นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน พุธ 24 เม.ย. 2024 12:44 am

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
โพสต์โพสต์แล้ว: อาทิตย์ 14 ก.ย. 2008 3:51 pm 
ออฟไลน์
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ 08 ก.ย. 2008 10:41 am
โพสต์: 1599
img006.jpg


โดย รณธรรม ธาราพันธุ์

อริยาจารย์ มาจากคำว่า "อริยะ" สนธิกับคำว่า "อาจารย์" อริยะ เป็นคำนำหน้า ซึ่งในพระพุทธศาสนาใช้เรียกบุคคลผู้บำเพ็ญภาวนาจนสามารถยกจิตขึ้นสู่ภูมิธรรมระดับสูงภูมิแรก ที่เรียกว่า "โสดาบัน" เรื่อยไปจนถึง "อรหันต์" ก็ล้วนแล้วแต่เรียกเป็น "อริยบุคคล" ได้เต็มปาก

ส่วนคำว่า "อาจารย์" แปลว่า ผู้สั่งสอนวิชาความรู้ รวมแล้วคือ พระอริยะบุคคลผู้นำธรรมอันตรัสรู้แล้วมาสั่งสอนสัตวโลก พระอริยเจ้ามิใช่ศัพท์ใหม่ก็จริง แต่การกล่าวขานอาจเงียบงันไปจนไม่ปรากฏแพร่หลายได้เลยหากไม่มีขีณาสวเจ้าท่านหนึ่งบังเกิดขึ้นในโลก

พระอาจารย์ใหญ่มั่น ภูริทัตตมหาเถระ

คือ ขีณาสพ ท่านนั้น

ท่านพระอาจารย์มั่นอาจกล่าวได้ว่าเป็นพระอริยบุคคลในยุคกึ่งพุทธกาล คือรอยต่อระหว่างปี พ.ศ.2500 ที่สามารถประกอบความเพียรแบบทำตามคำสอนของพระพุทธเจ้าทุกคำ

ไม่ว่าจะบิณฑบาตทุกวัน หากไม่บิณฑ์ก็ไม่ฉัน รับแต่ภัตตาหารนอกวัด นำเข้ามาถวายในวัดแล้วไม่รับ ฉันแต่ภัตตาหารในบาตร อยู่นอกบาตรลงภาชนะอื่นแล้วไม่ฉัน ฉันมื้อเดียว อาสนะเดียว ถ้าลุกขึ้นแล้วไม่กลับมานั่งฉันอีก ใช้ผ้าสามผืนคือ จีวร สบง สังฆาฏิ สะสมเผื่อไว้กว่านี้ไม่เอา ผ้าทั้งสามล้วนบังสุกุลเอาจากศพบ้าง ป่าช้าบ้าง ผ้าขี้ริ้วไร้เจ้าของบ้าง ตัดเอง เย็บเป็นผืนเอง ย้อมด้วยแก่นขนุนเอง เป็นต้น

ที่ว่ามาเป็นข้อวัตรอันเรียกได้ว่านำเสนอเพียงน้อยนิดและนิดหน่อยจริง ๆ โดยแท้แล้วท่านพระอาจารย์ใหญ่ยังมีคุณธรรมอันยิ่งไปกว่าจนไม่สามารถพรรณนาให้หมดได้ภายในเล่มเดียว (หรือจะกี่เล่ม ๆ ก็ตาม)

ด้วยความเป็นพระแท้ คนจริง เด็ดเดี่ยวอย่างเอาชีวิตเข้าแลกเพื่อคว้าธรรมอันเลิศเข้าสู่ดวงใจ เป็นเหตุให้ชื่อเสียงกิตติคุณแห่งท่านพระอาจารย์มั่นขจรขจายกว้างขวางไปในหมู่ชาวพุทธ ทั้งแวดวงนักปฏิบัติภาวนาชนิดเป็นทางการคือ "พระสงฆ์" และแวดวงชาวบ้านผู้ใคร่ในบุญ

นักภาวนาทุกเชื้อสายในสมัยนั้นจึงพากันบุกบั่นบ่ายหน้าไปสู่ที่พำนักของท่านพระอาจารย์ใหญ่ แม้ท่านจะหลีกเร้นไปที่ใด ความหอมแห่ง "ศีลาธิคุณ" ก็ยังฟุ้งไปทั่ว ฉะนั้นทุกเขตคามอันท่านวิเวกไป จึงปรากฏศิษยานุศิษย์ไม่เลือกวรรณะทั้ง "พระ" และ "โยม"

แลพระเถรานุเถระทั้งหลายนี่เอง ที่มีชนมายุต่อยอดมาจากท่านพระอาจารย์ใหญ่ นำธรรมอันยิ่งมาสู่เรา และเมื่อท่านเหล่านั้นเข้าสู่ "มหาสุญญตา" อัฐิธาตุที่แปรสภาพไปได้อย่างน่าอัศจรรย์ก็เป็นเครื่องยืนยันในธรรมวิเศษของท่านเหล่านั้นและธรรมะของพระศาสดาที่ว่า

ตราบใดยังมีผู้ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรมอยู่ ตราบนั้นโลกนี้จะไม่ว่างจากพระอรหันต์

ก็เห็นเป็นจริงชัดแจ้งกับตา หากใครเคยไปกราบพระมหาเถระในสายทางของท่านพระอาจารย์มั่น อาทิ หลวงปู่ดูลย์ อตุโล หลวงปู่ขาว อนาลโย หลวงปู่หลุย จันทสาโร หลวงปู่ชอบ ฐานสโม หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี หลวงปู่ฝั้น อาจาโร หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน เป็นต้น

ย่อมเห็นได้ชัดถึงความเป็นผู้ปฏิบัติตรงต่อธรรม ตรงต่อพระพุทธเจ้า และตรงต่อครูบาอาจารย์องค์วิสุทธิ์แห่งท่านเหล่านั้น คือท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต

ก็ท่านเหล่านั้นแลที่ทำให้คำ "อริยะ" ฉายโชนดุจดาวประกายพรึก สว่างไสวมาพร้อมกับธรรมะที่ราดลงสู่ใจร้อน ๆ ของบรรดาสัตวโลกให้ชุ่มเย็น ไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่าพระเถระที่กล่าวนามมาก็ดี ยังมิได้กล่าวนามก็ดี ล้วนเป็นองค์ผลักดันให้ชาวพุทธรู้จักพระ "อริยเจ้า" อย่างแท้จริง

ธรรมแห่งพระอริยบุคคลย่อมเป็นธรรมที่ไม่มีวันเสื่อมคลาย ดังนั้นบุรุษผู้ชาญฉลาดจึงคิดประดิษฐ์รูปเคารพอันเป็นมงคลน้อมถวายแด่พระอริยาจารย์เหล่านั้นให้ "อธิษฐานจิต" ด้วยเชื่อกันว่ารูปมงคลเหล่านั้นจักไม่มีวันเสื่อมถอยคุณภาพเลยแม้สักน้อยหนึ่ง เพราะธรรมของท่านเป็น

อมตธรรม

วัตถุมงคลทั้งปวงซึ่งท่าน "อธิษฐานพร" แล้วจึงเป็น "อมตะ" คือไม่มีวันเสื่อมเช่นกัน

ในประดาสัปบุรุษผู้ใฝ่ในการบุณย์และเจริญจิตตภาวนานั้น มีท่านนาวาอากาศเอกณรงค์ ดิถีเพ็ง อดีตผู้อำนวยการศูนย์ยุทธการทางอากาศ กองบินยุทธการ ท่านหนึ่งที่เป็นกำลังสำคัญของพระศาสนา

ท่านผู้การณรงค์มีศรัทธาที่จะเดินทางไปกราบพระอริยเจ้าในสายท่านพระอาจารย์มั่นอยู่เป็นนิจ นอกเหนือไปจากการภาวนาและการสร้างมหากุศลแล้ว ท่านผู้การยังสถาปนาเครื่องมงคลขึ้นหลายต่อหลายรุ่นเพื่อเป็น "พุทธานุสติ" แก่ชนทั้งหลาย

แม้แต่พระเดชพระคุณพระโพธิญาณเถร (ชา สุภัทโท) วัดหนองป่าพง อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี ท่านผู้การก็ไปกราบนมัสการบ่อยครั้ง ทั้งยังสร้างพระพุทธองค์น้อยที่ศิษย์เรียกกันว่า "ห้าเหลี่ยมเล็กหลวงพ่อชา"หรือ "ปากน้ำหลวงพ่อชา"ถวาย ที่เรียก "ปากน้ำ ฯ" เหตุเพราะเนื้อหาของพระผงองค์นี้ละม้ายกับพระผงของขวัญในหลวงพ่อสด วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ อย่างยิ่ง

และพระนี้มีจำนวนสร้างมากที่สุดในบรรดาวัตถุมงคลของหลวงพ่อชา คือมีจำนวนทั้งสิ้น 8,4000 องค์ แปดหมื่นสี่พันองค์ดังว่าคือนำลงบรรจุในพระอุโบสถวัดหนองป่าพงเพื่อสืบอายุพระศาสนา หากที่ทำแจกออกไปล่วงหน้าก่อนลงกรุนั้นไม่อาจนับถูก

ถือได้ว่าท่านผู้การณรงค์มีอุปการคุณต่อพระพุทธศาสนาทั้งทางตรงและทางอ้อมไม่น้อย ในส่วนของการสร้างวัตถุมงคลทั้งหมดนั้น ผมเห็นชิ้นโบว์แดงอยู่อันหนึ่ง หากให้คะแนนก็คงเต็มร้อย นั่นคือ

เหรียญหลวงพ่อแสนสุข

แค่ชื่อก็น่าแขวนน่าบูชาเสียนี่กระไร ดังกล่าวแล้วว่าท่านผู้การเป็นคนใจบุญ ฉะนั้นเมื่อสมัยที่ผู้ก่อการร้ายยังคลาคล่ำ โดยเฉพาะภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เหล่าทหารอากาศผู้สังกัดศูนย์ยุทธการทางอากาศ กองบินยุทธการ จึงต้องไปปฏิบัติภารกิจอยู่ตามชายแดนบ้าง ตามท้องถิ่นทุรกันดารบ้าง และโชคร้ายที่สุดคืออยู่ในดงคอมมิวนิสต์

ท่านผู้การจึงคิดสร้างเหรียญหลวงพ่อแสนสุขขึ้นเพื่อหมายให้เป็นขวัญเป็นกำลังใจแก่ทหารที่เสียสละความสุขของตนเพื่อชาติเหล่านั้น

เหรียญนี้ถือกำเนิดในปี พ.ศ. 2518 โดยเมื่อแกะบล็อคพระเสร็จเรียบร้อยได้นำไปถวายสมเด็จพระญาณสังวร(เจริญ สุวัฑฒโน) วัดบวรนิเวศวิหาร บางลำพู กรุงเทพ เป็นองค์อธิษฐานจิตแผ่เมตตาแม่พิมพ์ พร้อมทั้งจุนเจิมด้วยแป้งหอมและประพรมน้ำพระพุทธมนต์เพื่อความเป็นสิริมงคลในเบื้องแรก เมื่อวันอังคารที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2518

เหรียญหลวงพ่อแสนสุขสร้างด้วยโลหะ 3 ชนิด แบ่งออกเป็น

1. เนื้อทองคำ จำนวน 1 เหรียญ
2. เนื้อเงินบริสุทธิ์ จำนวน 50 เหรียญ
3. เนื้อทองแดงรมดำ จำนวน 6,800 เหรียญ

จากนั้นได้อัญเชิญเหรียญไปเข้าพิธีพุทธาภิเษกยังวัดสิริสาลวัน บ้านโนนทัน ต.หนองบัว อ.หนองบัวลำภู (จ.หนองบัวลำภู-ปัจจุบัน) จ.อุดรธานี เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 27 มีนาคม พ.ศ.2518 ตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 5 อันเป็นวันคล้ายวันก่อตั้งศูนย์ยุทธการทางอากาศ กองบินยุทธการอีกด้วย

วัดสิริสาลวันแห่งนี้มีเจ้าอาวาสซึ่งเป็น พระอริยเจ้า ผู้เป็นศิษย์ในท่านพระอาจารย์ใหญ่มั่น ปกครองอยู่ ท่านชื่อ หลวงปู่บุญมา ฐิตเปโม หลวงปู่บุญมาเป็นพระเถระ 1 ใน 5 พระอาจารย์ที่ประสบอุปัทวเหตุเครื่องบินตก ณ ทุ่งรังสิต เมื่อวันอาทิตย์ที่ 27 เมษายน พ.ศ.2523 ห้าองค์นั้นประกอบด้วย พระอุดมสังวรวิสุทธิเถร (วัน อุตตโม) ท่านพระอาจารย์จวน กุลเชฎโฐ ท่านพระอาจารย์สิงห์ทอง ธัมมวโร และ ท่านพระอาจารย์สุพัฒน์ สุขกาโม

เมื่อประกอบพิธีพระราชทานเพลิงศพเรียบร้อย ปรากฏว่า "อัฐิธาตุ" ของทั้งห้าพระอาจารย์แปรสภาพได้อย่างน่าอัศจรรย์ เห็นประจักษ์ชัดแก่ตา ประจักษ์ชัดแก่ใจถึงพระพุทธพจน์ของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้วว่า อัฐิธาตุของบุคคลใดเปลี่ยนเป็นพระธาตุได้ย่อมแสดงถึงความสิ้นอาสวะแล้วแห่งบุคคลผู้นั้น คือสำเร็จเป็นพระอรหันต์แล้วนั้นแล

ด้วยอัฐิของท่านทั้งห้าองค์นั้น บ้างมีรูปลักษณ์ใสสะอาดดุจแก้วผลึก บ้างมีสีแดงสดดุจทับทิมพม่าน้ำงาม บ้างมีสีดำเป็นมันดังนิลเนื้อดี บ้างเจือทองเจือเงินเป็นประกายคล้ายโลหะธาตุ ส่วนที่ยังคงสภาพเป็นอัฐินั้นก็มีอยู่ให้เห็น ที่กำลังค่อยแปรค่อยเปลี่ยนก็มีให้ดู

เหล่านี้ล้วนเป็นเครื่องยืนยันถึงอมตะธรรมแห่งพระพุทธองค์ที่ว่า หากยังมีผู้ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรมอยู่ ตราบนั้นโลกนี้จะไม่ว่างเว้นจากพระอรหันต์

อย่างน้อยท่านทั้งห้าเป็นสักขีพยาน

บนถนนจากจังหวัดอุดรธานีไปสู่จังหวัดเลยนั้น ในอดีตเป็นสายทางที่พระโยคาวจรเจ้าได้เที่ยววิเวกผ่านไปนับไม่ถ้วนองค์ "รอยบาท" แห่งอรหันต์นั้นย่ำเดินแล้วทั่วแผ่นดิน บางองค์เพียงธุดงค์ผ่าน บางองค์แวะลงแขวนกลดเจริญภาวนา และบางองค์ลงมือสร้างอารามเพื่ออนุเคราะห์แก่ชาวบ้านป่าผู้เปี่ยมศรัทธา

ทำให้เขาเหล่านั้นเลิกถือผี เลิกในสิ่งที่เป็นข้าศึกต่อการบรรลุธรรม แล้วบรรจุพระพุทธ ธัม สงฆ์ เข้าสู่ดวงใจซึ่งเกลี่ยพร้อมรับแล้วด้วยอำนาจศีล-ธรรม

นี่คือผู้สั่งสอนโลก

ถนนสายนี้จึงอุดมไปด้วยพระอริยเจ้าสถิตเป็นเนื้อนาบุญอยู่ตลอดเส้นทาง ไม่ว่าจะเป็น หลวงปู่ขาว อนาลโย วัดถ้ำกลองเพล หลวงปู่บัว สิริปุณโณ วัดป่าหนองแซง หลวงปู่อ่อน ญาณสิริ วัดป่านิโครธาราม หลวงปู่อ่อนสา สุขกาโร วัดประชาชุมพลพัฒนาราม และหลวงปู่บุญมา ฐิตเปโม วัดสิริสาลวัน จนพวกเราพากันเรียกถนนมหามงคลสายนี้ว่า

“เส้นทางสายอริยะ”

เมื่อวัดสิริสาลวันจัดพิธีพุทธาภิเษก แน่นอนว่าต้องนิมนต์ครูบาอาจารย์ใน "ถนนอริยะ" นี้มาร่วมด้วยเป็นแน่ และอาจเลยไปถึงพระมหาเถระผู้เป็น เพชรบนยอดมงกุฎแห่งเมืองเลย คือหลวงปู่ชอบ ฐานสโม วัดป่าโคกมน และ หลวงปู่หลุย จันทสาโร วัดถ้ำผาบิ้ง

ครั้นประกอบพิธีมหาสมโภชแล้วเสร็จ ท่านผู้การณรงค์ได้อัญเชิญเหรียญไปถวายพระมหาเถราจารย์ผู้บริสุทธิ์ศีล แกร่งในอำนาจฌาน-ญาณแท้จริงด้วยตนเอง ขอความเมตตาท่านเหล่านั้นอธิษฐานจิตแบบ "บินเดี่ยว" ทีละองค์ตามอัชฌาสัยแห่งท่าน มีรายนามดังต่อไปนี้

1. หลวงปู่บัว สิริปุณโณ วัดป่าหนองแซง อ.หนองบัวลำภู จ.อุดรธานี
อธิษฐานจิตเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 27 มีนาคม พ.ศ.2518

2. หลวงปู่บุญมา ฐิตเปโม วัดสิริสาลวัน อ.หนองบัวลำภู จ.อุดรธานี
อธิษฐานจิตเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 27 มีนาคม พ.ศ.2518

3. หลวงปู่ขาว อนาลโย วัดถ้ำกลองเพล อ.หนองบัวลำภู จ.อุดรธานี
อธิษฐานจิตเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 27 มีนาคม พ.ศ.2518

4. พระอาจารย์จวน กุลเชฎโฐ วัดเจติยาคิรีวิหาร (ภูทอก) อ.ศรีวิไล จ.หนองคาย
อธิษฐานจิตเมื่อวันศุกร์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ.2518

5. หลวงปู่เต็ม วัดธาตุฝุ่น จ.สกลนคร
อธิษฐานจิตเมื่อวันศุกร์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ.2518

6. พระครูสันติวรญาณ (สิม พุทธาจาโร) วัดถ้ำผาปล่อง อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่
อธิษฐานจิตเมื่อวันพุธที่ 2 เมษายน พ.ศ.2518

7. ครูบาคำแสน คุณาลังกาโร วัดป่าดอนมูล อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่
อธิษฐานจิตเมื่อวันเสาร์ที่ 5 เมษายน พ.ศ.2518

8. หลวงปู่แหวน สุจิณโณ วัดดอยแม่ปั๋ง อ.พร้าว จ.เชียงใหม่
อธิษฐานจิตเมื่อวันอาทิตย์ที่ 6 เมษายน พ.ศ.2518

9. พระอาจารย์ฝั้น อาจาโร วัดถ้ำขาม อ.พรรณนานิคม จ.สกลนคร
อธิษฐานจิตตั้งแต่วันอังคารที่ 8 ถึงวันพุธที่ 9 เมษายน พ.ศ.2518

รวมการอธิษฐานพรทั้งสิ้น 9 พระอาจารย์ 9 พระอริยบุคคล หนทางนับแล้วเป็นพัน ๆ กิโลเมตร นี่คือความอุตสาหะวิริยะของผู้สร้างที่หวังความศักดิ์สิทธิ์ซึ่งจะคุ้มภัย รักษาชีวิตผู้แขวนเหรียญหลวงพ่อแสนสุข นี้ได้อย่างแน่นอนไร้ข้อกังวลใด ๆ
Untitled-1.jpg



ดูรายชื่อพระเถระแต่ละองค์แล้วไม่อาจสงสัยในคุณวิเศษของท่านเหล่านั้นได้เลย มีแปลกตรงชื่อหลวงปู่เต็มที่หลายคนอาจไม่รู้จัก แต่บอกได้เลยว่าท่านเป็นศิษย์ในท่านพระอาจารย์มั่นที่ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าผู้ใดทั้งคุณธรรมภายในและ "จิตตานุภาพ"

เมื่อเหรียญนี้มาถึงมือท่านพระอาจารย์ฝั้นในวาระสุดท้าย ท่านหยิบเหรียญขึ้นมาพิจารณาอยู่ครู่หนึ่งแล้วปรารภว่า “เหรียญนี้ดี ใช้ได้หลายทาง” แล้วต่ออีกว่า

“ดีกว่าเหรียญของเราอีกนะ”

ผู้รู้ท่านหนึ่งกรุณาให้ความเห็นว่า ที่ท่านพระอาจารย์ฝั้นกล่าวเช่นนั้นเพราะเหรียญนี้ผ่านการอธิษฐานมามากองค์ ซึ่งแต่ละองค์ย่อมมีความชำนาญในกีฬาทางจิตต่าง ๆ กัน แต่ที่สำคัญทุกองค์ล้วนเป็นศิษย์ที่ผ่านการฝึกฝนอบรมโดยแถวทางเดียวกันจากท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต

ซึ่งท่านพระอาจารย์มั่นเน้นย้ำการภาวนาลงที่เดียวคือ สังหารกิเลส ให้ม้วนเสื่อลงจากจิต แน่นอนว่าท่านเหล่านั้นต้องผ่านการละวางมาเป็นลำดับลำดาจากความเพียรของท่าน จิตบริสุทธิ์ เช่นนั้นเมื่อเสกของ ๆ ก็บริสุทธิ์ตามจิตได้ไม่สงสัย และทุกองค์เมื่อดำเนินจิตตภาวนามาในทางเดียวกัน ย่อมสามารถ ต่อยอด กันและกันจากที่องค์ก่อนได้อธิษฐานเอาไว้

เพิ่มพูนขึ้นเรื่อย ๆ

ผมจึงไม่ลังเลที่จะพูดเต็มปากว่านี่คือเหรียญสุดยอดอีกเหรียญหนึ่งในสายท่านพระอาจารย์ใหญ่มั่น ภูริทัตโต เป็นมรดกที่ควรค่าแก่การบูชาจักด้วยเป้าหมายเพื่อระลึกถึงธรรมของท่านผู้อธิษฐานทิ้งไว้ก็ดี บูชาด้วยหวังความคุ้มครองจากพุทธานุภาพในพระก็ดี

น่าเก็บทั้งนั้น

หลวงพ่อแสนสุขกระทำอภินิหารให้ชาวทหารอากาศได้พบเจอมามากคน มากเหตุการณ์ด้วยกัน แม้ผู้สร้างคือ ท่านผู้การณรงค์ ดิถีเพ็ง ก็ไม่รอช้าที่จะแขวนเองและมอบให้คนที่ท่านรักที่สุดแขวนด้วยคือ บุตรชายของท่าน

และเมื่อวันอาทิตย์ที่ 13 เมษายน พ.ศ.2518 หลังจากเหรียญหลวงพ่อแสนสุขกลับจากอีสานมาได้เพียง 4 วัน ก็ถูกอาราธนาขึ้นคอ ด.ช.ชาย ดิถีเพ็ง ซึ่งขณะนั้นอายุได้ 8 ขวบ และในบ่ายของวันหยุดนี่เอง "น้องชาย" ก็ขอตามพี่ชายคนโตไปเล่นบ้านเพื่อน พอไปถึงก็แยกออกไปเล่นกับสุนัขตามลำพัง ด้วยความไม่คุ้นเคยกันเจ้าสุนัขเลยกัดหมับเข้าที่ขาอ่อนข้างขวาเต็มเหนี่ยว

ด.ช.ชายจึงรีบกลับบ้านมาเล่าให้คุณพ่อฟัง ครั้นท่านผู้การพิจารณาบาดแผลแล้วเห็นเป็นรอยเขี้ยวถึงสี่เขี้ยวบุ๋มลึกเข้าไปในเนื้อขา เกิดเป็นรอยช้ำพร้อมกับมีรอยเขี้ยวลากไปเป็นทางเห็นได้ชัดเจน ทว่าไม่มีเลือดตกยางออกแต่อย่างใด รอยคมเขี้ยวนั้นปรากฏอยู่บนขาน้อง "ชาย" อยู่นานร่วมสัปดาห์จึงค่อย ๆ เลือนหายไป

อย่างนี้เรียก "คงกระพัน"

ต่อมาท่านผู้การได้เดินทางขึ้นไปกราบนมัสการท่านพระอาจารย์ฝั้นยังวัดถ้ำขามและได้เล่าเรื่องนี้ให้ท่านฟัง พระอาจารย์ฟังแล้วนิ่งไปพักหนึ่งก็เอ่ยว่า “เขาถูกกัดสองหน กัดแล้วลากไป” แปลกตรงที่การบอกของท่านพระอาจารย์ตรงกับร่องรอยที่ท่านผู้การเห็นทุกอย่าง นับได้ว่าท่านพระอาจารย์ฝั้นมีญาณหยั่งรู้น่าอัศจรรย์

และอีกไม่นานด.ช.ชายก็ได้พิสูจน์ความศักดิ์สิทธ์อีกเป็นคำรบสอง เมื่อติดตามคุณแม่ไปบ้านเพื่อนแล้วถูกสุนัขที่นั่นกัดเข้าที่แขนอีก ผลคือคมเขี้ยวไม่อาจทะลุหนังลงไปได้เลย ฝากไว้เพียงรอยบุ๋มดังเช่นคราวแรก ยืนยันถึงอานุภาพแห่งหลวงพ่อแสนสุขว่ามิใช่เรื่องบังเอิญ

"ปาฏิหาริย์" กับ "บังเอิญ" คล้ายกันแต่ไม่เหมือนกัน

อย่าว่าแต่เรื่องออกแนวบู๊เลย แม้การรักษาโรคภัยไข้เจ็บในยามคับขันท่านก็ก่ออภินิหารมามากคราว เช่น นาวาอากาศตรีวิฑูรย์ นิลกำแหง ต้องกลัดกลุ้มเป็นยิ่งเมื่อบุตรชายคนเล็กเกิดป่วยมากตัวร้อนจัด แม้ไปหาหมอและฉีดยามาแล้วก็ตาม อาการไข้ก็มิได้หายไปกลับทรงตัวอยู่และเกิดทรุดขึ้นมากในวันรุ่งขึ้นซึ่งตรงกับวันศุกร์ที่ 25 เมษายน พ.ศ.2518

ครั้นเวลา 01.00 น. ลูกชายท่านก็เกิดผิดปกติคือไข้ขึ้นสูงมาก เด็กน้อยรำพันว่าปวดหัวมาก เพ้ออยู่ตลอดเวลาเป็นที่น่าเวทนาแก่ผู้เป็นบิดานัก แม้เอาน้ำแข็งวางบนศีรษะแล้วก็ตามอาการไข้ก็ไม่ทุเลาลงซ้ำมือทั้งสองเริ่มมีการเกร็ง นิ้วหงิกงอ ตาค้าง และขากรรไกรแข็ง

พ่อไม่เคยเห็นลูกเป็นเช่นนี้ก็ให้ตกใจเป็นที่สุด ทำอะไรไม่ถูกสักอย่าง เมื่อเข้าตาจนก็นึกถึงเหรียญหลวงพ่อแสนสุขซึ่งทราบมาก่อนว่าเพื่อนทหารเคยอาราธนาให้ช่วยสำเร็จมาแล้ว

น.ต.วิฑูรย์จึงบอกภรรยารีบไปจุดธูปเทียนบูชาพระที่หิ้ง และให้อาราธนาเหรียญหลวงพ่อแสนสุขซึ่งกลัดติดอยู่ในกระเป๋าเสื้อทำงานมาใส่ในมือลูก โดยผู้เป็นบิดาเอามือทั้งสองประกบมือลูกไว้ พร้อมนึกอาราธนาพระรัตนตรัยทั้งบารมีแห่งท่านพระอาจารย์มั่น พระอาจารย์ฝั้น และพระอาจารย์ทั้ง 9 องค์ให้ช่วยรักษาอาการของลูกชายให้ทุเลาลงด้วยเถิด

เพียงครู่เดียวมือของลูกชายที่แข็งเกร็งก็เริ่มอ่อนลง นัยน์ตาที่เหลือกค้างก็เริ่มตกลงและเข้าสู่ภาวะปกติ เมื่อเห็นลูกมีสีหน้าดีขึ้นทั้งเริ่มขยับริมฝีปาก บิดาจึงถามทันทีว่ารู้สึกอย่างไรบ้าง คำแรกที่ตอบคือ “หายแล้ว...หายแล้ว” คุณพ่อถามด้วยความเป็นห่วงอีกว่าปวดตรงไหนหรือเปล่า

เด็กตอบว่าปวดหัว น.ต.วิฑูรย์จึงนำเหรียญไปแตะตรงจุดที่ปวดแล้วถามว่ารู้สึกอย่างไร ลูกตอบว่า “พอแตะก็หายปวด”

จากนั้นไม่นานอาการตัวร้อนก็ค่อย ๆ หายไป ดีขึ้นตามลำดับจนเด็กน้อยสามารถนอนหลับสนิทได้ถึงเช้าโดยไม่มีอะไร เมื่อไปหาหมออีกครั้งหมอบอกว่า “หายดีแล้วไม่ต้องมาอีก และลูกคุณโชคดีมากที่หายได้ในเวลาที่รวดเร็วเพราะแกเป็นไข้เลือดออก” ...!!

“ใช้ได้ทุกทาง”

สมดังหลวงปู่ฝั้นประกาศิตไว้ไหม ?

ผมไม่อาจแนะนำได้ว่าจะหาเหรียญนี้ได้ที่ไหน ขอโยนกลองให้เป็นเรื่องของบุญวาสนาก็แล้วกันครับ เพราะผมเองก็ยังยากมิใช่ง่าย แต่ใครรู้จักกับทหารอากาศทั้งหลายโดยเฉพาะกลุ่มกองบินยุทธการ ก็น่าจะมีโอกาสมากกว่าใครอีกหลายคน

ผมขออวยพรให้โชคดีกับการหาครับ หากว่าใครมีอยู่จงรีบนำมาแขวนเถิดเพราะนี้คือ เพชรในยุทธภพทีเดียว.


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
โพสต์โพสต์แล้ว: อาทิตย์ 14 ก.ย. 2008 5:05 pm 
ออฟไลน์
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 14 ก.ย. 2008 6:00 am
โพสต์: 6586
สำหรับเรื่องเหรียญหลวงพ่อแสนสุขนี่ขอบอกเลยว่า "มาได้ทันเวลา" จริง ๆ ครับ เพราะมีคนถามกับผมมากว่าข้อมูลเก่าอยู่ไหน บางท่านซื้อ "หนังสือศักดิ์สิทธิ์" เล่มที่ลงเรื่องนี้ไม่ทัน แต่มีเหรียญอยู่ในครอบครอง หรือบางท่านก็มาตามเก็บได้ทีหลังแล้วอยากทราบข้อมูลก็ไม่มีหนังสือให้อ่านแล้วจะทำอย่างไรดี มาถามเอากับผมผมก็งงไปเหมือนกัน เพราะตัวเองอยากดูบางทีก็ยังหาดูยากเลยครับ

ขอบคุณจริง ๆ ที่นำมาโพสท์ลงในเว็ปนี้ และขอชมว่าเก่งจังเลยครับกับการโพสท์ที่มีรูปคั่น หรือการวางรูปให้อยู่ในตำแหน่งที่ต้องการ ผมยังทำไม่เป็นเลย แหม เรานี่โง่จริง ๆ เลย งั้นขอฝากกับท่านที่เกี่ยวข้องด้วยนะครับ รบกวนแก้ไขวางรูปในเรื่องที่ผมเคยโพสท์มาก่อนหน้าให้ออกมาดูดีประกอบเรื่องหน่อยละกัน เพราะผมโง่เรื่องอิเล็คทรอนิกส์และคอมพ์มาก ๆ ขอบคุณล่วงหน้านะครับ


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
cron
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO