นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน ศุกร์ 19 เม.ย. 2024 2:01 am

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 5 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
โพสต์โพสต์แล้ว: พุธ 07 ม.ค. 2009 3:13 pm 
ออฟไลน์
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ 08 ก.ย. 2008 10:41 am
โพสต์: 1599
trap2.jpg


วันนี้ขอเล่า*เรื่องเกร็ดเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่อาจถูกใจผู้ที่สนใจในทางปาฏิหาริย์

เคยได้เรียนถามหลวงปู่เกี่ยวกับหลวงปู่พระครูเทพโลกอุดร ที่เมื่อราวยี่สิบปีก่อนกำลังกล่าวถึงกันมาก หลวงปู่ตอบยืนยันว่า หลวงปู่เทพโลกอุดรมีอยู่จริง ในสมัยอยุธยา ท่านมีนามว่าหลวงพ่อคง วัดกุฎีดาว ท่านยังเล่าต่อให้ฟังถึงที่มาของชื่อวัดอีกว่า เพราะหลวงปู่ท่านเหาะเลยไปถึงในวัง ไปเห็นพระสนมกำลังสรงน้ำ พระราชารู้เข้า จึงสั่งทหารไล่ล่าท่าน สุดท้ายพวกทหารตามมาถึงกุฏิ ร้องเรียกให้ท่านออกมา ท่านก็ไม่ยอมออก พวกทหารจึงจุดไฟเผากุฏิ ท่านก็เลยอธิษฐานเหาะไปทั้งกุฏิ กุฏิท่านลอยอยู่ในอากาศ เหมือนอยู่เทียมฟ้า พวกชาวบ้านจึงขนามนามว่าวัดกุฎีดาว นับแต่นั้นมา ทุกวันนี้ วัดกุฎีดาว ยังคงเหลือเพียงซากปรักหักพัง อยู่บริเวณใกล้ทางเข้าวัดมเหยงค์ ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา

พระเถระอีกท่านหนึ่งที่หลวงปู่ยืนยันว่าท่านยังมีชีวิตอยู่ก็คือ พระอุปคุต ผู้ที่มีวิมานอยู่ที่เรียกว่า "สะดือทะเล" ซึ่งครูบาอาจารย์บางท่านบอกว่าอยู่ในบริเวณมหาสมุทรอินเดีย

ในสมัยที่หลวงปู่มีชีวิต บ่อยครั้งที่ท่านจะฝึกนักปฏิบัติให้มีความว่องไวในเรื่องมโนมยิทธิ โดยเฉพาะเด็ก ๆ ท่านก็จะให้ขอบารมีหลวงปู่ทวดนำจิต (กายใน) ไปกราบพระอุปคุตที่สะดือทะเล ซึ่งเด็ก ๆ ที่เพิ่งไปเป็นครั้งแรกมักจะกลัวเพราะต้องผ่านน้ำวน ๆ ลงไป ก็จะพบวิมานอยู่ในถ้ำใต้น้ำ มีพญานาคเฝ้าดูแลเป็นทวารบาล

พระอุปคุตมีความสำคัญอย่างมาก ท่านเป็น "อนุพุทธะ" ผู้ที่ช่วยทำให้ศาสนาพุทธที่เริ่มจะเสื่อมตั้งแต่หลังพุทธกาลเพียงประมาณ ๑๐๐ ปี ให้กลับมั่นคงขึ้นอีก ท่านผลิตพระอรหันต์ขึ้นอีกเป็นเรือนหมื่น จากนั้นท่านก็ไปเข้านิโรธสมาบัติอยู่ที่สะดือทะเล โดยอธิษฐานจะอยู่จนกว่าจะสิ้นพระศาสนาของพระสมณะโคดมองค์ปัจจุบัน

มีข้อสังเกตว่า การจะไปกราบพระอุปคุต หรือองค์ไหน ๆ ก็ดี ท่านให้เริ่มต้นโดยการขอบารมีหลวงปู่ทวดเสมอ ท่านไม่ให้ใช้กำลังจิตตัวเอง และประการที่สอง ท่านมักสรุปภายหลังการไปกราบพระ ว่าเพื่อให้เกิดความเชื่อความเลื่อมใส อันจะเป็นกำลังใจในการปฏิบัติให้ยิ่ง ๆ ขึ้นไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในทางสมาธิและปัญญา มิใช่เพื่อความมัวเมาในฤทธิ์เดชหรือปาฏิหาริย์ต่าง ๆ

*ลูกศิษย์ท่านหนึ่งของหลวงปู่ดู่

_________________
ชาตินี้ไม่จริง ชาติไหนก็ไม่จริง


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
โพสต์โพสต์แล้ว: พุธ 07 ม.ค. 2009 10:24 pm 
ออฟไลน์
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ 10 ธ.ค. 2008 11:36 pm
โพสต์: 1173
เป็นอีกบทความหนึ่งที่ดีมากครับ.

ขอบพระคุณครับ. :vvhpy:

_________________
หนอนในอาจมย่อมสกปรก เมื่อกลายเป็นจั๊กจั่นก็ดื่มน้ำค้าง เมื่อกลายเป็นหิ่งห้อยก็เรืองโรจน์ใต้เเสงจันทร์
พึงรู้ว่าสะอาดเกิดจากสกปรก สว่างเกิดจากมืดมน


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
โพสต์โพสต์แล้ว: พุธ 07 ม.ค. 2009 10:39 pm 
ออฟไลน์
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ 08 ก.ย. 2008 10:44 pm
โพสต์: 99
ขอบพระคุณครับ :hpy:


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
โพสต์โพสต์แล้ว: พุธ 07 ม.ค. 2009 11:08 pm 
ออฟไลน์
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ 27 ธ.ค. 2008 11:11 pm
โพสต์: 331
บารมีหลวงปู่ทวดนั้นมหาสาร มีอีกเรื่องนึงก้อขอเล่าแล้วกัน ตอนที่ผมอยู่กับพ่อท่านคล้อย วัดถ้ำเขาเงิน มีอยู่พิธีนึง ที่คุณหมอสมสุข ท่านได้นิมนต์ พ่อท่านคล้อยไปปลุกเสกที่วัดต้นเลียบ แต่ที่วัดต้นเลียบนั้นไม่สะดวกก็เลยย้ายมาทำพิธีที่วัดพะโค๊ แทน คุณหมอสมสุข ท่านก็นิมนต์เกจิอาจารย์สายใต้กันมาเพียบสุดยอดทั้งนั้น เช่น หลวงพ่อดำ วัดใหม่ฯ หลวงพ่อทอง วัดป่ากอ หลวงหลายองค์มากจำไม่หวาดไม่ไหว พิธีนี้ที่เสกก็พระบูชา หลวงปู่ทวด หลวงปู่พรหม วัดช่องแค ฯลฯหลวงพ่อคล้อยมาถึงที่พิธีไม่นานมากพักผ่อนตาม สบายพอเริ่มพิธีบรรดาพระเกจิอาจารย์ผู้ทรงคุณทั้งหลายต่างหาอาสนะ(ไม่รู้พิมพ์ถูกหรือเปล่า) ทำการเริ่มสวดบุชาครูอาจารย์กันพอเสียงระฆังให้เริ่มเสกได้ พระเกจิอาจารย์ทั้งหลายต่างก็ขมักขเม่นเสกกันโดยไม่สนใจว่าใครเป็นใคร พ่อท่านคล้อย ท่านเสกไปได้พักใหญ่ประมาณ 15 นาทีท่านก็ถอนออกจากสมาธิมาทำน้ำมนต์พอทำเสร็จท่านก็หยิบขันธ์น้ำมนต์ประพรม วัตถุมงคลต่างๆในพิธี คณะของอาหมอสมสุข ก็ตกใจรีบมารับขันน้ำมนต์เดินตาม ลุงหมอสมสุข ท่านก็เอ๋ยถามว่า เสกเสร็จแล้วหรือครับ ท่านก็ตอบว่าเสกไม่เข้าแล้วๆท่านก็เงียบประพรมน้ำมนต์จนรอบพิธีท่านก็กลับ แล้วท่านก็เดินทางกลับวัดเลย ระหว่างทางผมก็สงสัยถาม พ่อท่านคล้อยว่าทำไมเสกเสร็จเร็วละครับ พ่อท่านตอบว่าเสกไม่เข้าแล้ว ระหว่างนั่งภาวนาเสกอยู่นั้นได้มีมือใหญ่มาก ลงมาในพิธีมาวนอยู่ 3 รอบแล้วหายไป ฉันก็เสกไม่เข้าอีกเลย เอวังก็มีด้วยประการ ฉะนี้


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
โพสต์โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. 08 ม.ค. 2009 11:44 am 
ออฟไลน์
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ 08 ก.ย. 2008 10:41 am
โพสต์: 1599
แต่ระยะนี้มีผู้กล่าวว่าตนได้พบกับ หลวงปู่เทพโลกอุดร บ่อยจังนะฮะ

บ่อยซะจนออกเป็น pocket book ได้

เลยคิดถึงหลวงพ่อเกษม เขมโก ที่ท่านว่า

คนหันไม่เห็น คนเห็นไม่หัน

คริ คริ คริ

_________________
ชาตินี้ไม่จริง ชาติไหนก็ไม่จริง


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 5 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
cron
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO