นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน อังคาร 07 พ.ค. 2024 4:59 pm

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 9 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
โพสต์โพสต์แล้ว: จันทร์ 01 ธ.ค. 2008 1:36 pm 
ออฟไลน์
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 14 ก.ย. 2008 5:09 pm
โพสต์: 1368
หลวงพ่อสารันต์ วัดดงน้อย ตอน มหาบพิตร ไม่ยากนักโลกเรานี้มีสองอย่าง
โดย ศิษย์กวง จาก http://www.oknation.net/blog/sitthi/2008/05/30/entry-1
01.jpg

@อำนาจของอวิชาทางต่ำ ไม่สามารถที่จะมีอำนาจเหนือความวิเศษของอำนาจพุทธคุณไปได้ เพราะอำนาจของพระพุทธคุณนั้น เป็นอำนาจที่เกิดจากความบริสุทธิ์ เกิดจากความดี ไม่มีความชั่วร้ายแอบแฝงอยู่เลย…..@

ครับคำกล่าวข้างต้นนี้เป็นคำพูดของท่านหลวงพ่อสารันต์ จนทนูปโม หรือท่านพระครูจันทสิริธร เจ้าอาวาสวัดดงน้อย ตำบลกกโก อำเภอเมือง จังหวัดลพบุรี ซึ่งผมและเพื่อนๆ ร่วมอุดมคติรู้จักท่านมานานแล้วครับ ในฐานะที่หลวงพ่อเป็นพระนักพัฒนา อาคมขลัง ปฏิปทาดีเยี่ยม สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น สิบตาเห็นไม่เท่ามือคลำครับ....
02.jpg

พวกเราใช้เส้นทางถนนสายเอเชีย ถึงทางแยกต่างระดับจะเข้าตัวเมืองอ่างทองให้ใช้เส้นทางที่จะไปอำเภอท่าเรือ ลงสะพานข้ามแม่น้ำลพบุรี ให้ขับรถตรงไปจนถึงสี่แยกไฟแดงบ้านโพธิ์เก้าต้น ซึ่งเป็นเส้นทางเลี่ยงเมือง ให้ใช้เส้นทางไปอำเภอพระพุทธบาท ประมาณไม่เกินสิบกิโลก็จะพบ"วัดดงน้อย"อยู่ทางด้านขวามือครับ
03.jpg

หลวงพ่อสารันต์ เป็นพระรูปร่างเล็ก สันทัด ผิวคล้ำนิดๆ พูดจามีรอยยิ้ม สุภาพ อ่อนน้อมถ่อมตนและสำรวม มากๆ ครับ ท่านเล่าให้พวกเราฟังว่า ท่านเป็นคนบ้านปราสาท บุรีรัมย์ แต่ย้ายตามพ่อแม่ซึ่งไปประกอบอาชีพค้าขายที่จังหวัดพระตะบอง ประเทศเขมร ซึ่งท่านได้เริ่มเรียนหนังสือ บรรพชาเป็นสามเณรและอุปสมบทเป็นพระสงฆ์ ณ วัดบรมนิเวศน์ เมืองพระตะบองครับ ภายหลังจากประเทศเขมรแตก ท่านจึงได้ธุดงค์เข้ามาที่ประเทศไทยและบวชให้ตรงกับบัญญัติของคณะสงฆ์ในประเทศไทย ณ วัดปราสาท อำเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์ เมื่อปี ๒๕๑๔ นับถึงปัจจุบันนี้ก็ ๓๗ พรรษาแล้วครับ....สำหรับตำแหน่งสุดท้ายก่อนที่ท่านจะเดินทางออกจากประเทศเขมร คือ "เลขานุการสมเด็จพระสังฆราชแห่งประเทศเขมร" ครับ
04.jpg

ย้อนกลับไป ณ เวลานั้น เขมรแดงได้เข้ายึดประเทศเขมร และได้เริ่มทำการ "ปฏิวัติสังคม" เพื่อนๆ คงเคยผ่านตาคำๆนี้จาก "การปฏิวัติวัฒนธรรมของจีน" ซึ่งก็คือการเผาทำลายวัด เผาตำราเรียน จับพระสึก ฯลฯ แต่การ "ปฏิวัติสังคม" ของพวกเขมรแดงจะโหดร้ายอยู่มาก ตามที่ผมเคยศึกษามาจะเป็นการกระทำที่เรียกว่า "การสร้างสังคมที่คนคิดเหมือนกัน" คือ การสังหารทุกคนที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาลเดิม พระ ข้าราชการหรือแม้แต่เด็กๆ ก็ไม่เว้น อย่างที่เราเรียกกันว่า "ฆ่าล้างโคตร" แหละครับ....และนี่เองที่เป็นจุดกำเนิดของ "ทุ่งสังหาร" หรือ "Killing Fields" ครับ (เคยมีการสร้างเป็นภาพยนตร์กันโด่งดัง)
05.jpg

ผมว่าถ้า "ทัชมาฮาล" เป็นอนุสรณ์สถานของความรักที่ระบือลือโลก "ทุ่งสังหาร" แห่งนี้คืออนุสรณ์สถานของ "ความสลดหดหู่" อย่างแท้จริงเลยครับ...
06.jpg

หลวงพ่อสารันต์ได้เดินธุดงค์มาจนถึงวัดดงน้อย ซึ่งขณะนั้นวัดอยู่ในสภาพที่ทรุดโทรมมาก ท่านจึงได้ตัดสินใจจำพรรษาที่วัดแห่งนี้และเริ่มพัฒนาวัดท่ามกลางบริบทของชาวบ้านที่มีความเลื่อมใสศรัทธาเกี่ยวกับเรื่องภูตผีปีศาจและคุณไสยต่างๆ แต่หลวงพ่อท่านก็ได้ต่อสู้ด้วยวิชาความรู้ทางพุทธาคมที่ได้เคยร่ำเรียนมาเมื่อครั้งที่อยู่ในประเทศเขมร และพัฒนาคุณภาพชีวิต คุณภาพจิตใจของชาวบ้านกกโก จนเป็นที่ยกย่องของชาวบ้าน ท่านว่าคนเราเกิดมาทั้งทีต้องรู้จัก "ทดแทนคุณแผ่นดินและพระเจ้าอยู่หัว"
07.jpg

รูปธรรมในเรื่องของการแทนคุณแผ่นดินเริ่มจากการบูรณปฏิสังขรณ์วัดให้อยู่ในสภาพที่ดี มีที่ประกอบกิจกรรมของสงฆ์ครบถ้วนและสร้างโรงเรียนวัดดงน้อย ซี่งเป็นโรงเรียนแบบบ้านนอกให้มีตึกเรียนที่ดีและอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ครบถ้วน….
08.jpg

ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะครับถ้าเพื่อนๆ รู้ว่า การสร้างตึกพร้อมอุปกรณ์นี้ทำในราวปี ๒๕๔๐ ซึ่งสภาพเศรษฐกิจช่วงนั้นแย่มากๆ (ต้มยำกุ้ง) ทั้งหมดนี้คงเกิดจากบารมีของหลวงพ่อสารันต์ท่านแหละครับ...

หลวงพ่อเล่าให้พวกเราฟังว่า สมัยท่านเป็นเด็ก ท่านมีอุปนิสัยเป็นคนเอาจริง อยากรู้อยากเห็น ได้อ่านหนังสือเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ ก็อยากรู้ว่า วิทยาศาสตร์เป็นจริงหรือเปล่า ได้รับฟังคนเล่าเรื่องลี้ลับ ก็ต้องค้นคว้าหาความจริงให้ได้....
09.jpg

"เราต้องเรียนรู้จากตนเอง และเรียนรู้จากครูบาอาจารย์ เมื่อเรียนแล้ว ต้องพิสูจน์ครูบาอาจารย์ว่าทำได้จริงมั๊ย ต้องทำให้เราเห็น"

หนึ่งในครูบาอาจารย์
ที่หลวงพ่อสารันต์ยกย่องคือ "หลวงปู่ธรรมรังษี หรือท่านพระมงคลรังษี วัดพระพุทธบาทพนมดิน อำเภอท่าตูม จังหวัดสุรินทร์" หลวงพ่อเล่าด้วยแววตาแจ่มใสว่า สมัยท่านเป็นเณรเคยพักอยู่กุฏิข้างๆกับกุฎิของหลวงปู่ธรรมรังษี และเห็นเรื่องแปลกๆ เกี่ยวกับวิชาอาคมที่หลวงปู่ธรรมรังษีแสดงให้ดู จึงมีความสนใจอยากเรียนในวิชาอาคม ขยับจะเรียนก็มีเหตุให้ต้องแยกย้ายกันไปก่อน ซึ่งกาลต่อมาเรื่องที่...คริสโตเฟอร์ โคลัมบัสบอกว่า โลกนี้มันกลมยิ่งนักก็เป็นจริงครับ...
10.jpg

"หลวงปู่ธรรมรังษี ท่านเป็นพระที่เก่งและมีชื่อในแถบอีสานตอนใต้ สมัยนั้นทางราชการเคยนิมนต์ให้ท่านไปช่วยชักจูงพวกปัญญาชน ที่เข้าป่าไปเป็นคอมมิวนิสต์และฝังตัวอยู่ในประเทศเขมร ให้กลับมาช่วยกันพัฒนาบ้านเมือง อาตมาคิดว่า ท่านเสียชีวิตไปแล้วเพราะในขณะนั้นท่านมีชื่ออยู่ในบัญชีดำ....จนอาตมาได้มาจำพรรษาอยู่ที่วัดดงน้อยแห่งนี้ ลูกศิษย์ได้มาบอกว่า มีพระเก่งชื่อ ธรรมรังษี อยู่ที่จังหวัดสุรินทร์ เห็นว่า ชื่อนี้คุ้นๆ เลยตามไปดูพบว่า เป็นท่าน นั่งสนทนาฟื้นความหลังกับท่านจนจำได้ ท่านกอดอาตมาแน่นเลย วันนั้นญาติโยมเยอะไปหมด"

หลังจากเหตุการณ์ประทับใจในวันนั้น วิชาอาคมของหลวงปู่ธรรมรังษี จึงถูกถ่ายทอดมาที่หลวงพ่อสารันต์ จนหมดสิ้น....ครับ
11.jpg

นอกเหนือจากการศึกษาด้านคาถาอาคมแล้ว แนวทางการปฏิบัติของสำนักอื่นๆ หลวงพ่อก็ได้เดินทางไปศึกษาเพิ่มเติม เช่นสายหลวงปู่มั่น ที่ภาวนา "พุทโธ" สายวัดมหาธาตุ ในเรื่อง "ยุบหนอ พองหนอ" หรือสายมโนมยิทธิ ของหลวงพ่อฤษีลิงดำ (พระมหาวีระ ถาวโร) วัดท่าซุง ที่ว่าด้วยเรื่องของ "นะ มะ พะ ธะ" ซึ่งในเรื่องของการแสวงหาครูบาอาจารย์... ผมได้เรียนถามหลวงพ่อและได้รับคำตอบว่า เดิมสมัยที่ท่านอยู่ในประเทศเขมร การเรียนวิชาอาคม คุณไสยต่างๆ เป็นที่นิยมเหมือนจะเป็นเอกลักษณ์ของชาวเขมรเลยที่เดียว ซึ่งท่านเองก็ไม่ปฏิเสธว่าไม่เคยเรียน..เพียงแต่ว่าการเรียนของท่านเพื่อเป็นเครื่องยืนยันว่า "ไสยศาสตร์มีจริง"...ดังนั้นเมื่อท่านมาอยู่ในเมืองไทย พระเกจิอาจารย์องค์ไหนที่ว่าแน่ๆ หรือเก่งๆ หลวงพ่อท่านเป็นต้องเดินทางไปกราบขอเรียนวิชาอาคม หรือหากเป็นพระปฏิบัติ สายวัดป่า ท่านก็จะขอเรียนกรรมฐานเพิ่มเติมครับ...

ทั้งหมดนี้เกิดจากคำว่า "สงสัย" ตัวเดียวครับ ผมนั่งเรือมาถึงบางอ้อแล้วครับ..จะว่าไปแล้ว "ความสงสัย" มันมีอยู่ในตัวคนทุกคนแหละครับ และมันก็เกิดมีขึ้นมาได้ประจำทุกทีซิน่า ทั้งช่วง "จิตว่างและไม่ว่าง" ตายเมื่อไหร่แหละครับถึงจะ "หมดความสงสัย" ไปได้ซึ่งก็เป็นเฉพาะผู้เสียชีวิตอย่างเดียวเท่านั้น คนเป็นก็ยังคงนั่งสงสัยกันต่อไป ..เพื่อนๆ ว่าไหมครับ..
12.jpg

ในเรื่องของครูบาอาจารย์ที่หลวงพ่อสารันต์ ท่านได้เข้าไปขอศึกษาเพิ่มเติมนอกเหนือจากที่เรียนจากหลวงปู่ธรรมรังษีแล้ว เรื่องของกรรมฐานและการปฏิบัติในสายของหลวงปู่มั่น หลวงพ่อสารันต์ท่านก็ได้ให้ความสนใจ โดยเฉพาะ"พระอริยสงฆ์" ในขณะนั้น ครับ...ผมกำลังลำดับครูบาอาจารย์ที่น่าสนใจครับ .....
13.jpg

หลวงปู่แหวน สุจิณโณ แห่งวัดดอยแม่ปั๋ง จังหวัดเชียงใหม่ หลวงพ่อสารันต์ท่านได้รับคำแนะนำจากหลวงปู่แหวนในเรื่องของ กรรมฐานเดิมที่ได้รับจากพระอุปัชฌาย์ คือ เกสา โลมา นักขา ฯลฯ ขันธ์ ๕ คือ ส่วนประกอบต่างๆ ที่เข้ามารวมเป็นตัวตน และหลักพระไตรลักษณ์ ซึ่งก็คือ กฎสำคัญของธรรมชาติครับ อันได้แก่ อนิจจัง(ความไม่เที่ยง) ทุกขัง (ความทนอยู่ไม่ได้) และอนัตตา (ความไม่ใช่ตัวตน)
14.jpg

นอกจากนี้หลวงพ่อสารันต์ท่านได้เล่าความประทับใจถึงช่วงที่ได้มีโอกาสรับฟังคำสอนในช่วงที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ให้หลวงปู่แหวนช่วยแนะนำธรรมะ...ซึ่งหลวงปู่แหวนท่านแนะว่า
15.jpg

"มหาบพิตร ไม่ยากนัก โลกเรานี้มีสองอย่าง คือ "กายกับจิต" เราอยากรู้เรื่องกาย ก็ศึกษาเรื่องกาย เราอยากรู้เรื่องจิต ก็ต้องศึกษาเรื่องจิต"

ผมฟังแล้วรู้สึกงงๆ เพราะมันสั้นมากเลยถามหลวงพ่อว่า หลวงปู่แหวนท่านสอนในหลวงแค่นี้เหรอ หลวงพ่อท่านยิ้มๆ และกล่าวยืนยันว่า แค่นี้จริงๆ ผมถามว่า แล้วในหลวงท่านไม่ว่าอะไรเหรอ หลวงพ่อตอบว่า ในหลวงท่านยิ้มแล้วก้มลงกราบพร้อมพูดว่า "ขอบพระคุณหลวงปู่มาก...เท่านี้ก็พอแล้ว"

ครับ...เท่านี้ก็เท่านี้ "กาย กับ จิต" อยากรู้เรื่องกาย ศึกษากาย อยากรู้เรื่องจิต ให้ศึกษาจิต ....คิดไปคิดมาเข้าข้างตัวเองว่า ยังพอมีบุญตัวกลมอยู่บ้างหรือชาติที่แล้วเคยถวายการรับใช้พระเจ้าอยู่หัวของเรา เกิดมาชาตินี้เลยมีโอกาสได้รับฟังธรรมะแบบเดียวกับที่พระองค์ท่านเคยได้ยิน..ถึงจะเป็นต่างกรรม ต่างวาระ ก็ไม่เป็นไร...
16.jpg

ครูบาอาจารย์ในสายหลวงปู่มั่นที่หลวงพ่อสารันต์ท่านได้ไปศึกษาในเรื่องของกรรมฐานอีกองค์หนึ่งคือ หลวงปู่ฝั้น อาจาโร แห่งวัดป่าอุดมสมพร จังหวัดสกลนครครับ หลวงพ่อสารันต์ท่านได้รับคำแนะนำในเรื่องของ ขันธ์ ๕ ซึ่งก็คือส่วนประกอบต่างๆ ที่เข้ามารวมเป็นตัวตนแท้ๆ อันได้แก่ รูป เวทนา สัญญา สังขาร และวิญญาณ ตลอดจนการภาวนา "พุทโธ" ซึ่งหลวงพ่อสารันต์ท่านเน้นว่า หลวงปู่ฝั้นสอนให้บรรดาพระที่มาฝึกปฏิบัติใช้หลักการ "เราศึกษาเอง ปฏิบัติเอง และเราจะรู้เอง" ได้รับฟังแล้วพาลคิดไปว่า เออ..ตอนแรกผมว่ามาถึงบางอ้อแล้วแต่ไหงเราดันมาโผล่ที่บางพลัดได้...
17.jpg

ครับเพื่อนๆ หลักคำสอนของหลวงปู่ฝั้น อาจาโร แห่งวัดป่าอุดมสมพร อำเภอพรรณนานิคม จังหวัดสกลนคร..."เราศึกษาเอง ปฏิบัติเอง และเราจะรู้เอง" ฟังเอาไว้เป็นแนวนะครับ ที่จะขยายผลคงต้องไปทำกันเองแล้วเพราะตัวผมเองก็ยังไม่บรรลุในปัญญาครั้งนี้ ผมถามหลวงพ่อท่านว่า "ศึกษาเอง ปฏิบัติเอง" คืออะไรท่านตอบผมว่า "นั่นแหละต้องศึกษาเอง ปฏิบัติเองแล้วจะได้กับตัวเอง" เอวังแบบได้ใจครับ..

พูดถึงท่านหลวงปู่แหวน สุจิณโณ หลวงปู่ฝั้น อาจาโร กับพระบามสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของเราแล้วก็อดที่จะนำเสนอรูปภาพซักสอง สามภาพเพื่อแสดงให้เห็นถึง "ความผูกพันที่พระองค์ท่านมีกับหลวงปู่ทั้งสององค์นี้" ครับ
18.gif

ภาพแรก ถ่ายเมื่อ 16 มกราคม 2525 ครั้งเสด็จพระราชดำเนินไปนมัสการหลวงปู่แหวน วัดดอยแม่ปั๋ง จังหวัดเชียงใหม่ เวลาที่มีพระราชปฏิสันถารอยู่กับหลวงปู่อยู่นั้น มักทรงเตรียมกล้องถ่ายภาพกับไฟแฟลชพร้อมไว้เสมอ พอทรงเห็นหลวงปู่ทำท่าทีได้เหมาะดีจะทรงถ่ายภาพไว้โดยมิต้องทรงนิมนต์หลวงปู่ให้รู้ตัว
19.jpg

20.jpg

และอีกสองภาพคือ เมื่อครั้งเสด็จพระราชดำเนินไปประชุมเพลิงท่านหลวงปู่ฝั้น อาจาโรครับ

หลวงพ่อสารันต์ท่านบอกพวกเราว่า นอกจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวท่านจะ"ทรงแตกฉานในเรื่องของธรรมะ" แล้ว "การปฏิบัติกรรมฐาน"ของพระองค์ท่านก็ยอดเยี่ยม โดยเฉพาะเรื่องของ"กระแสจิต"..เรื่องนี้มี "คำยืนยัน"จากปากของครูบาอาจารย์ของหลวงพ่อสารันต์ถึงสององค์ครับ คือ หลวงพ่อฤษีลิงดำ วัดท่าซุง ที่สมัยนั้นได้เข้าวังเพื่อสอนกรรมฐานแก่ในหลวง
21.jpg

"พระองค์ทรงมีกระแสจิตแรงมาก ฉันเองยังสู้ท่านไม่ได้"

และครูบาพรหมจักร วัดพระพุทธบาทตากผ้า..
22.jpg

"กระแสจิตของพระองค์ท่านมีพลัง พลังที่เกิดจากการปฏิบัติที่ดี"….

ผมแอบสังเกตดูเวลาที่หลวงพ่อสารันต์ท่านเล่าเรื่องของในหลวง ท่านจะยิ้มและมีความสุขมากเลยครับ ทำให้พวกผมพลอยร่วมปิติไปกับท่านด้วย
23.jpg

ผ่านเรื่องบุ๋นไปแล้ว ตอนนี้มาถึงบทบู้ละครับ..เป็นที่รับทราบกันดีของบรรดานักนิยมพระเครื่องว่าหลวงพ่อสารันต์ ท่านเป็นพระเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียงองค์หนึ่งของเมืองไทย การสร้างเครื่องรางของขลังแต่ละครั้งส่วนมากแล้วท่านจะปลุกเสกเดี่ยว โดยเฉพาะ"พระปิดตากับตะกรุด" ที่สร้างชื่อเสียงให้ท่านมาก ซึ่งตะกรุดโทนและตะกรุดจักรพรรดิของท่านนั้นเป็นที่ต้องการของบรรดาลูกศิษย์ลูกหาแต่หลวงพ่อท่านก็มิได้สร้างออกมามากมายนัก ในปีหนึ่งท่านจะทำแค่สองครั้งคือ ในช่วงเข้าพรรษาหรือไตรมาส กับในเทศกาลไหว้ครูของท่าน ไม่มากครับทำครั้งละประมาณร้อยกว่าดอกเรียกว่าพอเปิดให้บูชาไม่ถึงสิบนาทีก็หมดแล้ว
24.jpg

นอกจากเรื่องการทำตะกรุดแล้ว ในเรื่องของการแก้คุณไสยมนต์ดำ ซึ่งเป็นศาสตร์วิชาที่ต่ำสร้างความเดือดร้อนวุ่นวายไปทั่ว หลวงพ่อท่านก็ได้ใช้วิชากำหราบไปนักต่อนัก ยิ่งในช่วงแรกๆ ที่ท่านมาจำพรรษา ณ วัดดงน้อยแห่งนี้ คุณไสยจากหมอแขก หมอเขมร ยังคงมีมากมาย ก็ได้หลวงพ่อนี่แหละครับคอยเป็นผู้อนุเคราะห์แก่ชาวบ้านกกโกและญาติโยมต่างถิ่นทั้งไกลและใกล้ โดยท่านเองไม่เคยเรียกร้องใดๆเลย สิ่งนี้แหละครับที่ส่งผลให้บารมีชื่อเสียงของท่านขจรขจายไปไกล ยังพาให้เกิดความเจริญเข้าสู่วัดและท้องถิ่นพลอยได้อานิสงส์นี้ไปด้วยแล.....
25.jpg

ปัจจุบันหลวงพ่อสารันต์ ท่านได้เอาหลักธรรมที่ท่านเล่าเรียนมาเผยแพร่ให้กับชาวบ้านในละแวกบ้านกกโก โดยการจัดให้มีสวนป่า สำหรับปฏิบัติธรรม มีการก่อสร้างอาคารสำหรับคอยรับญาติโยมจากต่างถิ่นไกลๆ หรือหน่วยงานราชการมาเข้าใช้สถานที่ โดยหากหลวงพ่อสารันต์ท่านว่างจากกิจนิมนต์ ท่านก็จะมาเป็นวิทยากรด้วยตัวเอง..และด้วยเหตุที่ว่า เสนาสนะสิ่งก่อสร้างในวัดดงน้อย และโรงเรียนวัดดงน้อยได้เสร็จครบถ้วนสมบูรณ์แล้ว หลวงพ่อสารันต์ท่านจึงได้ไปหาที่สงบสำหรับไว้ในกิจกรรมการฝึกอบรมวิปัสสนากรรมฐานโดยเฉพาะ และนั่นเองคือจุดกำเนิดของ..
26.jpg

27.jpg

"สำนักปฏิบัติธรรม ธรรมสถานเฉลิมพระเกียรติ เขาเตียน" ซึ่งท่านหลวงพ่อสารันต์ได้กล่าวกับพวกผมด้วยแววตาที่มีความสุขอย่างยิ่งใหญ่ว่า.."ได้เวลาทดแทนคุณในหลวงแล้ว"
28.jpg

ครับจากพุทธพจน์ที่ว่า "เขาสำคัญว่าถูก ก็ถูกของเขา แต่ไม่ถูกของเรา" ทำให้เรื่องของไสยศาสตร์ และพุทธศาสตร์ ยังเป็นข้อถกเถียงกันไม่รู้จบ…บางท่านว่า"ไสยศาสตร์และพุทธศาสตร์" มันเป็นคนละเรื่อง..ซึ่งอันนี้จบไปคนละเรื่องก็ไม่ต้องอ้างเหตุผลมาก ส่วนบางท่านก็ว่า "ไสยศาสตร์และพุทธศาสตร์" เป็นเรื่องเดียวกัน ก็มาฟังเหตุผลกัน เวทย์มนต์คาถา หรืออักขระเลขยันต์ ต่างๆ ล้วนแล้วมาจากคำสอนของพระพุทธเจ้าทั้งสิ้น ที่กล่าวเช่นนี้ด้วยเหตุที่ว่า คาถาก็คือ การนำยกเอาบทสวดมนต์มาสวดนั้นเอง..ซึ่งทั้งสองความคิดเห็นนี้อาจจะนำมาซึ่งคำว่า "มิจฉาทิฐิ" ได้นะครับ...
29.jpg

พูดถึงตอนนี้ผมมานั่งคิดดู..พวกเราเข้ามาวัด มาหาพระ ถือว่าเป็น "การกระทำหรือวัฒนธรรมที่ดีงาม" แต่พวกเราก็ไม่เคยนึกถึง "สิ่งที่มีคุณค่าในวัฒนธรรม" เหล่านี้เลย เพราะ "วัด" คือสถาบันหลักที่ได้ให้การศึกษากับคนไทยมาแต่ไหนแต่ไรและผมเชื่อว่า พวกเราทุกคนก็ทราบกันดีโดยเฉพาะชาวพุทธ แต่จะมีใครคนไหนเล่าครับที่หันไปศึกษาถึงคุณค่าในสถาบันหลักนี้อย่างจริงจัง..

คำว่า "การศึกษา" ในที่นี้ผมหมายตามนัยยะว่าด้วย "กระบวนการวิจัย" "หาข้อมูลมาวิเคราะห์" เพื่อที่จะได้นำมาเป็นประโยชน์สำหรับปัจจุบันและอนาคตต่อไป...ที่ผมพูดเช่นนี้เพราะว่าการศึกษา"เจาะลึก" เข้าไปในสถาบันหลัก "วัด" นี้ มันจะทำให้เราทราบถึง "เรื่องของชาวบ้าน" "วัฒนธรรมของพวกเขา" "ภูมิปัญญาท้องถิ่น" ฯลฯ นั่นแหละครับจะเป็น "สาเหตุ" ให้พวกเราต้องหันมาสนใจในเรื่อง "ความเชื่อถือทางไสยศาสตร์และโหราศาสตร์" ที่มันเป็น "เรื่องเหนือจริง" และ "นอกเหนือไปจากพุทธศาสนา" ออกไปด้วย ผมพูดอย่างนี้คิดว่าพอเอาได้นะครับ.....
30.jpg

ขอขอบคุณรูปภาพประกอบเรื่องบางส่วนที่ผมได้เสาะหามาจากเวปต่างๆ หากท่านได้เปิดมาอ่านก็ขออนุญาตไว้ตอนนี้เลยนะครับถือซะว่ามาช่วยกันแทนคุณแผ่นดิน สนองคุณในหลวงของพวกเรานะครับ...... "วัฏฏโก โลโก ความว่านี้เป็นของกลมหมุนอยู่เป็นนิจ วัตถุธาตุสิ่งใดเกิดขึ้นมาแล้วจะต้องดับไปเป็นที่สุด ไม่มีใครแต่งมัน หากเกิดจากเหตุปัจจัยของมันเอง" เกิดมาแล้วก็ดับไป หากมันเป็นอยู่อย่างนั้นจึงเรียกว่า โลก....ขอบคุณครับ


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
โพสต์โพสต์แล้ว: จันทร์ 01 ธ.ค. 2008 4:44 pm 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ 29 ก.ย. 2008 12:53 pm
โพสต์: 754
ขอบพระคุณมากเลยครับ

_________________
.........ถ้าเจ้าได้ทุกอย่างอย่างที่คิด
ชั่วชีวิตจะเอาของกองที่ไหน
จะได้บ้างเสียบ้างจะเป็นไร
ช่างหัวใครช่างหัวมันเท่านั้นเอง ..........


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
โพสต์โพสต์แล้ว: จันทร์ 01 ธ.ค. 2008 9:12 pm 
ออฟไลน์
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร 14 ต.ค. 2008 9:22 pm
โพสต์: 832
:grt: ขอบคุณคับ :grt:

_________________
"สติเป็นบ่อเกิดของธรรม ใครอยากให้ธรรมเกิด พึงมีสติอยู่ทุกเมื่อ"


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
โพสต์โพสต์แล้ว: จันทร์ 01 ธ.ค. 2008 9:57 pm 
ออฟไลน์
Administrator
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ 08 ก.ย. 2008 11:37 am
โพสต์: 6391
มีโอกาสกราบท่านมาแล้วหนึ่งครั้งครับ โดยอาศัยบารมีของคุณ ศิษย์กวง รู้สึกดีครับ หากมีโอกาสก็จะไปกราบท่านอีกครับ

_________________
089 969 9445 @ anytime
line ID navaraht


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
โพสต์โพสต์แล้ว: จันทร์ 01 ธ.ค. 2008 10:51 pm 
ออฟไลน์
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 14 ก.ย. 2008 5:09 pm
โพสต์: 1368
ผมเห่อจากเมื่อวาน เพิ่งไปกราบท่านมา ก็เลยเอาเรื่องของท่านศิษย์กวงเรื่องนี้มาลงซะเลย


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
โพสต์โพสต์แล้ว: จันทร์ 01 ธ.ค. 2008 11:50 pm 
ออฟไลน์
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 14 ก.ย. 2008 11:16 pm
โพสต์: 1786
ขอบพระคุณพี่จิ้งจกครับที่ได้เสี่ยงภัยเข้าไปลากเรื่องออกมา
(ท่าทางไม่ค่อยเห่อเท่าไหร่)
สำหรับคุณอู๊ด อู๊ด ต้องขอแก้ข่าวหน่อยครับ ความจริงแล้วผมไม่มีบารมีหรอกครับ
คงเป็นวาสนาของคุณอู๊ด อู๊ดมากกว่า หรือจะเรียกง่ายๆว่า "ยังพอมีบุญ" ครับ :lol: :lol:


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
โพสต์โพสต์แล้ว: อังคาร 02 ธ.ค. 2008 1:17 am 
ออฟไลน์
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร 09 ก.ย. 2008 11:02 pm
โพสต์: 360
ขอบคุณด้วยคนครับ :pry:

_________________
Yesterday is history
Tomorrow is a mystery
And Today is a gift...
Thats why they call it the Present


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
โพสต์โพสต์แล้ว: พุธ 03 ธ.ค. 2008 8:22 pm 
ออฟไลน์
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 14 ก.ย. 2008 6:00 am
โพสต์: 6586
ศิษย์กวง เขียน:
ขอบพระคุณพี่จิ้งจกครับที่ได้เสี่ยงภัยเข้าไปลากเรื่องออกมา
(ท่าทางไม่ค่อยเห่อเท่าไหร่)
สำหรับคุณอู๊ด อู๊ด ต้องขอแก้ข่าวหน่อยครับ ความจริงแล้วผมไม่มีบารมีหรอกครับ
คงเป็นวาสนาของคุณอู๊ด อู๊ดมากกว่า หรือจะเรียกง่ายๆว่า "ยังพอมีบุญ" ครับ :lol: :lol:


ยังดีครับที่แกยังได้กราบก่อนจะ "หมดบุญ"
.gif


_________________
ถ้าเราไม่อยากได้อะไรจากใคร ก็จะไม่มีอะไรให้หมางใจกัน


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
โพสต์โพสต์แล้ว: พุธ 03 ธ.ค. 2008 11:52 pm 
ออฟไลน์
Administrator
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ 08 ก.ย. 2008 11:37 am
โพสต์: 6391
1209489917693.gif


_________________
089 969 9445 @ anytime
line ID navaraht


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 9 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
cron
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO