นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน ศุกร์ 26 เม.ย. 2024 3:49 am

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 17 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
โพสต์โพสต์แล้ว: จันทร์ 14 มิ.ย. 2010 12:03 am 
ออฟไลน์
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 14 ก.ย. 2008 5:09 pm
โพสต์: 1368
พระอาจารย์ธรรมนูญ (ติ๋ว) ฐิตวฑฺฒโน วัดมณีชลขัณฑ์ ตอน บุญอันยิ่งใหญ่เกิดขึ้นทันทีเมื่อหยุดทำความชั่ว
โดย ศิษย์กวง จาก http://www.oknation.net/blog/sitthi/2010/06/02/entry-1
1.jpg

หลังจากที่ช่วงเวลาการสนทนาระหว่างผมกับพระอาจารย์จบลง ผมจึงเข้าใจว่าในขณะที่เรายังมีชีวิตและยังมีแรงที่พอจะทำอะไรได้อยู่ เราควรจะทำแต่สิ่งที่ดี ๆ นับแต่บัดนี้ ก่อนที่ทุกสิ่งทุกอย่างมันอาจจะสายเกินไป

เพราะหากเราไม่ลงมือทำ เมื่อถึงวันเวลาที่เราหมดความสามารถทั้งกำลังกายและกำลังความคิด โอกาสของเราในการทำสิ่งที่ดี ๆ คงจะหมดไป เพราะฉะนั้นเรายอมที่จะเหนื่อยเสียตั้งแต่เวลานี้จะดีกว่า ในเมื่อธรรมชาติของความดีสามารถทำได้ทุกที่..

หากเราเปิดใจและตั้งใจที่จะทำ...

ธรรมะของพระพุทธเจ้านั้น เป็นหนึ่งไม่มีสองและอยู่เหนือข้อสมมุติฐานใดๆ สิ่งต่างๆ ที่เราเรียนรู้อยู่ในทุกวันนี้เป็นแต่เพียงเปลือกนอก หากต้องการจะเรียนรู้ให้ถึงแก่นเราต้องปฏิบัติด้วยความเข้าใจโดยใช้ปัญญาอันชอบ..

ในพระพุทธศาสนาสอนไว้ว่า การภาวนาเป็นการสร้างบุญบารมีที่สูงที่สุด ประเสริฐที่สุด ได้บุญมากที่สุด จัดเป็นกรรมอันยิ่งใหญ่ที่เรียกว่า “มหัคคตกรรม” อันเป็น “มหัคคตกุศล”
2.jpg

“...สมาธิสามารถฝึกได้ทุกที่ ไม่จำเป็นว่าต้องไปฝึกกับคนนั้นคนนี้หรือกับใครก็ช่างเถอะ ขอแต่เพียงว่าให้เราทำบ่อย ๆ และทำอย่างจริงจัง โดยไม่ต้องมุ่งหวังว่าจะต้องได้อย่างนั้นอย่างนี้ตามที่เราต้องการ ขอเพียงแค่ทำแล้วให้ใจสงบ

ระหว่างที่เราภาวนา ให้สังเกตว่าจิตของเราสอดส่ายไปทางไหน ให้รู้ตัว ให้มีสติรู้อารมณ์และภาวะจิตใจของตนเอง ให้มีสติสัมปชัญญะ หากพบว่าจิตของเราสอดส่าย เมื่อจับได้ก็ให้หวนกลับมาหาองค์ภาวนา จิตก็จะสงบ

สิ่งสำคัญคือเมื่อเราภาวนาไปแล้ว ให้ดูว่ากิเลสความชั่วของเราลดลงไปหรือเปล่า เช่น เราเป็นคนที่มีโทสจริตสูง ให้ดูว่าโทสะของเราลดลงไปไหม ? หากมันสงบระงับลงได้ ก็คือการถูกจริต

คุณงามความดี ไม่ใช่ว่าจะสร้างกันได้ง่าย ๆ ต้องอาศัยวันเวลา ความดีเป็นของทำได้ยากไม่เหมือนความชั่ว แต่ถ้าเราประพฤติ ปฏิบัติไปเรื่อย ๆ ทำดีอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่อง เราก็จะพบกับความสุขความสำเร็จตามที่ใจเราปรารถนา”


เมื่อเราฝึกไปมาก ๆ จะเกิดเป็นพลังจิตใช่ไหม..

“เมื่อเราฝึกไปมาก ๆ มันจะเป็นอำนาจของใจ อำนาจปาฏิหาริย์เกิดจากใจที่สงบ เมื่อใจสงบ จิตก็จะเกิดอานุภาพขึ้นมา แต่ต้องพึงระลึกไว้เสมอว่า สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เหนือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็คือ กรรม ไม่มีใครสามารถหนีพ้นกรรมได้ บางท่านเป็นพระอรหันต์ เป็นพระอริยะบุคคล เป็นพระเกจิอาจารย์ หรือแม้แต่พระพุทธเจ้าของเราก็ต้องประสบชะตากรรม

เพียงแต่ท่านเหล่านั้นไม่ยึดติด ว่าจะต้องเป็นอย่างนั้นจะต้องเป็นอย่างนี้ ยกตัวอย่างเช่น พระอริยะบุคคลหลาย ๆ ท่านก็มรณภาพเพราะประสบอุบัติเหตุเครื่องบินตก หลวงพ่อแดง วัดแหลมสอ เกาะสมุย ท่านมรณภาพเพราะเรือล่ม หลวงปู่ชา วัดหนองป่าพง ท่านก็ป่วยและต้องนอนจนมรณภาพ มันเป็นกรรมที่ท่านต้องประสบ คนเราหนีกรรมไปไม่ได้ ให้จำไว้เสมอว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เหนือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็คือ กรรม”


ผมขอความเมตตาจากพระอาจารย์ให้สอนย้ำเรื่องนี้อีกครั้งในวันนี้ มิใช่ว่าผมต้องการเจริญในทางธรรมหรือมุ่งมั่นที่จะสำเร็จมรรคผลหรอกครับ ผมเพียงแต่ต้องการค้นหาความสุข ความพอดีของชีวิตในแง่มุมของมนุษย์ปุถุชนคนหนึ่ง

มนุษย์...ผู้ซึ่งไม่เคยเปลี่ยนวิธีการคิดหรือวิธีการถาม เพราะมัวแต่วิ่งหาคำตอบมากกว่าจะหันมามองตัวเอง มนุษย์ที่ชอบสร้างปัญหาใหญ่โตแต่แก้ไขได้ง่าย ๆ แค่ลดความละโมบโลภมาก
3.jpg

ขอบอกก่อนว่าคำสอนข้างต้นนี้ ครั้งหนึ่งหลายปีมาแล้วท่านได้เคยสอนผมและเพื่อน ๆ ต้องยอมรับว่าเรื่องแบบนี้ในตอนนั้นมันเป็นการฟังแค่ผ่านหูและมันก็เป็นอะไร ๆ ที่ค่อนข้างแปลกประหลาดสำหรับผม

เหตุผลตอนนั้นเหรอครับ...

เพราะแนวความคิดที่ว่า “ธรรมะมีอยู่ในใจแต่คุณไสยมีไว้เพื่อแสดงออก”

ซึ่งมันก็ไม่ใช่จะมีแต่ผมคนเดียวที่คิดแบบนี้ หากแต่ยังมีเพื่อน ๆ ในกลุ่มอีกหลายคนครับที่ “เชื่อมั่น” และพร้อมจะฟันธงว่า “พระอาจารย์ธรรมนูญ ฐิตวฑฺฒโน” หรือ “พระอาจารย์ติ๋ว” เป็นพระเกจิอาจารย์ที่เสกวัตถุมงคลได้ขลังอย่างชัดเจน ความคิดที่เกิดจากความเชื่อมั่นดังกล่าวฟังแล้วไม่เป็นเรื่องที่เกินความจริงครับ เพราะเรื่องตื่นเต้น ๆ แบบนี้มีประจักษ์พยานที่พร้อมจะกระโดดเข้ามารองรับมากมาย หากเราจะขานรายชื่อ

พระอาจารย์ติ๋ว ท่านเป็นชาวลพบุรีโดยกำเนิด เกิดเมื่อวันพุธที่ ๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๐๒ ณ บ้านท่าหิน อำเภอเมือง จังหวัดลพบุรี โยมบิดามารดาชื่อ “นายบุญนาค-นางประไพ” นามสกุล “เกิดภู่” พระอาจารย์เป็นบุตรชายคนที่ ๖ ในจำนวนพี่น้องทั้งหมด ๘ คน

หลังจากจบการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ท่านจึงได้บรรพชาเป็นสามเณรและได้อุปสมบทเมื่ออายุครบ ๒๐ ปีบริบูรณ์ ณ วัดมณีชลขัณฑ์ ตำบลพรหมาสตร์ อำเภอเมือง จังหวัดลพบุรี เมื่อวันอังคารที่ ๑๐ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๒๒ โดยมี พระครูมงคลภาณี(หลวงปู่มัง มังคโล) วัดเทพกุญชรวราราม เป็นพระอุปัชฌาย์ พระครูวินิยาภิรัต(หลวงพ่อถมยา) วัดมณีชลขัณฑ์ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และ พระครูพรหมจริยาทร (หลวงพ่อพรหมา) วัดมณีชลขัณฑ์ เป็นพระอนุสาวนาจารย์

พระอาจารย์ติ๋วได้รับฉายาว่า “ฐิตวฑฺฒโน” อันมีความหมายว่า “ผู้มีความเจริญอันตั้งมั่นแล้ว”

ว่ากันว่าคนเราอาจจะหนีอะไรได้มากมาย แต่ไม่สามารถหนีหัวใจของตนเองได้ โดยเฉพาะกับพระอาจารยติ๋วที่ชีวิตของท่านเหมือนกับจะเกิดมาคู่กับคาถาอาคม ซึ่งท่านเองก็ยอมรับว่าตอนนั้นเรื่องของไสยศาสตร์มันทำให้ชีวิตของท่านมีคุณค่ามากกว่าการจะเกิดมาเพื่อทำสิ่งอื่น

ท่านเล่าว่าเรื่องของหนังเหนียวท่านสามารถทำได้ตั้งแต่สมัย เด็ก ๆ ประมาณว่าเอามีดโกนมาเฉือนแขนไม่เข้า ทั้ง ๆ ที่ตนเองก็ไม่ได้มีวิชาอาคมแต่อย่างไร อาศัยเพียงใจที่เข้มแข็งและแน่วแน่ ดังนั้นตลอดเวลาที่เรียนหนังสืออยู่ในโรงเรียน สิ่งที่ทำให้ท่านดูแปลกแตกต่างจากเด็กทั่วไปคือความมุ่งมั่นและความกระตือรือร้นที่อยากจะศึกษาหาความรู้ในศาสตร์แขนงนี้อย่างจริงจัง
4.jpg

สมัยนั้นในตัวเมืองลพบุรี ชื่อของ “กำนันยอด เหมือนพันธุ์” บ้านข้างวัดยาง ณ รังสี ถือว่าเป็นอาจารย์ฆราวาสผู้มีความรู้ความสามารถทางพุทธาคมสูง ซึ่งเรื่องลึกลับ ๆ แบบนี้ก็ไม่เกินความพยายามและความสามารถครับ เพราะเด็กชายติ๋ว(สมัยนั้น) ได้รับการถ่ายทอดมาอย่างหมดสิ้น เช่น การศึกษาอักขระขอม การลงตะกรุด ผงไตรสรณาคม ผงนะกอดกัน ฯลฯ โดยเฉพาะการทำผงอิทธิเจ ที่ท่านค่อนข้างชอบเป็นพิเศษ หลังจากที่เด็กชายติ๋วได้บรรพชาเป็นสามเณร ท่านก็ได้เดินทางไปศึกษาวิชากับ“หลวงพ่อสมุห์ดำ สุคโต” วัดเสาธงทอง

หลวงพ่อสมุห์ดำองค์นี้ท่านเป็นลูกศิษย์ของ “หลวงปู่จันทร์ จันทโชติ วัดนางหนู” พระอมตะเถระแห่งเมืองลพบุรีครับ เล่ากันว่าหลวงปู่จันทร์ได้ให้ความเมตตากับหลวงพ่อสมุห์ดำมาก โดยบั้นปลายชีวิตของหลวงปู่จันทร์ท่านได้มรณภาพภายในอ้อมแขนของศิษย์รักองค์นี้ ณ วัดเสาธงทอง

จะว่าไปแล้วคงเป็นด้วยทักษะในเชิงไสยศาสตร์ที่ค่อนข้างสูงของสามเณรติ๋ว ประกอบกับความขยัน ความคล่องตัวและไหวพริบปฏิภาณที่เฉียบแหลม ดังนั้นในเวลาไม่นานนัก สามเณรติ๋วจึงได้รับมอบหมายให้เป็นผู้ลงตะกรุด ลงผ้ายันต์ แทนหลวงพ่อสมุห์ดำ

ถึงตอนนี้ต้องบอกว่าชื่อเสียงของสามเณรติ๋วค่อนข้างโด่งดังในเขตจังหวัดลพบุรี และเป็นปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลให้สามเณรติ๋วสามารถสร้างถาวรวัตถุให้แก่วัดเทพกุญชรฯ คือสร้างพระประธานในโบสถ์ ขุดสระน้ำ และสร้างกุฏิ ๑ หลัง ครับ
5.jpg

“…วิธีที่จะพิสูจน์ว่าสิ่งที่เรียนมาใช้ได้ไหม ทำได้ไม่ยาก คือเรียนแล้วต้องทดลอง แต่ว่าเมื่อทดลองแล้วเราเองจะติดมันหรือไม่ติด ถ้าเราลองแล้วติดมันก็คือการหลง วิชาคงกระพันมีจริง แต่ว่าทุกสิ่งทุกอย่างในโลกล้วนเป็นอนิจจัง สัตว์ทั้งหลายย่อมเป็นไปตามกรรม บางครั้งทดลองเฉือนก็เหนียว บางครั้งก็เข้า สักเสร็จทดลองฟันไม่เข้า แต่ออกไปแล้วเสร็จทุกรายเพราะฉะนั้น...

อะไรก็สู้เมตตามหานิยมไม่ได้

อะไรก็สู้การให้อภัยกันไม่ได้

อะไรก็สู้การไม่ถือพยาบาทกันไม่ได้

อานิสงส์ของเมตตามีมากมาย เช่นนอนหลับก็สบาย ตื่นมาก็สบาย ไม่ฝันร้าย เป็นที่รักของมนุษย์และอมนุษย์ เทวดารักษา ใครทำอันตรายไม่ได้ จิตใจเป็นสมาธิ หน้าตาผ่องใส ไม่หลงลืม ตายแล้วอย่างต่ำก็อยู่ชั้นพรหม ซึ่งอำนาจของเมตตานี่แหละ จะทำให้เราเยือกเย็นและมีความเมตตาในใจ...”


โดยส่วนตัวแล้วผมชอบที่จะขอให้พระอาจารย์ติ๋วท่านเล่าเรื่องราวของครูบาอาจารย์ในอดีตครับ

ผมเชื่อว่าครูบาอาจารย์เหล่านั้นท่านสามารถทำบางสิ่งบางอย่างที่นอกเหนือจากคนธรรมดาจะทำได้ ถึงมันจะเป็นการนั่งฟังที่ถูกใจผมแต่ไม่ค่อยจะถูกคอผู้เล่าเสียเท่าไร เพราะพระอาจารย์ติ๋วท่านว่าเรื่องเหล่านี้มัน “อนิจจัง” สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เหนือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็คือ “กรรม” เช่น

“อาจารย์ฟ้อน ดีสว่าง”
ฆราวาสผู้แก่กล้าในวิชาอาคมยุคสงครามอินโดจีน สามารถเสกผ้าเป็นนกได้ ฯลฯ เรื่องราวความมหัศจรรย์ของอาจารย์ฟ้อนได้ถูกเล่าขานกันมาจนถึงทุกวันนี้

หรือจะเป็น “อาจารย์ประสงค์ ยงพลจุนณศร” ค่ายธนะรัชต์ อำเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ผู้ซึ่งสามารถแสดงให้เห็นว่าหนังเหนียวขนาดเฉือนง่ามนิ้วไม่เข้า รวมถึงอีกหลายต่อหลายครูบาอาจารย์ครับที่เคยมีชีวิตโลดแล่นอยู่บนเส้นทางสายขลัง

จริงอยู่ถึงท่านเหล่านี้จะเสียชีวิตไปหมดแล้ว แต่มรดกความขลังของท่านก็ถูกถ่ายทอดผ่านลูกศิษย์เช่น หลวงพ่อหนู วัดบึงพระอาจารย์ คุณหมอประยูร จิตโสภี ครูเอื้อ บุษปะเกษหงสกุล หรืออาจารย์ทัน รุจิเรข มายังพระอาจารย์ติ๋ว

ซึ่งประเด็นของวิชาต่าง ๆ ถึงพระอาจารย์ติ๋วท่านจะได้เรียนไว้แต่ท่านก็ยอมรับว่าวิชาบางอย่างท่านก็ไม่สามารถทำได้ ท่านว่าเรื่องของเวทย์มนต์คาถาในบางวิชาต้องถือว่าเป็นเรื่องของบารมีเฉพาะตัว มันเหมาะกับคนบางคน คนเราไม่มีบารมี ไม่มีบุญเก่า ก็ไม่สามารถทำได้

“อาจารย์ฟ้อนท่านเป็นคนเก่ง เพราะท่านสามารถทำให้เห็นกับตาได้ แต่คนเรามีบารมีเป็นของแต่ละบุคคล ไม่อย่างนั้นจะมีหรือที่เรียนมาแล้วบางคนทำได้ บางคนทำไม่ได้ ในชีวิตเราเห็นเรื่องราวต่าง ๆ มาเยอะ ไม่มีอะไรสู้คุณงามความดีได้หรอก

คนเราถึงจะชนะอะไรมาได้หลายอย่างในชีวิต แต่ก็ไม่ใช่ว่าเป็นการชนะทุกอย่าง เพราะตราบใดที่เรายังไม่เห็นใจตัวเองเราไม่มีทางชนะหรอก ทุกวันนี้เรายังมองใจตัวเองตลอด แต่ว่าต้องคล้อยตามโลกบ้าง เพราะเรายังมีชีวิตอยู่ในโลก...”
6.jpg

ความจริงแล้วครูบาอาจารย์ของพระอาจารย์ติ๋วยังมีอีกหลายท่านครับ เช่น หลวงปู่ดู่ วัดสะแก หลวงปู่สี วัดสะแก หลวงพ่อมหาโพธิ์ วัดคลองมอญ หลวงพ่อเปีย วัดกลาง อาจารย์พระพิศาลชวนะปรีชา อาจารย์ชุม ไชยคีรี อาจารย์ก้าน บำรุงกิจ ฯลฯ ซึ่งถ้าจะพูดถึงทุกท่านคงจะไม่ไหว

เอาง่าย ๆ ว่าเส้นทางนี้ของท่านเปรียบเหมือนกับการเดินทางของแม่น้ำเล็ก ๆ สายหนึ่งที่ไหลผ่านสถานที่ต่าง ๆ มีการกัดเซาะตลิ่งหรือกระแทกแก่งหินไปตลอด กับบางท่านบางองค์ก็ได้เรียนเยอะ บางท่านบางองค์ก็ได้เรียนน้อย

ถึงแม้แม่น้ำสายนี้จะไม่กว้างใหญ่เหมือนกับทะเล แต่ถ้าใครได้มาสัมผัสก็จะรับรู้ได้ถึงความยิ่งใหญ่และความเอื้ออาทรที่มีให้ โดยเฉพาะสัจธรรมหรือความเป็นจริงของการเป็นแม่น้ำ คือการไหลจากที่สูงลงสู่ที่ต่ำเสมอ นั่นก็คือความอ่อนน้อมถ่อมตนที่พระอาจารย์ติ๋วมีอยู่ตลอดเวลา

“สมัยก่อนเราเรียนมามาก ครูบาอาจารย์ของเรา เรานับถือทุกองค์ คนสมัยก่อนเขาจะมองว่าผู้ใหญ่ก็คือผู้ใหญ่ ต้องให้ความเคารพนอบน้อม จะว่าไปแล้วทุกสำนักทุกครูบาอาจารย์ดีเหมือนกันหมด เพียงแต่ว่าเมื่อเรียนมาแล้วได้นำความรู้ไปบำรุงพระพุทธศาสนา ทำให้พระพุทธศาสนารุ่งเรืองหรือเปล่า

วัตถุมงคลเป็นของดี แต่จะใช้ได้ดีหรือไม่ดีอยู่ที่ตัวเรา เช่น ปรารถนาให้เป็นเมตตา เราต้องมีความอ่อนน้อมถ่อมตน ไม่เพียงแต่เฉพาะผู้ใหญ่แต่ต้องมีกับทุกคน

ดูอย่างปัจจุบันในชีวิตจริง คนที่มีวาสนา มีอำนาจ หรือเป็นหัวหน้างานของเรา อาจจะเป็นเด็กรุ่นน้องเราก็ได้ หากเราไม่รู้จักการนอบน้อมถ่อมตน ลองดูได้เราจะก้าวหน้าไหม อ่อนน้อมและปิยะวาจา จะช่วยให้เกิดเมตตา ลองมีของดีแต่ปากพล่อยก็ไม่มีใครเอา”


จะว่าไปแล้วการเดินทางของสายน้ำมันก็เหมือนกับวันเวลาแหละครับ ล่วงไปแล้วก็เอาคืนมาไม่ได้ ตัวเราเองเมื่อผ่านวันนี้ไปแล้วก็จะไม่ใช่คนเดิมเหมือนอย่างวันวาน ทุกสรรพสิ่งเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา อย่าว่าอะไรเลยครับ แม้แต่ลมหายใจเมื่อเข้าและออกไปก็คือลมหายใจใหม่ ดังนั้นถ้าเราเข้าใจธรรมชาติ เราย่อมเข้าใจชีวิต
7.jpg

“ความเป็นเด็กทำให้เราอยากดัง พอมาบวชเป็นพระก็ได้เห็นอะไร ๆ มาเยอะ ทุกวันนี้ไม่อยากคิดอะไร เกิดเหตุการณ์อะไร เราก็จะเฉย ๆ ทุกอย่างเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ไม่มีอะไรแน่นอน ขึ้นอยู่กับกรรม

ทุกอย่างเป็นไตรลักษณ์ ไม่มีอะไรเป็นของจริง ของจริงที่สุดคือการสร้างคุณงามความดี ทำจิตใจให้สงบ รักษากายวาจาใจของตนให้จงดี มีหิริโอตตัปปะ ฯลฯ หลายอย่างที่เราเคยผิดพลาดในชีวิต เกิดจากความอยากรู้ อยากได้ อยากดัง แต่พอผ่านมาถึงตรงนี้แล้วพอจะเข้าใจ”


ครับ ตราบใดที่แม่น้ำเล็กๆ แห่งความเอื้ออาทรยังคงไม่หยุดเคลื่อนไหว นั่นย่อมหมายถึงการพร้อมที่จะเอื้อประโยชน์ต่อทุกสรรพสิ่งอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นธรรมชาติหรือมนุษย์...มนุษย์ผู้ใช้แม่น้ำเป็นเส้นทางสัญจรไปสู่จุดหมาย

“มนุษย์มีกรรมเป็นมรดก กรรมมาจากการกระทำที่เป็นผลสืบต่อกันมา ดังนั้นสิ่งที่เราสอนตัวเองอยู่เสมอคือ อดีตช่างมัน อนาคตไม่รู้ ทำวันนี้ให้ดีที่สุด

จริงอยู่ถึงทุกวันนี้จะมีเรื่องราวหลายอย่างมากระทบเราบ้าง แต่เราไม่เอาไปคิด ไม่เอาไปยึดติด เอาหูไปนา เอาตาไปไร่ แกล้งโง่ไปบ้าง เพราะถ้าเราได้ยินแล้วเก็บมาฝังไว้ในใจก็จะทำให้เกิดทุกข์

ที่เป็นอย่างนี้เพราะสิ่งที่เขาว่า เราไม่เคยทำ เราไม่เคยทำร้ายจิตใจใคร และเราก็ไม่เคยทำให้ใครต้องมาเดือดเนื้อร้อนใจจากการกระทำของเรา”
8.jpg

ปัจจุบันพระอาจารย์ติ๋ว ท่านได้รับสมณศักดิ์เป็น “พระครูวิมลญาณอุดม” ตำแหน่งผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระอารามหลวง วัดมณีชลขัณฑ์ ท่านว่าการรับภาระบริหารเป็นเรื่องที่หนักมาก เพราะต้องควบคุม ป้องกัน ป้องปราม ฯลฯ โดยเฉพาะในเรื่องที่เกี่ยวกับคน

ไม่ต้องคาดเดาก็ตอบได้ถูกครับว่า ตำแหน่งหน้าที่แบบนี้ย่อมจะมีทั้งคนชอบและไม่ชอบ สาเหตุที่ไม่ชอบเนื่องจากคนเคยอยู่กันแบบสบายๆ ไร้การควบคุม เมื่อต้องมาอยู่ภายใต้กฏระเบียบเลยทำใจไม่ได้ วิธีการแสดงออกว่าไม่ชอบก็หนีไม่พ้นประเภทคำบ่นต่อว่าครับ ซึ่งประเด็นนี้พระอาจารย์ติ๋วท่านบอกว่า เป็นเรื่องที่ท่านต้องทำใจ เพราะเมื่อกิเลสฝ่ายต่ำเป็นกลุ่มใหญ่ของสังคม “การเฉยนิ่งและให้อภัย” จึงเป็นนโยบายที่มีออกมาขานรับกับปัญหานั้น

เป็นความจริงประการหนึ่งของชีวิตครับ ว่ามนุษย์ทุกคนย่อมมีทั้งด้านขาวและด้านดำในตัวเอง ไม่ว่าคนๆ นั้นจะเป็นปุถุชนคนธรรมดาหรือจะเป็นคนที่มีชื่อเสียงของสังคม พระอาจารย์ติ๋วอาจจะได้ชื่อว่าเป็นพระเกจิที่เสกของได้ขลัง แต่ท่านเองก็ไม่ได้ต้องการให้ใครยึดติดกับเรื่องแบบนั้น

ท่านว่าต่อให้แขวนพระที่ขลังแบบสุดๆ และมีธรรมะอยู่ในใจ ก็ไม่สามารถคุ้มครองชีวิตได้หาก หลงลืมไม่ยอมบูชาพ่อแม่ครูบาอาจารย์ ท่านสอนว่าบุคคลเหล่านี้มีความเป็นอมตะตลอดกาลและมีคนเล่าขานตลอดมา ตัวอย่างเช่น บทไหว้ครูของเกือบจะทุกสำนัก จะต้องขึ้นต้นด้วยการกล่าวขอบารมีของ พระรัตนไตร พ่อแม่ ครูบาอาจารย์ ฯลฯ
12.jpg

"เราไม่เคยมองว่าเราขลัง มันไม่ใช่ เราคืออาจารย์ติ๋ว คือพระองค์หนึ่งในพระพุทธศาสนา เป็นสมมุติสงฆ์ ไม่ได้เป็นผู้วิเศษ บวชมายังมีความโลภ โกรธ หลง และที่พอจะเสกวัตถุมงคลได้บ้าง ก็มาจากเคยเรียนมาบ้าง จากกุศลความดีที่เคยทำมาบ้าง เช่นไหว้พระสวดมนต์”

แน่นอนครับว่าเมื่อธรรมชาติของแม่น้ำที่ไหลจากที่สูงลงสู่ที่ต่ำ ย่อมเป็นนัยบอกว่าเมื่อมีการเริ่มต้นย่อมต้องมีจุดสิ้นสุด และถ้าเวลาแห่งการสิ้นสุดเดินทางมาถึง แม่น้ำสายนี้ควรจะหยุดอยู่ตรงจุดไหนบนโลกใบนี้
9.jpg

“วันหนึ่งเราต้องพลัดพรากจากคนที่เรารัก จากพ่อ จากแม่ ไม่ว่าจะเป็นเขาหรือเรา ไม่สามารถหนีพ้นได้ อาจจะแตกต่างกันที่วันเวลา สถานที่

เราอาจจะมีสมบัติเยอะแยะ แต่ในที่สุดแล้วถึงวันหนึ่งเราก็ต้องนอนเหยียดยาว เน่าเปื่อย กลายเป็นโคลน เป็นดิน เราอยู่ที่วัดมณีชลขัณฑ์ บังสกุลศพ เห็นจนชินตา ดิ้นรนแสวงหา เข่นฆ่า สุดท้ายก็กลายเป็นขี้เถ้า กลายเป็นดิน”


สำหรับบทบาทของการเป็นพระเกจิอาจารย์และเป็นผู้ที่เชียวชาญในศาสตร์แขนงนั้น คงไม่มีคำถามใดที่น่าจะถามกับ “พระอาจารย์ธรรมนูญ (ติ๋ว) ฐิตวฑฺฒโน” มากไปกว่า

“การแขวนพระของท่านควรปฏิบัติอย่างไร”

ซึ่งผมเชื่อมั่นว่า “คำตอบ” ที่ได้รับจะเป็น “คำตอบ” ที่สมบูรณ์แบบที่สุด
10.jpg

“มีพระ มีเครื่องราง เอาไว้เป็นเครื่องเตือนสติ เตือนใจให้ระลึกถึงกัน ระลึกถึงความสัมพันธ์ ความมีไมตรีต่อกัน ว่าพระองค์นี้ เครื่องรางชิ้นนี้เป็นของพระอาจารย์ติ๋วท่านให้เรามานะ จะได้ไม่ลืมกัน

วันใดที่ถูกกิเลสครอบงำ ถูกความเศร้าเข้าครอง ใจเกิดอกุศลจะทำสิ่งที่ไม่ดี ทำสิ่งที่เดือนร้อนคนอื่น

เมื่อหยิบพระที่แขวนขึ้นมาดู ก็หวนคิดขึ้นมาได้ว่า

พระองค์นี้เป็นของพระอาจารย์ติ๋วท่านให้มา.....ท่านสอนว่าไม่ได้ทำความชั่ว

เมื่อคิดถึงและหยุดได้ นั่นแหละคือบุญ คือกุศลอันยิ่งใหญ่ ซึ่งเกิดขึ้นทันทีเมื่อเราหยุดทำความชั่ว”


ครับ ถึงมนุษย์จะมีกรรมเป็นมรดก แต่มนุษย์ก็มีเวลาเป็นสมบัติพื้นฐาน ซึ่งทั้งสองอย่างนี้ล้วนอยู่ติดตัวมนุษย์มาตั้งแต่เกิด เพียงแต่ว่าการจะเลือกใช้เวลาไปกับอะไรหรือเลือกที่จะทำกรรมแบบไหน ก็ขึ้นอยู่กับมนุษย์ผู้เป็นเจ้าของ

หากอยากจะมีชีวิตที่ดี ก็ต้องหยุดทำความชั่วและยอมเหนื่อยกับการทำความดีเสียตั้งแต่เวลานี้ เพราะธรรมชาติของการทำความดีสามารถทำได้ทุกที่ทุกเวลา

หากมนุษย์จะเปิดใจและตั้งใจที่จะทำ.....สวัสดีครับ
11.jpg

กราบขอบพระคุณ ท่านพระครูวิมลญาณอุดม (ธรรมนูญ ฐิตวฑฺฒโน)ขอขอบคุณ พี่ๆ ลูกศิษย์พระอาจารย์ติ๋ว คุณพรชนก สุขพงษ์ไทย สำหรับภาพถ่ายประกอบเรื่อง เพื่อนต่อกับการขออนุญาตและคำแนะนำ คุณสมบูรณ์ ร้านนายฮ้อ สระบุรี กับกำลังใจทีมีให้เสมอมาครับ


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
โพสต์โพสต์แล้ว: จันทร์ 14 มิ.ย. 2010 12:11 am 
ออฟไลน์
Administrator
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ 08 ก.ย. 2008 11:37 am
โพสต์: 6391
อิอิ อู๊ดไปแอบอ่านมาก่อนแล้ว แต่ยังไงก็ขอบคุณครับที่ช่วยลากมาลงให้ได้อ่านอีก


เค้าเขียนดีจิง ๆ นะเนี่ยยย (แฮ่ ๆ ๆ ขอพระ ขอพระ)
:mrgreen:

_________________
089 969 9445 @ anytime
line ID navaraht


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
โพสต์โพสต์แล้ว: จันทร์ 14 มิ.ย. 2010 12:38 am 
ออฟไลน์
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 14 ก.ย. 2008 6:00 am
โพสต์: 6586
ขอบพระคุณมากครับ ทั้งผู้เขียนและผู้ไปนำมาให้ได้อ่านกัน :P

_________________
ถ้าเราไม่อยากได้อะไรจากใคร ก็จะไม่มีอะไรให้หมางใจกัน


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
โพสต์โพสต์แล้ว: จันทร์ 14 มิ.ย. 2010 7:44 am 
ออฟไลน์
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ 27 มี.ค. 2010 1:50 pm
โพสต์: 598
ขอบคุณครับท่านพี่ ผมก็เป็นลูกศิษย์ของท่านครับ :grt:


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
โพสต์โพสต์แล้ว: จันทร์ 14 มิ.ย. 2010 7:56 am 
ออฟไลน์
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 12 มี.ค. 2010 9:06 am
โพสต์: 122
ขอบคุณครับ อ่านแล้วชุ่มชื่นหัวใจดีจัง :grt:
(ขอพระ แบบพี่อู๊ดๆด้วยครับ แฮ่ๆ) :shhy:

_________________
แกคิดถึงข้า ข้าก็คิดถึงแก
แกไม่คิดถึงข้า ข้าก็คิดถึงแก
ข้าอยู่ใกล้ๆ แก จำไว้
"หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ"


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
โพสต์โพสต์แล้ว: พุธ 16 มิ.ย. 2010 11:59 pm 
ออฟไลน์
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 14 ก.ย. 2008 11:16 pm
โพสต์: 1786
ขอบคุณพี่จิ้งจกที่ลากเรื่องมาครับ โดยเฉพาะคุณรณธรรม ต้องขอบคุณเป็นพิเศษ
สำหรับท่านที่สนใจในเรื่องวัตถุมงคล ในเวปนี้ผู้ที่มีพระของท่านอาจารย์เยอะที่สุด
ก็คือ คุณอู๊ด อู๊ด คุณรณธรรมและคุณเด็กลึกลับ ครับ ไล่ล่ากันเอาเองครับ :lol: :lol:


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
โพสต์โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. 17 มิ.ย. 2010 12:01 am 
ออฟไลน์
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 14 ก.ย. 2008 11:16 pm
โพสต์: 1786
CatEyE เขียน:
ขอบคุณครับ อ่านแล้วชุ่มชื่นหัวใจดีจัง :grt:
(ขอพระ แบบพี่อู๊ดๆด้วยครับ แฮ่ๆ) :shhy:


เดี๋ยวฝากคุณอู๊ด อู๊ดส่งให้ครับ


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
โพสต์โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. 17 มิ.ย. 2010 2:16 am 
ออฟไลน์
Administrator
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ 08 ก.ย. 2008 11:37 am
โพสต์: 6391
ศิษย์กวง เขียน:
ขอบคุณพี่จิ้งจกที่ลากเรื่องมาครับ โดยเฉพาะคุณรณธรรม ต้องขอบคุณเป็นพิเศษ
สำหรับท่านที่สนใจในเรื่องวัตถุมงคล ในเวปนี้ผู้ที่มีพระของท่านอาจารย์เยอะที่สุด
ก็คือ คุณอู๊ด อู๊ด คุณรณธรรมและคุณเด็กลึกลับ ครับ ไล่ล่ากันเอาเองครับ :lol: :lol:


แว๊กกกกก......... ไม่จริงงงก๊าาบบบ

_________________
089 969 9445 @ anytime
line ID navaraht


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
โพสต์โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. 17 มิ.ย. 2010 4:59 am 
ออฟไลน์
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ 27 มี.ค. 2010 1:50 pm
โพสต์: 598
ผมขอพระพรหมนะครับท่านพี่อู๊ด อู๊ด :vvhpy: :vvhpy: :vvhpy:


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
โพสต์โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. 17 มิ.ย. 2010 11:20 pm 
ออฟไลน์
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ 08 ก.ย. 2008 10:41 am
โพสต์: 1599
ศิษย์กวง เขียน:
ขอบคุณพี่จิ้งจกที่ลากเรื่องมาครับ โดยเฉพาะคุณรณธรรม ต้องขอบคุณเป็นพิเศษ
สำหรับท่านที่สนใจในเรื่องวัตถุมงคล ในเวปนี้ผู้ที่มีพระของท่านอาจารย์เยอะที่สุด รู้
ก็คือ คุณอู๊ด อู๊ด คุณรณธรรมและคุณเด็กลึกลับ ครับ ไล่ล่ากันเอาเองครับ :lol: :lol:


โบราณว่า ท่านผู้รู้ จะรู้ในสิ่งที่ตนมี ดังนั้น ถ้าคุณพี่ศิษย์กวงรู้ว่าใครมี ฮ่าๆๆๆๆ

พี่น้องฮะ แหล่งใหญ่เปิดตัวแล้ว

:vvhpy: :vvhpy: :vvhpy:

_________________
ชาตินี้ไม่จริง ชาติไหนก็ไม่จริง


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
โพสต์โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. 17 มิ.ย. 2010 11:24 pm 
ออฟไลน์
Administrator
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ 08 ก.ย. 2008 11:37 am
โพสต์: 6391
o7367.gif

อย่าหูเบาครับพี่น้อง

_________________
089 969 9445 @ anytime
line ID navaraht


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
โพสต์โพสต์แล้ว: ศุกร์ 18 มิ.ย. 2010 12:18 am 
ออฟไลน์
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 14 ก.ย. 2008 6:00 am
โพสต์: 6586
.gif


_________________
ถ้าเราไม่อยากได้อะไรจากใคร ก็จะไม่มีอะไรให้หมางใจกัน


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
โพสต์โพสต์แล้ว: อังคาร 22 มิ.ย. 2010 3:48 pm 
ออฟไลน์
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 14 ก.ย. 2008 8:36 pm
โพสต์: 969
:D :D :D

_________________
ดีใดไม่มีโทษ ดีนั้นคือดีเลิศ


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
โพสต์โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. 24 มิ.ย. 2010 10:17 am 
ออฟไลน์
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ 06 เม.ย. 2009 11:35 am
โพสต์: 1037
สุดยอดๆๆๆๆๆ อ่านแล้วได้คติธรรมและข้อคิดมากมาย รวมทั้งได้รู้ด้วยว่าบ้านใครมีพระเยอะ งานนี้อาจมีการปิดตลาดปล้น :mrgreen:

_________________
นะโม โพธิสัตโต จะพรหมรังสิโย ฐิตคุโณ ฐานะวีโร สิทธัง
http://www.web-pra.com/Shop.mvc/rachundum


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
โพสต์โพสต์แล้ว: ศุกร์ 25 มิ.ย. 2010 9:24 pm 
ออฟไลน์
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 14 ก.ย. 2008 6:00 am
โพสต์: 6586
เอ่อ ไม่ทราบว่าท่านคือ เสือผาด เสือมเหศวร หรือ เสือฝ้ายคับ จะได้ขึ้นประกาศกะชาวบ้านถูก

_________________
ถ้าเราไม่อยากได้อะไรจากใคร ก็จะไม่มีอะไรให้หมางใจกัน


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
โพสต์โพสต์แล้ว: เสาร์ 26 มิ.ย. 2010 5:27 am 
ออฟไลน์
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 14 ก.ย. 2008 10:40 am
โพสต์: 369
:grt: :grt: :grt: ดีมากเลยครับกระทู้นี้ นอกจากได้ธรรมะดีๆจากท่านพระอาจารย์แล้ว ยังได้รู้แหล่งเก็บพระดีๆด้วย :vvhpy: :vvhpy: :vvhpy:

สำหรับคุณพี่อู๊ดๆ ผมยังประทับใจในน้ำใจอันงดงามกับพระนาคปรกองค์น้อยองค์นั้น...อุ๊บ.... !!!!!


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
โพสต์โพสต์แล้ว: อาทิตย์ 27 มิ.ย. 2010 11:32 pm 
ออฟไลน์
Administrator
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ 08 ก.ย. 2008 11:37 am
โพสต์: 6391
:icry:

อุตส่าห์แกล้งลืม ๆ ไปแล้ว มาสะกิดทำมายยยย :lol: :lol:

_________________
089 969 9445 @ anytime
line ID navaraht


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 17 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
cron
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO