดอย่างนี้คนไม่เข้าใจจะว่าองค์อื่นไม่ศักดิ์สิทธิ์หรือไร เปล่า ถ้าปฏิบัติดีเก่งจริงก็เป็นพระที่ศักดิ์สิทธิ์มีฤทธิ์อภิญญาเหมือนกัน แต่ยอมรับกันไหมว่าถ้าพูดถึงพระดีเมืองเพชรบุรีครั้งไหน ครั้งนั้นเป็นต้องมีชื่อหลวงพ่อแดงขึ้นหน้าก่อนทุกครั้งไป
ก็ขลังซะขนาดนั้น
เพื่อนผมคนหนึ่งนั่งกินข้าวอยู่ในผับญี่ปุ่นแถวเกาะลอยศรีราชา กำลังเพลิน ๆ พลันเหลือบไปหน้าร้านเห็นคู่อริสองสามคนเดินเข้ามา ลำพังคนเดียวก็สู้ไม่ไหวแล้ว นั่นเจ้าประคุณถือปืนอาก้าร์เข้ามาด้วย คนดวงซวยโกยแน่บขึ้นชั้นสองของร้านทันที ผู้ร้ายก็ไล่ตามไปทันทีเช่นกัน
เกมไล่จับเกิดขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ ลูกค้าในร้านแตกตื่นอย่างนึกว่าถ่ายหนังกระมัง เรื่องแปลกเกิดขึ้นตรงนี้ เมื่อประจันหน้ากันผู้ร้ายกลับเห็นนายตั๊กเป็นลูกค้าคนอื่น พอคล้อยหลังจำได้ก็วิ่งไล่ต่อ ผู้ร้ายอยู่ชั้นสอง ตั๊กอยู่ชั้นล่าง ผู้ร้ายอยู่ชั้นล่าง ตั๊กอยู่ชั้นสอง
เอาเถิดเจ้าล่อจนนายตั๊กหนีออกมาจากร้านได้และโกยหายเข้ากลีบเมฆไป รอดตายมาเล่าเรื่องระทึกขวัญนี้ได้อย่างไม่เบื่อ ทายซิว่าวันนั้นตั๊กแขวนอะไร? ใบ้ให้นิด…เล่าถึงใครอยู่ล่ะ
เหรียญหลวงพ่อแดง
เป็นรุ่นแจกแม่ครัวเนื้ออัลปาก้าเสียด้วย ผมฟังแล้วยังรีบหามาแขวนทันที จนวันนี้ก็ยังไม่เห็นมีใครมาไล่ขึ้นไล่ลงอย่างนายตั๊กเลย ไม่รู้จะดีใจหรือเสียใจดี
สำหรับคนฟังที่อยากได้หลวงพ่อแดงขึ้นมาบ้างในใจ จะเชื่อไหมถ้าหลวงพ่อแดงปรารภประโยคหนึ่งกับคุณจาตุรนต์ สิงหะ ซึ่งเป็นเหลนของท่านว่า
“หลวงพ่ออบวัดถ้ำแก้วเขาขลังไม่ใช่เล่นนะ ต่อไปเขาจะแทนฉัน”
อาศัยที่หลวงพ่ออบไปกราบเยี่ยมหลวงพ่อแดงบ่อยมาก นับแต่สมัยที่หลวงพ่อแดงยังไม่ระบือชื่อเช่นทุกวันนี้ เชื่อว่าท่านคงเคยพูดคุยแลกเปลี่ยนวิชาขลังกันบ้างล่ะ และหลวงพ่อแดงต้องได้ทดสอบขลังจากหลวงพ่ออบจนเห็นจริง มิฉะนั้นคำกล่าวที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้คงไม่ออกจากปากพระระดับนั้นได้
ถึงขั้นให้ขึ้นแทนแล้วกัน
เพราะข่าวขลังดังนี้ ส่งผลให้คนศรัทธาหลวงพ่อแดงเริ่มเข้าหาหลวงพ่ออบ วัดถ้ำแก้ว โดยสมัครใจ ครั้นไปบ่อยก็ได้เห็นอภินิหารในท่านมากครั้ง เรื่องของหลวงพ่อจึงถูกเผยแพร่จากปากต่อปากจนที่สุดก็ออกสื่อ ดังแล้ววัตถุมงคลก็ตามมา เหรียญรุ่นแรกของหลวงพ่ออบจึงถือกำเนิดขึ้นโดยศิษย์ แม้มิใช่วัดถ้ำแก้วสร้างเอง แต่เจตนาและมวลสารที่ดียิ่งทำให้เหรียญนี้เป็นที่น่าศรัทธานัก
เฉพาะเมื่อคนเสกคือท่าน
เหรียญรุ่นแรกถูกสร้างขึ้นในวันเสาร์ 5 เดือน 5 ขึ้น 5 ค่ำ โดยสรรหาเนื้อพระพุทธรูปเก่าโบราณทุกยุคสมัย ซึ่งเป็นพระแท้ที่ชำรุดทั้งสิ้น มีทั้งเชียงแสน สุโขทัย ทวาราวดี อู่ทอง และ รัตนโกสินทร์
ยังมีพระกรุต่าง ๆ อีกมากโดยเฉพาะพระเนื้อชินที่หัก บิ่น กะเทาะอีกหลายร้อยองค์ ตะกรุดเก่าหลายพระอาจารย์ทั้งที่ทราบสำนักและไม่ทราบ ทั้งเนื้อทองคำ เนื้อเงิน เนื้อนาค เนื้อทองเหลือง เนื้อทองแดง และเนื้อตะกั่ว จำนวนนับพัน ๆ ดอก ที่สำคัญมีตะกรุดชินตะกั่วของวัดพระแก้วรวมอยู่ด้วย
ยังปรากฏชนวนพระกริ่งในสายวัดสุทัศน์ฯ หลายรุ่น ชนวนพระกริ่งจากสำนักต่าง ๆ ซึ่งทางวัดมิได้บันทึกไว้หลายสิบพิธี ห่วงจากเหรียญพระคณาจารย์เจ้าทั้งเก่าใหม่หลายพันห่วง และได้หาเหล็กอาถรรพณ์มาหลอมด้วยดังนี้ เหล็กขอช้างโบราณ เหล็กยอดเจดีย์ เหล็กยอดนภศูล เหล็กราวเทียนเก่า ลูกสะกดเก่าหลายเนื้อ เช่น ปรอท ทองแดง ตะกั่ว ฯลฯ
นอกจากนั้นยังพยายามเสาะหาโลหะทั้ง 9 ประการมาหลอมร่วมเพื่อความสมบูรณ์แห่งเนื้อหาอันประกอบด้วย ชิน เจ้าน้ำเงิน เหล็กละลายตัว บริสุทธิ์ ปรอท สังกะสี ทองแดง เงิน และทองคำ
ที่สำคัญยิ่งคือ หลวงพ่ออบได้วิริยะอุตสาหะจารอักขระเลขยันต์ตามตำราโบราณประจำวัดถ้ำแก้ว ซึ่งหลวงพ่ออยู่ และหลวงพ่อหยอย สองพระบุรพาจารย์เมตตาถ่ายทอดให้ลงในแผ่นทองอีกนับร้อย ๆ แผ่น ซึ่งถือได้ว่านี่คือเนื้อหาหลักของเหรียญนี้อย่างแท้จริง
เมื่อได้มวลสารศักดิ์สิทธิ์วิเศษสุดครบครัน ก็นำชนวนทั้งหมดไปยังโรงหล่อ ดำเนินการหลอมเป็นแท่งแล้วรีดเป็นแผ่น ป้อนเข้าสู่เครื่องปั๊มตามกำหนดเวลาอันเป็นอุดมมงคลยิ่งคือ วันเสาร์ 5 ตรงกับวันเสาร์ที่ 7 เมษายน พ.ศ.2516 ซึ่งโบราณาจารย์ถือเป็นวันเสาร์ 5 ตัวผู้ที่แข็งนัก
การปั๊มเหรียญมีความพิถีพิถันมาก เพราะเมื่อหลอมโลหะธาตุอันวิเศษเข้าด้วยกันแล้วได้น้ำทองมีน้ำหนักทั้งสิ้น 50 กิโลกรัม คณะกรรมการสั่งให้ตักเนื้อชนวนล้วน ๆ นี้ออกมาราว 8 กิโลกรัม นำไปรีดแล้วปั๊มเป็นเหรียญที่เรียกกันว่า เนื้อสัมฤทธิ์ ได้จำนวน 200 เหรียญ
เนื้อชนวนหลอมเหลวที่เหลือได้นำทองแดงบริสุทธิ์ผสมลงไปอีกประมาณ 20 กิโลกรัม
แล้วปั๊มเป็นเหรียญที่กรรมการเรียกกันว่า เนื้อนวโลหะ ได้จำนวนทั้งสิ้น 7,587 เหรียญ
ดังนั้น เหรียญรุ่นแรกของหลวงพ่ออบจึงมีจำนวนสุทธิ 7,787 เหรียญ แต่ก่อนที่จะดำเนินการปั๊มเหรียญโลหะผสมนี้ คณะกรรมการได้ทำการปั๊มเหรียญทองคำ 3 เหรียญ และ เหรียญเงิน 9 เหรียญ เพื่อมอบเป็นที่ระลึกแก่คณะกรรมการที่ได้ร่วมกันเหน็ดเหนื่อยเพื่อการกุศลวาระนี้
น่าชื่นชมที่คณะกรรมการเอาจริงเอาจังมากเพราะการพิมพ์เหรียญที่โรงงานนั้น กรรมการนั่งเฝ้ากันชนิดไม่ให้คลาดสายตาจึงประกันได้ว่าไม่มีการตกหล่นเป็นเหรียญนอกพิธี ที่สำคัญเหรียญรุ่นนี้จำนวนไม่มาก บล็อคจึงมีเพียงหนึ่งเดียวและได้ทำลายลงต่อหน้าหลวงพ่ออย่างชัดเจน เรื่องการเสริมจึงหมดห่วงไปได้เลย
ดังกล่าวแล้วว่าเหรียญรุ่นแรกนี้ถือกำเนิดในฤกษ์เสาร์ 5 คือปั๊มกันในวันเสาร์ 5 ตอนกลางวันนั้นเลย เมื่อปั๊มเสร็จก็รีบขนเหรียญเดินทางขึ้นวัดถ้ำแก้วในวันเดียวกันและได้มอบถวายแก่หลวงพ่ออบ ซึ่งท่านก็นำเหรียญเข้าในพระอุโบสถ มหาอุด อายุหลายร้อยปีของวัด ซึ่งท่านได้ตระเตรียมสถานที่ไว้ก่อนแล้ว จากนั้นทำการปลุกเสกแบบบินเดี่ยวตลอดคืนวันเสาร์ 5 นั้นเลยทีเดียว
คำว่าโบสถ์มหาอุดหลายท่านอาจสงสัย คำนี้หมายถึงโบสถ์แห่งใดที่มีเพียงประตูคู่ซึ่งอยู่หน้าพระประธาน แต่ด้านหลังพระประธานเป็นผนังตันไม่มีช่องประตูใด ๆ ลักษณะนี้แลที่เรียกพระอุโบสถหลังนั้นว่า โบสถ์มหาอุด
แหละโบราณาจารย์ผู้ชาญพระเวทย์เชื่อกันว่าหากทำการปลุกเสกวัตถุมงคลใด ๆ ในโบสถ์ที่มีลักษณะดังกล่าว ย่อมส่งผลให้เครื่องมงคลนั้น ๆ สูงส่งพลานุภาพทาง อยู่ยงคงกระพันและเป็นมหาอุดหยุดปืนไฟ หน้าไม้ แลศาสตราวุธทั้งปวงได้ชะงัดนัก
จึงไม่ควรแปลกใจเลยที่เหรียญรุ่นแรกของหลวงพ่ออบจะมีประสบการณ์ขลังทางคงกระพันชาตรี ยิงไม่ออก ยิงไม่ถูก ยิงไม่เข้า อยู่เป็นประจำ
เป็น โลโก้ ของเหรียญไปแล้ว
ใช่เพียงหลวงพ่อจะเสกเหรียญในคืนแข็งเสาร์ 5 เท่านั้น หากท่านยังเข้าที่เสกต่อไปกระทั่งลุพรรษาปี พ.ศ.2516 ล่วงเลยจนออกพรรษา
อีก 1 ไตรมาส
มั่นใจเป็นที่สุดแล้วจึงนำออกให้สาธุชนบูชาเพื่อบูรณะปฏิสังขรณ์วัดถ้ำแก้วซึ่งทรุดโทรมลงตามกาล ด้วยอัตราเหรียญสัมฤทธิ์ 300 บาท และเหรียญ นวโลหะ 25 บาท ออกให้บูชาไม่ถึง 3 เดือนหมดพรึ่บไปจากวัด หนำซ้ำจากสัมฤทธิ์ 300 บาท พุ่งพรวดเป็น 1,500 บาท และนวโลหะ 25 บาท เป็น 300 บาท
นั่นคือความตื่นตัวของคนปี 16
ยังสงสัยอะไรไหม? หลวงพ่อเป็นพระแท้ พระดี และพระเก่ง อย่าสงสัยในมรณกาลของท่านที่อาจแปลกไปจากพระหลายรูป แต่ไม่แปลกไปจากคนหลายคน ความตายเป็นเรื่องธรรมชาติ วิธีการตายก็เป็นเรื่องธรรมชาติ… ธรรมชาติของกรรมที่เป็นตัวกำหนดทุกสิ่ง
ความตายมิใช่ตัวกำหนดคุณธรรม
หลวงพ่อเป็นพระที่อยู่เพื่อคนอื่นตลอดมา ท่านเป็นหมอยาสำหรับคนไข้ เป็นหมอธรรม2สำหรับคนถูกผีเข้าเจ้าสิงคุณไสยนานา เป็นพ่อแม่ที่นั่งรับฟังความทุกข์ใจของคนทุกผู้ที่ศรัทธาท่าน เป็นคนอาบน้ำมนต์รดกาย วาจา ใจ ที่ร้อนรุ่มให้เย็นลง
มีแต่ ให้ กับ ช่วย
ผลที่สุดเมื่อท่านละสังขาร สิ่งที่ได้รับจากโลกนี้สำหรับท่านคือการถูกลืม ลืมเพราะกาลเวลายังพอทำเนา ลืมเพราะจงใจยิ่งร้ายใหญ่ เหตุเพราะการมรณะที่ไม่น่าศรัทธา
ถึงวันนี้ใครหลายคนจะลืมชื่อ หลวงพ่ออบ อินทวิริโย แต่เครื่องมงคลของท่านไม่เคยลืมภาระที่จะคุ้มครองคนแขวนผู้เลื่อมใส พระของท่านยังทำหน้าที่ต่อจากท่านไปอีกนานแสนนาน และใครหลายคนที่คิดถึงท่าน ท่านก็คงคิดถึงเขาเช่นกัน.