นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน เสาร์ 20 เม.ย. 2024 4:03 am

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 3 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
 หัวข้อกระทู้: พระเจ้าตาเขียว
โพสต์โพสต์แล้ว: ศุกร์ 03 ก.ย. 2010 9:54 am 
ออฟไลน์
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ 06 เม.ย. 2009 11:35 am
โพสต์: 1037
ในปี พ.ศ. 1235 อาณาจักรหริภุญชัยนคร มีความรุ่งเรืองทางพุทธศาสนามาก ผู้คนล้วนอยู่ใน ศีลธรรม จัดเป็นพุทธนครที่มีความร่มเย็น ในครั้งนั้นผู้มีศีล มีธรรม รู้ ศีล รู้ธรรม ชื่อว่า ขันตะคะ ได้ทราบว่ามีพระพุทธเกศาธาตุขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าฝังอยู่ในถ้ำ ก็รู้สึกมีความยินดียิ่ง จึงปรึกษากับญาติพี่น้องช่วยกันขุดพระพุทธเกศาธาตุขึ้นมา แล้วขุดถ้ำใหม่ปรับปรุงหน้าดินให้เรียบร้อยสวยงาม แล้วนำน้ำอบน้ำหอมสุคันธาต่างๆ มาพรมถ้ำใหม่นั้น แล้วอันเชิญพระแม่จามเทวี ปฐมกษัตริยแห่งหริภุญชัยนคร พร้อมทั้งเจ้ามหันตยศและพระเจ้าอนันตยศ พระราชโอรส เป็นประธาน

โดยพระแม่จามเทวีทรงโปรดให้เจ้ามหันตยศ ราชโอรสองค์แรก (ผู้ครองนครหริภุญชัยสืบต่อพระองค์) เป็นผู้อันเชิญพระพุทธเกศาธาตุลงในถ้ำที่สร้างไว้ และทรงให้เจ้าอนันตยศ(ผู้สร้างเขลางค์นคร) เป็นผู้อันเชิญเครื่องบูชา อันมี แก้ว แหวน เงิน ทอง ดอกเงิน ดอกคำ รูป ช้าง ม้า วัว ควาย (เป็นทองคำ) ขนาดเท่ากำปั้น ถาดเงิน ถาดคำ ทั้ง หมดจำนวนหนึ่งลำล้อ เมื่อทุกอย่างสำเร็จลุล่วงไปแล้ว พระแม่จามเทวี เจ้ามหันตยศ และเจ้าอนันตยศ มีความคิดเห็นตรงกันว่าสมควรที่จะสร้างพระพุทธรูปไว้ที่ปากถ้ำ 1 องค์ เพื่อเป็นเครื่องหมายและเพื่อให้ผู้คนสมัยนั้นได้กราบไหว้บูชาเพื่อเป็นสิริมงคล และสืบอายุพระพุทธศาสนาให้รุ่งเรืองสืบไป

ขันตะคะ เมื่อรู้ความประสงค์ของพระแม่จามเทวีและพระโอรสทั้งสองแล้ว ก็ปีติ ยินดีและเห็นด้วยที่จะสร้างพระพุทธรูป จึงชวนชาวบ้านในถิ่นนั้นมาร่วมกัน ดำเนินการก่อสร้างพระพุทธรูป โดยมีพระแม่จามเทวี เจ้ามหันตยศ และเจ้าอนันตยศ เป็นประธานก่อสร้างและบริจาคก้อนอิฐ (ดินกี่) สำหรับสร้างพระพุทธรูปและทองปิดองค์พระเป็นจำนวนมาก เจ้ามหันตยศทรงเป็นผู้ดูแลการก่อสร้างด้วยพระองค์เอง และมีชาวบ้านมาช่วยกันสร้างพระพุทธรูปขนาดใหญ่ปางนั่ง ขัดสมาธิ ขนาดหน้าตักกว้าง 13 ศอก สูง 18 ศอก โดยสร้างครอบอุโมงค์ที่บรรจุพระเกศาธาตุ (อุโมงค์ดังกล่าวอยู่ใต้พื้นพระพุทธรูปปัจจุบันนี้) เมื่อทำการ ก่อสร้างพระพุทธรูปจนถึงพระศอ ตอนแรกผู้ร่วมก่อสร้างก็มีความคิดเห็นเหมือนกัน แต่เมื่อถึงส่วนพระพักตร์ของพระพุทธรูป ต่างมีความเห็นต่างกันออกไปว่า จะเอาแบบใด รูปใด ต่างไม่มีความลงรอยกัน และยังไม่มีช่างผู้ใดที่จะมาทำพระ พักตร์ เนื่องจากเป็นสิ่งที่ทำได้ยากพอสมควร ความเห็นอันแตกต่างนี้ได้เข้า ไปในวิถีญาณของพระอินทร์ ที่ประทับอยู่ในแดนทิพย์แดนธรรม พระอินทร์ทรงเห็น ว่าคงไม่ดีแน่ จึงอธิษฐานจิตลงมายังโลกมนุษย์ โดยแปลงร่างเป็นชีปะขาว เข้าไปหากลุ่มคนเหล่านั้น
เมื่อมาถึงสถานที่ก่อสร้างพระพุทธรูป ชีปะขาวจึงอาสาปั้นพระพักตร์ของพระพุทธรูปองค์นี้ให้ เมื่อตกลงกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ชีปะขาวคนนั้นจึงได้ลงมือทำพระพักตร์เอง เมื่อทำพระพักตร์เสร็จ ปรากฏเป็นพระพุทธรูปที่มีพระพักตร์ที่สวยงาม แต่ยังขาดแก้วในพระเนตรที่จะบรรจุเป็นพระเนตรของพระพุทธรูปที่สร้างใหม่ ชีปะขาวที่รับอาสาทำพระพักตร์จึงรับอาสาที่ จะหาแก้วมาใส่บรรจุไว้ในพระเนตร ในวันรุ่งขึ้นชีปะขาวก็ได้นำแก้วมรกตสี เขียวทึบ(เป็นแก้วมรกตมณีนิลจากแดนทิพย์ของพระอินทร์) จำนวน 2 ลูกมาบรรจุเป็นพระเนตรของพระพุทธรูปองค์นั้น เมื่อบรรจุลงไปแล้วดูสดสวย ยิ่งนัก สร้างความฉงนสนเทห์แก่บรรดาผู้คนที่ได้พบเห็นเป็นอันมาก และสร้าง อุโมงค์ครอบองค์พระพุทธรูปอีกครั้ง

ด้วยเหตุนี้ประชาชนในแถบนั้น จึงได้ขนานพระนามพระพุทธรูปเป็นภาษาสามัญและพื้นเมืองว่า “พระเจ้าตา เขียว” หรือเรียกตามราชาศัพท์ว่า “พระพุทธปฏิมาพระเนตรเขียว” การสร้างพระพุทธรูปนี้เริ่มสร้างเมื่อขึ้น 8 ค่ำ พ.ศ. 1235 เสร็จสมบูรณ์ เดือนยี่ แรม 5 ค่ำ ปีพ.ศ.1235 และเมื่อสร้างองค์พระพุทธรูปบรรจุพระเนตรแก้วเสร็จ เรียบร้อยแล้ว จึงประชุมตกลงกันทำบุญฉลองสมโภชน์พระพุทธรูป โดยนิมนต์พระเถระผู้ทรงคุณวุฒิมาเจริญพระพุทธมนต์ มีพระแม่จามเทวี เจ้ามหันตยศ และเจ้าอนันตยศ เป็นประธาน และมีการจุดบ้องไฟขนาดต่างๆ เป็นพุทธบูชาเป็น จำนวนมาก ประมาณได้ 108 กระบอก

เมื่อประชาชนต่างคนก็จุดบ้องไฟของตัวเองถวายหมดแล้ว ปรากฏว่ายังเหลือบ้องไฟอีกบ้อง ซึ่งเป็นบ้องไฟใหญ่ที่สุดในจำนวนที่จุดในวันนั้น และเป็นบ้องสุดท้าย ดั้งนั้นประชาชนจึงห้อมล้อมมุงดู กันอย่างเนืองแน่น บ้องไฟนี้ชีปะขาวที่มารับอาสาทำพระพักตร์และเอาแก้วมรกต สีเขียวทึบมาทำพระเนตรองค์พระเป็นผู้จุดเอง เมื่อชนวนบ้องไฟติด ชีปะขาวผู้ นั้นจึงกระโดดขึ้นไปอยู่บนหัวบ้องไฟ ในระยะต่อมาชั่วอึดใจประชาชนก็พบความแปลกประหลาด คือ บ้องไฟนั้นได้พาเอาร่างชีปะขาวผู้นั้นขึ้นไปด้วย สูง ขึ้น สูงขึ้น จนหายเข้ากลีบเมฆไปในที่สุด และจึงรู้ว่าเป็นพระอินทร์เนรมิต แปลงร่างลงมาช่วยก่อสร้างพระพุทธรูปจนสำเร็จโดยง่ายดาย เกิดเสียงแซ่ซ้อง สาธุการดังอึงคะนึงเนืองแน่นจากประชาชนที่ได้พบเห็น

ในระยะต่อมาสถาน ที่ก่อสร้างพระพุทธรูปเจ้าพระเนตรเขียว จึงได้กลายเป็นวัดขึ้นเรียกว่า “วัด พระเจ้าตาเขียว” ปรากฏว่าเป็นวัดที่เจริญรุ่งเรืองมากในสมัยนั้น และเจริญ ต่อมาเป็นกาลอันยาวนาน


แนบไฟล์:
DSC07214.jpg

DSC07215.jpg


_________________
นะโม โพธิสัตโต จะพรหมรังสิโย ฐิตคุโณ ฐานะวีโร สิทธัง
http://www.web-pra.com/Shop.mvc/rachundum
ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
 หัวข้อกระทู้: Re: พระเจ้าตาเขียว
โพสต์โพสต์แล้ว: ศุกร์ 03 ก.ย. 2010 10:05 am 
ออฟไลน์
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ 06 เม.ย. 2009 11:35 am
โพสต์: 1037
เหรียญรุ่นแรกสร้างเมื่อปี 2530 โดยท่านผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูนในสมัยนั้น(นายจริญญา พึ่งแสง )เป็นประธานในการจัดสร้าง ร้านกุสุมาเป็นผู้ออกทุนทรัพย์ ประสบการณ์เป็นที่กล่าวขานด้านคุ้มครองรักษา โดยเฉพาะในเรื่องอุบัติเหตุด้านรถราบนท้องถนนขนาดขับมอเตอร์ไซค์ประสานกับรถสิบล้อเต็มๆยังไม่เป็นอะไรเลย


แนบไฟล์:
DSC07227.jpg

DSC07228.jpg


_________________
นะโม โพธิสัตโต จะพรหมรังสิโย ฐิตคุโณ ฐานะวีโร สิทธัง
http://www.web-pra.com/Shop.mvc/rachundum
ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
 หัวข้อกระทู้: Re: พระเจ้าตาเขียว
โพสต์โพสต์แล้ว: ศุกร์ 03 ก.ย. 2010 1:26 pm 
ออฟไลน์
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ 27 มี.ค. 2010 1:50 pm
โพสต์: 598
:vsck:


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 3 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
cron
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO