นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน พฤหัสฯ. 25 เม.ย. 2024 7:23 pm

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 16 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
 หัวข้อกระทู้: ฤทธิ์นางตะเคียน
โพสต์โพสต์แล้ว: จันทร์ 25 ม.ค. 2010 3:55 am 
ออฟไลน์
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 14 ก.ย. 2008 6:00 am
โพสต์: 6586
.jpg


คุณวสันต์ แก้วสีมา ได้บันทึกเรื่องจริงอันน่าสยดสยองที่เกิดขึ้นกับตัวเองในปีพ.ศ. 2518 อย่างละเอียดเท่าที่ความทรงจำจะระลึกได้ ดังนี้

"ข้าพเจ้าเรียนจบมัธยมศึกษาปีที่ 6 ก็หมดโอกาสเรียนต่อเพราะฐานะทางครอบครัวไม่เอื้ออำนวย ต้องออกมาหางานทำ กระทั่งอายุครบเกณฑ์ทหาร ต้องไปเป็นทหารเสีย 2 ปี ปลดประจำการแล้วเพื่อนชื่อ สมชาย มาชวนไปทำงานเป็นลูกจ้างโรงเลื่อยไม้แห่งหนึ่ง แต่ต้องเข้าไปทำงานในป่า ในหน้าที่คุมคนงานตัดไม้และชักลาก พร้อมทั้งทำเอกสารง่าย ๆ เล็กน้อย

ปางไม้ที่ทำงานนั้นอยู่ในป่า บริเวณนั้นเรียกว่า "ห้วยน้ำหอม" เพราะมีห้วยใหญ่แห่งหนึ่งเป็นแหล่งน้ำ คนงานของโรงเลื่อยทั้งหมดปลูกเพิงพักใกล้ลำห้วยแห่งนั้น ข้าพเจ้าไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมชาวบ้านจึงเรียกชื่อห้วยดังกล่าวว่า "ห้วยน้ำหอม" ในเมื่อน้ำในลำห้วยก็ไม่ได้มีกลิ่นหอมอะไรเลยเป็นน้ำธรรมดาทั่วไป
1.jpg


ป่าที่ข้าพเจ้าเข้าไปทำงานเป็นป่าซึ่งโรงเลื่อยได้สัมปทานให้เข้ามาตัดไม้ได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย ทุก ๆ เช้าคนงานจะออกไปตัดไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ด้วยเลื่อยยนต์แล้วใช้ช้างชักลากมารวมกันเพื่อให้เจ้าพนักงานของป่าไม้จังหวัดมาตีตรา ก่อนจะใช้รถยนต์บรรทุกไม้ซุงเดินทางออกจากป่า ข้าพเจ้ากับเพื่อนมีหน้าที่คุมคนงานทำงานเพื่อให้ได้ไม้ตามเป้าหมายของโรงเลื่อย
2.jpg


วันหนึ่ง เป็นวันที่คนงานชุดซึ่งข้าพเจ้าควบคุมหยุดพัก ช่วงบ่ายของวันนั้นเมื่อแดดอ่อนแสงลงข้าพเจ้าก็เอาปืนลูกกรดออกไปหายิงนกด้านหลังปางพัก ป่าด้านนี้ยังไม่เคยเดินเข้าไปลึก ๆ จึงต้องเดินเลาะไปตามขอบห้วย และต่อจากห้วยเป็นลำธารเล็ก ๆ ที่ไหลลงมาจากยอดเขา เพราะจะได้อาศัยสังเกตเส้นทางน้ำ เวลาย้อนกลับจะได้ไม่หลงป่า

ข้าพเจ้าเดินลึกเข้าไปพอสมควรแต่ไม่เจอนกเอาเสียเลยไม่รู้ว่านกหายไปไหนหมด ขณะมาถึงที่โล่งแห่งหนึ่ง ด้านซ้ายมือเป็นทางลาดลงไปบรรจบกับลำธารตื้น ๆ ข้าพเจ้าก็แทบไม่เชื่อสายตาตัวเองเมื่อมองเห็นหญิงสาวคนหนึ่งยืนอยู่ริมลำธาร ข้าพเจ้ารีบหลบแอบดูหลังพุ่มไม้ ด้วยคิดว่าเธอผู้นั้นเป็นชาวบ้านป่า เพราะสาวบ้านป่าเวลาพบคนแปลกหน้าจะวิ่งหนีไม่ยอมพูดคุยด้วย
1.jpg


สำหรับหญิงสาวที่ข้าพเจ้าเห็นอยู่ในขณะนั้น ดูลักษณะการแต่งกายไม่เหมือนสาวชาวบ้านป่าเอาเสียเลย เธอใส่เสื้อแขนกระบอกยาวจรดข้อมือสีชมพูสวยใส ผ้าถุงสีชมพูเข้มเหมือนยกลายด้วยดินเงินหรือทองเพราะเป็นมันวาว ๆ เธอผู้นั้นไว้ผมยาวสยายลงมาประบ่า จากใบหน้าด้านข้างในมุมที่ข้าพเจ้ามองเห็นในขณะนี้ เป็นใบหน้าของผู้หญิงที่สวยมาก สวยอย่างมีสง่าจนไม่เชื่อว่าจะเป็นหญิงสาวพื้นบ้านนี้
.jpg


เวลานั้นข้าพเจ้ากำลังเป็นหนุ่ม เมื่อมาเห็นสาวสวยเช่นนี้จิตใจก็เกิดวูบวาบขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ แต่ข้าพเจ้าไม่ใช่ชายเจ้าชู้ใจกล้า จึงลังเลที่จะออกไปทักทาย ขณะที่ยืนหลบ ๆ อยู่หลังพุ่มไม้ สาวสวยผู้นั้นก็ค่อย ๆ หันมาทางข้าพเจ้า ประหนึ่งรู้ว่าข้าพเจ้ากำลังแอบมองเธออยู่ ดวงตาที่มองตรงมายังจุดซึ่งข้าพเจ้าแอบซุ่มอยู่แม้จะเป็นนัยน์ตาสวย แต่ก็สัมผัสถึงอำนาจลึกลับน่าพรั่นพรึงอย่างอธิบายไม่ได้

เธอผู้นั้นหมุนตัวจากการยืนมองไปทางลำธารหันกลับมาทางดงไม้ แล้วก็ก้าวเดินขึ้นมาโดยไม่เหลือบแลมาทางข้าพเจ้าเลยแม้แต่นิดเดียว หญิงสาวเดินเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ เพราะแค่วูบเดียวร่างของเธอก็หายลับไปในดงไม้ ข้าพเจ้ารีบถลันออกจากที่อำพรางตัวเพื่อมองหาสาวสายคนดังกล่าวแต่กลับมองไม่เห็นเธอเสียแล้ว ข้าพเจ้าตามหาทันที แต่น่าประหลาดเมื่อไม่รู้ว่าเธอไปที่ใดทั้งที่น่าจะตามได้ทัน

ข้าพเจ้าเดินลุยเข้าไปในดงไม้ตรงที่เห็นเธอเดินหายเข้าไป คิดว่าอาจพบบ้านเรือนอยู่อาศัยของผู้หญิงสวยจับตาจับใจคนนั้น แต่กลับพบพื้นที่เตียนโล่งกระหย่อมหนึ่งหลังดงไม้แห่งนั้น กลางที่โล่ง ๆ มีต้นตะเคียนต้นหนึ่งตระหง่านอยู่กลางพื้นที่นั้นเพียงต้นเดียวโดด ๆ ตะเคียนต้นนี้มีขนาดใหญ่มากขนาดสี่คนโอบ ลำต้นตรงสูงลิ่ว เป็นตะเคียนใหญ่ที่งามมาก
.jpg


ข้าพเจ้ารู้สึกแปลกใจที่ตะเคียนใหญ่ต้นนี้หลุดรอดจากสายตาของคณะตัดไม้ได้อย่างไร ? ทั้งที่อยู่ใกล้ ๆ กับปางไม้ ข้าพเจ้าสังเกตดูพบว่ามีต้นไม้ใหญ่ประเภทเต็ง รัง ในบริเวณใกล้เคียงถูกตัดไปจนหมด เหลือแต่ตะเคียนต้นนี้ต้นเดียวที่ไม่ถูกแตะต้อง
.jpg


ข้าพเจ้าเดินค้นหาสาวสวยผู้ลึกลับจบอ่อนใจก็ไม่พบร่องรอยของเธอ ประกอบกับเวลาผ่านไปมากแล้วจึงตัดสินใจกลับปางพักก่อนจะค่ำมืดกลางทาง เมื่อถึงปางพักจึงได้เล่าเรื่องไปพบหญิงสาวสวยคนดังกล่าวให้สมชายเพื่อนเกลอฟัง แทนที่สมชายจะแสดงความตื่นเต้นเขากลับมีหน้าตาเคร่งเครียดขึ้นมาทันทีบอกกับข้าพเจ้าว่า

"ไอ้สันต์ เอ็งรู้ไว้เถอะว่าโชคดีเหลือหลายที่เจอแม่คนสวยนั่นแล้วยังรอดชีวิตกลับมาได้ ไม่งั้นก็คงตายโหงอยู่กลางป่าโน่นแล้ว"

ฟังเพื่อนพูดข้าพเจ้าไม่เข้าใจอะไรเลย จึงถามเขาว่า "มันเรื่องอะไรแม่คนสวยนั่นถึงจะฆ่าฟันให้ข้าตาย ข้าไม่เห็นเธอดุร้ายอะไร"

"ที่เอ็งเห็นนั่นน่ะมันคนเสียเมื่อไหร่ เป็นผีโว้ยไอ้สันต์ เป็นผีดุอีกต่างหาก..."

"ข้าเชื่อไม่ลงว่าเป็นผี ก็เห็นมากับตาว่าเป็นคนชัด ๆ"
ข้าพเจ้ากล่าวตามความจริง

"หายโง่ได้แล้วไอ้สันต์ ที่เอ็งเห็น ข้าขอยืนยันว่าเป็นผี ไม่ใช่ผีธรรมดาซะด้วย แต่เป็นผีนางตะเคียน"
.jpg


จากนั้นสมชายเพื่อนของข้าพเจ้าก็ได้เล่าเรื่องผีนางตะเคียนให้ฟัง เหตุการณ์ของเรื่องนี้เกิดขึ้นก่อนสมชายจะเข้ามาทำงานในป่า ตอนนั้นหัวหน้าคนงานชื่อ "ชุบ" ไปเห็นต้นตะเคียนใหญ่ต้นเดียวกับที่ข้าพเจ้าไปเห็นมา จึงสั่งให้คนงานไปโค่นต้นตะเคียน คนงานซึ่งเป็นคนพื้นเพหมู่บ้านชายป่าบอกกับนายชุบว่า ตะเคียนต้นนี้ตั้งแต่ปู่ทวดของเขาได้สั่งห้ามมิให้ใครแตะต้องทำลายอย่างเด็ดขาด เพราะมีนางตะเคียนมีอิทธิฤทธิ์สิงสู่ หากไปล่วงละเมิดจะได้รับอันตรายถึงแก่ชีวิต เพราะฉะนั้นถ้าให้เขาไปโค่นต้นตะเคียนเขาคงทำไม่ได้

นายชุบเป็นคนไม่เชื่อเรื่องภูตผีวิญญาณ ไม่เชื่ออิทธิฤทธิ์สิ่งศักดิ์สิทธิ์ใด ๆ โดยเฉพาะไม่เชื่อเรื่องผีนางตะเคียน เพราะนายชุบนับถือศาสนาอื่นมิใช่ศาสนาพุทธ เมื่อคนงานปฏิเสธไม่ไปตัดต้นตะเคียนก็โกรธมาก ถึงกับเลิกจ้างคนงานคนนั้นทันที แล้วสั่งคนงานชุดใหม่ไปตัดต้นตะเคียนต่อไป

แต่ยังไม่ทันที่คนงานชุดใหม่ไปตัดต้นตะเคียนตามคำสั่ง ก็เกิดเหตุการณ์สยดสยองกับนายชุบ หัวหน้าคนงานเสียก่อน...

วันหนึ่งนายชุบออกไปจากที่พัก บอกลูกน้องว่าจะไปดูที่ต้นตะเคียนเพื่อสำรวจดูว่าเมื่อโค่นต้นตะเคียนแล้วจะชักลากมารวมกับไม้อื่น ๆ ได้อย่างไร นายชุบหายไปทั้งวันกระทั่งเย็นก็ยังไม่กลับมา จนมืดค่ำไม่มีวี่แววนายชุบกลับมากินข้าว คนงานจึงพากันห่วงว่านายชุบอาจได้รับอันตรายบางอย่างเพราะหายไปนานผิดปกติ ลูกน้องกลุ่มหนึ่งจึงออกตามโดยจุดไต้ส่องสว่างไปด้วย

เมื่อไปถึงริมลำธารไม่ไกลจากที่มีต้นตะเคียน ทุกคนก็มองเห็นนายชุบนอนอยู่บนฝั่งธารน้ำ

แต่ได้กลายเป็นศพไปเสียแล้ว !

สภาพของศพค่อนข้างอุจาดตา เพราะกางเกงที่นุ่งถูกถลกลงมากรอมแท้ ใบหน้าของนายชุบแสดงว่าก่อนสิ้นลมหายใจคงประสบพบเห็นสิ่งที่หวาดหวั่นพรั่นพรึงถึงสุดขีด เพราะนัยน์ตาเหลือกลานแทบถลนออกมานอกเบ้า ปากอ้าลิ้นจุกปาก เมื่อพวกลูกน้องเข้าไปอุ้มศพเพื่อนำกลับปางไม้ ปรากฏว่าศีรษะห้อยร่องแร่งเนื่องจากกระดูกคอต่อหักสะบั้น

ไม่มีใครเดาได้ว่าอะไรคือสาเหตุที่ทำให้นายชุบตาย เพราะบริเวณที่พบศพไม่มีร่องรอยของสัตว์ร้ายใด ๆ ทั้งสิ้น จะว่าถูกใครลอบทำร้ายก็ไม่มีร่องรอยการต่อสู้ คอที่หักไม่มีรอยเขียวช้ำอันเป็นเค้าเงื่อนของการถูกบีบคอ ซึ่งถ้านายชุบถูกทำร้ายแบบซึ่ง ๆ หน้าด้วยมือเปล่า คงกระทำไม่ได้ง่าย ๆ แน่ เพราะนายชุบเป็นคนร่างใหญ่แข็งแรง แถมอดีตเป็นนักเลงผ่านการต่อสู้มาแล้วอย่างโชกโชน

ที่เป็นปริศนาน่าสงสัยที่สุดก็คือ ทำไมนายชุบต้องถอดกางเกงถลกลงมาเช่นนั้น ?

เพื่อนข้าพเจ้าเล่าว่าหลังจากนายชุบคนงานตายอย่างลึกลับก็ไม่มีใครไปยุ่งเกี่ยวกับตะเคียนต้นนั้นอีกเลย ทุกคนเชื่อว่าผีนางตะเคียนคือผู้ปลิดชีวิตนายชุบ ส่วนนายชุบจะไปล่วงเกินนางตะเคียนอย่างไรไม่มีใครคาดเดาได้

สมชายเตือนข้าพเจ้าว่าอย่าไปใกล้ ๆ ตะเคียนใหญ่ต้นนั้นอีกเป็นอันขาด เขากล่าวย้ำว่า

"ในป่าในเขา มีอะไรที่ลึกลับเกินกว่าจะเข้าใจได้ เอ็งอย่าอวดดีอวดเก่งไปลบหลู่ดูหมิ่นเข้า ถ้าไม่นับถือก็ทำเฉย ๆ เสียจะได้ไม่เป็นภัยแก่ตัวเอง สำหรับต้นตะเคียนขนาดใหญ่และมีอายุมาก ๆ ผู้เฒ่าผู้แก่ท่านบอกว่ามีผีนางตะเคียนสิงสู่อยู่ก็ควรฟังไว้ ยิ่งเอ็งเคยเห็นมาแล้วด้วยตาตัวเองก็ต้องยำเกรงเอาไว้มั่ง"

ข้าพเจ้ารับฟังคำเตือนของเพื่อนและให้สัญญาว่าจะกระทำตามที่เพื่อนบอก อีกอย่างหนึ่งตัวข้าพเจ้าไม่ได้มีนิสัยสันดานอวดเก่งถือดีแต่อย่างไร การแสดงความเคารพนอบน้อมต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ซึ่งเป็นสิ่งเร้นลับ สามารถกระทำได้โดยไม่รู้สึกตะขิดตะขวงใจแม้แต่น้อย

อันที่จริง ตะเคียนต้นนั้นน่าจะอยู่คู่ป่าต่อไปอีกนานแสนนาน ถ้าเถ้าแก่เจ้าของโรงเลื่อยไม่เดินทางเข้ามาที่ปางไม้ และมีคนงานคนหนึ่งเล่าเรื่องความเฮี้ยนของตะเคียนต้นดังกล่าวให้ฟัง เถ้าแก่เกิดอยากไปดูและให้คนงานพาไปดู
.jpg


พอไปเห็นตะเคียนตั้งตรงสูงตระหง่านและมีขนาดใหญ่มาก เถ้าแก่ก็เกิดความโลภขึ้นมาทันที เมื่อกลับมาถึงปางไม้ก็สั่งให้คนงานไปตัดต้นตะเคียน แต่คนงานไม่มีใครกล้าตัด เถ้าแก่จึงตั้งเงินรางวัลพิเศษสำหรับคนใจกล้าอาสาตัดตะเคียนใหญ่

คนงานชาวอีสานคนหนึ่งชื่อ "เภา" อยากได้เงินมากกว่ากลัวฤทธิ์นางตะเคียน จึงรับอาสาทำเอง และกำหนดกันว่าพรุ่งนี้จะเป็นวันลงมือตัดโค่นต้นตะเคียนลงมาโดยเถ้าแก่ก็จะไปดูด้วย

ในคืนก่อนจะถึงวันตัดต้นตะเคียน ขณะที่ข้าพเจ้านอนหลับอยู่นั้น มีความรู้สึกเหมือนฝันซ้อนฝัน คือในฝันนั้นเป็นในห้องที่กำลังนอนอยู่ แล้วมีผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามาในห้อง ผู้หญิงคนนั้นข้าพเจ้าจำได้แม่นยำว่าเป็นคนเดียวกับที่เห็นริมลำธาร เธอใส่เสื้อแขนกระบอกยาวจรดข้อมือสีชมพู ผ้าถุงสีชมพูเข้มแบบสีปูนแห้งยกลายเป็นดิ้นเงินหรือทองไม่แน่ใจเพราะเป็นมันวาว ๆ ความสวยสง่าเคยมีเช่นไรก็เป็นเช่นนั้น เพียงแต่การพบครั้งนี้ดูเธอจะเคร่งขรึมดุ ๆ ผิดกว่าคราวก่อน เธอมายืนตรงด้านหน้าแคร่ที่ข้าพเจ้านอนแล้วพูดว่า

"คุณเป็นคนดี ไม่เคยคิดละเมิดล่วงเกินเรา เพราะฉะนั้นเราจึงมาบอกว่าอย่าให้ใครไปแตะต้องต้นตะเคียนเป็นอันขาด หากไม่เชื่อฟังจะเกิดเหตุซึ่งกลายเป็นการผูกเวรสร้างกรรมสืบต่อกันไป ขอให้ไปห้ามคนที่คิดจะโค่นต้นตะเคียนเสีย..."

ในฝัน ข้าพเจ้าได้อธิบายให้หญิงสาวสวยคนนั้นได้รับทราบความเป็นจริงว่า

"คนสั่งตัดต้นตะเคียนเป็นเจ้านายผม ผมจะไปห้ามเขาคงไม่ได้ และถึงห้ามเขาก็คงไม่เชื่อ"

"ไปห้ามเขาเถิด ถ้าเขาไม่เชื่อจะเกิดเหตุร้ายแรงแน่ บอกเขาว่าเราไม่อยากทำ อย่าให้เราต้องทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดลงไปเลย"


หญิงสาวผู้งามสง่าพูดแค่นี้ก็หันหลังเดินจากไปพร้อม ๆ กับข้าพเจ้าสะดุ้งตื่น รู้สึกใจยังเต้นระทึก และเหตุการณ์ในฝัน การปรากฏตัวของหญิงสาวลึกลับ ประหนึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง ๆ ข้าพเจ้าหวนคิดถึงคำบอกเล่าของเพื่อนเรื่องนางตะเคียนทำให้เกิดความเชื่อขึ้นมาว่าผีนางตะเคียนต้องมีจริง ๆ และนางตะเคียนได้มาเตือนมิให้ผู้หนึ่งผู้ใดไปโค่นล้มต้นตะเคียนที่นางสิงสู่อยู่ ข้าพเจ้าตั้งใจว่าตอนเช้าจะนำคำเตือนของนางตะเคียนไปบอกต่อเถ้าแก่เจ้าของโรงเลื่อย เพื่อขอร้องให้เขาล้มเลิกการโค่นต้นตะเคียนใหญ่ต้นนั้นเสีย แต่เถ้าแก่จะเชื่อข้าพเจ้าละหรือ ?

เช้าวันรุ่งขึ้น ข้าพเจ้ารีบไปพบเถ้าแก่แล้วเล่าความฝันที่นางตะเคียนมาห้ามให้แกฟัง เมื่อข้าพเจ้าพูดจบ แทนที่เถ้าแก่จะนำไปคิดพิจารณาสักนิดแกกลับหัวเราะดังลั่น และพูดเหมือนเยาะหยันข้าพเจ้า

"ลื้อเพี้ยนไปแล้วโว้ยไอ้สันต์ อั๊วให้ลื้อมาคุมงานตัดไม้ แต่เสือกกลัวผีต้นไม้จะโกรธถ้าไปตัดต้นไม้ ขืนให้ลื้อคุมงานแบบนี้อั๊วก็เจ๊งน่ะซีวะ เอาไว้โค่นต้นตะเคียนต้นนั้นเรียบร้อยแล้วลื้อกับอั๊วต้องมีเรื่องคุยกันหน่อยล่ะ"

ข้าพเจ้านำคำเตือนของนางตะเคียนมาเตือนเถ้าแก่เพื่อให้แกเกิดสติ แต่ผลที่ได้รับดูเหมือนข้าพเจ้าจะพลอยรับเคราะห์ก่อนนางตะเคียนเป็นแน่ เพราะการที่เถ้าแก่มีเรื่องจะพูดด้วยเป็นการส่วนตัว พอจะเดาออกว่า เผลอ ๆ อาจมีโอกาสตกงานค่อนข้างสูง แต่ข้าพเจ้าก็เงียบเสีย คิดในใจว่าอะไรจะเกิดก็ให้มันเกิด

สายวันนั้น เถ้าแก่และกลุ่มตัดไม้ซึ่งมีนายเภารับอาสาเป็นคนตัดโค่นต้นตะเคียนก็ออกจากปางไม้ ตรงไปยังต้นตะเคียนต้นดังกล่าว สำหรับข้าพเจ้ามีหน้าที่คุมงานตัดไม้อีกแห่งหนึ่งจึงไม่ได้ร่วมทางไปด้วย

ขณะไปคุมงานลึกเข้าไปในป่าอีกแห่งหนึ่ง ข้าพเจ้ารู้สึกไม่สบายใจนัก คอยคิดแต่เรื่องตะเคียนต้นนั้นอยู่เรื่อย ๆ พร้อมกันนั้นก็ภาวนาขออย่าให้พวกที่ตัดต้นตะเคียนประสบกับเหตุการณ์ร้ายแรงอะไรเลย เพราะเท่าที่ได้พูดคุยกับคนงานซึ่งมีอายุมาก ๆ แต่ละคนบอกเล่าเหมือนกันหมดว่า นางตะเคียนมีฤทธิ์ร้ายจริง ๆ ถ้าทำให้นางตะเคียนโกรธเมื่อไร นางจะเล่นงานถึงตายทีเดียว

พลบค่ำวันนั้น ข้าพเจ้ากับคนงานชุดที่ข้าพเจ้าดูแลก็เดินทางกลับปางไม้ เมื่อเข้าเขตที่พักกลางป่าก็รู้ได้ทันทีว่าจะต้องมีเหตุการณ์ผิดปกติบางอย่างเกิดขึ้นแน่ เพราะคนงานนั่งจับกลุ่มคุยกันเงียบ ๆ ไม่สนุกสนานเฮฮาเช่นทุกวัน มองหารถจี๊ปของเถ้าแก่ก็ไม่เห็นแสดงว่าเถ้าแก่ไม่อยู่ที่ปางไม้ จะถามสมชายเพื่อนเกลอสมชายก็ไม่อยู่เนื่องจากไปค้างในป่ากับคนงานชุดของเขา พอดีนายสอนคนตัดไม้เดินผ่านมาจึงเรียกมาถามว่าเหตุการณ์ทางนี้เรียบร้อยดีไหม ? และเถ้าแก่ไปไหน ? เพราะเห็นบอกว่าจะค้างตรวจงานหลายวัน นายสอนบอกว่า

"เถ้าแก่กับคนขับรถพาไอ้เภาเข้าเมือง รีบพามันไปส่งโรงพยาบาลในจังหวัด ไม่รู้ว่าจะรอดตายหรือเปล่า ?"

"อ้าว ! เกิดอะไรขึ้นล่ะ ? นายเภาเป็นอะไรถึงต้องพาไปโรงพยาบาล"
ข้าพเจ้ารู้สึกตกใจ

"มันโดนเลื่อยยนต์ตีกลับเข้าที่หน้าอก ผมว่าคงไม่รอดเพราะแผลเหวอะหวะถึงกระดูก"

สังหรณ์ซึ่งทำให้ข้าพเจ้าหวั่นว่าจะเกิดเหตุการณ์ร้ายแรงได้เป็นจริงขึ้นมาแล้ว จึงได้ซักถามนายสอนอย่างละเอียด เพราะนายสอนเป็นอีกคนหนึ่งซึ่งร่วมขบวนไปกับเถ้าแก่

นายสอนเล่าให้ฟังว่า เมื่อขบวนของเถ้าแก่ไปถึงบริเวณตะเคียนใหญ่ตระหง่านอยู่ แดดที่กำลังจัดจ้าก็พลันหลุบแสงลง มีเมฆฝนลอยเข้ามาบังดวงอาทิตย์และมีลมแรงพัดกรรโชกมาเป็นระยะ พุ่มใบของต้นตะเคียนสั่นไหวกราว ๆ สะบัดกิ่งไปมา คนงานต่างพากันใจเสียและเชื่อว่าน่าจะเป็นเพราะฤทธิ์นางตะเคียน แต่เถ้าแก่กลับหัวเราะบอกว่า เป็นเรื่องปกติของดินฟ้าอากาศ และสั่งให้นายเภาใช้เลื่อยยนต์ตัดต้นตะเคียนทันที นายเภาสตาร์ทเครื่องยนต์หลายครั้งหลายหนเครื่องก็ไม่ยอมติด ต้องช่วยกันแก้ไขนานเกือบชั่วโมงเครื่องยนต์จึงทำงาน

นายเภาก็เริ่มตัดต้นตะเคียนเช่นที่เคยทำมาจนชำนาญโดยเริ่มใช้เลื่อยยนต์เลื่อยเข้าไปที่เนื้อไม้ ขณะที่สายพานคมเลื่อยกินลึกเข้าไปในเนื้อไม้ได้เพียงนิดเดียว ทันทีนั้นโซ่สายพานก็ขาดผึงหลุดออกจากกันอย่างแรง แล้วสายพานคมเลื่อยก็เหวี่ยงสะบัดฟาดเข้าที่หน้าอกของนายเภาดังสนั่น

นายเภาแผดเสียงร้อยอย่างโหยหวน เลือดและเศษเนื้อกระจายว่อน พร้อมกับร่างของคนตัดไม้หงายผลึ่งเลื่อยยนต์กระเด็นไป ทุกคนรีบถลันเข้าไปหาร่างของนายเภาที่ดิ้นอยู่บนพื้นดิน บาดแผลฉกรรจ์เหวอะหวะจนเห็นกระดูก

คนที่มีผ้าขาวม้าลนลานใช้ผ้าขาวม้าโปะลงไปปิดปากแผลแล้วใช้ผ้าขาวม้าอีกผืนมัดรอบอกเพื่อห้ามเลือดแบบตามมีตามเกิด เถ้าแก่สั่งให้ช่วยกันแบกนายเภากลับปางไม้โดยด่วน พอถึงปางไม้ก็เอานายเภาขึ้นรถจี๊ปของเถ้าแก่และขับออกจากป่าทันทีเพื่อพานายเภาส่งโรงพยาบาลในจังหวัด ซึ่งนายสอนผู้อยู่ในเหตุการณ์แสดงความคิดเห็นในตอนท้ายว่า

"ผมว่าไอ้เภาไม่รอดแน่ นายสันต์คิดดูแล้วกัน จากปางไม้กว่าจะออกไปพ้นป่าต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่าสามชั่วโมง แล้วยังต้องวิ่งรถเข้าตัวจังหวัดอีกไกลโข สี่ห้าชั่วโมงจะถึงโรงพยาบาลหรือเปล่าก็ไม่รู้"

ข้าพเจ้ารับฟังเรื่องราวที่นายสอนเล่าทั้งหมดก็พูดไม่ออก รู้สึกเป็นห่วงนายเภาผู้เคราะห์ร้ายจับใจ นึกถึงอาการบาดเจ็บสาหัสของคนตัดไม้และเส้นทางทุรกันดารกว่าจะออกพ้นเขตป่า ก็ได้แต่ภาวนาขอให้นายเภามีชีวิตรอดปลอดภัยเท่านั้น

วันรุ่งขึ้นตอนบ่าย คนงานที่ไปส่งนายเภาพร้อมกับเถ้าแก่ก็กลับมาถึงปางไม้ และนำข่าวสลดใจมาแจ้งให้ทุกคนทราบว่า นายเภาเสียชีวิตก่อนจะไปถึงมือหมอที่โรงพยาบาล คนตัดไม้ผู้ซึ่งหวังจะได้เงินพิเศษในการโค่นต้นตะเคียนทนพิษบาดแผลไม่ไหว ได้สิ้นลมหายใจหลังพ้นออกจากป่าไม่นานนัก

สาเหตุการตายของนายเภาเป็นที่ประจักษ์ต่อสายตาของเถ้าแก่เจ้าของโรงเลื่อยและคนงานอีกหลายคน ทำให้ยากที่จะปฏิเสธได้ว่า นั่นมิใช่ฤทธิ์ของนางตะเคียนที่บันดาลให้เกิดเหตุการณ์เช่นนั้น และเมื่อนำมาประกอบกับความฝันของข้าพเจ้าที่ฝันเห็นนางตะเคียนมาห้ามมิให้โค่นล้มต้นตะเคียน หากไม่เชื่อฟังจะเกิดเหตุร้าย ก็ยิ่งทำให้สิ้นความลังเลสงสัยทุกแง่มุม

ข้าพเจ้าเชื่อเต็มร้อยว่านายเภาตายเพราะบังอาจล่วงละเมิดผีนางตะเคียน คนงานที่ปางไม้ก็เชื่อเช่นเดียวกับข้าพเจ้า

แต่สำหรับเถ้าแก่เจ้าของโรงเลื่อยจะเชื่อหรือไม่ ? ไม่มีใครบอกได้

หากในความคิดเห็นของข้าพเจ้า เถ้าแก่คงเชื่อแล้วล่ะว่านางตะเคียนมีจริง ๆ และแสดงอิทธิฤทธิ์ได้จริง ไม่เช่นนั้นคงมีคำสั่งไล่ข้าพเจ้าออกจากงานไปแล้ว ด้วยความผิดที่ไปท้วงติงขัดขวางมิให้เถ้าแก่โค่นล้มต้นตะเคียนตั้งแต่แรก

เถ้าแก่หายเงียบไปเกือบเดือน วันหนึ่งรถจี๊ปของเถ้าแก่ก็แล่นเข้ามาที่ปางไม้ นอกจากคนขับรถประจำตัวเถ้าแก่เป็นผู้ขับ ยังมีคนนั่งมาด้วยอีกสามคน ทราบต่อมาว่าเป็นอาจารย์ไสยศาสตร์กับลูกศิษย์สองคน
.jpg


เถ้าแก่เจ้าของโรงเลื่อยเชื่อแล้วว่าต้นตะเคียนมีผีนางตะเคียนสิงสู่อยู่จริง แต่เถ้าแก่ไม่ยอมพ่ายแพ้แก่นางตะเคียน ได้ไปเสาะหาอาจารย์ไสยศาสตร์ชาวเขมรมาเพื่อทำการสะกดวิญญาณนางตะเคียน และต้องการโค่นล้มตะเคียนต้นนั้นให้ได้

แม้เถ้าแก่ต้องการเอาชนะนางตะเคียน ต้องการทำลายตะเคียนให้ย่อยยับไปด้วยความโกรธแค้น แต่เถ้าแก่ก็ไม่กล้าเข้ามาอยู่ในป่า ไม่กล้าเข้าใกล้ต้นตะเคียนอีก เพียงแต่ส่งอาจารย์ไสยศาสตร์มาทำงายผีนางตะเคียนแทนตน

เถ้าแก่ไม่ได้เข้าป่ามาเอง แต่ส่งอาจารย์ไสยศาสตร์มากับศิษย์สองคน ทราบว่าอาจารย์ไสยศาสตร์รายนี้มีเชื้อสายเป็นชาวเขมรหรือเป็นคนเขมรทำนองนี้ เถ้าแก่โรงเลื่อยไปติดต่อว่าจ้างให้มาทำพิธีสะกดนางตะเคียนให้ได้ เพื่อหวังผลโค่นต้นตะเคียน

ข้าพเจ้ารับทราบจุดประสงค์ของเถ้าแก่ผู้เป็นนายแล้ว เวลานั้นเกิดความรู้สึกไม่ชอบนิสัยสันดานของเถ้าแก่โรงเลื่อยเจ้าของสัมปทานทำไม้คนนี้เป็นอย่างมาก พร้อมกันนั้นก็ตั้งใจว่าถ้ามีโอกาสจะไม่ขอทำงานร่วมกับแกอีก

ในความคิดของข้าพเจ้า เห็นว่าแก่นแท้ของเถ้าแก่เป็นคนโลภอย่างน่ารังเกียจ การแสดงออกของแกทำให้เห็นว่าถ้าต้องการสิ่งใดก็จะเอามาให้ได้ ไม่คำนึงถึงความถูกผิด สมควรหรือไม่สมควรแม้แต่น้อย ดังเช่นเรื่องตะเคียนต้นนี้

การละเว้นไม่ตัดต้นตะเคียนแค่ต้นเดียวไม่ได้ทำให้แกขาดผลประโยชน์มากมายอะไรเลย หรือแม้จะตัดโค่นต้นตะเคียนลงมาก็ใช่ว่าจะทำให้ร่ำรวยมั่งมีเพิ่มพูนขึ้นกว่าเดิมสักเท่าไร และเวลานั้นแกก็รวยไม่รู้จะรวยไปถึงไหนแล้ว อีกประการหนึ่งก็คือ เจ้าของต้นตะเคียนหรือนางตะเคียนซึ่งไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นภูตผีปีศาจหรือเป็นรุกขเทวดาที่สิงสถิตอยู่ที่ต้นตะเคียน ได้แสดงให้เห็นหลายครั้งแล้วว่าไม่ต้องการให้ใครมาตัดโค่นทำลายต้นตะเคียน ถึงกับทำอันตรายผู้ไม่เชื่อฟังจนเสียชีวิตมาแล้ว

ข้าพเจ้าไม่ใช่บุคคลประเภทมีความเชื่ออย่างงมงาย หรือเชื่อและนับถือภูตผีวิญญาณอย่างไร้เหตุผล แต่มีความคิดว่า ถ้าละเว้นการทำลายต้นตะเคียนได้ก็ควรเว้น เพราะการไปโค่นทำลายต้นไม้อายุนับร้อย ๆ ปีโดยที่ผู้อยู่อาศัยได้รับความเดือดร้อน ก็เท่ากับไปเบียดเบียนรังแกผู้อื่น ไปทำให้เขาเดือดร้อนลำบากหรือเป็นทุกข์

สำหรับเถ้าแก่คงไม่คิดเช่นนั้น แกคงคิดว่าต้นตะเคียนอยู่ในเขตสัมปทานก็ต้องเป็นต้นไม้ขอแก เรื่องอะไรจะปล่อยทิ้งไว้ให้เสียรายได้ไปเปล่า ๆ ยิ่งมาเจอฤทธิ์นางตะเคียนบันดาลให้คนงานที่แกให้รางวัลพิเศษล่อใจไปตัดถึงตายในสภาพน่าสยดสยอง เถ้าแก่คงจะพานโกรธต้นตะเคียนและเกิดทิฐิต้องการเอาชนะให้ได้ จึงได้ไปเสาะหาว่าจ้างอาจารย์ไสยศาสตร์มาสะกดอำนาจนางตะเคียน

แต่ตัวเถ้าแก่เองก็คงกลัวฤทธิ์นางตะเคียนไม่น้อยจึงไม่ยอมเสี่ยงเข้าป่ามาควบคุมการตัดโค่นต้นตะเคียนด้วยตัวเอง คงคิดว่าเมื่อแกอยู่ถึงในเมือนางตะเคียนย่อมทำอะไรแกไม่ได้

ตอนเช้าของวันที่อาจารย์ไสยศาสตร์ชาวเขมรจะทำพิธีสะกดวิญญาณนางตะเคียน ข้าพเจ้าต้องออกไปทำงานแต่เช้ามืด แต่ได้รับฟังเรื่องราวจากเพื่อนคนงานที่อยู่ในเหตุการณ์เล่าให้ฟัง เขาเล่าว่า อาจารย์ซื้อไก่ที่คนงานเลี้ยงไว้ถึง 5 ตัว จัดการเชือดแล้วต้ม จากนั้นก็นำไก่ต้ม ไข่ต้ม เนื้อพล่าปลายำ และเหล้าขาวเอาไปเซ่นที่โคนต้นตะเคียน จากนั้นตัวอาจารย์ก็ร่ายเวทย์บริกรรมอยู่นาน จากนั้นได้ใช้ตะปูขนาดใหญ่ตอกลงไปฝังที่ต้นตะเคียน

ที่จริงอาจารย์จะต้องตอกตะปูรอบต้นตะเคียนให้ครบ 7 ดอกตามตำรา แต่เมื่อตอกไปได้แค่ 3 ดอกก็เกิดเหตุการณ์อลหม่านเมื่อมีฝูงผึ้งจากที่ไหนไม่รู้บินกรูเกรียวเข้าโจมตีต่อยทุกคนที่อยู่ในบริเวณนั้นไม่เลือกหน้า ตัวอาจารย์ไสยศาสตร์กับลูกศิษย์สองคนก็เจอผึ้งต่อวิ่งกระเจิงเอาตัวรอดเหมือนกัน และมีคนงานหลายคนที่ไปดูอาจารย์สะกดนางตะเคียนถูกผึ้งต้อยวิ่งหนีหกล้มหกลุกกันทุกคน

เมื่อกลับมาที่ปางไม้ ปรากฏว่าอาจารย์ชาวเขมรโดนผึ้งต่อยหนักกว่าทุกคน บริเวณใบหน้าถูกต่อยหลายแห่งจนหน้าบวม ลูกศิษย์สองคนก็เจ็บไม่เบา ตัวอาจารย์เขมรมีท่าทางโกรธมาและแกคงเสียหน้าไม่น้อยที่เสียแรงเป็นอาจารย์ชื่อดังแต่มาวิ่งหนีแมลงตัวนิดเดียว

ตอนพลบค่ำข้าพเจ้ากลับมาถึงปางไม้ก็ได้รับฟังเรื่องเล่าดังกล่าวจากคนงาน ยังร่วมวงวิพากษ์วิจารณ์กันว่า อยู่ดี ๆ มีฝูงผึ้งมาจากไหนไม่รู้เข้ามาไล่ต่อยอาจารย์ไสยศาสตร์และลูกศิษย์รวมทั้งคนงานที่ไปร่วมเหตุการณ์ น่าจะเป็นเพราะอิทธิฤทธิ์ของนางตะเคียนแน่นอน เพราะในบริเวณนั้นไม่มีรังผึ้งให้เห็นเลย

ในคืนนั้นข้าพเจ้าและทุกคนที่อยู่ในปางไม้ก็พบกับเหตุการณ์น่าขนหัวลุกอีก กล่าวคือเมื่อถึงเวลาประมาณเที่ยงคืนขณะที่ทุกคนกำลังหลับสนิทก็ต้องผวาตื่นพร้อม ๆ กัน เมื่อมีเสียงร้องโหยหวนดังมาจากทิศที่ต้นตะเคียนตั้งอยู่ เสียงที่ได้ยินนั้นเป็นเสียงของผู้หญิงกำลังกรีดร้องประหนึ่งได้รับความเจ็บปวดแสนสาหัส บางครั้งจะเป็นเสียงร่ำไห้ด้วยความเศร้าโศกเสียใจอย่างที่สุด

ข้าพเจ้าทนฟังเสียงโหยหวนเยือกเย็นอย่างน่าขนพองสยองเกล้าซึ่งลอยมาตามลมเป็นพัก ๆ ภายในโรงเรือนต่อไปไม่ไหว ตัดสินใจลุกออกมานอกที่พัก ปรากฏว่าไม่ใช่มีข้าพเจ้าคนเดียวที่ออกมาข้างนอก มีคนงานและหัวหน้างานเกือบทุกคนทยอยกันมาอยู่ตรงลานกว้าง แล้วก่อกองไฟขึ้นเพราะอากาศในป่าตอนดึก ๆ หนาวเย็นจนยะเยือก

คราวนี้ทุกคนล้อมวงผิงไฟกันเป็นกลุ่มเงียบ ๆ แทบไม่มีใครพูดคุยสนทนากันเลย แต่ละคนเงี่ยหูฟังเสียงกรีดร้องโหยหวนด้วยความรู้สึกหวาดหวั่นพรั่นพรึง

หัวหน้าคนงานบางคนจะเข้าไปถามอาจารย์ไสยศาสตร์ที่พักอยู่ในกระท่อมว่างหลังหนึ่งว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ลูกศิษย์สองคนของอาจารย์ห้ามไว้ บอกว่าอาจารย์ของเรากำลังทำพิธีบางอย่างเพื่อป้องกันทุกคน เพราะผีนางตะเคียนรายนี้แรงมาก

เสียงอันน่าพรั่นพรึงดังเป็นพัก ๆ อยู่นานทีเดียว กระทั่งใกล้สว่างจึงได้เงียบไป ข้าพเจ้าและเพื่อนร่วมงานทุกคนกลับไปเข้านอน

เช้าวันรุ่งขึ้น อาจารย์ไสยศาสตร์ได้ให้ลูกศิษย์สองคนเอาเลื่อยยนต์ไปตัดต้นตะเคียน โดยมีหัวหน้าคนงานคนหนึ่งไปช่วยแนะนำและดูแลให้ แต่ไม่ยอมลงมือตัดด้วย ต้นตะเคียนนั้นก็ล้มลงโดยไม่มีเหตุการณ์น่ากลัวอะไรเกิดขึ้นอย่างที่หวั่นกัน แสดงว่าอาจารย์ไสยศาสตร์คนนั้นเก่งจริง สามารถสะกดนางตะเคียนจนหมดฤทธิ์

อีกหนึ่งเดือนต่อมา ตะเคียนใหญ่ต้นนั้นก็ถูกขนขึ้นรถบรรทุกซุงเพื่อนำส่งเข้าโรงเลื่อยในเมือง ระหว่างนั้นไม่มีเหตุการณ์ผิดปกติหรือน่ากลัวอย่างใดเกิดขึ้นเลย ราวกับว่างตะเคียนได้สูญหายไปแล้ว สำหรับข้าพเจ้าก็ยังทำงานไปตามปกติ

เหตุการณ์ต่อไปนี้ข้าพเจ้าไม่ได้พบเห็นด้วยตนเอง แต่เป็นเรื่องที่มีผู้เล่าให้ฟังภายหลัง เขาเล่าว่า
3.jpg


เมื่อรถบรรทุกซุงเดินทางออกจากป่าแล้วแล่นไปตามถนนหลวงจนกระทั่งใกล้จะถึงอำเภอเมือง ตอนนั้นเป็นเวลาประมาณ 2 ทุ่ม จู่ ๆ เครื่องยนต์ก็เกิดดับไปดื้อ ๆ ยังดีทีคนขับรถมีสติปล่อยให้รถไหลเลื่อนเข้าไหล่ถนนขอบทางทำให้ไม่เกะกะขวางทางจราจร คนขับซึ่งเป็นช่างยนต์ด้วยพยายามแก้ไขเครื่องอย่างไรก็ไม่ติด จึงต้องตัดสินใจจอดรถไว้ไหล่ทาง เอาตะเกียงผูกไว้ที่ท้ายรถซุงเพื่อเป็นสัญญาณให้รถที่แล่นไปมาได้มองเห็นแต่ไกล แล้วให้เด็กท้ายรถอาศัยรถสิบล้อเข้าไปที่โรงเลื่อยไปตามช่างใหญ่มาแก้ไข ส่วนคนขับรถนอนเฝ้ารถคอยอยู่

เวลาผ่านไปจนถึงเที่ยงคืน ช่างใหญ่ยังคงเดินทางมาไม่ถึงที่รถบรรทุกซุงจอดเสียอยู่ข้างทาง คนขับรถเลยขึ้นไปนอนพักผ่อนที่เบาะหน้ารถตรงคนขับ กำลังนอนเคลิ้ม ๆ ก็ตกใจสุดขีดเมื่อเกิดเสียงดังเหมือนฟ้าผ่า รถบรรทุกซุงสะเทือนไปทั้งคัน ถ้าไม่ใช้ขอนไม้หนุนล้อไว้รถคงถลาหัวทิ่มลงคูข้างทางแน่

คนขับตะเกียกตะกายลงมาดู ก็เห็นรถเบ๊นซ์คันหนึ่งเสียบติดอยู่กับท่อนซุงที่ยื่นยาวออกไป แสดงว่ารถคันดังกล่าวแล่นมาด้วยความเร็วแล้วขับกินทางลงมาที่ไหล่ถนน ก่อนจะพุ่งเข้าชนท่อนซุงเต็มเหนี่ยว ซึ่งเป็นอุบัติเหตุที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นเลย เพราะเส้นทางช่วงนั้นเป็นทางตรง และรถบรรทุกซุงก็จุดตะเกียงเป็นสัญญาณให้รู้ว่ามีรถจอดเสียข้างทางให้เห็นแต่ไกล

คนขับรถลนลานไปที่รถเบ๊นซ์ซึ่งด้านหน้าแหลกยับ ภาวนาขอให้ผู้ขับขี่อย่าได้รับอันตรายถึงชีวิตเลย แต่พอไปถึงตรงที่นั่งคนขับ คนขับรถบรรทุกซุงก็แทบล้มทั้งยืน เมื่อเห็นคนขับที่ถูกอัดติดอยู่กับพวงมาลัยซึ่งย่นเข้ามาทิ่มตรงหน้าอกจนตายคาที่....
.jpg


เพราะผู้ขับรถเบ๊นซ์นั้นคือ เถ้าแก่เจ้าของโรงเลื่อยและเจ้าของสัมปทานทำไม้ในป่านั่นเอง !!

เป็นเรื่องเหลือเชื่อที่เถ้าแก่เจ้าของโรงเลื่อยขับรถมาชนซุงไม้ตะเคียนที่ตนสั่งตัดเอง

เหตุที่เกิดความบังเอิญอย่างน่าสยดสยองเช่นนี้ เนื่องจากเถ้าแก่ไปร่วมงานแต่งงานต่างอำเภอและกำลังขับรถกลับบ้าน ประจวบเหมาะกับรถบรรทุกซุงไม้ตะเคียนมาจอดเสียอยู่ข้างทาง การที่เถ้าแก่พุ่งรถเข้าชนท้ายรถบรรทุกซุงชนิดไม่มีรอยเบรกแม้แต่น้อย ตำรวจเจ้าของคดีสันนิษฐานว่าเถ้าแก่น่าจะหลับในหรือขับรถขณะเมาสุรา

แต่สำหรับข้าพเจ้าเชื่อว่าน่าจะเป็นแรงอาฆาตของนางตะเคียนที่ดลใจให้เถ้าแก่เจ้าของโรงเลื่อยมาพบจุดจบของชีวิตเช่นนี้ ต่อมาทราบในภายหลังว่าภรรยาและลูก ๆ ของเถ้าแก่นำซุงไม้ตะเคียนทั้งหมดไปถวายวัดเพื่อสร้างเป็นกุฏิพระเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้เถ้าแก่ ส่วนข้าพเจ้าทำงานจนครบปีก็ลาออกไปทำอาชีพอื่น...."

.jpg


_________________
ถ้าเราไม่อยากได้อะไรจากใคร ก็จะไม่มีอะไรให้หมางใจกัน


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
 หัวข้อกระทู้: Re: ฤทธิ์นางตะเคียน
โพสต์โพสต์แล้ว: จันทร์ 25 ม.ค. 2010 2:26 pm 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ 08 พ.ย. 2008 5:10 pm
โพสต์: 340
หาชุดสีชมพูประกอบภาพมาได้ไงเนี่ย นับถือๆ สนุกดีครับ


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
 หัวข้อกระทู้: Re: ฤทธิ์นางตะเคียน
โพสต์โพสต์แล้ว: จันทร์ 25 ม.ค. 2010 3:20 pm 
ออฟไลน์
Administrator
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ 08 ก.ย. 2008 11:37 am
โพสต์: 6391
ขอบพระคุณครับ สนุก และ ได้แง่คิดดี :grt: :grt:

_________________
089 969 9445 @ anytime
line ID navaraht


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
 หัวข้อกระทู้: Re: ฤทธิ์นางตะเคียน
โพสต์โพสต์แล้ว: จันทร์ 25 ม.ค. 2010 3:58 pm 
ออฟไลน์
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ 08 ก.ย. 2008 10:41 am
โพสต์: 1599
ขอบคุณฮะ คุณอารณธรรม

น่ากลัวๆๆๆๆๆ

ถ้าเด็กลึกลับไปเจอนางตะเคียนในป่าอย่างนั้นมั่ง จะเป็นยังไงหนอ

กลัวๆๆๆๆๆๆ

:idead:

_________________
ชาตินี้ไม่จริง ชาติไหนก็ไม่จริง


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
 หัวข้อกระทู้: Re: ฤทธิ์นางตะเคียน
โพสต์โพสต์แล้ว: จันทร์ 25 ม.ค. 2010 6:49 pm 
ออฟไลน์
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 14 ก.ย. 2008 5:09 pm
โพสต์: 1368
นางตะเคียนเกาหลีแน่เลย
jpg.jpg



ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
 หัวข้อกระทู้: Re: ฤทธิ์นางตะเคียน
โพสต์โพสต์แล้ว: จันทร์ 25 ม.ค. 2010 11:25 pm 
ออฟไลน์
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ 24 พ.ย. 2008 4:51 pm
โพสต์: 613
จิ้งจก เขียน:
นางตะเคียนเกาหลีแน่เลย
jpg.jpg


จ๋วยๆชอบๆๆ อิอิ :shhy: :shhy:

_________________
"ความทุกข์มันเข้ามาได้เพราะเราไม่ภาวนา เมื่อภาวนาแล้ว มันก็หมดลง"


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
 หัวข้อกระทู้: Re: ฤทธิ์นางตะเคียน
โพสต์โพสต์แล้ว: จันทร์ 25 ม.ค. 2010 11:37 pm 
ออฟไลน์
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ 08 ก.ย. 2008 12:00 pm
โพสต์: 488
.gif



ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
 หัวข้อกระทู้: Re: ฤทธิ์นางตะเคียน
โพสต์โพสต์แล้ว: อังคาร 26 ม.ค. 2010 1:10 am 
ออฟไลน์
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 14 ก.ย. 2008 6:00 am
โพสต์: 6586
poan เขียน:
หาชุดสีชมพูประกอบภาพมาได้ไงเนี่ย นับถือๆ สนุกดีครับ


สำหรับเรื่องนี้ก็สองวันสองคืนเลยครับ ขอบพระคุณครับสำหรับกำลังใจ :P

_________________
ถ้าเราไม่อยากได้อะไรจากใคร ก็จะไม่มีอะไรให้หมางใจกัน


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
 หัวข้อกระทู้: Re: ฤทธิ์นางตะเคียน
โพสต์โพสต์แล้ว: อังคาร 26 ม.ค. 2010 1:10 am 
ออฟไลน์
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 14 ก.ย. 2008 6:00 am
โพสต์: 6586
เด็กลึกลับ เขียน:
ขอบคุณฮะ คุณอารณธรรม

น่ากลัวๆๆๆๆๆ

ถ้าเด็กลึกลับไปเจอนางตะเคียนในป่าอย่างนั้นมั่ง จะเป็นยังไงหนอ

กลัวๆๆๆๆๆๆ

:idead:


ตาย ครับ :mrgreen:

_________________
ถ้าเราไม่อยากได้อะไรจากใคร ก็จะไม่มีอะไรให้หมางใจกัน


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
 หัวข้อกระทู้: Re: ฤทธิ์นางตะเคียน
โพสต์โพสต์แล้ว: อังคาร 26 ม.ค. 2010 11:32 pm 
ออฟไลน์
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 14 ก.ย. 2008 5:09 pm
โพสต์: 1368
รณธรรม ธาราพันธุ์ เขียน:
เด็กลึกลับ เขียน:
ขอบคุณฮะ คุณอารณธรรม

น่ากลัวๆๆๆๆๆ

ถ้าเด็กลึกลับไปเจอนางตะเคียนในป่าอย่างนั้นมั่ง จะเป็นยังไงหนอ

กลัวๆๆๆๆๆๆ

:idead:


ตาย ครับ :mrgreen:
ถ้าเป็นผมก็ต้องทำตามสมัยนิยมในหนังสือพิมพ์หน้าหนึ่งครับผูกผ้าแพรเจ็ดสี เจ็ดศอก จุดธูป จุดเทียนเสร็จแล้วก็โรยแป้ง ขัดขอเลขซะ...เอ...ว่า แต่นางตะเคียนแกจะยอมให้ขัดมั้ยเนี่ย... :lol: :lol: :lol:


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
 หัวข้อกระทู้: Re: ฤทธิ์นางตะเคียน
โพสต์โพสต์แล้ว: พุธ 27 ม.ค. 2010 3:26 am 
ออฟไลน์
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 14 ก.ย. 2008 6:00 am
โพสต์: 6586
ถ้าขัดดอกอาจจะได้ครับ :lol: :lol: :lol:

_________________
ถ้าเราไม่อยากได้อะไรจากใคร ก็จะไม่มีอะไรให้หมางใจกัน


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
 หัวข้อกระทู้: Re: ฤทธิ์นางตะเคียน
โพสต์โพสต์แล้ว: พุธ 27 ม.ค. 2010 11:24 pm 
ออฟไลน์
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 24 พ.ค. 2009 9:57 am
โพสต์: 106
ขอบคุณครับอาจารย์ต่อ สนุกและได้ข้อคิดดีครับ
เจอนางตะเคียนก็ต้องแผ่เมตตาอย่างเดียวละครับ อย่างอื่นนึกไม่ออก เพราะคงสู้ไม่ไหวแน่ :lol: :lol:

_________________
************สนับสนุนให้คนไทย************
พิมพ์ พูด อ่าน เขียน ภาษาไทยอย่างถูกต้อง


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
 หัวข้อกระทู้: Re: ฤทธิ์นางตะเคียน
โพสต์โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. 28 ม.ค. 2010 2:21 am 
ออฟไลน์
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 14 ก.ย. 2008 6:00 am
โพสต์: 6586
ด้วยความยินดีครับ

เจอตะเคียนต้องเอามาทำจตุคามครับคุณเวอร์จิ้น :lol: :lol: :lol:

_________________
ถ้าเราไม่อยากได้อะไรจากใคร ก็จะไม่มีอะไรให้หมางใจกัน


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
 หัวข้อกระทู้: Re: ฤทธิ์นางตะเคียน
โพสต์โพสต์แล้ว: เสาร์ 30 ม.ค. 2010 7:07 am 
ออฟไลน์
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 14 ก.ย. 2008 9:48 am
โพสต์: 937
:sck: :sck: :sck:

_________________
อันความสุขทางใจนั้นหายาก คนส่วนมากไม่ชอบแสวงหา
หวังแต่สุขเพื่อสนุกเพียงหูตา มันจึงพาชักจูงให้ยุ่งใจ


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
 หัวข้อกระทู้: Re: ฤทธิ์นางตะเคียน
โพสต์โพสต์แล้ว: จันทร์ 12 เม.ย. 2010 3:51 pm 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. 09 ก.ค. 2009 12:08 am
โพสต์: 116
สนุกมากเลยครับ มีภาพประกอบสอดคล้องกับเนื้อเรื่อง ยิ่งทำให้ "อิน" ไปใหญ่เลยครับ :)


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
 หัวข้อกระทู้: Re: ฤทธิ์นางตะเคียน
โพสต์โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. 15 เม.ย. 2010 2:04 pm 
ออฟไลน์
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 14 ก.ย. 2008 6:00 am
โพสต์: 6586
ขอบคุณคร๊าบ :D

_________________
ถ้าเราไม่อยากได้อะไรจากใคร ก็จะไม่มีอะไรให้หมางใจกัน


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 16 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 3 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
cron
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO