นวรัตน์ดอทคอม

เมื่อสัปดาห์ที่แล้วมีโอกาสเดินทางไปทำธุระส่วนตัวที่จ.พระนครศรีอยุธยา ขากลับผ่านอ.วังน้อย ทำให้นึกขึ้นได้ว่าหากมีโอกาสจะเขียนเล่าเรื่องราวของหลวงพ่อออดหรือพระครูสันทัศธรรมคุณ อดีตพระเกจิอาจารย์ชื่อดัง และท่านเป็นเจ้าอาวาสวัดบ้านช้างด้วย

ก่อนอื่นขอบอกกล่าวเล่าสู่กันก่อนว่า พระเกจิอาจารย์ของจังหวัดนี้ทั้งในอดีตและปัจจุบัน ยอมรับว่ามีความเก่งกล้าสามารถมากทางด้านวิชาอาคม เช่น วิชาลงเครื่องราง รดน้ำพระพุทธมนต์ ปลุกเสกพระเครื่อง วันนี้ขอนำเรื่องราวบางอย่างของหลวงพ่อออดมาเล่าสู่กันฟัง จะกล่าวถึงเฉพาะเรื่องราวของการสร้างและปลุกเสกพระเครื่อง ส่วนประวัติของท่านนั้นจะไม่ขอกล่าวถึง เนื่องจากสามารถหาอ่านได้จากเว็ปอื่น ๆ ซึ่งมีผู้ลงไว้ค่อนข้างมากพอควรแล้ว ส่วนที่จะกล่าวถึงต่อไปนี้จะเป็นเรื่องเฉพาะตัวและแง่มุมความคิดการเปรียบเทียบของผมเท่านั้นและเห็นว่าจะเป็นประโยชน์แก่ผู้อ่านบ้างไม่มากก็น้อย

คำกล่าวที่ว่า "พระวัดบ้านช้างเก่งทางคงกระพัน ขณะปลุกเสกเห็นตัวเฑาะว์ลอยออกมาจากปาก" ซึ่งเราจะคุ้นเคยกันดี เนื่องจากว่ากันว่าเป็นคำพูดของหลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม กล่าวถึงพระเกจิอาจารย์ที่ปลุกเสกพระในพิธีของท่านพัสดีเรียน นุ่มดี ที่วัดหอรัตนไชย อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา เราทราบว่าท่านเก่ง หรือทราบชื่อท่านจากประโยคดังกล่าวนั้นผมว่าค่อนข้างมีมากพอสมควร ก่อนหน้านั้นแทบจะไม่เคยได้ยินชื่อของท่านเลยก็อาจเป็นได้ประการหนึ่ง และอีกประการหนึ่งสภาพของที่ตั้งวัดแต่ก่อน ไปได้เฉพาะทางเรือเพียงอย่างเดียว ทำให้ชื่อเสียงของท่านรู้จักกันเฉพาะในท้องถิ่น

จากการศึกษาและได้เห็นพระของท่านมาพอสมควร แยกได้ว่าท่านสร้างเหรียญ 4 รุ่น พระเนื้อผงพิมพ์สมเด็จ 4 ครั้ง ท่านเป็นศิษย์ที่บวชเรียนมาโดยตรงกับหลวงพ่อพัน วัดบ้านสร้าง (หลวงพ่อพันเป็นพระอุปัชฌาย์ของท่าน) วิชาอาคมของหลวงพ่อพัน เชื่อถือได้สังเกตจากภาพถ่ายของท่านหลายภาพ มีพัดรองซึ่งได้มาจากงานพิธีหลวงที่สำคัญหลายครั้ง แสดงให้เห็นว่าท่านก็ต้องแน่จริงไม่เช่นนั้นพิธีสำคัญทำไมต้องนิมนต์ท่านทุกครั้ง ท่านสร้างเหรียญประมาณ 3 รุ่น แต่ที่ผมค่อนข้างชอบและเห็นว่ารูปแบบสวยงามโดยเฉพาะเหรีญที่ออกในงานฉลองพัดยศส่วนมากมีรอยจารเป็นลายมือท่านทั้งหน้าและหลังพุทธคุณหนักไปทางด้านคงกระพันชาตรี

หลวงพ่อออด ท่านชอบสร้างพระผงโดยเฉพาะพิมพ์สมเด็จที่สร้างครั้งแรกในปี 2495 มีประมาณ 4 ถึง 5 พิมพ์ เช่น ปรกโพธิ์ เข่าบ่วง เข่าขาด ฯ พระสมเด็จของท่านด้านหลังจะจารอักขระด้วยลายมือท่านทุกองค์ ด้านบนน่าจะเป็นตัวมหาอุตม์ ด้านล่างเขียนเป็นอักขระ ทิ ดุ อุ นะ ท่านลบผงเอง ตำผสมผง กดพิมพ์พระสร้างที่วัดโดยตรง จากการสอบถามลูกศิษย์ของท่านหลายคนต่างยืนยันตรงกันว่า หากไปกราบขอพระเพื่อบูชาติดตัวโดยบอกว่าจะไปเป็นทหาร ไปรบในสงคราม ท่านจะแจกพระพิมพ์สมเด็จให้ ซึ่งก็เป็นเรื่องที่น่าแปลก ซึ่งผมคิดว่าพระดังกล่าวต้องมีดีทางคงกระพันแน่นอน ไม่เช่นนั้นคนละแวกวัดหรือเจ้าของโรงสีใน อ.วังน้อย คงไม่เชื่อถือกันแน่

หากย้อนกลับไปตรวจสอบ กลับไม่พบว่าหลวงพ่อพันซึ่งเป็นอาจารย์ของท่านสร้างพระเครื่องเนื้อผงแต่อย่างใด คาดว่าท่านคงได้ศึกษาหรือแลกเปลี่ยนวิชาขณะออกธุดงค์ ประกอบกับท่านชอบทางด้านวิปัสนากรรมฐาน ท่านอาจจะทำสมาธิโดยวิธีการลงอักขระบนกระดานชนวนและลบออกมาเป็นผงที่ได้ ก็เป็นผลที่ได้สืบมาจากเหตุดังกล่าวก็อาจเป็นได้ หลวงพ่อพัน ท่านมีชื่อเสียงมากทางด้านวิชาลงเครื่องราง ปลุกเสกพระเครื่องด้านคงกระพัน หลวงพ่อออดเป็นศิษย์สืบทอดวิชาดังกล่าวมาและอาจจะประยุกต์เข้ากับวิชาการลบผงวิเศษพระเครื่องของท่านซึ่งเป็นเนื้อผง จึงดีเด่นด้านคงกระพันและกันอันตราย

หลังจากท่านสร้างกดพิมพ์สร้างพระเสร็จขณะผึ่งพระให้แห้งและกำลังหมาดดี ก็ลงจารอักขระด้านหลังองค์พระทุกองค์ด้วยคาถาย่อดังที่กล่าวมาแล้ว พระผงของท่านสร้าง 4 ครั้ง คือ

ปี 2495 สร้างพระสมเด็จองค์ขนาดย่อมเนื้อพระออกเหลืองอมขาวแห้งแกร่งพระบางองค์เนื้อจัดมาก
ปี 2497 สร้างพระสมเด็จพิมพ์เส้นด้ายองค์พระเท่าพิมพ์สมเด็จทั่วไปเนื้อจัดมากอมเขียวเล็กน้อย โดยสร้างพิมพ์เดียว
ต่อมาปี 2500 สร้างพระพิมพ์สมเด็จด้านล่างบริเวณฐานพระพิมพ์ระบุตัวเลข 2500 แต่ด้านหลังองค์พระจะจารเพียงตัวเดียวคือตัวมหาอุตม์ซึ่งค่อนข้างพบเห็นน้อยกว่าพิมพ์อื่น
ปี 2515 สร้างพระพิมพ์สมเด็จด้านหลังเป็นรูปเหมือท่านครึ่งองค์ มียันต์ข้างซ้ายและขวา หากพิมพ์นี้ท่านพบเห็นมีวางให้เช่าที่ไหน หากจะเช่าหาควรเลือกองค์ที่เนื้อจัดและเป็นสีน้ำตาลอ่อนซึ่งหายากกว่าเนื้อขาว

ส่วนเหรียญของท่านจัดสร้างจำนวน 4 รุ่น
คือปี 2497 เหรียญเสมาครึ่งองค์เนื้อทองแดงบล็อกไม่มีกลาก
ปี 2500 สร้างเป็นเนื้ออัลปาก้าพิมพ์เดียวกับรุ่นแรก
ปี2515 สร้างออกในงานทำบุญอายุ 80 ปี เรียกว่าพิมพ์ก้นแมลงสาป
และปี2519 ออกในงานสร้างศาลา

ซึ่งเหรียญ 2 รุ่นหลังปี2515 และ 2519 แกะพิมพ์ใหม่และค่อนข้างสวยงามแตกต่างจากรุ่นแรกและรุ่นสอง เหรียญของท่านเฉพาะรุ่นแรก

ราคาแพงมานานแล้ว สภาพสวยราคาสามหมื่นถึงสี่หมื่นบาท อีกวิชาหนึ่งที่มีผู้เคารพนับถือขอให้ท่านช่วยสงเคราะห์ให้คือวิชารดน้ำมนต์ดอกบัวบาน ว่ากันว่าท่านขึ้นชื่ออย่างมาก นอกชานกุฎิไม่เคยแห้ง พระอาจารย์ที่เก่งด้านนี้ในอยุธยาสมัยก่อนคือ หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก พระพุทธวิหารโสภณ(หลวงพ่ออ่ำ) วัดวงฆ้อง ท่านมีชื่อเสียงมาก โดยเฉพาะศิษย์หลวงพ่ออ่ำ คือ พระสมุห์รส ที่เคยจำพรรษาที่วัดดอนยานนาวาสมัยหลวงพ่อกึ๋นเป็นเจ้าอาวาส

ก่อนจบบทความนี้ขอยืนยันว่าพระเกจิอาจารย์ที่มีวิชาอาคมสูงที่เราทราบประวัติและวัตถุมงคลของท่านประสบการณ์สูงมีอีกมากมายใน จ.พระนครศรีอยุธยา กว่าที่เรารู้จักกันทั่วไป เช่น หลวงพ่อรอด วัดสามไถ เกจิอาจารย์รุ่นเดียวกับหลวงพ่อกลั่น วัดพระญาติ หลวงพ่อฟัก วัดบันได ลูกศิษย์ของหลวงพ่อกรอง วัดเทพจันทร์ลอย ที่เหรียญรุ่นแรกรุ่นเดียวของท่านมีประสบการณ์มากมายจนเซียนพระอยุธยาต้องเก็บเข้าชุดและแพงอย่างไม่น่าเชื่อ หลวงพ่อริ้ว วัดตลาดเกรียบ เหรียญของท่านปัจจุบันเล่นหากันแพงมากในบางปะอินท่านถือเป็นอันดับหนึ่งได้ หลวงพ่อแก้ว วัดสามเรือน เหรียญท่านแพงมากในปัจจุบันเฉพาะรุ่นแรก หลวงพ่ออุป วัดตานิยม หลวงพ่อปลอด วัดพระนอน เจ้าตำรับเพชรกลับอันลือชื่อลูกศิษย์ท่านทำมาหากินเจริญรุ่งเรืองทุกคนแต่ชื่อเสียงท่านเงียบมาก หลวงพ่อมาก วัดโตนด เหรียญทรงอาร์มที่เหนียวอย่างไม่น่าเชื่อ พระเกจิอาจารย์ที่กล่าวมานี้วัตถุมงคลของท่านเชื่อถือได้ทุกองค์ สุดท้ายนี้ขอให้ทุกท่านมีความสุขในการเก็บสะสมพระเครื่องครับ

หมายเหตุ. ภาพวัตถุมงคลของหลวงพ่อออด วัดบ้านช้าง ผมได้ถ่ายภาพมาจากหนังสือศูนย์พระเครื่อง เนื่องจากผมไม่ได้เก็บสะสมพระของท่านไว้เลยและลงเพื่อเป็นความรู้ให้แก่ทุกท่าน และขอขอบคุณพี่วิชัย แห่ง อ. วังน้อย ที่เอื้อเฟื้อพระพิมพ์สมเด็จองค์จริงให้ถ่ายภาพประกอบ พี่ต่อ คุณอู๊ดอู๊ด และคุณสิทธิ ที่เปิดโอกาสให้เล่าสู่กันฟัง

_________________
ถ้าเราไม่อยากได้อะไรจากใคร ก็จะไม่มีอะไรให้หมางใจกัน

BUG 1113 ยังยอมแพ้

นับถือๆครับ

_________________
"ความทุกข์มันเข้ามาได้เพราะเราไม่ภาวนา เมื่อภาวนาแล้ว มันก็หมดลง"

ขอบคุณสำหรับผู้เขียนและผู้เรียบเรียง ขนาดจัดตัวหนังสือยังเก่งขนาดนี้
ถ้าจัดตั้งรัฐบาลจะขนาดไหน

_________________
ถ้าเราไม่อยากได้อะไรจากใคร ก็จะไม่มีอะไรให้หมางใจกัน

ขอลงภาพถ่ายเพิ่มเติมดังนี้ครับ

_________________
ถ้าเราไม่อยากได้อะไรจากใคร ก็จะไม่มีอะไรให้หมางใจกัน