นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน อังคาร 16 เม.ย. 2024 12:24 pm

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 14 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
โพสต์โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. 03 ก.ย. 2009 1:21 am 
ออฟไลน์
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 14 ก.ย. 2008 6:00 am
โพสต์: 6586

รุ่น 1 ของ อ.โสมทัต เขมจารี (แก้ไขสีแล้ว) re1.jpg


คุณประธาน ดวงรัตน์ เป็นอดีตนายกสมาคมสภาทนายความแห่งประเทศไทย มีผลงานมากมายในทางกฎหมายอันเป็นประโยชน์ต่อบ้านเมือง ซึ่งตลอดเวลาที่ท่านทำงานก็ไม่เคยมีเรื่องเสื่อมเสียหรือบาดหมางกับใคร แต่สาเหตุที่เกิดขึ้นนี้ก็คงไม่ต่างจากที่นายแพทย์สำนวน บัวพิมพ์ ได้เจอ คือเกิดจาก "ความริษยา"

เพราะในทันทีที่คุณประธานได้รับการแต่งตั้งให้เป็นนายกสมาคมสภาทนายความแห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2522 ได้ประมาณ 1 อาทิตย์เท่านั้น คุณประธานก็เกิดมีอาการปวดช่องท้องทางซ้ายอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ความเจ็บปวดนั้นมิได้มีอยู่แต่เฉพาะตรงช่วงท้อง หากยังแผ่ขยายขึ้นมาจนถึงหัวใจราวกับมีอะไรมาบีบรัดหรือทิ่มแทงเนื้อหัวใจอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะเมื่อขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวหรือเผลอเปลี่ยนแปลงอิริยาบถอย่างกะทันหันก็จะเจ็บปวดสาหัสขึ้นทันที

เมื่อมีอาการมากเข้า คุณประธานก็ไปพบนายแพทย์ ดร.นิพนธ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลกรุงเทพ เพื่อตรวจร่างกายอย่างละเอียด แต่ก็ไม่พบสิ่งผิดปกติใด ๆ ทว่าเมื่อคนไข้มีอาการเจ็บปวดหมอก็เลยต้องสั่งจ่ายยารักษาการอักเสบของกล้ามเนื้อมาให้รับประทานแล้วคอยสังเกตอาการกันต่อไป

ต่อมาอาการที่เหมือนมีอะไรมาทิ่มแทงบีบรัดหัวใจได้เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ จนถึงกับทำให้คุณประธานนอนราบลงในท่าต่าง ๆ ไม่ได้เลย ต้องพักผ่อนด้วยการใช้หมอนลูกใหญ่รองที่หน้าขาแล้วนั่งฟุบหน้าลงกับหมอนเพื่อหลับ เป็นที่น่าเวทนายิ่งนัก

เหตุการณ์ทรมานเช่นนี้เป็นมาอยู่สักระยะหนึ่ง ก็มีเพื่อนสนิทมาชวนไปรับประทานอาหารกลางวันด้วยกัน ขณะที่ทานไปคุยไปนั้นก็วกมาถึงเรื่องที่คุณประธานเจ็บปวดช่องท้องและเสียวแปลบที่หัวใจ เพื่อนคนนั้นก็แนะนำว่าทำไมไม่ลองไปรักษาในทางไสยศาสตร์ดูบ้างเผื่อว่าจะหาย ว่าแล้วก็พาคุณประธานไปพบกับอาจารย์ไสยศาสตร์ชื่อดังในทันที ซึ่งก็คือ

"อาจารย์โสมทัต เขมจารี"

ทันทีที่อาจารย์โสมทัตเห็นหน้าคุณประธาน ดวงรัตน์ ท่านก็บอกได้ทันทีว่าคุณประธาน "ถูกของ" เข้าแล้ว มิหนำซ้ำ "ของ" ที่ใครคนนั้นส่งมายังรุนแรงถึงขนาดจะเอาชีวิตกันในเวลาอันสั้น และแรงอย่างที่ป้องกันไม่ให้ใครแก้ได้ ทำให้อาจารย์โสมทัตถึงกับอุทานหลังจากพิจารณาแล้วว่า

"นี่เขาเล่นกันรุนแรงถึงเพียงนี้เชียวหรือ ! ทำไมถึงใจคอโหดร้ายขนาดนี้"

อาจารย์โสมทัตจึงลงมือทำน้ำมนต์ถอนของในทันที แล้วจัดการอาบให้นายกสภาทนายความโดยฉับพลัน เมื่ออาบไปได้เพียงครู่เดียว ก็เกิดสิ่งอัศจรรย์ขึ้น คือมีตะปูตัวหนึ่งผุดทะลุหนังคุณประธานออกมาจากทางสีข้างด้านซ้ายหนึ่งตัว ทว่าอาจารย์โสมทัตก็ยังคงรดน้ำมนต์ต่อเนื่องไปอีก ไม่นานนักตะปูตัวที่สองก็โผล่ออกมาอีก ตลอดเวลาที่ตะปูแทงเนื้อออกมานั้น คุณประธานส่งเสียงร้องอย่างเจ็บปวดแบบไม่ต้องอายใคร เพราะมันทรมานเหลือจะพรรณนา ก็ไม่รู้ว่าเพราะเสียงร้องของคุณประธานหรือเพราะเหตุใด อาจารย์โสมทัตได้หยุดอาบน้ำมนต์แล้วสั่งว่าวันพรุ่งนี้ให้มารักษาอีกเพื่อเอา "ของ" ที่เหลืออยู่ออกให้หมดสิ้น

ทว่าวันที่อาจารย์โสมทัตนัดนั้นเป็นวันเสาร์ ซึ่งเป็นวันที่คุณประธาน ดวงรัตน์ มีนัดสำคัญคือการเลี้ยงฉลองที่ได้รับตำแหน่งนายกสมาคมสภาทนายความแห่งประเทศไทย คุณประธานจึงขออนุญาตอาจารย์เลื่อนมาเป็นวันอาทิตย์แทน ซึ่งอาจารย์โสมทัตก็ตอบตกลงแต่กำชับว่าให้มาให้ได้และให้มาแต่เช้าตรู่ เพราะผู้ที่ส่งคุณไสยมาเข้าตัวนั้นได้กำหนดวันตายให้คุณประธานไว้แล้วคือ วันพุธที่จะมาถึงนี้ จึงจำเป็นที่จะต้องกำจัดในตัวออกให้หมดก่อนจะถึงวันสั่ง คุณประธานได้ยินแล้วก็หัวใจหวิวรีบรับปากอย่างแข็งขันทันที

เมื่อนายกสภาทนายความกลับมาถึงบ้าน ก็พยายามรำลึกความว่าก่อนที่จะมีเหตุร้ายเกิดขึ้นแก่ตนนั้นตนได้ทำอะไรไปบ้าง นึกอยู่นานก็คิดได้ว่าหลังจากที่ได้รับเลือกให้เป็นนายกสมาคมสภาทนายความฯ ได้ไม่กี่วัน วันหนึ่งกลับจากทำงานมาก็ถอดสร้อยพระเครื่องออกแขวนไว้แล้วไปอาบน้ำ จากนั้นก็ลืมเรื่องสายสร้อยไปอย่างสนิท จึงมิได้สวมสร้อยห้อยพระอีกเลย ต่อมาประมาณ 2 ทุ่มของวันเดียวกัน คุณประธานจะออกไปสะสางงานที่ค้างไว้ให้เสร็จที่สำนักงานของตนเองซึ่งอยู่ในบริเวณรั้วบ้านเดียวกัน ขณะที่กำลังก้าวเดินออกไปนั้นก็ได้ยินเสียงวัตถุวิ่งแหวกอากาศมาอย่างรวดเร็วแล้วกระทบเข้ากับหลังคาบ้านซึ่งอยู่เหนือศีรษะพอดีดังเปรี๊ยะ

คุณประธานจึงแหงนขึ้นมองอย่างสงสัยแล้วเผลอพูดออกไปว่า

"อะไรกันวะ ?"

เมื่อมองหาสิ่งผิดปกติแล้วไม่พบอะไรก็เลิกให้ความสนใจ ทว่านับตั้งแต่วันนั้นมาก็เกิดอาการผิดปกติขึ้นกับร่างกายดังกล่าว

พอถึงวันอาทิตย์ที่นัดหมายไว้ คุณประธานก็เดินทางมาพบอาจารย์โสมทัตที่สำนักแต่เช้าโดยมีเพื่อน ๆ ที่เป็นทนายความด้วยกันติดตามมาขอดูเหตุการณ์ด้วยอีก 6 คน ในจำนวนนี้มีคุณแฉล้ม ยุวบูรณ์ ภรรยาของ คุณอนันต์ ยุวบูรณ์ มาด้วย

วันนี้ท่าจะเป็นวันสำคัญชี้เป็นชี้ตายจริง ๆ เพราะเห็นอาจารย์โสมทัตตั้งพิธีอย่างยิ่งใหญ่ดูท่าแล้วจะเป็นวาระที่สำคัญมาก เมื่อทุกอย่างพร้อมอาจารย์ก็เอาน้ำมันมนต์มาทาที่ลำตัวด้านซ้ายของคุณประธาน จากนั้นก็ใช้ปูนแดงเสกวงที่สีข้างวงหนึ่ง ที่ด้านหลังวงหนึ่ง และที่หน้าอกอีกวงหนึ่ง จากนั้นก็เริ่มสาธยายมนตรา

ผ่านไปราวครึ่งชั่วโมง ก็เกิดสิ่งอัศจรรย์ ในวงปูนที่วาดไว้เป็นดวงกลมปรากฏมีหัวตะปูขนาดใหญ่ค่อย ๆ แทงทะลุเนื้อออกมา อาจารย์จึงสั่งให้คนที่อยู่ใกล้ที่สุดจับแล้วดึงออกมาตรง ๆ สร้างความเจ็บปวดให้คุณประธานเป็นอย่างยิ่งเพราะตะปูถูกยึดติดแน่นเหมือนมีแรงดึงดูดลึกลับทำให้ดึงออกมาได้ยากมาก กว่าจะหลุดได้แต่ละตัวเล่นเอาคุณประธานถึงกับเจ็บปวดสาหัส

ซึ่งตะปูดังกล่าวได้โผล่ออกมาในวงปูนเสกที่วาดไว้สามตำแหน่งวงละหนึ่งตัวรวมเป็น 3 ตัว ทั้งทนายความที่มาด้วย ทั้งคนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์อย่างตื่นเต้นว่าตะปูยาวขนาดนี้เข้าไปอยู่ในร่างกายได้อย่างไรตั้งสามตัว และออกมาเองได้อย่างไรโดยไม่ต้องผ่าตัด

แต่คงเป็นเพราะความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นในระหว่างการถอนของ อาจารย์จึงนัดให้คุณประธานมาทำการรักษาอีกครั้งในวันรุ่งขึ้นซึ่งก็คือ วันจันทร์

วันจันทร์แม้คุณประธานจะมีคดีสำคัญที่ต้องไปว่าความ แต่ก็รีบไปศาลแต่เช้าแล้วแจ้งแก่ศาลว่าตนเองไม่สบายขอผ่อนผันเลื่อนการพิจารณาออกไปวันอื่น ศาลเห็นคุณประธานหน้าตาซีดเซียวราวคนป่วยหนักจึงอนุญาตให้เป็นไปตามที่ขอ จากนั้นคุณประธานก็รีบกลับลงมาเพื่อขึ้นรถ ขณะที่ยืนรอคนขับรถเอารถมารับ ก็ได้พบกับคุณพิสิทธิ์ เทศะบำรุง อธิบดีผู้พิพากษากรมบังคับคดี กับ คุณชาญ แก้วชูสาย อดีตรองหัวหน้าพรรคกิจสังคม ทั้งสองท่านได้แวะทักทายคุณประธาน เมื่อทราบว่าคุณประธานกำลังจะเดินทางไปที่สำนักของอาจารย์โสมทัตเพื่อรักษาคุณไสย ทั้งสองท่านจึงขอติดตามไปชมเหตุการณ์ด้วย คุณประธานก็ตกลง

เมื่อมาถึงสำนักของอาจารย์แล้วไม่นานนัก ท่านก็เริ่มทำการรักษาคุณประธานเหมือนเช่นเคย ซึ่งวันนี้สามารถเรียกตะปูออกมาได้ถึง 6 ตัว ตลอดเวลาที่ประกอบพิธี คุณชาญและท่านอธิบดีพิสิทธิ์จ้องมองด้วยความตื่นตะลึง นึกไม่ถึงว่าในชีวิตจะได้พานพบเรื่องราวอัศจรรย์ต่อหน้าต่อตาเช่นนี้

อาจารย์โสมทัตจึงบอกว่า "ใครอยากจะดูหรืออยากจะดึงก็เข้ามาใกล้ ๆ"

ทั้งสองท่านจึงเผ่นผึงเดียวถึงตัวคุณประธาน ทั้งที่ใจท่านอธิบดีพิสิทธิ์นั้นอยากลองดึงตะปูอาถรรพณ์เป็นกำลัง แต่เกรงว่าตนเองจะมีกำลังไม่พอจึงบอกให้คนขับรถของคุณประธานเป็นคนดึง เมื่อคนขับรถซึ่งเป็นหนุ่มฉกรรจ์ออกแรงดึงเต็มที่ ตัวคุณประธานเองก็เซไปตามแรงดึงพร้อมกับร้องเสียงดังด้วยความเจ็บปวดเป็นที่สุด แต่แทนที่ตะปูจะหลุดตามมือออกมากลับกลายเป็นนิ้วพลขับลื่นหลุดออกจากตะปูเสียเอง

ทนายความที่มาด้วยจึงโดดเข้าไปแทนที่แล้วพยายามดึงตะปูสนิมเขรอะนั้นออกมาจนได้ ตัวแล้ว ตัวเล่า กว่าจะดึงออกมาได้แต่ละตัวเล่นเอาคนดึงสะบักสะบอม เพราะแม้คุณประธานจะเจ็บปวดเพียงใดแต่ทันทีที่ตะปูหลุดออกจากผิวหนังไปแล้วก็เหมือนกับว่ามันเอาความเจ็บปวดทั้งหลายออกไปด้วยกัน

แม้จะได้ตะปูออกมาหลายตัวจนดีใจว่าคงจะหมดแล้ว แต่อาจารย์โสมทัตก็พูดเสียงเครียดว่า

"อ้ายตัวสำคัญตัวสุดท้ายอาคมมันแข็ง ไม่ยอมออกมาง่าย ๆ แต่มันก็อยู่ไม่ได้ต้องออกมาในวันนี้ตอนพระอาทิตย์ตกดิน"

แม้ท่านอธิบดีพิสิทธิ์ เทศะบำรุง และคุณชาญ แก้วชูสาย จะอยากอยู่ดูช่วงเวลาสำคัญมากเพียงใด แต่ก็ติดว่ามีธุระสำคัญที่ต้องไปจัดการให้เรียบร้อยก่อนเวลาเย็นจึงไม่อาจอยู่จนถึงนาทีสำคัญได้ต้องกราบลาอาจารย์โสมทัตไปอย่างเสียดาย

ต่อมาในเวลา 16.20 น. จู่ ๆ อาจารย์โสมทัตก็ร้องออกมาว่า

"มันกำลังจะออกมาอีกแล้ว"

คุณเอกวิทย์ ทนายความร่วมสำนักงานเดียวกับได้รีบรุดเข้าไปดูใกล้ ๆ ก็เห็นด้ายสายสิญจน์อันเป็นด้ายดิบชนิดเดียวกับที่สัปเหร่อใช้มัดตราสังศพแทงทะลุเนื้อคุณประธานออกมาตรงแผ่นหลังด้านซ้ายอย่างไม่น่าเชื่อ เพราะสายสิญจน์เป็นวัตถุที่นิ่ม และเบามาก ไม่สามารถใช้แทงทะลุวัตถุสิ่งใด ๆ ได้เลย แต่บัดนี้วิทยาศาสตร์ก็หมดหนทางอธิบายปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้าคุณเอกวิทย์เสียแล้ว เพราะนอกจากด้ายดิบที่โผล่ออกจากเนื้อมนุษย์ได้ด้วยตัวมันเองแล้ว มันยังมีอาการเคลื่อนไหวแกว่งไกวช้า ๆ อยู่ไปมาราวกับมันมีชีวิตเป็นของตนเอง และเมื่อสำแดงภาพสยองได้สักพักมันก็ทำท่าจะมุดกลับลงไปในเนื้อคุณประธาน

ถึงตอนนี้อาจารย์โสมทัตก็ร้องสั่งการเสียงดังว่า "ดึงด้ายออกมาเร็ว ๆ" แล้วก็เร่งท่องพระเวทรัวเร็วเหมือนจะสะกดด้ายตราสังนั้นให้อยู่กับที่

คุณเอกวิทย์จึงรีบคว้าปลายด้ายเอาไว้แน่นแล้วออกแรงดึงอย่างแรง ทำให้คุณประธานถึงกับร้องออกมาอย่างโหยหวน พอคุณเอกวิทย์เห็นคุณประธานร้องอย่างนั้นก็อยากให้ความเจ็บปวดยุติลงโดยเร็วจึงออกแรงดึงด้ายอาถรรพณ์นั้นสุดแรงเกิดเป็นผลให้ด้ายสายสิญจน์นั้นถึงกับขาดออกจากกัน

แล้วภาพสยองก็ปรากฏขึ้นอีก เมื่อสายสิญจน์ส่วนที่ขาดซึ่งอยู่นอกเนื้อคุณประธานทำอาการดิ้นกระดุกกระดิกราวกับหางจิ้งจกแล้วทำท่ามุดกลับลงไปในเนื้ออีกครั้ง คุณเอกวิทย์แม้จะรู้สึกตื่นกลัวกับภาพตรงหน้าแต่ก็ยังมีสติที่จะเผ่นเข้าไปคว้าด้ายตราสังส่วนนั้นไว้แน่น

อาจารย์โสมทัตบอกทนายเอกวิทย์ว่าให้ค่อย ๆ ดึง อย่าดึงแรงอย่างกระชากมันจะขาด เพราะสายสิญจน์มันเปื่อย ถ้าขาดแล้วมันหดหนีกลับเข้าไปในตัวคนป่วยอีก คราวนี้จะเรียกออกมายากมาก คุณเอกวิทย์ก็เข้าใจแล้วค่อย ๆ ทำตามที่อาจารย์บอก ในที่สุดก็สามารถดึงด้ายตราสังนั้นออกมาจนหมด ด้ายทั้งเส้นรวมส่วนที่ขาดติดมือออกมาก่อนหน้านั้นมีความยาวราว 2 เมตรและมีกลิ่นศพเหม็นเน่าอย่างรุนแรงคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ

น่ามหัศจรรย์ที่สุดว่า ทันทีที่ด้ายตราสังผีตายโหงเส้นนี้หลุดออกจากร่างกายคุณประธาน อาการปวดแปลบ เจ็บเสียวที่หัวใจเหมือนมีอะไรมาทิ่มแทงบีบรัดมานานก็พลันหายไปเป็นปลิดทิ้ง รู้สึกถึงความปลอดโปร่งโล่งอก หายใจสบายได้เต็มปอดอย่างไม่เคยรู้สึกมาก่อน แหละแม้คุณประธานจะรู้สึกสบายอย่างนั้น อาจารย์โสมทัตก็ยังบอกว่า

"อ้ายตัวสำคัญยังไม่ออก แต่มันจะต้องออกในเวลาพระอาทิตย์ตกดินวันนี้แน่"

ครั้นถึงเวลาโพล้เพล้ อาจารย์ก็เรียกคุณประธานให้มาอาบน้ำมนต์อีกครั้ง พร้อมกับสั่งให้คุณประธานนั่งเหยียดขาออกไปตรง ๆ คุณประธานเป็นคนรูปร่างอ้วนจึงไม่สามารถเหยียดขาได้ตามสั่ง อาจารย์ต้องเรียกศิษย์สองคนให้มาช่วยกันจับขาดึงให้ตรงจนได้ จากนั้นท่านก็ใช้พระขรรค์สามเล่มปักลงบนดินข้างตัวผู้ป่วยทั้งด้านซ้าย ด้านขวา และทางปลายเท้า จากนั้นก็เริ่มอาบน้ำมนต์พร้อมกับร่ายพระเวท

ผ่านไปครู่ใหญ่อาจารย์ก็ขึ้นไปยืนบนม้าหินติด ๆ กับคุณประธานเพื่อรดน้ำมนต์จากที่สูงมาก ๆ ลงมาและเร่งบริกรรมภาวนาเสียงดังยิ่งกว่าเดิม เป็นเวลาพอสมควรกว่าที่ท่านจะกลับลงมายืนที่พื้นแล้วบอกให้ทนายความที่เหลือคอยสังเกตดูตรงฝ่าเท้า ทุกคนก็กรูเกรียวกันไปดูที่ฝ่าเท้าด้วยความอยากรู้อยากเห็น

ไม่ถึงนาที ทุกคนก็ร้องเอะอะด้วยความตื่นเต้นเมื่อเห็นตะปูดอกหนึ่งแทงทะลุออกมาจากฝ่าเท้าขวาของคุณประธาน อาจารย์ก็สั่งให้ดึงตะปูออก ไม่ว่าใครจะดึงอย่างไร ก็ไม่น่าเชื่อว่าตะปูตัวเล็กแค่นี้จะติดตรึงอยู่กับฝ่าเท้าราวกับตอกไว้กับต้นสักใหญ่ จะผลัดกันกี่คน ๆ ก็ไม่สำเร็จ และในระหว่างที่ทุกคนพยายามดึงกันสุดแรงอยู่นั้น คุณประธานก็ร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวดจนที่สุดทนไม่ได้ก็ดิ้นไปมาไม่อยู่กับที่ หลายคนต้องเข้าไปจับตัวเอาไว้

อาจารย์โสมทัตสั่งว่าอย่าโยกตะปู ให้ดึงออกตรง ๆ แผลจะได้ไม่เปิดกว้าง แล้วท่านก็เร่งบริกรรมคาถาเพื่อเป็นการช่วยถอนตะปูอาถรรพณ์ออกมาอีกแรงหนึ่ง ขณะที่คนดึงก็หมุนเวียนกันดึงจนเหงื่อท่วมตัวราวกับอาบน้ำ

พักใหญ่ ๆ เจ้าตัวที่ร้ายที่สุดดังว่าก็หลุดออกมา

ทันที่ตะปูออกพ้นฝ่าเท้า ความเจ็บปวดที่สุดจะพรรณนาก็หายวับไปเหมือนหยิบโยนทิ้ง แต่ก็ยังรู้สึกระบมตรงฝ่าเท้าขวา

อาจารย์โสมทัตหยิบตะปูดอกสุดท้ายขึ้นมาพิจารณาด้วยความสนใจอยู่นานทีเดียว เพราะตะปูตัวนี้ยาวเป็นพิเศษประมาณ 3 นิ้วครึ่ง มีสนิมจับเขรอะเกรอะกรัง บ่งบอกถึงความเก่าอย่างน้อยก็หลายสิบปี เมื่อพิจารณาจนถ้วนถี่แล้วท่านก็พูดขึ้นว่า

"อ้ายตัวนี้ร้ายนัก"

จากนั้นก็ลุกไปดูแผลตรงฝ่าเท้าคุณประธานที่ยังคงมีเลือดไหลไม่หยุด ท่านใช้สำลีเช็ดเลือดให้แล้วเอาสำลีอีกก้อนหนึ่งไปชุบน้ำมันมนต์มาปิดตรงปากแผลเลือดก็หยุดในทันที แต่ความรู้สึกเจ็บระบมยังมีอยู่ ทำให้คุณประธานเวลาเดินต้องเดินแบบเขย่ง ๆ เพราะไม่สามารถทิ้งน้ำหนักตัวลงได้เต็มที่ทั้งสองเท้า

ก่อนจะลากลับในค่ำวันนั้น อาจารย์โสมทัตได้สั่งว่าพรุ่งนี้เช้าให้มาหาอีกสักครั้ง จะลองพอกแป้งดูให้ว่ายังมี "ของ" ตกค้างอยู่ในตัวอีกหรือเปล่า หากมีก็จะได้เรียกออกมาให้หมด ซึ่งคุณประธานก็มาตามนัด แต่ไม่ปรากฏว่ามีอะไรออกมาจากร่างกายอีกเลย ทำให้คุณประธานโล่งใจยิ่งนักและใช้ชีวิตอย่างระมัดระวังมากไปกว่าเดิม โดยเฉพาะเมื่อได้ยินเสียงอะไรผิดปกติในตอนกลางคืน.

_________________
ถ้าเราไม่อยากได้อะไรจากใคร ก็จะไม่มีอะไรให้หมางใจกัน


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
โพสต์โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. 03 ก.ย. 2009 2:30 am 
ออฟไลน์
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 14 ก.ย. 2008 5:09 pm
โพสต์: 1368
ไม่เชื่ออย่าลบหลู่!!! ขอบคุณมากครับ ฟังเรื่องนี้แล้วต้องระวังเป็นอย่างมากเลยครับเนี่ย ถ้ามีอะไรก๊อกแก๊กตอนกลางคืน เงี่ยหูฟังแล้วนิ่งอย่างเดียวเลย


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
โพสต์โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. 03 ก.ย. 2009 7:56 am 
ออฟไลน์
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ 19 ม.ค. 2009 4:23 pm
โพสต์: 299
:mrgreen:


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
โพสต์โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. 03 ก.ย. 2009 9:38 pm 
ออฟไลน์
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 14 ก.ย. 2008 6:00 am
โพสต์: 6586
ได้ยินเสียงก๊อกแก๊กก็ตบมือไล่แล้วร้อง ชิ้ว ชิ้ว ก็ได้ครับ


เผื่อจะเป็นหนู :lol: :lol: :lol:

_________________
ถ้าเราไม่อยากได้อะไรจากใคร ก็จะไม่มีอะไรให้หมางใจกัน


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
โพสต์โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. 03 ก.ย. 2009 11:07 pm 
ออฟไลน์
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร 09 ก.ย. 2008 11:02 pm
โพสต์: 360
อ่านและระทึกใจมากครับ

_________________
Yesterday is history
Tomorrow is a mystery
And Today is a gift...
Thats why they call it the Present


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
โพสต์โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. 03 ก.ย. 2009 11:19 pm 
ออฟไลน์
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ 13 ต.ค. 2008 8:03 pm
โพสต์: 288
อ่านจนลุ้นตัวโก่งเลยคับ


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
โพสต์โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. 03 ก.ย. 2009 11:21 pm 
ออฟไลน์
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 14 ก.ย. 2008 6:00 am
โพสต์: 6586
แหม ยังกะลุ้นหวย ลุ้นบอลนะครับคุณพรหมาศ :lol: :lol: :lol:

_________________
ถ้าเราไม่อยากได้อะไรจากใคร ก็จะไม่มีอะไรให้หมางใจกัน


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
โพสต์โพสต์แล้ว: เสาร์ 05 ก.ย. 2009 9:21 pm 
ออฟไลน์
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 14 ก.ย. 2008 10:40 am
โพสต์: 369
:sck: น่ากลัวจัง สงสัยต้องขอของกันคุณไสยจากพี่รณธรรมแล้วล่ะครับ :icry:


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
โพสต์โพสต์แล้ว: อาทิตย์ 06 ก.ย. 2009 2:47 pm 
ออฟไลน์
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 14 ก.ย. 2008 6:00 am
โพสต์: 6586
:o

อ้าว ทำไมมาลงที่ป๋มล่ะเนี่ย :x

_________________
ถ้าเราไม่อยากได้อะไรจากใคร ก็จะไม่มีอะไรให้หมางใจกัน


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
โพสต์โพสต์แล้ว: จันทร์ 07 ก.ย. 2009 9:10 am 
ออฟไลน์
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 14 ก.ย. 2008 9:48 am
โพสต์: 937
ด้วยๆๆๆๆๆๆ 8-)

_________________
อันความสุขทางใจนั้นหายาก คนส่วนมากไม่ชอบแสวงหา
หวังแต่สุขเพื่อสนุกเพียงหูตา มันจึงพาชักจูงให้ยุ่งใจ


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
โพสต์โพสต์แล้ว: จันทร์ 07 ก.ย. 2009 10:04 am 
ออฟไลน์
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ 10 ธ.ค. 2008 11:36 pm
โพสต์: 1173
thanks.gif


ขอบพระคุณครับ

_________________
หนอนในอาจมย่อมสกปรก เมื่อกลายเป็นจั๊กจั่นก็ดื่มน้ำค้าง เมื่อกลายเป็นหิ่งห้อยก็เรืองโรจน์ใต้เเสงจันทร์
พึงรู้ว่าสะอาดเกิดจากสกปรก สว่างเกิดจากมืดมน


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
โพสต์โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. 10 ก.ย. 2009 3:45 pm 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. 29 ม.ค. 2009 6:00 am
โพสต์: 76
เคยเห็นแต่เหรียญ ครบ 60 ปีครับ ขอทราบประวัติเหรียญด้วยครับ


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
โพสต์โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. 17 ธ.ค. 2009 11:27 pm 
ออฟไลน์
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ 24 พ.ย. 2008 4:51 pm
โพสต์: 613
อ่านแล้วรู้สึกลุ้นระทึกมันมักๆเรย ขอบคุณอาจารย์ต่อมักๆเรยครับ :ilu: :ilu:

_________________
"ความทุกข์มันเข้ามาได้เพราะเราไม่ภาวนา เมื่อภาวนาแล้ว มันก็หมดลง"


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
โพสต์โพสต์แล้ว: ศุกร์ 18 ธ.ค. 2009 12:23 am 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ 08 พ.ย. 2008 5:10 pm
โพสต์: 340
ผมว่า อ.ต่อ มีงานเข้าอีกแล้ว เหตุใดท่านจึงมีนามสกุล เขมจารี ครับ แล้วขอลายแทงหาเหรียญนี้โดยด่วน สมัยนี้นายกเค้ายังเล่นของกันเรย :lol:


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 14 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 2 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
cron
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO