คำขอบคุณและของตอบแทน
โดย รณธรรม ธาราพันธุ์ปลาบปลื้มและเป็นสุขใจอย่างมากเมื่อทราบความจาก "มูลนิธิคุ้มครองเด็ก" ว่าได้รับเงินบริจาคราวๆ 4 หมื่นบาท ซึ่งทางมูลนิธิฯ จะได้นำเงินนี้ฝากเข้าธนาคารและนำออกมาใช้จ่ายเมื่อคราวจำเป็น
ผมภูมิใจไปกับทุกท่านที่ได้มีส่วนช่วยประคับประคองชีวิตน้อยๆ ให้มีข้าวกิน ให้มีที่อยู่อาศัย และให้มีการศึกษา วันหนึ่งข้างหน้าเมื่อเขาเติบโตหรือเธอเติบโต ก็จะได้ไม่เป็นภาระของสังคมไม่เป็นผู้ร้ายให้กับชีวิตและทรัพย์สินของใครต่อใคร
ผมขออนุญาตยกย่องบุคคลเหล่านี้ ผู้มีส่วนร่วมอย่างเต็มที่กับกิจกรรมครั้งนั้น งานนั้นจะสำเร็จไปไม่ได้เลยถ้าไม่มี...
คุณวนิดา วรรธนะชัยแสง ผู้ประเดิมในการให้หนังสือ "ไตรรัตน์" และสนันสนุนมาตลอด
คุณนิวัฒน์ ภูริภาคย์วงศ์และ
คุณบุญถนอม การุณยวนิช ผู้เป็นสารถีร่วมเดินทางไปติดต่องานกับผมในทุกๆ ที่
ที่มีทางคุณสุมิทธิ์ ติสโส แบ๊คอัพด้านการเงินให้ผมเสมอเมื่อขาด
คุณกมล เอกนโนชัย และชาวคณะศักดิ์สิทธิ์ทุกท่าน ที่กรุณา "สร้าง" หนังสือ "ศักดิ์สิทธิ์" ขึ้นมาจนเป็นกระบอกเสียงแทนเด็กผู้จมทกข์ทั้งปวง
ที่สุด
คุณอำพล เจน ครูด้าน "งานเขียน" ของผมท่านหนึ่งที่ชักนำให้ผมได้เข้ามาโลดแล่นอยู่ในวงการน้ำหมึก
และเหนือสิ่งอื่นใด คือผู้อ่าน "หนังสือศักดิ์สิทธิ์" ทุกท่าน ที่ได้มีจิตเมตตาสละปัจจัยซึ่งอุตสาห์เก็บสะสมไว้เพื่อการอื่น จ่ายแจกผู้ร่วมโลก ผู้ไม่มีใครอีกแล้วในชีวิต ให้มีลมหายใจต่อไปอย่างเป็นสุข
ผมขอขอบคุณจริงๆ
ขอบคุณไปยังทุกท่าน แม้เพียงผู้ที่อ่านพบแล้วนึกเป็นกำลังใจให้กับผมอยู่เงียบๆ ณ มุมใดมุมหนึ่งของประเทศ ผมก็ดีใจแล้วครับ
ที่ผ่านมาทั้งหมดนั้น คือ ความสุขของผมซึ่งสุขทุกครั้งที่นึกถึง แต่ถ้าผมมีความสุขเพียงอย่างเดียวก็คงจะกลายเป็นปุถุชนคนแรกที่เกิดมาเพื่อค้าน "สัจธรรมของพระพุทธเจ้า" ในเรื่องโลกธรรม 8 ที่ว่า มีลาภย่อมเสื่อมลาภ มียศย่อมเสื่อมยศ มีสุขย่อมมีทุกข์ มีสรรเสริญย่อมมีนินทา
เชื่อแล้วว่า สุขย่อมมีทุกข์ซ้อนอยู่ทุกอย่าง
ความทุกข์ดังว่า ก็คือจดหมายที่แนบใบเสร็จจากมูลนิธิคุ้มครองเด็กที่ยังทยอยมาภายหลังจากที่ได้พระสมเด็จ 100 ชุดได้หมดลงแล้ว ใบเสร็จที่เกินมามีกว่า 100 ชุดเสียด้วยซ้ำ จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมมูลนิธิฯ จึงได้เงินถึง 4 หมื่นบาท
ผมจะจนมุมเพราะ "หมัดแห่งศรัทธา" นี้ละกระมัง
แต่ไม่หรอก นักมวยอย่างผมแม้จะไร้ชื่อเสียงทว่าใจยังเต็มร้อยเสมอ มีลวดลายเท่าไหร่ก็จะวาดกันให้เต็มเหนี่ยวบนผืนผ้าใบซึ่งมี "คุณสรรเสริญ" กับ "คุณนินทา" เป็นเดิมพัน ผมจะได้รางวัลเป็นของคุณสรรเสริญหรือของคุณนินทา ก็อยู่ที่ "หมัด" สุดท้ายนี่แหละ
เหรียญ
กายสิทธิ์ คือหมัดเด็ดของผม
เป็นของตอบแทนที่เพื่อนๆ และผมได้ช่วยกันสละปัจจัยไปเช่าบูชามาเพื่อส่งมอบให้กับท่านที่พลาดหวังจากพระสมเด็จทั้งสองพิมพ์ ทั้งนี้ก็จะส่งไปพร้อมๆ กับหนังสือไตรรัตน์เช่นเดิม
แม้จะเป็นงานที่หนักหน่วงอยู่ไม่น้อยแต่พวกผมก็เต็มใจและยินดียิ่ง ขอเพียงท่านผู้ใจบุญทั้งหลายมีความสุข พวกผมก็สุขใจแล้วครับ ว่ามาถึงตรงนี้ ผมจะขอความเห็นใจจากท่านทั้งหลายบ้างว่า สำหรับท่านที่ส่งเงินบริจาคไปเป็นจำนวนมากกว่า 200 บาท ผมก็จะขอส่งพระและหนังสือให้เพียง 1 ชุด เพราะผมไม่สามารถจัดสรรตามจำนวนเงินได้ เหตุผลก็ดังที่เรียนให้ทราบนั่นแหละครับ
หากท่านใดไม่ได้รับพระกับหนังสือก็ขอให้คอยหน่อยนะครับ เพราะคนบรรจุหีบห่อและจัดส่งมีเพียงผม คุณนิวัฒน์ และคุณบุญถนอม เท่านั้น ซ้ำที่ผ่านมาผมยังต้องเข้ารับการผ่าตัดข้อมือขวาอีก เป็นผลให้การส่งของล่าช้าอยู่สักหน่อย แต่รับรองว่าได้ทุกท่านแน่นอน
คราวนี้ก็มาว่าถึงความเป็นมาของเหรียญ
กายสิทธิ์ กล่าวคือ เมื่อวัตถุมงคลของหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ หายากเข้าบรรดาศิษย์เลยคิดทำขึ้นใหม่โดยคงความเป็นหลวงปู่ดู่เอาไว้ เหรียญนี้จึงถือกำเนิดขึ้นมาโดยคณะศิษย์กลุ่มหนึ่ง ภายใต้การนำของอาจารย์
ศุภรัตน์ แสงจันทร์ ศิษย์ฆราวาสที่หลวงปู่ให้ความเมตตายิ่งนัก
ชนวนมวลสารที่หลวงปู่ดู่ได้เคยอธิษฐานให้ พร้อมๆ กับตั้งสัจจาธิษฐานดังๆ ให้ศิษย์ได้รับทราบก็คือ
ชนวนทั้งหมดนี้ข้าทำไว้แล้ว แกเอาไปสร้างพระได้เลย ทำเสร็จแล้วไม่ต้องมีพิธีอะไรอีกเพราะนั่นคือข้าเสกเองทั้งหมดเชื่อท่านไหม?
ถ้าเชื่อ ชนวนเหล่านั้นได้นำมาหล่อหลอมผสมผสานอยู่ในเนื้อพระรุ่นนี้ทุกองค์ รวมถึงชนวนพระรุ่นเปิดโลกที่ใครๆ ต่างถวิลหา นับว่าเหรียญ "กายสิทธิ์" ไม่น้อยหน้าใครในเรื่องมวลสารเช่นกัน
เมื่อ "ดีใน" แล้วก็ต้อง "ดีนอก" ด้วยการเชิญเหรียญเข้าปลุกเสก ซึ่งก็เป็นไปอย่างพิถีพิถัน ด้วยการเลือกฤกษ์มงคลคือวัน "เสาร์ห้า" มหาอำนาจ ซึ่งตรงกับวันเสาร์ 5 เมษายน พ.ศ. 2538 โดยจัดพิธียิ่งใหญ่ถูกต้องตามหลักโบราณาจารย์ทุกประการ ณ วัดพุทไธสวรรค์ ต.สำเภาล่ม อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา มีรายนามพระคณาจารย์ที่เข้าพิธีดังนี้
หลวงพ่อเมี้ยน พุทธสิริ วัดโพธิ์กบเจา อ.บางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา
หลวงพ่อทิม อัตตสันโต วัดพระขาว อ.บางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา
หลวงพ่อเฉลิม วัดพระญาติการาม อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา
หลวงพ่อหวล ภูริทัตโต วัดพุทไธสวรรค์ อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา
หลวงพ่อสวัสดิ์ วัดศาลาปูน อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา
หลวงพ่อเอียด วัดไผ่ล้อม อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา
พระอาจารย์แม้น อาจารสัมปันโน วัดหน้าต่างนอก อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา
ครูบาโอภาส วัดจองคำ อ.งาว จ.ลำปาง
พระอาจารย์วรงคต วิริยธโร สำนักสงฆ์พุทธพรหมปัญโญ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่
พระที่เข้าพิธีในวันนั้นล้วนแล้วไปด้วยผู้ทรงวิชา ใช่แค่ผู้ขอเข้าพิธีเพื่อหาสตางค์กินขนมก็เปล่า และส่วนใหญ่ก็ล้วนเป็นศิษย์หลวงปู่ดู่แทบทั้งสิ้น ก่อนเริ่มเสกมีการบวงสรวงบอกกล่าวหลวงปู่ทวด เหยียบน้ำทะเลจืด หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ และเทพ พรหม ทุกชั้นฟ้าอย่างถูกต้อง จึงไม่น่าสงสัยว่าเหรียญนี้จะดีเยี่ยมแค่ไหน
แต่ยังไม่ถึงใจผู้นำเสก จึงขบคิดกันอีกว่าใครหนอจะเป็นผู้เสกเป่า "ประจุ" ความศักดิ์สิทธิ์อย่างหมดห่วงได้แท้เทียว นึกแล้วก็ให้คิดถึงพระมหาเถระผู้ประเสริฐ ผู้เป็นที่ยกย่องสรรเสริญสูงสุดของหลวงปู่ดู่นั่นคือ
หลวงพ่อเกษม เขมโก แห่งสุสานไตรลักษณ์ จ.ลำปางคณะผู้สร้างนำโดยอาจารย์ศุภรัตน์จึงได้เข้ากราบขอบารมีของหลวงพ่อเกษม เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2538 ราวกับท่านจะล่วงรู้ถึงเจตนาที่ดี ท่านจึงอนุญาตให้นำวัตถุมงคลทั้งหมดเข้าไปเสกได้ ขณะนั้นเป็นเวลา 8:37 น. หลวงปู่กรุณา
"มนต์" ให้เป็นเวลานานถึง 10 นาที และการอธิษฐานจิตในครั้งนั้นก็เป็นการอธิษฐานแบบเฉพาะเจาะจงลงไปเป็นกรณีพิเศษ ไม่ใช่อย่างพระฝากพิธี
และนั่นคือ สูติบัตร ของเหรียญ กายสิทธิ์........................................................................
จากนิตยสารศักดิ์สิทธิ์ ฉบับที่ 328 วันที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2539
เข้าสู่ระบบ 
สมัครสมาชิก
FAQ 
ได้อ่านแล้วคิดถึงบทความก่อนหน้านี้ " สร้างทานบารมีกับหลวงปู่ดู่" ซึ่งผมก็เป็นคนนึงที่ได้อ่านตอนนี้และรู้สึกชอบมากๆ ( แต่..รู้สึกจะไม่ได้พระนะสงสัยต้องไปเอาที่คนเขียนบทความ 
) ถ้าจำไม่ผิดพระสมเด็จที่ให้ร่วมทำบุญครั้งนั้น จะอยู่ในพิธีเดียวกับหลวงปู่ทวดรุ่นนึง ซึ่งมีประสบการณ์ที่นักเรียนช่างเทคนิคโดนคู่พิพาทแทงแต่ไม่เข้าด้วยนะครับ 
