เหรียญองค์บรมครู ของ พระอาจารย์ติ๋ว วัดมณีชลขัณฑ์

รณธรรม ธาราพันธุ์ · **โพสต์แล้ว:** จันทร์ 15 ก.ย. 2008 7:47 pm

‘องค์บรมครู’
ที่สุดแห่งพุทธมหายันต์ในองค์หลวงปู่ศุข

ถ้าเอ่ยนามหลวงปู่ศุข เกสโร หรือ พระครูวิมลคุณากร แห่งสำนัก วัดปากคลองมะขามเฒ่า อ.วัดสิงห์ จ.ชัยนาท แล้วใครส่ายหน้าไม่รู้จัก คงเชยน่าดูหากคิดจะชอบพระ

เหตุเพราะหลวงปู่ศุข นั้นถือได้ว่าเป็นปรมาจารย์ทางด้านไสยเวทย์วิทยาคุณที่มีความเชี่ยวชาญและทรงอภิญญาอย่างเอกอุ ความแคล่วคล่องในการกำหนดจิตของท่านที่เรียกว่า ‘วสี’ นั้นท่านทำได้อย่างชำนิชำนาญจนสามารถแสดงฤทธิ์ต่าง ๆ ได้อย่างน่าอัศจรรย์ภายในเวลาไม่กี่นาที

ด้วยคุณวิเศษอย่างนี้เองที่ทำให้พระภิกษุในสมัยนั้น รวมถึงฆราวาสที่นิยมขลังต่างเดินทางมุ่งหน้าไปถวายตัวเป็นศิษย์กันมากราย แล้วก็มีทั้งผู้ที่เรียนได้สำเร็จ ซึ่งก็แบ่งเป็นทั้งสำเร็จมากและสำเร็จน้อย รวมถึงที่เรียนไม่สำเร็จเลยก็มี

หลวงพ่อหน่าย อินทสีโล วัดบ้านแจ้ง ต.หันสังข์ อ.บางปะหัน จ.พระนครศรีอยุธยา เคยเล่าว่าเมื่อครั้งไปศึกษาวิชากับหลวงปู่ศุข ได้พบเห็นคนมาเรียนกับหลวงปู่มากมายซึ่งมีทั้งพระและโยม ในจำนวนคนที่มานั้น 10 คน จะเรียนได้สัก 1 หรือ 2 คนก็นับว่ามากแล้ว

เพราะหลวงปู่ท่านมีวิธีทดสอบจิตผู้มาเรียนที่น่าเกรงกลัวมาก กล่าวคือ ท่านจะให้ศิษย์นำไม้ไผ่ลำต้นใหญ่พอที่คนจะปีนได้มาปักลงกับลานดิน ทำหลักให้แน่นหนามั่นคง ไผ่ลำนี้จะสูงมากและตอนบนสุดจะตัดเป็นปล้องไว้คล้ายกระบอกข้าวหลาม ศิษย์คนหนึ่งจะปีนขึ้นไปบรรจุน้ำมันในกระบอกด้านบนจนเต็มแล้วค่อยลงมา

ตอนนี้แหละ ที่หลวงปู่จะให้คนที่มาขอเรียนท่องคาถาสี่ตัว คือ นะ มะ พะ ทะ ซึ่งก็คือหัวใจของธาตุทั้ง 4 จากนั้นก็จะให้ปีนขึ้นไปให้ถึงยอดเสา เมื่อกลับลงมาได้แล้วจึงจะถ่ายทอดวิชาชั้นสูงต่อไปให้

เรื่องแค่นี้ไม่เห็นจะยาก

เมื่อผู้มาเรียนตั้งหน้าปีนขึ้นไป แรก ๆ ก็ไม่มีอะไร ต่อเมื่อขึ้นถึงกลางลำแล้วความมั่นคงของต้นไผ่ก็น้อยลง ไผ่ทั้งต้นก็เริ่มโอนเอนและสะเทือน แล้วน้ำมันที่บรรจุไว้ก็จะกระฉอกออกมา พอคนปีนขึ้นไปสัมผัสกับน้ำมันก็จะลื่นพรวด ๆ ลงข้างล่าง

ถึงตรงนี้แหละที่น่ากลัว เพราะหลวงปู่จะยืนถือหอกใบพายอยู่ด้านล่างรอท่า พอคนปีนไหลลงมาถึงท่าน ท่านก็จะเอาหอกแทงก้นให้กลับขึ้นไป หล่นก็จะหล่น เจ็บก้นกลัวจะทะลุก็กลัว จึงเกิดโกลาหลกันล่ะสิ พยายามปีนขึ้นไปก็ร่วงลงมา ลงมาแล้วก็ถูกแทงอีก อาการที่เรียกว่ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกก็เกิด ทีนี้จะทำอย่างไร

ผู้มาเรียนนั่นแหละต้องเอาตัวเองเป็นที่พึ่ง ทำอะไรไม่ได้ก็ต้องว่าคาถาสี่คำคือ นะ มะ พะ ทะ รัวเป็นไฟ กำหนดจิตให้แนบแน่นอยู่กับคำบริกรรม กดจิตนิ่งอยู่อย่างนั้นเพราะทำอะไรอย่างอื่นไม่ได้แล้ว เรื่องข้างนอกต้องปล่อยทิ้งทีเดียว แล้วคว้าจิตไว้เป็นเอก ทำจิตให้เป็นหนึ่งเดียว

ตอนนี้เองที่เมื่อจิตเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับคำบริกรรมแล้ว พระคาถาทั้งสี่ที่ถือได้ว่าเป็นแม่ธาตุใหญ่ก็สำแดงปาฏิหาริย์ เพราะเป็นต้นธาตุอยู่แล้ว ก็บันดาลให้ธาตุดินคือเนื้อหนังมังสาที่บอบบางฉีกขาดง่าย เกิดเหนียวหนับราวกับยางรถสิบล้อ คมหอกที่หลวงปู่ทิ่มแทงก็ไม่ทำให้ได้รับความเจ็บปวดสาหัส และคมหอกนั้นก็ไม่สามารถทะลุหนังบาง ๆ ที่ถูกคุ้มด้วยพระเวทย์ศักดิ์สิทธิ์ผนวกกับจิตที่มั่นคง

เมื่อได้อย่างนี้แล้วหลวงปู่ท่านจึงถือว่าสอบผ่านในขั้นต้น

นี่คือการทดลองอำนาจจิตของผู้มาเรียนว่ามีพื้นฐานดีหรือไม่อย่างไร เป็นอุบายที่แยบยลยากที่จะเข้าใจท่านได้ในทีแรกว่าท่านให้ทำอย่างนี้เพื่ออะไร

ทำให้ผมนึกถึงคุณพ่อชุม ไชยคีรี ที่เมื่อครั้งนำศิษย์ไปมัดไว้กับต้นไม้ในป่าช้าแล้วให้ภาวนาสะเดาะเชือกที่พันธนาการออกเอง ด้วยจิตที่หวาดกลัวของศิษย์ซึ่งต้องการออกไปให้พ้นสภาพนั้นโดยเร็วก็ไม่สนใจกับอะไรอีกแล้ว ตั้งหน้าภาวนาแต่คาถาสะเดาะเชือกกระทั่งเชือกหลุดลุ่ยออกเองได้อย่างน่าอัศจรรย์

เรียกว่าได้สมาธิเพราะอาศัยกลัวเป็นเหตุ

จึงคิดได้ว่าทำไมพระพุทธองค์จึงสั่งหมู่พระภิกษุว่า โน่นป่าช้า โน่นภูเขา เงื้อมผา ถ้ำใหญ่น้อย เป็นที่สงัดวิเวก ภิกษุทั้งหลายเธอจงไปอยู่สถานที่อย่างนั้น

เพราะสถานที่น่ากลัวดังกล่าว ทำให้จิตไม่กล้าแส่ส่ายออกไปหาอารมณ์อะไร นอกจากเมื่อกลัวแล้วก็ต้องหันกลับมาพึ่งพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ พึ่งตัวเองด้วยการบริกรรมอยู่แต่ภายในกายในจิต นับเป็นกุศโลบายที่ได้ผลอยู่ทุกกาล ทุกสมัยโดยแท้

ในจำนวนผู้ที่เรียนวิชาได้สำเร็จนั้นตามคำบอกเล่าที่สืบทอดกันมาถึงหลวงพ่อมหาโพธิ์ ญาณสังวโร วัดสุวรรณโคตมาราม (วัดคลองมอญ) อ.วัดสิงห์ จ.ชัยนาท ท่านบอกว่า การศึกษาวิทยาคุณในสำนักหลวงปู่ศุขนั้นท่านแบ่งลำดับชั้นแห่งความสำเร็จใน ‘สูตร’ ออกเป็น 4 ระดับ

ด้วยหลวงปู่ศุขท่านมีตำรับแห่งวิทยาคุณมากมายให้ศึกษาและสั่งสอน หากการจะรู้ว่าใครสำเร็จขั้นใดนอกจากองค์หลวงปู่เองแล้วก็คงมีเพียงผู้สำเร็จเองเท่านั้นที่จะบอกได้ว่าตนก้าวหน้าไปถึงไหน และหลวงปู่ศุขท่านได้แบ่งลำดับวิชาออกเป็น 4 คัมภีร์ คือ

อิ ติ ปิ โส

หลวงพ่อมหาโพธิ์เล่าว่าองค์หลวงปู่ศุขนั้นท่านสำเร็จทั้งสี่ตัว กรมหลวงชุมพรเขตต์อุดมศักดิ์สำเร็จสองตัว คือ อิ ติ ว่ากันว่าเพียงสำเร็จตัว อิ เพียงตัวเดียวก็สามารถแสดงฤทธิ์ได้เป็นที่น่าเลื่อมใสยิ่งนัก

หลวงปู่ศุขมีพระภิกษุคู่บารมีอยู่สองรูป รูปหนึ่งถือเป็นมือขวาเลยทีเดียวท่านชื่อว่า พระสมุห์กลับ แสงเขียว วัดดอนตาล อ.วัดสิงห์ จ.ชัยนาท อีกรูปหนึ่งถือเป็นมือซ้ายชื่อ พระใบฎีกาบุญยัง คังคสโร วัดหนองน้อย อ.วัดสิงห์ จ.ชัยนาท

อันพระสมุห์กลับ แสงเขียว นั้นเป็นพระที่ทรงอิทธิฤทธิ์มาก สามารถแสดงอำนาจให้ปรากฏได้อย่างน่าทึ่ง เป็นที่เชื่อมั่นกันว่าท่านต้องสืบทอดทุกสิ่งแทนองค์หลวงปู่ศุขได้แน่นอน หากหลวงปู่ละสังขารไปแล้ว

แต่เรื่องกรรมวิบากเป็นสิ่งที่คนธรรมดาไม่อาจรู้ได้ ด้วยเหตุใดไม่ปรากฏ ทำให้พระสมุห์กลับต้องลาสิกขาบทออกมาเป็นฆราวาสทั้ง ๆ ที่อนาคตในร่มกาสาวพัสตร์ยังเรืองรองอยู่ในสายตาของทุกคนที่รู้จักท่าน

แต่ใช่ว่าเมื่อสึกแล้วจะไม่ขลัง ท่านยังท่องบ่น ทบทวนและทดสอบวิชาของท่านอยู่เสมอ ทำให้ท่านมีศิษย์ไม่ใช่น้อยแม้เป็นฆราวาสแล้วก็ตาม

ในส่วนของหลวงพ่อบุญยัง วัดหนองน้อย ท่านสามารถดำรงสมณเพศได้จนสิ้นอายุ หลวงพ่อมหาโพธิ์เล่าว่าหลวงพ่อบุญยังนั้นสำเร็จวิชาจากหลวงปู่ศุขเกือบสองตัว คือ อิ กับ ติ แต่ยังไม่ทันได้จบคัมภีร์ ติ ท่านก็มรณภาพจากไปก่อนด้วยชนมายุเพียง 55 ปี

ขนาดนั้นก็ยังแสดงอภินิหารให้ปรากฏจนหลวงพ่อมหาโพธิ์ให้ความยอมรับนับถือเลื่อมในอย่างถึงใจ หลวงพ่อบุญยังเป็นทั้งอาจารย์และลุงของหลวงพ่อมหาโพธิ์ ท่านจึงถ่ายทอดวิชาให้อย่างไม่ปิดบังอำพราง และแสดงฤทธิ์ต่าง ๆ ให้ดูเป็นกำลังใจในการเรียนเสมอ

เช่น คราวหนึ่ง ท่านให้หลวงพ่อมหาโพธิ์นำโหลแก้วอย่างที่เขาใส่ยาดองมาบรรจุน้ำให้เต็ม แล้วท่านปั้นเศษเทียนขี้ผึ้งเป็นลูกกลม ๆ อย่างลูกอม ท่านถามหลวงพ่อมหาโพธิ์ว่าลูกเทียนนี้เมื่อใส่น้ำแล้วจะลอยหรือจม หลวงพ่อมหาโพธิ์ท่านเห็นเทียนจนคุ้นชิน รู้คุณสมบัติของมันดี จึงตอบไปว่า ลอยครับ

หลวงพ่อบุญยังท่านก็แล้วหย่อนลูกเทียนลงไปในน้ำ ปรากฏว่าลูกอมเทียนนั้นจมดิ่งดังจ๋อมราวกับมีน้ำหนักมากเหลือประมาณ เมื่อจมถึงก้นโหลหลวงพ่อบุญยังก็นั่งบริกรรมเพียงครู่เดียวก้อนเทียนนั้นก็ลอยฟ่องขึ้นมาที่ผิวน้ำ จากนั้นท่านก็ชี้ไปที่ก้อนเทียนบังคับให้ลอยขึ้นลงไปมาตามนิ้วที่ท่านชี้

ที่สุดก็บังคับให้ลอยอยู่กลางโหล

เหตุนี้ทำให้หลวงพ่อมหาโพธิ์เลื่อมใสในวิทยาคุณและการฝึกจิต ทำให้ท่านมีศรัทธาที่จะร่ำเรียนจนได้วิชามาสงเคราะห์ศิษยานุศิษย์เป็นที่กว้างขวางกระทั่งถึงวันที่ท่านละสังขาร

ก่อนหลวงพ่อมหาโพธิ์จะละขันธ์นั้นได้มีผู้เล่าเรียนสืบทอดวิชาไว้หลายท่าน และหนึ่งในนั้นที่เป็นองค์สำคัญก็คือ

ท่านพระอาจารย์ติ๋ว ฐิตวัฑฒโน
วัดมณีชลขัณฑ์ ต.พรหมาสตร์ อ.เมือง จ.ลพบุรี

ท่านอาจารย์ได้ไปศึกษาวิทยาคุณกับหลวงพ่อมหาโพธิ์มามิใช่น้อย โดยเฉพาะวิชาสำคัญ ๆ เช่น การลงตะกรุดหรือผ้ายันต์ด้วยพระยันต์เกราะเพชร การลงพุทธอุดม้วนโลก ซึ่งถือเป็น ‘นะ’ ชนิดหนึ่งที่มีความสำคัญและเป็นเอกลักษณ์ของสำนักวัดปากคลองมะขามเฒ่าเลยทีเดียว

ความที่ท่านเป็นผู้ใฝ่ศึกษา และมีความมุ่งมั่นตั้งใจจริง ทำให้ท่านประสบความสำเร็จในการศึกษาวิทยาคุณของแต่ละสำนักตลอดมา จะเห็นได้ว่ามงคลวัตถุที่ท่านเมตตาสร้างสรรค์ขึ้นและมอบให้ผู้เลื่อมใสนำไปบูชาติดตัว มีประสบการณ์เป็นที่กล่าวขานกันกว้างขวางไม่ใช่น้อย ทั้งเรื่องของเมตตาค้าขาย แคล้วคลาดกันภัย และอยู่ยงคงกระพัน

ปรากฏการณ์ที่ชัดเจนว่าของที่ท่านรังสรรค์เป็นที่ต้องการของประชาชนก็คือ ทั้งที่ท่านไม่มีการโฆษณาใด ๆ ไม่มีการตั้งตู้จำหน่ายวัตถุมงคลใด ๆ แต่มงคลวัตถุของท่านไม่ว่าจะอะไรก็ตาม เป็นที่ต้องการและแสวงหาของชุมชนคนรักขลังกันมาก แม้ผู้ไม่เคยพบเจอท่าน ก็ยังอยากได้ของ ๆ ท่าน จะอะไรก็ได้ ขอให้มี ขอให้มาเถอะ

หลายคนก็สู้ราคาไม่ถอย ไม่ว่าจะเหรียญพรหมรุ่นแรก รุ่นสอง สาม สี่ ห้า หรือ ตะกรุดมหาจักรพัตราธิราชที่ต้องอัญเชิญมาด้วยเงินหลักหมื่น ผ้ายันต์องค์บรมครูรุ่นแรกที่ต้องตามหาด้วยปัจจัย 1 หมี่นบาทเจ้าของยังไม่อยากจะออก ผ้ายันต์ราชสีห์คู่รุ่นแรกตำรับหลวงปู่สี พินทสุวัณโณ ที่ต้องใส่ซองให้เจ้าของ 7 พันบาท หรือแหวนปลอกมีดอันลือลั่นที่ต้องสู้กันด้วยราคาหลายพันบาทจนถึงหมื่นตามความพอใจของผู้เช่าและผู้ให้เช่า

เหล่านี้คือเรื่องจริงที่เกิดขึ้นเงียบ ๆ อย่างไม่มีใครรู้ถ้าไม่ใช่ผู้ศึกษาแบบยิงตรง เมื่อแรกผมก็สงสัยว่าเป็นการปั่นราคาหรือไม่อย่างไร หากมาสืบค้นดูแล้วถ้าจะว่าปั่นหรือเชียร์ ผมก็ไม่เคยเห็นเรื่องของท่านอาจารย์ได้ลงนิตยสารอะไร ไม่มีประวัติท่าน ไม่มีประวัติวัตถุมงคลของท่านเลยแม้สักรุ่นหนึ่ง ไม่เคยบอกอะไรอันจะเป็นที่น่ายินดีเลื่อมใส ชักชวนให้หาของ ๆ ท่านเลย ไม่มีศูนย์พระเครื่องใด ๆ เป็นตัวแทนจัดจำหน่ายจากทางวัด ไม่มีนายทุนมานั่งสร้างพระให้ท่านเสกและขาย ไม่มีแม้การเล่าถึงประสบการณ์ในการบูชาวัตถุมงคลของท่าน

แต่ก็มีคนหาของ ๆ ท่านเป็นมหกรรม

แล้วคนเขาหาเช่าพระของท่านเพื่ออะไร อย่างนี้แล้วจะว่าปั่นว่าเชียร์ได้หรือ นอกจากมีคนใช้ของ ๆ ท่านแล้วเกิดประสบการณ์ในทางที่ดีแต่ซุ่มเก็บเงียบไม่กระโตกกระตากเพราะกลัวจะเกิดคู่แข่ง แน่นอนว่าถ้ามีคู่แข่งก็ต้องสู้กันด้วยราคาที่แพงอักโข

คนเดินตามหลังอย่างผมก็ถึงแก่ ‘เจ๊กอั๊กซี่’

ดังนั้น เมื่อผมได้ทราบข่าวว่าท่านพระอาจารย์ติ๋วจะมีวัตถุมงคลใด ๆ ออกมา ไม่ว่าจะเป็นด้วยท่านสร้างเองหรืออนุญาตให้ผู้ใดสร้างโดยถูกต้อง ผมก็ต้องรีบไปคว้าเอาไว้ก่อนในราคาวัด ราคาจอง เพื่อนพ้องน้องพี่ของผมก็ตะลีตะลานไปเอาไม่ต่างกัน ว่าจะไม่ต้องแข่งกับใครแล้วก็ยังต้องมาแข่งกันเองเสียอีก

วันนี้มีข่าวดีมาถึงทุกท่านอีกแล้ว

เมื่อไม่นานที่ผ่านมา มีพระหนุ่มรูปหนึ่งศึกษาปริยัติธรรมจนได้เป็นถึง ‘มหา’ ด้วยคุณวุฒิเปรียญสามประโยคจึงได้มาซึ่งสมญานี้ ท่านพำนักอยู่ที่วัดยานนาวา กรุงเทพ บ้านเดิมของท่านอยู่ที่จ.นครราชสีมา ด้วยความกตัญญูต่อบ้านเกิด ท่านจึงได้รับสงเคราะห์วัดถึงสองแห่งดัวยกัน คือวัดโนนเสมา อ.จักราช จ.นครราชสีมา และวัดหนองขาม อ.จักราช จ.นครราชสีมา

อันวัดโนนเสมานั้นท่านมหาเมตตารับสร้างอุโบสถให้สำเร็จ ซึ่งเรื่องนี้ท่านพระอาจารย์ติ๋วได้ปรารภกับผมว่า

"ท่านมหาท่านมีบารมีมาก ยังหนุ่มอยู่แท้ ๆ อายุเพียง 20 กว่าปี ก็สามารถสร้างโบสถ์สำเร็จมาได้แล้วถึงสองหลัง หลังนี้จะเป็นหลังที่สาม”

และที่วัดหนองขามนั้น ท่านก็รับเป็นธุระเรื่องการสร้าง “ศาลาวิปัสสนาเฉลิมพระเกียรติ”เพื่อใช้ในกิจทางศาสนาอเนกประสงค์โดยที่เน้นที่การเจริญภาวนา นับได้ว่าท่านมหารูปนี้มีความเมตตาและความเพียรที่ในการสร้างมหาทานเป็นอย่างยิ่ง ท่านมหาผู้มีบารมีมากของท่านพระอาจารย์ติ๋วรูปนี้ก็คือ

พระมหาวีรธรรม ธัมมวีโร
หรือที่คณะศิษย์พร้อมใจกันเรียกท่านว่า “มหาแจ๊ค”

โดยเหตุที่อุโบสถวัดโนนเสมามีงบประมาณในการสร้างถึง 10 ล้านบาท และขณะนี้ได้ใช้ปัจจัยในการก่อสร้างไปแล้วประมาณ 4 ล้านบาท ทำให้ตัวโบสถ์แล้วเสร็จไปได้ราว 40 เปอร์เซ็นต์ แต่ก็ยังขาดพระประธานในโบสถ์ ท่านจึงดำริถึงการหล่อพระประธานเป็นพุทธลักษณะแบบ ‘สมเด็จองค์ปฐม’ ของวัดท่าซุง กำหนดให้องค์พระมีขนาดหน้าตัก 60 นิ้ว เท่ากับพรรษาแห่งการครองราชย์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลปัจจุบัน

ท่านได้กำหนดงานเททองหล่อพระประธานไปเมื่อวันอาทิตย์ที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2550 ที่ผ่านมา ณ วัดยานนาวา กรุงเทพ โดยมีท่านพระอาจารย์ติ๋วลงมาร่วมเททอง และยังทำการหลอมชนวนเพื่อสร้างวัตถุมงคล จากนั้นประกอบพิธีพุทธาภิเษก พระบูชา ชนวนสร้างพระ แหวนปลอกมีด (ทำพิเศษ) และ ผ้ายันต์

โดยมีพระเถรานุเถระมาร่วมนั่งปรกในพิธีวันนั้นประกอบด้วย

1. หลวงปู่เจือ ปิยสีโล วัดกลางบางแก้ว อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม
2. หลวงพ่อพรหมา วัดยานนาวา กรุงเทพ
3. พระครูสุวรรณสีลาธิคุณ (หลวงพ่อพูน ฐิตสีโล) วัดบ้านแพน อ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยา
4. พระปลัดอนันต์ พุทธญาโณ วัดท่าซุง อ.เมือง จ.อุทัยธานี
5. ครูบากฤษณะ อินทวัณโณ วัดป่ามหาวัน อ.เมือง จ.นครราชสีมา
6. พระครูปทุมวรกิจ (หลวงพ่อชำนาญ อุตตมปัญโญ) วัดบางกุฎีทอง อ.เมือง จ.ปทุมธานี
7. พระอาจารย์หรีด จิรปุญโญ วัดป่าโมกข์ อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา

และองค์หลักในงาน พระครูวิมลญาณอุดม (พระอาจารย์ติ๋ว ฐิตวัฑฒโน) วัดมณีชลขัณฑ์ ต.พรหมาสตร์ อ.เมือง จ.ลพบุรี

ในส่วนของศาลาปฏิบัติธรรมที่วัดหนองขาม ท่านบอกว่าต้องใช้งบในการสร้าง 7 ล้านบาท แต่ตอนนี้มีปัจจัยอยู่ 1.5 ล้าน ท่านยังต้องทำการรวบรวมอีกมาก ซึ่งท่านก็กำหนดวางศิลาฤกษ์แล้วในวันศุกร์ที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2550 โดยในงานท่านมหาก็จะนำผ้ายันต์ที่เข้าเสกในพิธีวันเททองมาแจกด้วย

ก็เพราะเหตุที่ต้องหาปัจจัยมาเป็นค่าใช้จ่ายในการสร้างเสนาสนะอย่างนี้ ท่านมหาแจ๊คจึงได้นำความเข้ากราบเรียนปรึกษาท่านพระอาจารย์ติ๋ว พร้อมทั้งขออนุญาตจัดทำวัตถุมงคลเพื่อตอบแทนแก่ผู้ร่วมสร้างโบสถ์และศาลาปฏิบัติธรรม เมื่อท่านอาจารย์ได้ทราบวัตถุประสงค์ที่เป็นไปเพื่อส่วนรวมและเกื้อกูลต่อพระศาสนาเช่นนี้แล้ว ท่านก็เมตตาอนุญาตให้ทำได้ทันที

โดยท่านอาจารย์ได้นำพระยันต์สำคัญของหลวงปู่ศุขมาให้ท่านมหาพิจารณาดู พระมหายันต์ทั้งสี่ก็คือองค์พระพุทธสี่พระองค์อันเป็นนิมิตหมายถึง อิ ติ ปิ โส มีพระนามตามพุทธลักษณะว่า ‘ยันต์พระพุทธเจ้าเข้าพระนิพพาน’ เป็นอาทิ และท่านมหาแจ๊คก็ได้ขออนุญาตอัญเชิญพระมหายันต์ที่มีนามว่า

“พระพุทธเจ้าเข้านิโรธสมาบัติ”

มาเป็นต้นแบบในการสร้างมงคลวัตถุ

หลวงปู่ศุขบันทึกด้วยลายมือของท่านเอง ปรากฏในตำราว่า ‘ยันต์พระพุทธเจ้าเข้านิโรธสมาบัติ’ นี้สามารถสะกดผู้คนและสัตว์ทั้งปวงในเรือนให้หลับสิ้นได้ มีอำนาจสะกดภูตผีปีศาจ ผีป่าผีโป่ง ปิดอันตรายนานา กันไข้ป่า กันเขี้ยวงา กันกระทำย่ำยีทางไสยศาสตร์ทั้งปวงได้วิเศษนัก

ด้วยพระพุทธานุภาพขององค์สมเด็จพระบรมศาสดาเมื่อเวลาเข้านิโรธสมาบัติ ย่อมไม่มีสิ่งใดมาแผ้วพาลให้เกิดอันตรายหรือความขุ่นข้องรำคาญได้เลย เมื่อนำมาทำเป็นพระยันต์วิเศษก็ย่อมมีอานุภาพในทางรักษาผู้กราบไหว้บูชาให้อยู่รอดปลอดภัยได้ดุจเดียวกัน

หลวงปู่ศุขท่านจึงถือเป็นยันต์ครู
หนึ่งในสี่พระมหายันต์ที่ทรงอานุภาพสูงสุด

พระมหาแจ๊คได้นำพระยันต์ไปให้ช่างแกะออกมาเป็นเหรียญได้อย่างสวยงาม มีลักษณะเป็นเหรียญทรงกลมเส้นผ่าศูนย์กลาง 3.9 ซ.ม. ด้านหน้าประทับด้วยพระมหายันต์ ‘พระพุทธเจ้าเข้านิโรธสมาบัติ’ ด้านหลังบรรจุด้วยยันต์ ‘เก้ายอด’ อันลือลั่น ของ หลวงพ่อหรุ่น เก้ายอด วัดอัมพวัน กรุงเทพ ซึ่งหลวงพ่อหรุ่นนั้นนักนิยมพระย่อมรู้จักดีว่าท่านมีคุณวิเศษอย่างไร

ด้วยก่อนท่านบวชนั้น หลวงพ่อหรุ่นเป็นเสือปล้นมาก่อน ทางการไม่เคยจับได้เลยเพราะเสือหรุ่นมีเวทย์มนต์คาถาที่ขลังนัก ลางทีก็ยิงไม่ออก ลางทีก็ยิงไม่เข้า ล้อมจับคราใดก็ไม่เคยได้ตัว จนกระทั่งทางการติดต่อขอให้เสือหรุ่นยอมเลิกเป็นโจรมารับราชการมีบรรดาศักดิ์เป็น ‘ขุนวิจลใจภารา’ และต่อมาท่านก็ออกบวช

เมื่อได้รับความสงบในทางธรรมหลวงพ่อหรุ่นก็ยิ่งทำของขึ้น ท่านสักยันต์เก้ายอดให้กับใครเชื่อขนมกินได้ว่าเหนียวจนแมลงวันไม่ได้กินเลือด หากไม่ชอบสัก ท่านก็ทำตะกรุดกระดูกห่านที่ขึ้นชื่อลือชาว่ามีอภินิหารเป็นเยี่ยมให้ไปพกติดตัว คนที่นำของท่านไปใช้เท่านั้นที่จะรู้ว่าหลวงพ่อหรุ่นมีอำนาจจิตที่กล้าแข็งเพียงใด

เมื่อหลวงพ่อหรุ่นอนุญาตให้ศิษย์ทำเหรียญรูปเหมือนรุ่นแรกและรุ่นเดียว ทุกวันนี้เหรียญของท่านก็ขึ้นทำเนียบเหรียญขลังอย่างยอดนิยมจนมีราคาหลักหมื่นแก่ ๆ จนถึงหลายแสนไปแล้ว ที่ทำให้ท่านมีชื่อเพียงนี้ก็เป็นเพราะ...

ยันต์เก้ายอด

ท่านพระอาจารย์ติ๋วได้ศึกษายันต์ศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อหรุ่นนี้มาจากศิษย์สายตรง สืบทอดกันมาในรุ่นอย่างที่ค้นคว้าเป็นหลักฐานได้จริง ไม่ใช่อย่างเลื่อนลอย

ท่านเรียนได้จำและทำได้เป็น

ก็เพียงท่านอาจารย์นำปากกามาลงยันต์นี้ใส่ผ้าแดงให้ศิษย์ไว้ติดตัว ก็มีอะไรแปลก ๆ ให้พบเจอแล้ว คงไม่ต้องรอให้ถูกกระสุนก่อนแล้วจึงยกนิ้วหัวแม่มือการันตีว่า “ขลัง” ดอกกระมัง หากเป็นดังนั้นก็คงต้องท้ายิงกันให้วุ่นวายไปทั้งประเทศ โดยลืมไปว่าที่แท้แล้วยังมี โชคลาภเงินทอง เมตตามหานิยม ซื้อง่ายขายคล่อง และ แคล้วคลาดกันภัย ที่เป็นวิชาหลักซึ่งครูผู้วิเศษได้บรรจุคุณไว้

เมื่อทำต้นแบบเหรียญแล้วเสร็จ ท่านมหาแจ๊คจึงนำเหรียญไปถวายท่านพระอาจารย์ติ๋วดู และได้ถวายนามเหรียญนี้ว่า

เหรียญ ‘องค์บรมครู’

ท่านมหาได้ทำการจัดสร้างเหรียญองค์บรมครูและแหวนปลอกมีดตามคำสั่งของท่านพระอาจารย์ติ๋ว ทั้งรูปแบบ ชนิดของโลหะ จำนวน และได้จัดทำของมงคลสิ่งอื่นเพิ่มเติม ประกอบด้วยรายการดังต่อไปนี้

1. องค์บรมครูเนื้อทองคำ จำนวน 9 เหรียญ บูชา 39,999 บาท (หมด)
2. องค์บรมครูเนื้อเงินหน้าทองคำ จำนวน 49 เหรียญ บูชา 4,999 บาท (หมด)
3. องค์บรมครูเนื้อเงินบริสุทธิ์ จำนวน 49 เหรียญ บูชา 2,499 บาท (หมด)
4. องค์บรมครูเนื้อนวโลหะ จำนวน 549 เหรียญ บูชา 999 บาท
5. องค์บรมครูเนื้อสัมฤทธิ์ จำนวน 2,000 เหรียญ บูชา 299 บาท
6. แหวนปลอกมีดรุ่น 2 เนื้อนวะ จำนวน 108 วง บูชา 500 บาท
7. ผ้ายันต์องค์บรมครูพิเศษ (ไม่จำหน่ายจัดสร้างถวายเฉพาะท่านพระอาจารย์)
8. ผ้ายันต์องค์บรมครูสีกรัก สร้างแจกในงานเททองหล่อพระ และ งานวางศิลาฤกษ์ศาลา
9. แหวนปลอกมีดเนื้อเงิน สร้างจำหน่ายในงานเททองและพุทธาภิเษกวันนั้นเป็นกรณีพิเศษ

ในโอกาสมงคลนี้ มั่นใจได้ว่าพระมหายันต์พระพุทธเจ้าเข้านิโรธสมาบัติ ซึ่งเป็นยันต์ครูของหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า ได้ถือกำเนิดขึ้นเป็นครั้งแรกในโลกด้วยการทำเป็นเหรียญโลหะ เป็นได้ด้วยการบำเพ็ญมหากุศลสร้างทานบารมีโดยการสร้างอุโบสถและศาลาปฏิบัติธรรมโดยแท้

ดังนั้น ท่านที่ศรัทธาในองค์หลวงปู่ศุข และท่านที่เชื่อมั่นในคุณธรรมของท่านพระอาจารย์ติ๋ว วัดมณีชลขัณฑ์ นี้จึงเป็นโอกาสเดียวที่ควรแก่การรีบไขว่คว้า รอช้าเมื่อพระหมดจากวัดก็จะแพงขึ้นไปอีกจนท่านต้องมานั่งบ่นอย่างเสียดาย

ผมบ่นมาจนเข็ดแล้วครับ

ติดต่อสอบถามไปก่อนครับเพื่อความแน่นอนที่ พระมหาวีรธรรม ธัมมวีโร (พระมหาแจ๊ค) วัดยานนาวา โทรศัพท์ 089-7802555 หรือ 02-6757733 , 02-2130925 แฟกซ์ 02-6855898

บอกกันละเอียดขนาดนี้ ก็เพราะปรารถนาดีต่อกัน บุญก็ได้จากการสร้างวิหารทาน ของดีก็ได้จากการประกอบพิธีโดยพระที่ทรงคุณธรรม รอช้าได้หรือครับ.

สุรเทพ · **โพสต์แล้ว:** พุธ 17 ก.ย. 2008 7:14 pm

อยากได้เหรียญองค์บรมครูครับพี่ต่อ พี่ต่อพอมีแบ่งให้ป่าวครับ

รณธรรม ธาราพันธุ์ · **โพสต์แล้ว:** พุธ 17 ก.ย. 2008 7:58 pm

ตอบกันอย่างตรงไปตรงมานะครับ

ที่ผมน่ะมี แต่เรื่องแบ่งไม่สะดวกแน่ครับ เหตุเพราะผมเช่ามาก็แค่จำนวนคนในบ้าน ไม่ทันได้คิดเก็บสะสมไว้เผื่อเยอะ ๆ และถึงอยากจะเก็บเผื่อให้เยอะ ๆ เงินผมก็ไม่เยอะอย่างที่ผมต้องการเสียด้วย มันก็เลยเป็นอย่างที่เป็น คือมีแค่พอใช้สอยกันในบ้านเท่านั้นครับ ต้องขออภัยด้วย

ถ้ายังไงลองติดต่อที่แอดมินดูสิครับ เพราะเค้าเป็นร้านพระด้วย เค้าก็น่าจะมี ที่สวนขลังเมื่อก่อนก็มีแต่ไม่ทราบว่าเดี๋ยวนี้จะหมดหรือยังครับ

ต้องขอโทษด้วยที่ทำให้ผิดหวังครับ

สุรเทพ · **โพสต์แล้ว:** พุธ 17 ก.ย. 2008 8:58 pm

ขอบคุณครับพี่ต่อ

ศิษย์กวง · **โพสต์แล้ว:** พุธ 17 ก.ย. 2008 11:51 pm

ทำมายแทงหวย ไม่ถูกว๊ะตรู

ปล.หนูก็อยากได้ฮะ..

สุรเทพ · **โพสต์แล้ว:** พฤหัสฯ. 18 ก.ย. 2008 10:48 pm

พี่ศิษย์กวง เราไปหาเหรียญองค์บรมครูกันที่ไหนดีคร้าบผม

ศิษย์กวง · **โพสต์แล้ว:** พฤหัสฯ. 18 ก.ย. 2008 11:07 pm

เอ้า...อู๊ด อู๊ด บริการ...

คุณสุรเทพลองติดต่อ คุณแทนทาลั่ม ตามเบอร์โทรในบอร์ดซื้อขายล่ะครับ น่าจะมีเหลืออยู่ซักครึ่งเหรียญ....ที่หายไป สาเหตุเกิดจากช่วงนั้น
พี่แกหิวจนตาลาย เห็นเหรียญนึกว่าเป็น "โอริโอ้" อ่ะครับ....

เชื่อมั่นเถอะครับ ถึงจะมีแค่ครึ่งเหรียญ พุทธคุณไม่ลดหย่อนไปเลย ผมรับรองเลยว่าแขวนเหรียญนี้ไปให้ท่านอาจารย์ดู รับรอง "ได้ใจโก๋" เลยครับ....

ลองติดต่อดู ไม่ได้แล้วว่ากันใหม่...สวัสดีครับ