พระสุปฏิบัติแห่งเมืองเลย
พระญาณทีปาจารย์ (ท่อน ญาณธโร) วัดศรีอภัยวัน ต.นาอ้อ อ.เมือง จ.เลย
โดย...รณธรรม ธาราพันธุ์ท่านพระอาจารย์ท่อน แม้จะมีอายุเพียง 68 ปี แต่คนก็สมัครใจที่จะขานชื่อท่านด้วยความเคารพว่า “หลวงปู่ท่อน” ผมเองก็เป็นอีกคนที่เต็มใจเรียกนามหลังมากกว่า เพราะดูจะให้ความอบอุ่นและใกล้ชิดดีกว่าคำว่า “พระอาจารย์” เป็นไหน ๆหรืออีกนัยก็เพื่อ
“กระชากวัย” ของตัวเอง
หลวงปู่ท่อน ท่านเป็นคนขอนแก่น ถือกำเนิดเมื่อปี พ.ศ. 2471 บวชเมื่อปี พ.ศ. 2491 และอยู่ปฏิบัติภาวนากับ
ท่านพระครูญาณทัสสี (หลวงปู่คำดี ปภาโส) วัดถ้ำผาปู่ อ.เมือง จ.เลย แม้ท่านจะเป็นพระรุ่นเล็ก แต่ก็เคยได้พบกับพระอาจารย์ใหญ่แห่งวงศ์กัมมัฏฐานคือ
หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต อยู่บ้าง มีโอกาสได้ฟังโอวาทที่สั้น ๆ แต่มีความหมายในการประพฤติปฏิบัติแก่ท่านเองเป็นอย่างยิ่ง
นอกจากหลวงปู่คำดีแล้ว ยังมี
หลวงปู่ซามา อจุตโต วัดป่าอัมพวัน อ.เมือง จ.เลย อีกรูปหนึ่งที่ปั้นท่านมากับมือต่อจากหลวงปู่คำดี
หลวงปู่หลุย จันทสาโร ก็เป็นพระอาจารย์อีกท่านหนึ่งที่พาหลวงปู่ท่อนออกป่าเร่งความเพียรกันอย่าง
“สละตาย” ครั้งหนึ่งท่านพาหลวงปู่ไปอยู่ภาวนาที่ถ้ำมโหฬารและได้จำพรรษา ณ ที่นั้น
ตลอดพรรษานั้น ทั้งสองท่านได้ฉันเฉพาะข้าวเหนียวกับแกงผักหวานทุกวัน ถ้าวันไหนได้เฉพาะข้าวไม่มีกับ ท่านก็จะได้อาศัยน้ำปลาคลุกข้าวพอเค็ม ๆ ฉันประทังชีวิต น้ำปลา 1 ขวด ท่านฉันกันได้ตลอดทั้งพรรษา
เป็นการปฏิบัติที่หาได้ยากในพระปัจจุบันครั้นเหตุการณ์นี้ผ่านมา หลวงปู่หลุยท่านจึงตั้งเจตนาที่จะถวายน้ำปลาไปยังวัดซึ่งยากจนทุก ๆ เดือนโดยท่านส่งเงินผ่านหลวงปู่ท่อน ให้หลวงปู่ท่อนเป็นผู้จัดการเรื่องนี้ เมื่อหลวงปู่ท่อนปรารภกับท่านว่า
“ส่งโดยตรงไปยังวัดเลยไม่ดีกว่าหรือหลวงปู่” ท่านว่า
“ไม่ได้ ๆ ต้องผ่านคุณท่อน” คงอยากให้ระลึกถึงคุณของน้ำปลาอุปสรรคในชีวิตพระของหลวงปู่ท่อนมีมากมายหลายอย่างล้วนส่งเสริมให้ท่านแข็งแกร่งขึ้นเสมอมา ทั้งในด้านข้อวัตรปฏิบัติและด้านพลังจิตพลังใจ
สมัยที่หลวงปู่ท่อนยังไม่มีเหรียญพระอะไรแจก ท่านก็ได้อาศัยเชือกซึ่งใช้ทำบริขารต่าง ๆ ได้ เช่น ทำกลดหรือทำเชือกผูกปากถุงย่ามนี่แหละ มาเป็นของมงคล โดยท่านจะถักเชือกให้เป็น
“สร้อยคอ” หรือ
“สร้อยแขน” บางครั้งก็ถักเป็น
“แหวนนิ้ว” แถมอีกต่างหาก
ไม่ว่าจะสร้อยคอ สร้อยแขน หรือแหวนนิ้ว หลวงปู่ท่อนท่านจะให้ความตั้งใจในการถักมาก ตลอดเวลาที่ทำท่านจะสวดกรรมตลอดจนเสร็จ ถ้าไม่มีใครมารับ ท่านก็จะเอาเข้าที่ภาวนาต่อไป แต่ถ้ามีคนมารอรับ ท่านก็แจกได้ทันที
ถ้าดีจริง ทำอะไรก็ขลังเชือกถักของท่านถือเป็นเอกลักษณ์เฉพาะ ท่านทำแจกมาก่อนใคร ๆ ทั้งสิ้น ถ้าได้รับจากพระอื่นหรือคนอื่น แสดงว่าท่านเหล่านั้นไปเรียนวิธีทำมาจากหลวงปู่ท่อน
แต่ถึงทำเลียนแบบก็ดูไม่ยากเพราะเชือกถักที่ออกจากวัดท่านจะมีความละเอียดประณีตมาก โดยเฉพาะปมที่ท่านผูกไว้ ยังไม่เคยเห็นใครทำได้งดงามเท่าหลวงปู่เลยเชือกถักของท่านที่ได้แจกออกไป ปรากฏผลต่าง ๆ อย่างน่าอัศจรรย์ใจ มีคุณภาพดุจพระเครื่องชิ้นเอกทีเดียว โดยเฉพาะสร้อยแขนมีประสบการณ์มากที่สุด
ยิ่งเกี่ยวกับผี ๆ สาง ๆ เป็นชะงัดนักราวปี 2536 มีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งอายุประมาณ 16 ปี เธอเกิดพบเห็นภูตผีปีศาจได้โดยไม่ต้องนั่งทางในและไม่ต้องหลับตา นับเป็นความทรมานอย่างร้ายที่ต้องได้เห็นในสิ่งที่ไม่ควรเห็นอยู่เสมอ
วิญญาณเหล่านั้นก็ชอบใจ เพราะเธอสามารถเป็น “สะพาน” ในการติดต่อกับญาติพี่น้องที่ยังมีชีวิตอยู่ได้ด้วยความไม่เต็มใจอย่างยิ่งของ
"สะพาน"จึงเป็นภาระของพ่อแม่พี่น้องที่ต้องหาตัวอาจารย์ผู้มีความเก่งกล้าสามารถในเรื่องผี ๆ มาช่วยแก้ไข แต่สุดท้ายก็ต้องหามา
“ปราบ” ทำไมต้องปราบ ก็ระยะหลังผีบางตัวไม่เพียงจะเอาเธอเป็นสะพานอย่างเดียวเท่านั้น แต่กลับเข้าสิ่งเธอเพื่อทำอะไร ๆ ตามความต้องการของตน
จนเธอไม่เป็นตัวของตัวเองวันหนึ่งตอนที่ผีฝรั่งผู้ชายกำลังเข้าสิงเธออยู่ในบ้าน ญาติส่วนหนึ่งก็วางกำลังเฝ้าเธอไว้ อีกส่วนหนึ่งก็ไปรับอาจารย์มาทำพิธี ทุกครั้งผีก็ไม่เคยกลัวสักอาจารย์ ไม่รู้เพราะผีเก่งจริงหรืออาจารย์ไม่เก่งจริง อย่างดีผีก็ยอมออกไปแป๊ป ๆ แล้วก็กลับเข้ามาใหม่เป็นอย่างนี้เรื่อยมา
ขณะที่รอหมอผีมาทำพิธีนั้นเอง จู่ ๆ เด็กสาวก็กลับผุดลุกขึ้นนั่ง เบิกตาเพ่งมองไปที่ประตูใหญ่หน้าบ้านชนิดตาไม่กะพริบ เพียงครู่เดียวก็เกิดอาการลุกลี้ลุกลนทำท่าเหมือนเกรงอะไรบางอย่าง ครั้นญาติที่เฝ้าอยู่มองตามสายตาเธอไปก็ไม่พบเห็นอะไรนอกจากความว่างเปล่า แล้วผู้อยู่ในร่างเธอก็ทำในสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อน นั่นคือตะเกียกตะกายวิ่งหนีขึ้นไปยังชั้นสองของบ้าน เมื่อผู้เฝ้ากวดตามไปทัน ก็เห็นเด็กสาวเข้าไปแอบตัวสั่นอยู่หลังโซฟาในห้อง พลางพึมพำเหมือนพูดกับใครที่มองไม่เห็น
ไม่นานนักรถที่ไปรับหมอผีก็มาถึง ทว่าผู้มาไม่ใช่หมอผี...แต่เป็นพระ ซึ่งในขณะนั้นท่านมีสมณศักดิ์ที่
“พระครูญาณธราภิรัต” เมื่อท่านเข้ามาในบ้านก็รับทราบว่า คนผีเข้าวิ่งหนีขึ้นไปข้างบนแล้ว ท่านจึงตามขึ้นไปติดสอยห้อยตามด้วยบรรดาญาติที่ยังกลัว ๆ กล้า ๆ
พอเข้าไปในห้อง ท่านก็นั่งภาวนาแผ่เมตตาให้ผีเป็นอันดับแรก ปรากฏว่าเขาไม่รับ บอกว่าข้าเป็นผีฝรั่ง ข้านับถือคริสต์ไม่รับอะไรทั้งนั้นเมื่อไม้นวมไม่ได้ผล ท่านก็ต้องใช้ไม้แข็ง โดยล้วงเข้าไปในย่ามแล้วหยิบสร้อยคอออกมาเส้นหนึ่งพลางเดินเข้าหา คนผีเข้าก็ตัวสั่นหมดแรง ลุกหนีไม่ได้ ท่านจึงเอาสร้อยสวมคอทันทีจากนั้นก็ให้บรรดาญาติเข้ามาจับตัวเอาไว้ แล้วสั่งให้ญาติผู้ชายรับเชือกข้อมือจากท่านไปสวมมือทั้งสองข้างของเธอ เจอเข้าขนาดนี้ผีฝรั่งจึงออกแทบไม่ทัน
นับจากวันนั้นจนถึงวันนี้ไม่ปรากฏภูตผีตนใดจะเข้าใกล้สาวสวยลูกครึ่งคนนี้ได้เลย แม้เธอจะพบเห็นอยู่บ้าง แต่วิญญาณเหล่านั้นก็ไม่ได้แผลงฤทธิ์อะไรนี่เป็นอีกเรื่องที่ทำให้ท่านต้องนิ้วด้าน และฟันคลอนด้วยถักเชือกดึงเชือกแทบทั้งวัน
ทุกวันนี้ใครที่ไปกราบ ไปทำบุญกับท่าน ท่านก็ยังคงมีของดีอย่างนี้แจก แต่ผมขอร้องอย่างหนึ่งว่า
ขอให้รับจากท่านเพียง 1 คน ต่อ 1 ชิ้น ประเภทขอฝากขอเผื่ออย่ามีเลย ใครอยากได้ก็ไปรับกับท่านเองเถิดครับ ผมเห็นท่านทำแล้วสงสารท่านจริง ๆ
รีบไปกราบพระดีอย่างท่านเสีย ถ้าใครมีเวลาทำบุญกับท่านได้เต็มร้อยนะครับ
สวัสดีบทความนี้ได้ตีพิมพ์เมื่อ วันที่ 1 มีนาคม 2540