นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน ศุกร์ 19 เม.ย. 2024 4:43 pm

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 31 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2
เจ้าของ ข้อความ
โพสต์โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. 26 ก.พ. 2009 12:46 am 
ออฟไลน์
Administrator
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ 08 ก.ย. 2008 11:37 am
โพสต์: 6391
หนูรอด้วยคนจิคับ :)

_________________
089 969 9445 @ anytime
line ID navaraht


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
โพสต์โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. 26 ก.พ. 2009 10:45 am 
ออฟไลน์
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ 08 ก.ย. 2008 10:41 am
โพสต์: 1599
รอด้วยๆ

ปล.คุณพี่อาจารย์ bonฮะ ใครกันหนอช่างหาญกล้านำพระไปถวายพระอาจารย์จันทร์เรียนเสกน้อ

สงสัยท่านผู้นั้นจะมีหลายชีวิต

คริ คริ คริ

_________________
ชาตินี้ไม่จริง ชาติไหนก็ไม่จริง


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
โพสต์โพสต์แล้ว: เสาร์ 28 ก.พ. 2009 9:56 pm 
ออฟไลน์
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 14 ก.ย. 2008 10:40 am
โพสต์: 369
03dd02bf64c852b.jpg



พญานาคในแม่น้ำโขง

ครั้งหนึ่ง หลวงปู่ชอบไปวิเวกที่ฝั่งลาวกับหมู่หลายองค์ พร้อมทั้งได้มีโยมตามไปเที่ยวด้วย วันนั้น ญาติโยมท่งฝั่งลาวได้ถวายจังหันคณะของท่านที่ริมฝั่งโขงนั้นเอง หลังฉันเสร็จ โยมช่วยกันเอาบาตรไปล้างที่ฝั่งแม่น้ำโขง โดยเทเศษข้าวและอาหารที่เหลือในบาตรลงในน้ำโขง เกิดอัศจรรย์ที่น้ำในแม่น้ำที่ไหลสะอาดนั้นกลับขุ่นหมด

“ขุ่นหมดทั้งวังน้ำหันตาไก่” ท่านเล่า “วังน้ำหันตาไก่” แปลว่า น้ำหมุนวนอย่างแรง

นอกจากจะน้ำทั้งขุ่นข้นและทั้งหมุนเป็นวังวนอย่างแรงแล้ว ยังมีเสียงสะเทือนเลื่อนลั่น พร้อมกับตลิ่งพังอย่างรุนแรง ดินเคลื่อนลงน้ำด้วยความรวดเร็วจนโยมที่ไปล้างบาตรแทบจะกระโดดหนีขึ้นตลิ่งไปเกือบไม่ทัน

ต่างคนต่างตัวสั่นงันงกด้วยความตกใจ ไม่ทราบว่าเหตุผลกลใด ธรรมชาติจึงเล่นบทพิสดารให้ดูเช่นนั้น จู่ ๆ น้ำในแม่น้ำโขงที่ใสสะอาด ไหลเอื่อยอย่างสงบ ก็กลับกลายเป็นขุ่นข้น...ตลิ่งพัง แผ่นดินถล่ม น้ำหมุนวนเป็นเกลียว

หากหนีไม่ทัน ตกลงไปกลางน้ำวน จะเป็นอย่างไร...บรื๊อว์...ทุกคนแทบไม่อยากคิด

ต่างใจสั่นขวัญแขวน รีบไปกราบหลวงปู่ขออาศัยบารมีท่านเป็นที่พึ่ง เพราะเสียงน้ำ เสียงตลิ่งพังยังไม่สงบดี

หลวงปู่พิจารณาแล้วก็อธิบายว่า เป็นเพราะพญานาคเขาโกรธ ว่าเทน้ำพริกน้ำเกลือลงไปถูกเขา ท่านจึงตักเตือนหมู่คณะมิให้ประมาท สิ่งที่ไม่รู้ไม่เห็นนั้นยังมีอีกมาก โดยเฉพาะที่แม่น้ำโขงนี้ ท่านห้ามศิษย์ของท่านมิให้เทเศษอาหารหรือสาดน้ำล้างถ้วยชามลงไปอีกเลย ด้วยเกรงว่าจะเป็นการทำความขุ่นเคืองให้แก่สิ่งลึกลับที่อยู่ในน้ำ ท่านแนะให้ใช้วิธีตักน้ำขึ้นมาล้างจานชาม และเทน้ำลงบนตลิ่ง มิใช่สาดลงไปในน้ำ

อย่างไรก็ดี แม้แรก ๆ จะมีผู้เชื่อฟังท่าน แต่ภายหลัง ได้มีพระรูปหนึ่ง ยังสงสัย ไม่ยอมเชื่อ ได้เทเศษอาหารลงไปในน้ำ และก็เกิดอาเพศ น้ำหมุนวน ตลิ่งพัง ขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง พระดื้อรูปนั้นกระโจนหนีแทบจะไม่ทัน จากนั้นมา ในบรรดาคณะศิษย์ผู้ติดตามหลวงปู่ก็บอกเล่าต่อ ๆ กันมา และเชื่อฟังกันเป็นอันดี

พญานาคในแม่น้ำโขงนี้ เมื่อขึ้นมาคารวะท่าน ท่านบอกว่า ตัวใหญ่โตมาก ระหว่างที่หัวมากราบคารวะท่านที่ถ้ำ แต่ส่วนหางยังอยู่ที่ฝั่งน้ำ ห่างกันเป็นกิโลเมตร บุพกรรมของเขาเคยเกิดเป็นมนุษย์ รักษาศีล อุปัฏฐากพระเจ้าพระสงฆ์เป็นอันดี แต่กรรมบัง ถือสนิทว่าตนเป็นผู้อุปัฏฐากใกล้ชิดพระ ไม่สำรวมระวัง เอามีดของพระไปใช้เป็นส่วนตัว จึงมาเกิดเป็นพญานาคเช่นนี้ แม้จะเป็นผู้มีฤทธิ์แต่ก็ยังอาภัพอับวาสนา เป็นสัตว์เดรัจฉาน ท่านเลยเทศนาสั่งสอนพญานาคนั้นให้ยึดยั่นในศีลห้า และไตรสรณาคมน์

เรื่องกรรมเล็กกรรมน้อยนี้ หลวงปู่จะเตือนศิษย์เสมอมิให้ประมาท โดยเฉพาะผู้ที่ปรนนิบัติพระเจ้าพระสงฆ์ จะเป็นฆราวาสก็ดี ภิกษุด้วยกันก็ดี พึงระมัดระวังให้จงดี โดยเฉพาะพระภิกษุ อย่าละเมิดธรรมวินัยได้ แม้การใช้สอยบริขารของสงฆ์เช่นกัน จะต้องเก็บงำรักษาเป็นอันดี ท่านยกว่า แม้แต่ในสมัยพุทธกาล พระพุทธเจ้ายังทรงตำหนิตักเตือนพระ อย่าเห็นเป็นบาปเล็ก กรรมน้อย

ขึ้นชื่อว่าบาปกรรม นรชนไม่ควรดูหมิ่นว่าเล็กน้อย เปรียบเหมือนภาชนะที่เขาเปิดปากตั้งไว้กลางแจ้ง เมื่อฝนตก น้ำฝนหยาดเดียวไม่ทำให้ภาชนะเต็มก็จริงอยู่ แต่เมื่อฝนตกอยู่บ่อย ๆ ภาชนะนั้นย่อมเต็มได้แน่ ๆ ฉันใด ผู้ทำบาปอยู่ แม้ทีละน้อย ๆ ย่อมทำกองบาปให้ใหญ่โตขึ้นโดยลำดับได้ฉันนั้นเหมือนกัน


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
โพสต์โพสต์แล้ว: เสาร์ 28 ก.พ. 2009 10:09 pm 
ออฟไลน์
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 14 ก.ย. 2008 6:00 am
โพสต์: 6586
ขอบคุณมากครับ :P

_________________
ถ้าเราไม่อยากได้อะไรจากใคร ก็จะไม่มีอะไรให้หมางใจกัน


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
โพสต์โพสต์แล้ว: เสาร์ 28 ก.พ. 2009 10:35 pm 
ออฟไลน์
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ 10 ธ.ค. 2008 11:36 pm
โพสต์: 1173
อภินิหารนี้ถือเป็นเรื่องโปรดของชาวเวปเลยครับขอคุณครับ

_________________
หนอนในอาจมย่อมสกปรก เมื่อกลายเป็นจั๊กจั่นก็ดื่มน้ำค้าง เมื่อกลายเป็นหิ่งห้อยก็เรืองโรจน์ใต้เเสงจันทร์
พึงรู้ว่าสะอาดเกิดจากสกปรก สว่างเกิดจากมืดมน


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
โพสต์โพสต์แล้ว: เสาร์ 28 ก.พ. 2009 11:47 pm 
ออฟไลน์
Administrator
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ 08 ก.ย. 2008 11:37 am
โพสต์: 6391
เยรี่ยยมมมครัฟ :D

_________________
089 969 9445 @ anytime
line ID navaraht


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
โพสต์โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. 05 มี.ค. 2009 5:34 pm 
ออฟไลน์
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 14 ก.ย. 2008 10:40 am
โพสต์: 369
หญิงเหาะได้

คำถาม : หลวงปู่คะ ผู้หญิงถ้าบวชเป็นแม่ชี - ถ้าแม่นบุญบารมีหลาย สมาธิเก่ง ๆ ก็อาจจะฮู้ (รู้ภายใน) ครือกันบ่ หลวงปู่

หลวงปู่ :อื้อ ฮู้ครือกันนั่นแหล่ว ไปนิพพานได้ครือกัน

ท่านนิ่งไประยะหนึ่ง แล้วก็เล่าต่ออย่างเมตตาว่า “มีหญิงคนหนึ่งอยู่เมืองพม่า อายุได้ ๓๐ ปี รักษาศีลแปด นุ่งขาวห่มขาว ก็ได้ไปขึ้นสวรรค์...เหาะได้”

ถาม : เหาะได้ตั้งแต่ยังบ่ทันตายหรือคะ

หลวงปู่ :อื้อ...เหาะได้ตั้งแต่บ่ทันตาย

ถาม : เขาบวชมาได้จั๊กปีคะ (กี่ปีคะ)

หลวงปู่ : ๓ ปี

ถาม : อันนี้ เพิ่นสร้างบุญบารมีมาแต่ชาติก่อนหรือคะ หลวงปู

หลวงปู่ :เทิ่งชาติก่อน เทิ่งขาตินี้ (เทิ่ง = ทั้ง) ปู่เคยไปอยู่ที่นั่นคืนหนึ่ง แม่ชีเอาผ้าขาวงามมาถวาย มาให้พระอาบน้ำ

ถาม :ทุกวันนี้ก็ยังอยู่หรือคะ หลวงปู่

หลวงปู่ :คงจะยังอยู่ เพราะตอนนั้นยังหนุ่ม ๆ (สาว) อยู่

ถาม :ในเมืองไทยมีไหมคะ - คนที่สำเร็จแบบแม่ชีพม่านี้

หลวงปู่ :ภาวนาเก่ง ๆ นี้ มีอยู่ที่คำชะอี

ถาม :เดี๋ยวนี้ยังอยู่ไหมคะ (ถาม พ.ศ. ๒๕๒๖)

หลวงปู่ :ยังอยู่


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
โพสต์โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. 05 มี.ค. 2009 5:48 pm 
ออฟไลน์
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 16 พ.ย. 2008 9:25 pm
โพสต์: 1207
แม่ชีที่หลวงปู่ชอบพูดถึงคือคุณแม่ชีแก้ว เสียงล้ำ
.jpg


คุณแม่ชีแก้ว


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
โพสต์โพสต์แล้ว: ศุกร์ 06 มี.ค. 2009 12:44 am 
ออฟไลน์
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 14 ก.ย. 2008 6:00 am
โพสต์: 6586
อนุโมทนาด้วยครับ ชอบมาก ๆ เคารพท่านมาก ๆ ครับ

_________________
ถ้าเราไม่อยากได้อะไรจากใคร ก็จะไม่มีอะไรให้หมางใจกัน


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
โพสต์โพสต์แล้ว: พุธ 25 มี.ค. 2009 4:37 pm 
ออฟไลน์
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 14 ก.ย. 2008 10:40 am
โพสต์: 369
ระลึกชาติ ( คัดจากหนังสือคุณทองทิว สุวรรณทัต )

ผู้เขียนเคยสัมภารณ์ผู้ระสึกชาติได้มาหลายรายและได้นำคำสัมภารณ์นั้นๆมาเขียนหลายเรื่องแล้ว แต่ไม่มีเรื่องใดดูจะอัศจรรย์ดังเรื่องของผู้ระลึกชาติได้เท่าท่านนี้เลย ทั้งนี้เพราะท่านเป็นพระเถระ ที่ใช้ชีวิตสมณเพศทั้งหมดอยู่กับการปฏิบัติ จนบางครั้งแทบจะเอาชีวิตไปทิ้งกลางป่ากลางดง และเนื่องจากผลของการปฏิบัติธรรม จึงทำให้ท่านสามารถระลึกชาติย้อนหลังไปได้อีกหลายสิบชาติ

ท่านผู้นี้คือ พระคุณเจ้าหลวงปู่ชอบ ฐานสโม ซึ่งเป็นศิษย์เอกที่เลิศในทางอภิญญาของ ท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตตะบูรพาจารย์ของพระเถระทั้งหลายในปัจจุบัน แต่ก่อนที่จะเล่าสู่กันฟัง จำเป็นจะต้องเรียนท่านผู้อ่านทั้งหลายให้ทราบเสียก่อนว่า เรื่องของ หลวงปู่ชอบ ระลึกชาติตอนนี้ ผู้เขียนได้รับอนุญาตจาก คุณสุรีพันธุ์ มณีวัต ศิษย์ของท่านผู้บันทึกชีวประวัติของหลวงปู่เรียบร้อยแล้ว จึงขอขอบพระคุณคุณสุรีพันธุ์ มา ณ โอกาสนี้

ในเรื่อง บุพเพนิวาสานุสติญาณ หรือ ญาณระลึกชาติได้นั้น ไม่ต้องสงสัยเลยว่าหลวงปู่จะมีหรือไม่ สมเด็จพระพุทธองคืได้ญาณนี้เมื่อคืนวันตรัสรู้ในเวลาปฐมยามซึ่งเป็นญาณลำบแรกที่ทรงบรรลุ ทราบทราบระลึกชาติหนหลังได้ ทั้งของพระองค์เองและสัตว์โลกอื่นๆ ตั้งแต่ชาติหนึ่งจนถึงเอนกชาติหาประมาณมิได้.... พระพุทธองค์ไม่แต่จะเคยเป็นเทวดา อินทร์ พรหม มนุษย์ ที่เป็นทั้งท้าวพระยามหากษัตริย์ พระเจ้าจักรพรรดิเท่านั้น หากท่านเคยเป็นคนยากจนเข็ญใจ ก็มีอยู่หลายชาติ ทั้งเคยเป็นสัตว์เดรัจฉาน แม้การตกนรกหมกไหม้ก็เคยผ่านขุมนรกต่างๆ มาแล้วเช่นกัน ทำให้พระพุทธองค์ทรงเบื่อหน่ายในชาติกำเนิด การเวียนว่ายตายเกิดเป็นอย่างยิ่ง การจุติแปรผัน ตายแล้วเกิด เกิดแล้วตาย ของสัตว์โลกไม่มีที่สิ้นสุด ญาณนี้เองเป็นเบื้องต้น เป็นบันไดขั้นแรกในคืนวันเพ็ญเดือนหก เมื่อสองพันห้าร้อยสามสิบพรรษาเศษที่ผ่านมา และเป็นเหตุให้พระองค์ไปสู่การตรัสรู้ คือ พระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณในกาลต่อมา

สำหรับญาณการระลึกรู้อดีตชาตินี้ ศิษย์ผู้ใกล้ชิดหลวงปู่ชอบ ฐานสโม ได้เคยขอโอกาสกราบเรียนถราบหลวงปู่ ซึ่งท่านก็ยอมเล่าให้ฟังบ้างเป็นสังเขป หลวงปู่บอกว่า ท่านไม่ได้ระลึกชาติได้มากมายอะไร ที่สมเด็จพระพุทธองค์ทรงระลึกได้เป็นเอนกชาติหาประมาณมิได้นั้น เป็นเพราะพระพุทธองค์ทรงมหาสติ มหาปัญญา มหาบารมีอย่างหาผู้ใดเทียบมิได้ สำหรับหลวงปู่นี้ เท่าที่ระลึกชาติได้ ท่านไม่เคยเป็นกษัตริย์มักจะเป็นคนตกทุกข์ได้ยากเสียมากกว่า

เคยเป็นพ่อค้าขายผ้าชาติลาว ออกเดินทางมากับ พ่อเชียงหมุน(อุปัฏฐากคนหนึ่งในชาตินี้) ข้ามแม่น้ำโขงมาฝั่งไทย มาทานผ้าขาวหนึ่งวาและเงิน 50 สตางค์ บูชาถวายพระธาตุพนมพร้อมทั้งอธิษฐานขอให้ได้บวชได้พ้นทุกข์ ท่านเล่าว่าท่านเคยมาช่วยสร้างพระธาตุพนมด้วยสมัยพระมหากัสสปะเถระเจ้า พระธาตุพนมนี้สร้างก่อนพระปฐมเจดีย์

ท่านเคยเป็นคนยางอยู่ในป่า เคยเกิดเป็นทหารพม่ามารบกับไทย แต่ยังไม่ทันฆ่าคนไทย ก็ตายเสียก่อน เคยเกิดอยู่เมืองปัน พม่า ชาตินี้ท่านก็ได้กลับไปดูบ้านเกิดในชาติก่อนที่เมืองปันด้วย
เคยเป็นทหารไปหลบภัยที่ถ้ำกระ เชียงใหม่ และได้ตายเพราะอดข้าวที่นั่น

หลวงปู่ เคยเป็นพระภิกษุ รักษาศิลอยู่กับพระอนุรุทธ เคยเป็นสามเณรน้อย ลูกศิษย์พระมหากัสสปะ

สำหรับการเกิดเป็นสัตว์ นั้น หลวงปู่เล่าว่า ท่านผ่านพ้นมาอย่างทุกข์ยากแสนเข็ญ เช่นเคยเกิดเป็นผีเสื้อแล้วถูกค้างคาวไล่จับเอาไปกินที่ถ้ำผาดิน เคยเกิดเป็นฟาน หรือเก้ง ไปแอบกินมะกอก กินยังไม่ทันอิ่มสมอยาก ก็ถูกมนุษย์ไล่ยิง เขายิงที่โคกมนถูกที่ขา วิ่งหนีกระเซอะกระเซิงไปตายที่บ้านม่วง

เมื่อครั้งเกิดเป็นหมีไปกินแตงช้าง (แตงร้าน) ของชาวบ้านถูกเจ้าของเขาเอามีดไล่ฟันถูกหัวถูกหู เคราะห์ดีไม่ถึงตาย แต่ก็บาดเจ็บมาก ต้องทนทุกข์ไปจนกระทั่งหายไปเอง

เคยเกิดเป็นไก่ มีความรักผูกพันรักชอบนางแม่ไก่สาว จึงอธิษฐานให้ได้พบกันอีก ทำให้กลับมาเกิดเป็นไก่ซ้ำถึง 7 ชาติ

เคยเกิดเป็นปลา ซึ่งอยู่ในสระ (ปัจจุบันอยู่ที่สวนหลังบ้านของ พล.อ.อ.พโยม เย็นสุดใจ)

ท่านเล่าถึงชีวิตของการเป็นสัตว์ว่าแสนลำเค็ญ อดอยากปากแห้ง มีความรู้สึกร้อน หนาว หิวกระหายเหมือนมนุษย์ แต่ก็บอกไม่ได้ พูดไม่ได้ ต้องเที่ยวซอกซอนไปอยู่ตามป่า ตามเขาตามประสาสัตว์ ฝนตกก็เปียกหนาวสั่น แดดออกก็ร้อนไหม้เกรียม อาศัยถ้ำ อาศัยร่มไม้ไปตามเพลง บางทีมาอยู่ใกล้หมู่บ้านหิวกระหาย เห้นพืชผลที่ควรกินเป็นอาหารได้ พอจะจับใส่ปากใส่ท้องได้บ้าง ก็กลับกาลายเป็นของที่เขาหวงห้าม มีเจ้าของต้องถูกเขาขับไสไล่ทำร้าย

ชีวิตที่เวียนว่ายวนอยู่ในกองทุกข์ตามอำนาจกรรมที่กระทำมานี้ แต่บางทีภพชาตินั้นก็ยืดยาวต่อไปด้วยอำนาจกิเลสตัณหายกตัวอย่างเช่น ตอนท่านเกิดเป็นไก่ ใจนึกปฏิพันธ์รักใคร่นางแม่ไก่ ชื่นชอบภพชาติที่เป็นไก่ของตน ปรารถนาขอให้พบนางไก่อีก ก็ต้องวนเวียนกลับมาเกิดเป็นไก่อยู่เช่นนั้น

หลวงปู่เล่าว่า แม้ท่านพระอาจารย์มั่นเอง เมื่อท่านระลึกชาติได้ เห็นภพชาติที่เวียนวนกลับไปเกิดเป็นสุนัขถึงหมื่นชาติ ท่านยังเกิดความสลดสังเวช ถึงกับขออธิษฐานเลิกปรารถนาพุทธภูมิ เพราะการบำเพัญบารมีเป็นพระพุทธเจ้าพระองค์ใดพระอวค์หนึ่งในอนาคตนั้น ท่านจะต้องบำเพ็ญต่อไปอีกเป็นแสนกัปแสนกัลป์ฯ เคราะห์ดีที่ท่านเกิดสลดสังเวชคิดได้ ท่านพระอาจารย์มั่นจึงสามารถดำเนินความเพียรเร่งรัดตัดตรงเข้าสู่พระนิพพานเป็นผลสำเร็จได้

วันหนึ่งระหว่างหลวงปู่กำลังวิเวกอยู่ที่เชียงใหม่ ตกกลางคืนท่านก็เข้าที่ภาวนาตามปกติ ปรากฏภาพนิมิต มีแม่ไก่ตัวหนึ่งมาหาท่าน กิริยาอาการนั้นนอบน้อมอ่อนโยนเป็นอย่างยิ่งมาถึงก็ใช้ปีกจับต้องกายท่าน จูบท่าน ท่านประหลาดใจที่สัตว์ ตัวเมียแสดงกิริยาอันไม่สมควรต่อพระเช่นนั้น จึงได้ดุว่าเอา แต่แม่ไก่ตัวนั้นก็อ้างว่า เคยเกิดเป็นภรรยาของท่านมาถึง 7 ชาติแล้ว ความผูกพันยังมีอยู่ไม่อาจจะลืมเลือนได้ แม้จะรู้ว่าพระคุณเจ้าเป็นภิกษุสงฆ์ไม่บังควรจะแสดงความอาวรณ์ผูกพันเช่นนี้ ตนมีกรรมต้องมาบังเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน ต่ำต้อยน้อยวาสนา ก็ได้แต่นึกสมเพชตัวเองอยู่มาก อย่างไรก็ดี เมื่อพระคุณเจ้าผู้เคยเป็นคู่ชีวิตมาอยู่ในถิ่นที่ใกล้ตัวเช่นนี้ ตนอดใจมิได้จึงมากราบขอส่วนบุญบารมี

ในนิมิตนั้นปรากฏว่าหลวงปู่ได้เอ็ดอึงเอาว่าเราเป็นคนเจ้าเป็นสัตว์ จะมาเคยเป็นสามีภรรยากันได้อย่างไร เราไม่เชื่อเจ้า แม่ไก่ก็เถียงว่า ถ้าเช่นนั้นคอยดู พรุ่งนี้เช้าตอนท่านไปบิณฑบาต ข้าน้อยจะไปจิกจีวรท่านให้ดู

ตอนเช้าหลวงปู่ครองผ้าออกไปบิณฑบาตตามปกติท่านเล่าว่า ท่านไม่ได้นึกอะไรมาก ด้วยคิดว่าเป็นนิมิตเหลวไหลไร้สาระ แต่เมื่อท่านเดินบิณฑบาตเข้าไปในหมู่บ้านยางที่ชื่อบ้านป่าพัวะ อำเภอจอมทอง ก็มีแม่ไก่ตัวเมียตัวหนึ่งตรงรี่เข้ามาจิกจีวรท่านข้างหลัง! หมู่เพื่อนที่ไปด้วยก็ตกใจ เพราะเป็นสัตว์ตัวเมีย เกรงท่านจะอาบัติ จึงช่วยกันไล่ แต่แม่ไก่ตัวนั้นก็ยังพยายามวิ่งเข้ามาอีก

คืนนั้นหลวงปู่เข้าที่พิจารณาซ้ำ ก็รู้ว่าแม่ไก่ตัวนั้นเคยเกิดเป็นภรรยาของท่านมา 7 ชาติแล้วจริงๆ เป็นที่น่าเวทนาสงสารอย่างยิ่งที่นางกระทำไม่ดีไว้ ไม่มีศิล จึงต้องตกไปเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉานเช่นนี้


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
โพสต์โพสต์แล้ว: ศุกร์ 27 มี.ค. 2009 1:39 am 
ออฟไลน์
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 14 ก.ย. 2008 6:00 am
โพสต์: 6586
อ้าว กำลังเพลิน จบแล้วหรือครับ ? :cry:

_________________
ถ้าเราไม่อยากได้อะไรจากใคร ก็จะไม่มีอะไรให้หมางใจกัน


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 31 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 2 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO