นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน เสาร์ 27 เม.ย. 2024 2:50 am

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 6 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
 หัวข้อกระทู้: พระเพลิง...พิโรธ
โพสต์โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. 02 ก.ค. 2009 7:38 am 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร 30 ก.ย. 2008 10:00 am
โพสต์: 634
ดึกสงัดของคืนวันที่ ๖ กันยายน พศ.๒๔๙๗ มัคนายกสองคนของวัดลาดบัวขาว ตื่นขึ้นมา เพราะได้ยินเสียงเปิดประตูกุฏิ ทั้งสองเห็นหลวงพ่อสุรินทร์ ตื่นขึ้นมา และเดินลงไปข้างล่าง ไม่มีใครทราบว่าหลวงพ่อตื่นขึ้นมาหรือท่านยังไม่หลับ ด้วยว่าก่อนนอน หลวงพ่อสุรินทร์ มักจะนั่งสมาธิ หรือ ทำพิรอดแขน หรือกระตุดเครื่องราง จนดึกดื่น ทั้งสองมองเห็นหลวงพ่อเดินออกไปยืนอยู่ที่ท่าน้ำ จึงรีบเดินตามลงไป
"หลงพ่อยังไม่หลับหรือครับ..."
"อืม...ยังหรอก ข้านั่งสมาธิอยู่แล้วก็..."
"มีอะไรหรือครับ..หลวงพ่อไม่สบายใจเรื่องอะไร.."
"ฮืม......"
หลวงพ่อสุรินทร์ถอนหายใจเป็นครั้งที่สอง มัคนายกทั้งสองคนมองหน้ากัน โดยต่างก็รู้ว่า หากหลวงพ่อไม่ทุกข์ใจ ท่านก็จะไม่เป็นแบบนี้
"หลงพ่อมีอะไรก็บอกนะครับ เผื่อผมจะช่วยได้.."
"ไอ้ทองเอ้ย อย่าว่าตะเอ็งเลย ข้าเองก็ดูเหมือนว่าจะช่วยอะไรไม่ได้เหมือนกัน............"
ทั้งสองยิ่งข่อนใจหนัก พอหลวงพ่อสุรินทร์เดินกลับขึ้นกุฏิ ทั้งสองจึงเดินไปที่บ้านผู้ใหญ่ช้อย
"มีอะไรวะ มากันดึกดื่นป่านนี้..."
"พี่ช้อย ลงมานี่กระเดี๋ยวเถอะ พวกฉันมีเรื่องปรึกษา.........."
"เอ แปลก..นะ ถ้าหลวงพ่อเป็นแบบนี้ ต้องมีเรื่อง
ใหญ่แน่นอน เอาเถอะ พรุ่งนี้ข้าจะไปถามหลวงพ่อดูเอง พวกเอ็งกลับไปนอนเถอะ.."
จวบจนรุ่งอรุณ หลวงพ่อสุรินทร์ นั่งฉันเช้าอยู่ ชาวบ้านหลายคน ทราบข่าวจากผู้ใหญ่ จึงทะยอยมาที่วัด จนหลวงพ่อฉันเสร็จ จึงได้ถามไถ่
"ไหงวันนี้พวกเอ็งมาหาข้าแต่เช้า.."
"ก็ๆ...ผู้ใหญ่ช้อยแกไปชวนมาจ้ะหลวงพ่อ.."
"ไอ้ช้อย เอ็งจะทำอะไร ถึงได้พาคนมามากมายอย่างนี้..."
"ก็เมื่อคืน....."
"เฮ้อ...พวกเอ็ง ข้าไม่รู้จะบอกยังไง ข้าเข้าใจล่ะ ว่าเอ็งเห็นข้าไม่สบายใจ แต่ข้าก็บอกพวกเอ็งไม่ได้ เดี๋ยวจะยุ่งกันไปหมด วันปะรืน..ไอ้ช้อยเอ็งมาหาข้าอีกที เวลานี้แหละ แล้วข้าจะว่าให้ฟัง"
ทุกคนทยอยกลับกันหมด หลวงพ่อสุรินทร์ ท่านเอาข้าวไปให้พวกเด็กๆที่ศาลา หลวงพ่อจะเสกข้าวทุกครั้งก่อนที่จะให้เด็กพวกนี้กิน นอกจากผ้าจีวรที่ผู้คนหรือแขน หากเป็นเด็กวัด ถ้าลองตกน้ำ ไม่ว่าน้ำจะหลากแค่ไหน ก็ไม่มีวันที่จะไหลไปเกินเขตวัด ชาวบ้านลาดบัวขาวทราบดีกันทุกคน
และในเช้าของอีกสองวันถัดมา เป็นวันที่ ๘ กันยายน ๒๔๙๗ หลวงพ่อเรียกผู้ใหญ่ช้อยเข้าไปในกุฏิ
"ไอ้ช้อย ข้าบอกเอ็งแล้ว เอ็งต้องรับปากว่าจะไม่บอกใคร แต่จะทำการใดให้ชาวบ้านปลอดภัย ก็สุดแท้แต่ เรื่องนี้ข้าพูดออกไปให้คนอื่นรู้ไม่ได้ พวกเอ็งละก็คงเชื่อ แต่คนที่อื่นเขาคงหัวเราะเอา..."
"เรื่องอะไรหรือครับหลวงพ่อ..."
"พรุ่งนี้ในเมืองบ้านโป่งเรานี่แหละจะเกิดเรื่องร้าย เอ็งกรองดูให้ดีเถอะว่าจะทำการอย่างไร...."
"เรื่องร้ายอะไรครับ........"
"ไฟจะไหม้ครั้งใหญ่ ไหม้ขนาดหนักเทียวเอ็งเอ๋ย....ฉิบหายหมดเนื้อหมดตัวกันหมด..."
"ฮ้า...หลวงพ่อทราบ....."
"ข้าบอกเอ็งได้เท่านี้ ข้าเป็นพระทำอะไรนอกเหนือจากนี้มากไม่ได้ มันเป็นกรรม..."
"พรุ่งนี้กี่โมงครับ......"
"อ้ายช้อย...ข้าจะไปรู้ได้ยังไง..เอ็งเห็นว่าจะทำยังไงก็ทำเถิด แต่อย่าให้อึกทึกนัก เดี๋ยวจะไปกันใหญ่ มันเป็นกรรมช้อยเอ้ย........."
เช้าวันที่ ๙ กันยายน ๒๔๙๗ ชาวบ้านร้านตลาดในอำเภอบ้านโป่ง ต่างก็ดำเนินกิจวัตรประจำวัน ผู้ใหญ่ช้อยเรียกประชุมลูกบ้านทั้งหมด และก็ได้บอกแต่เนิ่นๆแล้วว่าใครมีธุระอะไรที่จะต้องเข้าไปในตัวเมืองบ้านโป่ง ก็ให้งด และมาประชุมที่วัดทั้งหมด ทุกๆคนที่มา ต่างก็งงไปตามๆกัน เพราะผู้ใหญ่ไม่ได้ชี้แจงอะไรให้ทราบมากไปกว่าบอกว่าให้มารวมกันเฉยๆ
ตกบ่ายแก่ๆ ข่าวร้ายจากในตัวเมืองอำเภอบ้านโป่ง ก็มาถึง

อันนี้คัดลอกมากจากที่อื่นนะครับ

บ่ายวันพฤหัสบดีที่ 9 กันยายน 2497 เวลาประมาณ 14.30 น. นับเป็นวันที่โศกเศร้าที่สุดและเป็นการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ของชาวตลาดบ้านโป่งแค่ในชั่วพริบตาเดียว เพราะขณะท้องฟ้าเต็มไปด้วยแสงแดดที่ร้อนระอุ แต่ก็มีเปลวเพลิงพวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า พร้อมควันไฟดำทะมึน เสียงร้องตะโกนจากคนบางคนว่า ไฟไหม้…ไฟไหม้

ผู้คนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างตกตะลึงและเรียกร้องเสียงหลงเพื่อขอความช่วยเหลือ
เหตุไฟไหม้ครั้งนี้เกิดขึ้น บริเวณชั้นบนของ ร้านฮั่วเส็ง ซึ่งเป็นร้านขายของชำโดยมี นายบุ้นเส็ง หรือสมบัติ แซ่แต้ เป็นเจ้าของ ซึ่งตั้งอยู่กลางใจเมืองบ้านโป่ง (มุมถนนสุขาวดีด้านถนนแสงชูโตในปัจจุบัน) ติดกับร้านตั้งเง็กเซ้ง ไฟได้ลุกไหม้อย่างรวดเร็ว แม้ประชาชนที่พบเห็นได้ช่วยกันสกัดไฟแล้วก็ตาม แต่ไม่สามารถควบคุมเพลิงได้แต่อย่างใด ในวันเกิดเหตุนั้น ทั้ง นายนาถ มนตเสวี นายอำเภอบ้านโป่ง และ นายกิจ ทรัพย์เย็น นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองบ้านโป่ง ไม่อยู่เพราะได้เดินทางไปรับการอบรมสงครามจิตวิทยาที่จังหวัด มีแต่ นายวาทย์ เศวตนันท์ และ นายทวี ทวีพูล ปลัดอำเภอบ้านโป่ง รักษาการได้ไปอำนวยการดับเพลิงอย่างใกล้ชิด และขอรถดับเพลิงจากท้องที่ใกล้เคียงอีกด้วย
รถดับเพลิงของเทศบาลเมืองบ้านโป่ง กว่าจะไปถึงที่เกิดเหตุต้องใช้เวลานาน ปล่อยให้ไฟลุกไหม้ลามไปยังบ้านเรือนข้างเคียง ทั้งที่สถานีดับเพลิงห่างจากที่เกิดเหตุเพียงแค่ 300 เมตรเท่านั้น ทำให้ไฟได้ลุกลามอย่างรวดเร็วสุดความสามารถของเจ้าหน้าที่ ขณะเกิดเพลิงไหม้นั้น มีประชาชน นักเรียน ลูกเสือของโรงเรียนรัตนราษฎร์บำรุง ได้ช่วยกันขนสิ่งของออกจากบ้านเรือนกันจ้าละหวั่น บางคนร้องเรียกขอความช่วยเหลือ บางคนเรียกหาบุตรหลานของตนเองเพื่อหลบภัย วุ่นวายกันไปทั่วเมืองจนไม่รู้ว่าใครเป็นใครกัน นักฉวยโอกาสได้อาศัยช่วงจังหวะนี้ ขโมยสินค้าของผู้ประสบภัยอีกทอดหนึ่งด้วย เมื่อเจ้าหน้าที่สาธารณภัยไม่สามารถควบคุมเพลิงไว้ได้แล้ว จึงได้โทรเลขขอความช่วยเหลือไปยัง โพธาราม ราชบุรี นครปฐม และกรุงเทพ เพื่อจัดส่งรถดับเพลิงมาทำการช่วยเหลือเป็นการด่วน แต่กว่ารถดังกล่าวจะมาถึง ไฟได้ลุกไหม้บ้านเรือนมอดไหม้เป็นเถ้าถ่านเกือบทั้งเมือง เพลิงได้สงบลงเมื่อเวลาประมาณ 18.30 น.รวมเวลาทั้งสิ้น 4 ชั่วโมง


ขณะเกิดเหตุเพลิงไหม้ ประชาชนต่างกำลังชุลมุนวุ่นวายช่วยกันสกัดไฟ นายบุ้นเส็งหรือสมบัติ แซ่แต้ เจ้าของบ้านต้นเพลิงอาศัยช่วงจังหวะนี้ วิ่งหลบหนีไปซุกซ่อนที่โรงเรียนฮกเฮง ขณะหลบนอนคลุมโปงอยู่ในรถบรรทุกที่เตรียมการไว้หลบหนีเข้ากรุงเทพ แต่ไม่อาจรอดพ้นเงื้อมือของ ร.ต.อ.แก้ว พรหมพินิจ ผบ.กอง สภ.อ.บ้านโป่งไปได้ และยอมรับสารภาพอย่างหมดสิ้นว่าได้วางแผนไว้นานแล้ว เพื่อเผาหวังเอาเงินประกันเป็นจำนวนเงิน 30,000 บาท เพราะก่อนที่จะเกิดเหตุเพลิงไหม้ครั้งนี้ประมาณ 1 เดือน ได้เกิดเพลิงไหม้ที่บ้านดังกล่าวมาครั้งหนึ่ง แต่ในครั้งนั้นชาวบ้านได้ช่วยกันดับไฟได้ทัน
หลังจากเพลิงได้สงบลงแล้ว เวลาประมาณ 21.00 น. นายแม้น อรจันทร์ ผวจ.ราชบุรี (ปีที่ดำรงตำแหน่ง พ.ศ.2495-2501) ได้นำข้าราชการและเจ้าหน้าที่กรมประชาสงเคราะห์ออกไปให้การช่วยเหลือเป็นการบรรเทาทุกข์ โดยจัดให้ผู้ประสบอัคคีภัยเข้าพักอาศัยอยู่บริเวณวัดบ้านโป่ง วัดดอนตูม และปลูกสร้างเพิงที่พักชั่วคราวบริเวณริมแม่น้ำแม่กลอง ซึ่งจัดเตรียมไว้ พร้อมกับนำหน่วยของกรมอนามัยออกไปตั้งหน่วยรักษาพยาบาลผู้ที่ได้รับบาดเจ็บส่วนหนึ่ง ส่วนหน่วยของกรมประชาสงเคราะห์ทำการแจกเสื้อผ้า ผ้าห่มและเครื่องนอน ตลอดจนการแจกข้าวสาร โดยเฉพาะหน่วยรถยนต์เคลื่อนที่ รถเสบียงของกองอาสากาชาด ได้นำอาหารไปเลี้ยงแก่ผู้ประสบภัย โดย ท่านผู้หญิงละเอียด พิบูลสงคราม ในฐานะผู้อำนวยการกองอาสากาชาดได้แจกจ่ายอาหารด้วยตนเองด้วย


เมื่อ วันจันทร์ที่ 13 กันยายน 2497 เวลาประมาณ 10.00 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ พร้อมด้วยสมุห์ราชองครักษ์ ได้เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์จากพระที่นั่งอัมพรสถานอย่างกระทันหัน โดยมิให้ใครรู้พระราชประสงค์ที่จะทรงไปเยี่ยมพสกนิกรที่ถูกเพลิงไหม้ ทั้งนี้ เพื่อมิให้เจ้าหน้าที่ได้เตรียมการต้อนรับอย่างเอิกเกริก เพราะประชาชนกำลังอยู่ในระหว่างเศร้าโศก เนื่องจากถูกเพลิงไหม้ทรัพย์สินเสียหายเป็นจำนวนมาก

การเสด็จของทั้งสองพระองค์ในครั้งนี้ แม้แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจสันติบาลซึ่งมีหน้าที่ถวายการอารักขาก็ไม่ทราบเรื่อง กว่าจะรู้ก็ต่อเมื่อพระองค์ได้เสด็จไปไกลแล้ว พอเจ้าหน้าที่ตำรวจสันติบาลทราบ จึงได้ออกติดตามไปถวายการอารักขาอย่างรีบด่วน และติดตามขบวนเสด็จไปทันที่จังหวัดนครปฐม เมื่อรถยนต์พระที่นั่งถึงจังหวัดนครปฐมเวลา 12.00 น.ได้ประทับเสวยพระกระยาหารกลางวัน ณ พระที่นั่งชาลีบรมอาสน์ พระราชวังสนามจันทร์ จากนั้นจึงเสด็จพระราชดำเนินไปถึงตลาดบ้านโป่ง โดยมีพระราชญาติรักษา ผู้ว่าราชการภาค 7 เข้าเฝ้ารับเสด็จ รถยนต์พระที่นั่งได้วนรอบบริเวณที่เกิดเพลิงไหม้ ทรงทักทายถามทุกข์สุขผู้ประสบอัคคีภัยครั้งนี้โดยทั่วหน้ากัน พร้อมกับพระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์จำนวน 1 แสนบาท ช่วยเหลือบรรเทาทุกข์และยังทรงพระราชทานเสื้อผ้า อาหาร ตลอดจนยารักษาโรค อีกส่วนหนึ่งด้วย ครั้นเมื่อเวลา 15.30 น.ได้เสด็จกลับกรุงเทพฯ ประชาชนที่เฝ้ารับเสด็จต่างรู้สึกทราบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น

หลังจากนั้นเมื่อวันอาทิตย์ที่ 19 กันยายน 2497 ตลาดบ้านโป่งได้กลับมามีสภาพแจ่มใสขึ้นอีกครั้งหนึ่ง โดยมี จอมพล ป.พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรี และ ท่านผู้หญิงละเอียด พิบูลสงคราม ภริยาได้เดินทางมาเป็นประธานพิธีเปิดตลาดสด(ปลูกสร้างใหม่ชั่วคราว) บริเวณหน้าที่ว่าการอำเภอบ้านโป่ง ได้นิมนต์สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ และท่านเจ้าคุณธรรมดิลก เป็นประธานคณะสงฆ์ เจริญพระพุทธมนต์และประพรมน้ำพระพุทธมนต์แก่ผู้ประสบภัยรอบๆบริเวณที่เกิดเพลิงไหม้ด้วย
อนึ่งปรากฎว่าสถานที่ราชการ เช่นที่ว่าการอำเภอบ้านโป่ง เทศบาลเมืองบ้านโป่ง และโรงเรียนเทศบาล ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับที่เกิดเพลิงไหม้รอดพ้นไปอย่างหวุดหวิด มีแต่เพียงร้านค้า และบ้านเรือนทั้งตลาดล่างและตลาดบนวอดวายเป็นเถ้าถ่าน ส่วนธนาคารออมสิน ตั้งอยู่ถนนทรงพล(ร้านเพชรสยามในปัจจุบัน) ได้ถูกเพลิงไหม้เช่นกัน แต่เงินที่อยู่ในเซฟไม่ได้ถูกไฟเผาผลาญแต่อย่างใด ประชาชนแห่กันไปมุงดูด้วยความแปลกใจ
แม้อดีตที่ผ่านมาเป็นความเจ็บปวด จากมือวางเพลิงเผาผลาญตลาดบ้านโป่งวอดวายเสียหายอย่างใหญ่หลวง เพียงแค่หวังเงินประกันภัยแค่ 3 หมื่นบาท แต่การสูญเสียของประชาชนที่ประสบเคราะห์กรรมไร้ที่อยู่อาศัยมากมายและทรัพย์สินเสียหายอีกกว่า 100 ล้านบาท เป็นความทรงจำมิอาจลืมเลือนจากใจของผู้ทนทุกข์ทรมานในขณะนั้น แม้จะผ่านไปแล้ว 50 ปี นับเป็นอัคคีภัยที่ใหญ่ที่สุดของประเทศในยุคนั้น
ขอขอบคุณผู้รวบรวมเรื่องราวไฟไหม้บ้านโป่ง...คุณ ธงชัย จงศรีอดิสรณ์
เรื่องนี้ ลูกหลานของผู้ใหญ่ ได้เล่าให้ฟังหลายหน แต่ผมเองไม่มีข้อมูลมาประกอบ พอดีไปหาเจอเรื่องนี้ จึงเอามาประกอบกันเพื่อยืนยันว่าเป็นเรื่องที่มีมูล ชาวลาดบัวที่เข้าไปทำงานหรือจับจ่ายซื้อของในอำเภอบ้านโป่ง ต่างก็หยุดอยู่บ้านโดยไม่ทราบสาเหตุ ด้วยว่าพ่อแม่ของแต่ละคนสั่งไม่ให้เข้าไปในอำเภอ
__________________

อ้างอิงจากที่นี่ครับ :hhero:
http://www.geocities.com/pruek2002/Fire_Banpong.htm


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
 หัวข้อกระทู้: Re: พระเพลิง...พิโรธ
โพสต์โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. 02 ก.ค. 2009 7:39 am 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร 30 ก.ย. 2008 10:00 am
โพสต์: 634
รูปเก่าแก่
เป็นภาพที่อยู่ในหนังสือ งานฉลองลานเอนกประสงค์ ศาลเจ้าแม่เบิกไพร เป็นภาพจากการถ่ายของร้าน"ศรีเงิน"บ้านโป่ง ร้านภาพที่เก่าแก่ที่สุดของชาวบ้านโป่ง ร้านนี้คงมีภาพเก่าหาดูยากเกี่ยวกับบ้านโป่งเยอะทีเดียว ถ้าท่านได้เข้ามาในเวบไซท์นี้ ขอได้โปรดกรุณาโพสต์ภาพเหล่านี้เพื่อให้อนุชนชาวบ้านโป่งรุ่นหลังๆได้รู้ประวัติของบรรพชน ถือว่าเป็นวิทยาทาน


แนบไฟล์:
149.jpg

ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
 หัวข้อกระทู้: Re: พระเพลิง...พิโรธ
โพสต์โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. 02 ก.ค. 2009 12:56 pm 
ออฟไลน์
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 14 ก.ย. 2008 5:09 pm
โพสต์: 1368
ยอดเยี่ยมครับทั้งเรื่องเล่า ข้อมูล และภาพประกอบ :grt: :grt: :grt:


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
 หัวข้อกระทู้: Re: พระเพลิง...พิโรธ
โพสต์โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. 02 ก.ค. 2009 1:44 pm 
ออฟไลน์
Administrator
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ 08 ก.ย. 2008 11:37 am
โพสต์: 6391
มันส์.....

_________________
089 969 9445 @ anytime
line ID navaraht


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
 หัวข้อกระทู้: Re: พระเพลิง...พิโรธ
โพสต์โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. 02 ก.ค. 2009 8:16 pm 
ออฟไลน์
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ 27 ธ.ค. 2008 11:11 pm
โพสต์: 331
:agy: คุณเอกลาดบัวยังไม่ตอบกระทู้ผมเลย (ผีไม่เผาเงาไม่เหยียบ)ตอบหน่อยนะครับ


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
 หัวข้อกระทู้: Re: พระเพลิง...พิโรธ
โพสต์โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. 02 ก.ค. 2009 9:43 pm 
ออฟไลน์
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 14 ก.ย. 2008 11:16 pm
โพสต์: 1786
ชอบครับชอบ ข้อมูลแน่นเอี๊ยดเลยครับ
ดูรูปแล้วประทับใจมากครับ :P


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 6 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
cron
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO