นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน ศุกร์ 29 มี.ค. 2024 4:21 am

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 6 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
โพสต์โพสต์แล้ว: พุธ 17 มิ.ย. 2009 1:36 pm 
ออฟไลน์
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 14 ก.ย. 2008 5:09 pm
โพสต์: 1368
หลวงปู่ญาท่านสวน ฉันทโร วัดนาอุดม ตอน ปราชญ์แท้ ไม่คุยฟุ้ง อวดตน คนเก่ง ย่อมทะนง อยู่อย่างเงียบ (๒)
โดย ศิษย์กวง จาก http://www.oknation.net/blog/sitthi/2009/06/05/entry-1
21.jpg

ทำทานให้ สังโฆองค์เลิศ

ย่าได้คึดคี่ค้อย ของน้อยสิเน่านูม


(จงทำทานกับสงฆ์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ(สุปฏิปันโน) อย่าได้คิดเสียดายปัจจัยให้ทาน เพราะหากเสียดายจะทำให้ผลทานไม่เกิด)

จะว่าไปแล้วก็เป็นเรื่องแปลกนะครับ เพราะมีบางคนคิดว่า “สำเร็จลุน” ท่านก็คือพระองค์เดียวกับ “หลวงปู่เทพโลกอุดร” แต่ในความเป็นจริงไม่ได้เป็นอย่างที่หลายๆคนคิด ผมเองก็ไม่ค่อยมีความรู้ในเรื่องนี้มากนัก ขออธิบายความตามที่ครูบาอาจารย์บางท่านเคยบอกครับ กล่าวคือ “สำเร็จลุน” ท่านเป็นพระผู้ทรงอภิญญาของเมืองลาว

สมัยก่อนลาวกับไทยมีการไปมาหาสู่กันเสมอดังนั้นจึงไม่แปลกครับที่เมืองลาวจะมีพระภิกษุชาวไทยเดินธุดงค์เข้าไปเพื่อศึกษาหาความรู้ ซึ่งสำเร็จลุนท่านก็คือเป้าหมายของพระเหล่านั้น

ลูกศิษย์ของสำเร็จลุนที่มีชื่อเสียงในเมืองไทยขนาดที่ว่าหากขานรายชื่อขึ้นมา บรรดาท่านผู้สนใจในเรื่องพวกนี้ต้องร้องเสียงหลง เช่น"หลวงปู่เครื่อง ธมฺมจาโร" วัดเทพสิงหาร ตำบลนายูง อำเภอน้ำโสม จังหวัดอุดรธานี "หลวงปู่พรหมา เขมจาโร" วัดสวนหินผานางคอย ตำบลหนามแท่ง อำเภอศรีเมืองใหม่ จังหวัดอุบลราชธานี เป็นต้น
j.jpg

ในส่วนเรื่องของ “หลวงปู่เทพโลกอุดร” มีความเชื่อกันว่ามีพระสาวกของพระพุทธเจ้าองค์หนึ่ง ได้ตั้งจิตอธิษฐานขอเป็นพระผู้ดูแลพระพุทธศาสนาจนกว่าจะสิ้น การอธิษฐานจิตขอด้วยความปรารถนาอันนี้ได้บังเกิดผล

กล่าวคือทุกวันนี้พระสาวกองค์นั้นยังไม่ได้ดับขันธ์ปรินิพพาน และยังคอยเฝ้าพิทักษ์รักษาพระพุทธศาสนามาจนถึงทุกวันนี้ สถานที่ที่ท่านอยู่ก็เป็นอีกมิติหนึ่งในโลกที่เราก้าวเข้าไปไม่ถึง

พระเกจิอาจารย์ พระปฏิบัติกรรมฐาน หรือฆราวาสผู้ปฏิบัติธรรมในบางท่านก็จะเคยพบเห็นท่านมาหาเพื่อสอนหรือแนะนำในเรื่องของคาถาอาคมหรือการปฏิบัติธรรม ทั้งนี้ล้วนแล้วแต่ว่าหลวงปู่เทพโลกอุดรท่านจะสอนให้แบบไหน ขึ้นอยู่กับวาสนาของแต่ละคน บางทีท่านจะมาในลักษณะของพระภิกษุชราบ้าง เป็นเณรบ้าง ฯลฯ โดยคำว่า “อุดร” แปลว่าเหนือ “เทพโลก” หมายถึงโลก ดังนั้นคำว่า "หลวงปู่เทพโลกอุดร" จึงหมายถึง "หลวงปู่ที่อยู่เหนือโลก"ครับ
14.jpg

ผมก็พ่นเท้าความไปเสียตั้งเยอะ ความจริงแล้วหลวงปู่ญาท่านสวน ท่านไม่ใช่ลูกศิษย์โดยตรงของสำเร็จลุนหรอกครับ เพราะเมื่อท่านเดินทางไปหาสำเร็จลุนแต่ไม่พบท่านจึงได้เดินทางกลับ และพระอาจารย์ที่ประสิทธิ์ประสาทวิชาให้หลวงปู่ญาท่านสวนคือ “ญาท่านกรรมฐานแพง” แห่ง “วัดสะพือ” อำเภอพิบูล จังหวัดอุบลราชธานี

สำเร็จลุนท่านมี”ศิษย์เบื้องขวา”คือ “ญาท่านกรรมฐานแพง” และ“ศิษย์เบื้องซ้าย”คือ “ญาครูศรีทัศสุวรรณมาโจ”....

กล่าวกันว่า ”ญาท่านกรรมฐานแพง” ท่านนี้ได้รับถ่ายทอดสรรพวิชาต่างๆของสำเร็จลุนเอาไว้ครบถ้วนและตัวท่านเองก็มีกฤษดาอภินิหารมากมายเช่นกันไม่แพ้องค์อาจารย์

มีคำกล่าวว่า “กระบี่อยู่ที่ใจ” จอมยุทธที่เก่งกาจสามารถหลอมรวมใจเข้าเป็นหนึ่งเดียวเข้ากับกระบี่ได้แล้ว เวลาที่ต้องต่อสู้ก็ไม่จำเป็นต้องใช้กระบี่จริง เพียงแต่หยิบฉวยอะไรก็ได้หรือแม้แต่จะใช้เพียงฝ่ามือ มันก็คมกริบเหมือนใช้ดาบ

ครับภายใต้ความเชี่ยวชาญและความเชื่อมั่นในวิชา มันคงไม่ได้เกิดมาง่ายๆแน่ หากทั้งหมดนี้ไม่ได้มีเบื้องหลังมาจากความมั่นคงของจิตใจ
15.jpg

“ญาท่านกรรมฐานแพงบอกว่า ผู้ที่มาเรียนวิชาในสายนี้จะต้องถือสัจจะคือเมื่อเรียนเสร็จแล้วจะต้องบวชไม่สึก”

ว่ากันถึงเรื่องของการเรียนวิชาแล้วจะต้องบวชไม่สึกบ้าง ผมคิดว่าเรื่องเหล่านี้เป็นความฉลาดของครูบาอาจารย์ยุคเก่า เป็นกุศโลบายในการดึงรั้งจิตใจผู้ที่จะเข้ามาเป็นศิษย์ แต่ทั้งหมดนี้ครูบาอาจารย์ท่านนั้นจะต้องมีความเชี่ยวชาญและเชื่อมั่นในวิชาของตนว่าสามารถทำให้บังเกิดผลได้จริง เมื่อนำไปใช้สงเคราะห์คนก็สามารถช่วยเหลือคนให้สัมฤทธิ์ผลได้ดั่งตั้งใจ

จริงอยู่ถึงแม้วิชาอาคมจะไม่สามารถช่วยให้คนกลุ่มนั้นเอาชนะกรรมหรือตัดรอนผลของกรรมชั่วได้ แต่มันก็สามารถช่วยเหลือหรือบรรเทาในเรื่องบางเรื่องได้อย่างน่าอัศจรรย์ใจ การที่มันสามารถบรรเทาเรื่องบางเรื่องได้นั้น หากว่ากันตามตรรกะมันก็น่าจะมาจากวิชาอาคมที่ต่างประเภทกัน ลองมาอ่านดูครับว่าหลวงปู่ญาท่านสวนได้เรียนวิชาสายสำเร็จลุนจากญาท่านกรรมฐานแพง มีอะไรบ้าง
16.jpg

หลวงปู่ญาท่านสวนได้ศึกษาวิชากรรมฐาน “วิชาการเดินธาตุต่างๆ” เช่นแม่ธาตุอันได้แก่ นะ โม พุทธ า ยะ ธาตุ ๔ ได้แก่ นะ มะ พะ ธะ ธาตุกรณี ได้แก่ จะ ภะ กะ สะ แก้วสี่ดวง ได้แก่ นะ มะ อะ อุ เรียนรู้เรื่องการปลุกเสกวัตถุมงคลให้เกิดฤทธิ์ เกิดความศักดิ์สิทธิ์ เรียนรู้เรื่องของวิชาการลงตะกรุดต่างๆ วิชาอื่นๆ ก็เช่น การฝังเข็มทองคำซึ่งมีเข็มกลุ่ม ๓๒ เล่มและเข็มโทน ๑ เล่ม การเข้าแผ่นทองคำเปลว การสร้างพระราหูอมจันทร์ เสื้อยันต์ ถักเชือกมงคล วิชาการทำน้ำพระพุทธมนต์ ๗ บ่อ ฯลฯ.....

หลวงปู่ญาท่านสวนบอกพวกเราว่า สรรพวิชาต่างๆในสายสำเร็จลุน ที่ญาท่านกรรมฐานแพงได้รับการถ่ายทอดมาจากสำเร็จลุน ได้ถ่ายทอดมายังท่านจนหมดสิ้น ยกเว้นวิชาสุดท้ายเป็นสุดยอดทางเมตตา ก็เพราะว่าผู้ที่จะเรียนวิชานี้จะต้องไปหารังผึ้งร้างมาทำเป็นเสื่อปูรองนั่งให้ได้ ๒ คนคืออาจารย์ผู้ถ่ายทอดและลูกศิษย์ผู้ที่รับการถ่ายทอด จึงจะสามารถถ่ายทอดวิชากันได้หลวงปู่ท่านได้ใช้เวลาหาอยู่หลายปีแต่กว่าจะได้ญาท่านกรรมฐานแพงก็มรณภาพไปเสียก่อน

นอกจากการเรียนรู้จากครูบาอาจารย์แล้ว หลวงปู่ยังได้ศึกษาวิชาตามคัมภีร์ใบลานซึ่งเป็นของครูบาอาจารย์ต่างๆ ที่บันทึกไว้ นอกจากนั้นภายหลังที่หลวงปู่ได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดบ้านสำโรงแล้ว ยังคงมีอาจารย์ฆราวาสผู้มีอาคมขลังท่านหนึ่งได้ไปมาหาสู่กับท่าน ซึ่งอาจารย์ท่านนี้อดีตเคยบวชและปรนนิบัตรรับใช้สมเด็จพระสังฆราชแพ วัดสุทัศน์เทพวราราม กรุงเทพฯอยู่นานหลายปี ซึ่งเข้าใจว่าอาจารย์ฆราวาสท่านนี้น่าจะถ่ายทอดวิชาให้กับหลวงปู่ด้วย.....
17.jpg

คนโบฮานสอนกันว่า ไผเคยจำได้หือบ่

วาสนาชาตาแต่พุ้น บุญนำยู้กระจั่งหมาน

ไผผู้เคยทำบุญไว้ ในปางแต่ชาติเก่า

คนจั่งชั่นหละเด้อพี่น้อง บุญนำอุ้มเพิ่นจังดี....


(โบราณท่านว่าบุญบารมีเก่าเท่านั้นที่จะช่วยให้เราเจริญรุ่งเรือง ควรทำบุญไว้ให้ดี)

เชื่อกันว่าในปัจจุบันนี้คุณไสยต่างๆยังคงมีการกระทำกันอยู่ โดยเฉพาะคุณไสยของเขมรถือว่าแรงมาก ขลังมาก ส่วนมากคุณไสยที่ทำกันก็เพื่อต้องการให้ไปประทุษร้ายแก่ผู้อื่นที่เป็นศัตรูให้ถึงแก่ชีวิต แต่ถ้าในบางรายที่ยังไม่ถึงคราวและมีครูบาอาจารย์ที่ดีและเก่ง ก็จะสามารถที่จะแก้ไขได้ทัน

มีพระภิกษุหนุ่มบวชใหม่รูปหนึ่งโดนคุณไสยเล่นงานได้มาให้หลวงปู่ญาท่านสวนรักษา เรื่องราวมีอยู่ว่า

สมัยที่พระรูปนี้ยังไม่บวช เคยไปทำงานที่จังหวัดศรีสะเกษ ตอนนั้นยังมีความห้าวอยู่มาก พอเหล้าเข้าปากก็ชอบส่งเสียงโวยวาย จนมีเรื่องมีราวกับคนในพื้นที่ ต่อมาไม่นานพระรูปนี้ก็รู้สึกถึงความผิดปกติในร่างกาย กล่าวคือมีอาการเจ็บปวดที่หลังเป็นอย่างมาก ไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจก็ไม่พบสิ่งที่ผิดปกติ

เมื่อเดินทางไปรักษาที่ไหนก็ไม่หาย สุดท้ายโยมแม่ของท่านจึงต้องพึ่งพาการรักษาในเชิงไสยศาสตร์ จากการตรวจสอบโดยผู้เชี่ยวชาญไสยศาสตร์ก็พบว่าพระรูปนี้โดนกระทำคุณไสยด้วยหมอเขมร จะต้องหาครูบาอาจารย์ที่มีวิชาอาคมแก่กล้าจึงจะสามารถแก้การกระทำนี้ได้

โดยโยมแม่ของท่านได้พาท่านตระเวณไปรักษามาหลายทีก็ยังไม่สามารถแก้ไขได้ สุดท้ายมีคนแนะนำว่าให้มาหาหลวงปู่ญาท่านสวน วัดนาอุดม เมื่อมาถึงจึงได้เข้าไปกราบเรียนท่านให้ทราบ หลวงปู่ทราบเรื่องก็หัวเราะด้วยอารมณ์ดีและถามกลับมาว่ารู้ได้อย่างไรว่าเป็นคุณไสย โยมแม่ของท่านจึงตอบว่ามีคนเขาบอก หลวงปู่ก็หัวเราะขึ้นอีกและเรียกตัวท่านไปถามอาการ เมื่อทราบว่าเจ็บปวดตรงจุดไหน ท่านจึงเอามือมาแตะตรงที่ปวดและหลับตากำหนดจิตสักครู่ เมื่อลืมตาขึ้นมาท่านจึงพยักหน้าพร้อมบอกว่าใช่
18.jpg

การรักษาจึงได้เริ่มดำเนินขึ้นโดยหลวงปู่ให้ท่านนอนคว่ำแล้วเอาใบพลูที่กินกับหมากมาซ้อนกัน ๓ ใบ ยกขึ้นพนมไว้ในมือ หลับตากำหนดจิตสักครู่ท่านจึงเป่าลงบนใบพลูทั้ง ๓ ใบ เป่าอย่างนั้นอยู่ ๓ ครั้ง จึงเอาใบพลูทั้ง ๓ ใบมาวางแปะบริเวณที่ท่านปวดแล้วเอามือกดทับไว้ ปากท่านก็ภาวนาพระคาถาอยู่แล้วท่านก็เป่าลงบนใบพลู ๓ ครั้ง

ตอนนั้นพระองค์นี้มีความรู้สึกผิดปกติเกิดขึ้น โดยเฉพาะตรงบริเวณดังกล่าวเหมือนมีวัตถุอะไรบางอย่างกำลังเคลื่อนตัวอยู่ในบริเวณนั้น สักพักหลวงปู่ญาท่านสวนท่านก็ค่อยๆกอบกำเอาใบพลูขึ้นทีละนิด ทีละนิด คล้ายๆกับกำลังถอนต้นหญ้า ขณะที่ปากของท่านก็ยังท่องบ่นภาวนาไปเรื่อยๆ เมื่อท่านกำใบพลูเต็มกำมือของท่าน ก็มีความรู้สึกเหมือนว่าหลวงปู่ญาท่านสวนกำลังรวบรวมพลังและดึงใบพลูนั้นออกจากหลังของพระองค์นั้น

ความรู้สึกของท่านเหมือนว่าหลวงปู่ญาท่านสวนกำลังถอนต้นหญ้า หากแต่นี่มันไม่ใช่ต้นหญ้าแต่มันเป็นการดึงถอนเอาวัตถุสิ่งหนึ่งซึ่งมันกำลังทิ่มแทงติดอยู่กับหลังของท่านออกมา และเมื่อหลวงปู่ญาท่านสวนได้ทำการถอนออกมาแล้ว อาการเจ็บปวดของท่านจึงหายเป็นปลิดทิ้ง

เมื่อหลวงปู่ญาท่านสวนให้พระองค์นั้นลุกขึ้นนั่งเรียบร้อยแล้ว ท่านจึงยกมือที่กำใบพลูขึ้นแล้วค่อยๆคลี่ออกดู...

ปรากฏว่าทุกคนที่นั่งดูถึงกับตกตะลึงเพราะว่าในใบพลูนั้นมีวัตถุสิ่งหนึ่งซึ่งเป็นไม้ดำขนาดใหญ่ประมาณ ๑ ซม. ยาวประมาณ ๔ ซม. มีลักษณะแหลมคมเป็นเสี้ยน พระองค์นั้นตกใจรีบเอามือขึ้นจับบริเวณที่หลวงปู่ดึงออกมาด้วยเข้าใจว่ามันคงจะเป็นรูแน่ๆ แต่ปรากฏว่าบริเวณดังกล่าวไม่มีร่องรอยอะไรเลย เนื้อหนังยังคงเหมือนเดิมทุกอย่าง........จากนั้นหลวงปู่ญาท่านสวนจึงได้ทำการรดน้ำมนต์ให้พระองค์นั้น
a.jpg

ครับในโลกปัจจุบันที่เริ่มแบน คนไม่น้อยคิดว่าเรื่องที่เกิดขึ้นนี้เป็นเรื่องที่ค่อนข้างจะเหลวไหล ไสยศาสตร์และวิธีการรักษาโรคแบบนี้จึงถูกต่อต้าน ถึงขนาดบางท่านอาจจะคิดว่าผู้ป่วยที่มีอาการแบบนี้อาจเป็นแค่คนเพี้ยนๆก็ได้

แต่อีกนัยหนึ่งหากเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นกับตัวเราล่ะ เมื่อเรารักษาจนหมดหนทางแล้ว เราจะยอมนอนป่วยตายไปพร้อมกับความหมดหวัง หรือเราจะยอมรักษาโดยวิธีที่คนอื่นว่าเหลวไหลล่ะครับ แต่ที่แน่ๆ...

พระองค์นี้ท่านหายป่วยจริง คนที่อยู่ในเหตุการณ์ก็เห็นกับตาจริงๆ...
i.jpg

ผมเคยสอบถามครูบาอาจารย์หลายรูปว่าเวลาปลุกเสกพระเขาทำอย่างไรกันบ้าง แล้วเราจะรู้ได้ไหมว่าเวลาเสก ท่านเสกกันจริงหรือเปล่า

บางท่านตอบว่าเวลาที่เสกพระ พอกำหนดจิตได้สมาธิดีดีก็จะเกิดเป็นแสงวูบเข้าไปคลุมกองวัตถุมงคลนั่นคือได้เสกสำเร็จแล้วบางท่านก็ว่าเวลาพุทธาภิเษกพระ มันก็เหมือนกันการขับรถแข่ง องค์ไหนเก่งสมาธิจิตดีดีก็จะวิ่งเร็ว บางขณะเข้าช่วงโค้งก็มีการเบียดกัน ฯลฯ

หลวงปู่ญาท่านสวน ได้ชื่อว่าเป็นพระผู้มีจิตที่ละเอียด สมาธิจิตของท่านถือว่าเยี่ยมมาก ไม่ว่าใครจะอยู่ไกลแค่ไหน หรืออธิษฐานอะไรในใจ ท่านสามารถกำหนดจิตล่วงรู้ได้หมด อาจจะเรียกได้ว่าบรรดาผุ้ที่เคารพเลื่อมใสในตัวท่านและเข้ามากราบไหว้ เกือบจะครึ่งหนึ่งทีเดียวที่มีนิมิตเห็นท่านมาปรากฏให้เห็น

ว่ากันว่า “จิตใสก็เป็นบุญ จิตขุ่นก็เป็นบาป ผู้ใดตามดูจิต โดยความเป็นธรรม ผู้นั้นพ้น ห้วงของมาร...”

พระอาจารย์ชิง ธัมมทินโน เจ้าอาวาสวัดไตรมิตร อำเภอท่าอุเทน จังหวัดนครพนม ได้เมตตาเล่าให้ฟังว่า..

ท่านได้นำพระกริ่งและพระชัยวัฒน์ รุ่นปฐวีธาตุ ไปให้หลวงปู่ญาท่านสวนปลุกเสกให้ หลังจากพูดคุยกันสักพักพระอาจารย์ชิง จึงได้นำพระทั้งหมดมาจัดวางไว้ตรงหน้าหลวงปู่ญาท่านสวน พร้อมโยงด้ายสายสิญจน์มาให้หลวงปู่ญาท่านสวน

เมื่อหลวงปู่ฯได้รับสายสิญจน์แล้วท่านจึงมองมาที่วัตถุมงคลทั้งหมดแล้วค่อยๆเข้าสู่สมาธิ พระอาจารย์ชิงเล่าว่า หลวงปู่ญาท่านสวนท่านนั่งนิ่งมาก นิ่งจนขนาดที่ทำให้พระอาจารย์ชิงอยากรู้ว่าหลวงปู่ท่านปลุกเสกอย่างไร

พระอาจารย์ชิงท่านจึงได้เข้าสมาธิเอาจิตตามเข้าไปดูว่าท่านปลุกเสกอย่างไร แต่ยังไม่ทันได้เข้าไปก็โดนรัศมีของหลวงปู่ญาท่านสวนเหวี่ยงกระเด็นออกมา ท่านจึงได้ตั้งจิตอธิษฐานขอขมาและขออนุญาตเข้าไปดูใหม่ ก็สามารถดูได้
10.jpg

“อาตมาได้เห็นลำแสงพวยพุ่งออกจากฝ่ามือของท่าน แล้ววิ่งไปตามเส้นด้ายสายสิญจน์ สว่างเหมือนลำแสงของหลอดไฟนีออนและวิ่งไปสปาร์คที่กองพระกริ่งพระชัยวัฒน์ เกิดเป็นแสงสว่างไสวมากและคุมอยู่อย่างนั้นเป็นเวลานานเกือบครึ่งชั่วโมง...”

หลังเสร็จสิ้นการอธิษฐานจิต หลวงปู่ญาท่านสวนได้มองเล็งมายังท่านพร้อมกับอมยิ้มแล้วพูดกับท่านว่า

“เป็นพระหนุ่มนี่ ใจร้อนเน๊อะ...”

พระอาจารย์ชิง ท่านได้แต่ยิ้มรับและยังไม่ทันที่จะได้ตอบอะไร หลวงปู่ญาท่านสวนท่านได้พูดกระแทกตรงใจท่านอีกว่า

“ถ้าอยากทำเป็น ก็หมั่นฝึกเอาทำเอา ไม่นานเดี๋ยวก็เป็นเอง..”
19.jpg

ปราชญ์แท้ ไม่คุยฟุ้ง อวดตน

คนเก่ง ย่อมทะนง อยู่อย่างเงียบ

คนดีย่อม ไม่ยกตน ข่มท่าน

คนโง่ อวดรู้ดี มีทั่วภพ....


หลวงปู่ญาท่านสวน ท่านเป็นพระอริยสงฆ์ที่มากไปด้วยความมีเมตตา หลวงปู่ฯมักจะออกโปรดญาติโยมและศิษยานุศิษย์อย่างไม่ยอมแพ้แก่ความเหน็ดเหนื่อย เรียกว่าสงเคราะห์กันจนญาติโยมพอใจ บางครั้งบรรดาลูกศิษย์ทนไม่ไหวจึงได้เขียนป้ายห้ามรบกวนเพื่อให้ท่านได้พักผ่อนตามคำสั่งของแพทย์ แต่เมื่อหลวงปู่เห็นท่านก็จะให้เอาออกทันที โดยท่านให้เหตุผลว่า
20.jpg

“บางคนเขาอาจจะเดินทางมาไกล เขาอาจจะมีเรื่องเดือดร้อนที่อยากจะให้เราช่วยเหลือ หรือเขาอาจจะต้องรีบกลับเพราะเขาอยู่ไกล ส่วนเราอยู่ที่นี่จะพักผ่อนเมื่อไรก็ได้...”

หลวงปู่มักจะสอนให้พวกเรารู้จักความเตตา ความเห็นอกเห็นใจในเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน รู้จักเสียสละความสุขส่วนตนและไม่เห็นแก่ความสุขสบาย โดยตัวท่านเองจะเป็นแบบอย่างให้พวกเราได้เห็น เช่นการให้ความสงเคราะห์โดยไม่เลือกชนชั้นวรรณะ ไม่เลือกที่รักมักที่ชัง หลวงปู่ให้ความเสมอภาคกับทุกตนเท่าเทียมกันหมด ไม่ว่าจะเป็นคนจน คนรวย เด็กหรือผู้ใหญ่ ท่านเต็มใจให้ความสงเคราะห์ทั้งหมด

อันว่าโลกีย์นี้ บ่มีแนวตั้งเที่ยง

มีแต่ตายแตกม้าง ทลายล่มเกลื่อนหาย

อันว่าความตายม้าง ไกลกันเจียระจาก

ครั้นบ่ม้มโอฆกว้าง สิเที่ยวพ้ออยู่เลิง…


(โลกนี้เป็นโลกไม่แน่นอน มีเกิดขึ้นแล้วดับไป เกิดและดับอยู่อย่างนี้เสมอไป ต่อเมื่อพ้นวัฏฏะ คือความหมุนจนไปได้ จึงจะหยุดการเวียนว่ายการตายเกิด)
k.jpg

ในช่วงปลายปี ๒๕๔๘ สุขภาพหลวงปู่เริ่มอ่อนเพลียเพราะท่านฉันอาหารไม่ค่อยได้ หลังจากนั้นเป็นต้นมาท่านจึงอยู่ภายในการดูแลของคณะแพทย์อย่างใกล้ชิด จนถึงเช้าของวันที่ ๑๔ มีนาคม ๒๕๔๙ เวลา ๐๖.๓๐ น.ซึ่งตรงกับวันเพ็ญขึ้น ๑๕ ค่ำ วันอังคารและเป็นวันครูของท่าน หลวงปู่จึงได้ปล่อยวางสังขารด้วยอาการสงบ สิริอายุ ๙๕ ปี ๖ เดือน ๖ วัน ๗๕ พรรษา...

ร่มโพธิ์ร่มไทรใหญ่ที่แผ่กิ่งก้านสาขา คอยปกคลุมให้ความชุ่มชื่น ร่มเย็น เป็นที่พักพึงแก่เหล่าสรรพสัตว์และศิษยานุศิษย์ทั้งหลาย ได้ปล่อยวางละสังขาร ร่มโพธิ์ ร่มไทรที่ล้มลงด้วยอายุ กาลเวลาที่ตรากตรำ เป็นไปตามกฎธรรมชาติที่เกิดขึ้น ตั้งอยู่ เสื่อมโทรมและดับไป...

สัจธรรมมีหลักว่า “สังขารร่างกาย ความตายล้วนตกอยู่ในวิสัย เป็นสิ่งธรรมดาที่ทุกคนหาหนีพ้นได้ไม่...”

ทุกสรรพสิ่งที่เกิดขึ้นในโลกก็เป็นเช่นนี้เหมือนกันหมด


เคยมีลูกศิษย์กราบเรียนถามหลวงปู่ญาท่านสวนว่า

“หลวงปู่ลงอะไรไว้ในวัตถุมงคล ทำไมถึงได้ศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก”

ท่านเมตตาตอบกับเขาว่า...

“ลงด้วยหัวใจพระพุทธเจ้า”

ลูกศิษย์กราบเรียนถามต่ออีกว่า

“อะไรคือหัวใจพระพุทธเจ้าครับ”

หลวงปู่ท่านยิ้มและเมตตาตอบว่า

“ทำความดี ละเว้นความชั่ว...”
22.jpg

ครับกับคำตอบของหลวงปู่ญาท่านสวนที่ทำให้พวกเราได้เกิดสติปัญญา ว่าท่านมิได้มุ่งเน้นให้พวกเรายึดติดกับวัตถุมงคลซึ่งเป็นเพียงเปลือกนอกมากเกินไป จนลืมนึกไปถึงการปฏิบัติ คือ “การทำความดี ละเว้นความชั่ว” อธิบายความได้เห็นภาพชัดเจนว่า

ตัวเราต่างหากเป็นผู้ปฏิบัติ วัตถุมงคลไม่ใช่ผู้ปฏิบัติ แก่นแท้แห่งความศักดิ์สิทธิ์จริงๆแล้วอยู่ที่การปฏิบัติของเรา

ความดีเท่านั้นจะสามารถคุ้มครองเราไปได้ทุกภพทุกชาติ


เพราะเมื่อเราตายจากโลกนี้ไปแล้ว วัตถุมงคลก็ไม่สามารถเอาไปได้และมันจะไปตกอยู่กับผู้ใดก็ไม่มีใครทราบ และที่สำคัญคือมันไม่สามารถติดตามไปคุ้มครองเราถึงภพชาติหน้าได้หรอกครับ....

“ทำวันนี้ให้ดี ทำหน้าที่ให้ถูกต้อง

อนาคตของเรา อยู่ที่ความเพียรของเรา”
......สวัสดีครับ
23.jpg

เอกสารอ้างอิง – หนังสืออนุสรณ์ในงานบำเพ็ญกุศล พระครูอาทรพัฒนคุณ(ญาท่านสวน ฉันทโร)

ขอบพระคุณ – คุณชัยวิทย์ มาลาคำ ที่กรุณาให้ใช้รูปภาพและบทความ คุณพรชนก สุขพงษ์ไทย สำหรับข้อมูล เพื่อนต่อ กับคำแนะนำ และคุณสมบูรณ์ ร้านนายฮ้อ สระบุรี สำหรับกำลังใจครับ


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
โพสต์โพสต์แล้ว: พุธ 17 มิ.ย. 2009 3:00 pm 
ออฟไลน์
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 14 ก.ย. 2008 6:00 am
โพสต์: 6586
โห ถูกใจ "ความดีเท่านั้นที่จะสามารถคุ้มครองเราไปได้ทุกภพทุกชาติ"

แหม ถ้าเป็นคุณเด็กลึกลับต้องว่า "ตะกรุดเท่านั้นที่จะสามารถคุ้มครองเราไปได้ทุกภพทุกชาติ" :lol: :lol: :lol:

_________________
ถ้าเราไม่อยากได้อะไรจากใคร ก็จะไม่มีอะไรให้หมางใจกัน


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
โพสต์โพสต์แล้ว: พุธ 17 มิ.ย. 2009 3:07 pm 
ออฟไลน์
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ 08 ก.ย. 2008 10:41 am
โพสต์: 1599
ไม่จริงฮะ เด็กลึกลับตัวจริงต้องบอกว่า

"พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ พระบรมสารีริกธาตุ พระธาตุ เกศาครูบาอาจารย์ พระพรหม พระฤาษี เทพยุดาเจ้าทั้งหลาย พระเครื่อง ตะกรุด ผ้ายันต์ ประคำ ปฐวีธาตุ พญานาค เหล็กไหล เหล็กหน้าทั่ง ปลัด ฯลฯ เท่านั้นที่จะสามารถคุ้มครองเราไปได้ทุกภพทุกชาติ"

คริ คริ คริ

_________________
ชาตินี้ไม่จริง ชาติไหนก็ไม่จริง


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
โพสต์โพสต์แล้ว: พุธ 17 มิ.ย. 2009 3:21 pm 
ออฟไลน์
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 14 ก.ย. 2008 6:00 am
โพสต์: 6586
เฮ้อ!


อาการหนักกว่าที่คิด

.gif


_________________
ถ้าเราไม่อยากได้อะไรจากใคร ก็จะไม่มีอะไรให้หมางใจกัน


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
โพสต์โพสต์แล้ว: พุธ 17 มิ.ย. 2009 3:58 pm 
ออฟไลน์
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ 11 ต.ค. 2008 7:39 pm
โพสต์: 199
ขอบคุณครับ ได้ความรู้คู่ความคิดดีมากเลยครับ พี่จิ้งจก

_________________
"รักเป็นเหมือนรอยสัก เจ็บปวดแต่งดงาม....."


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
โพสต์โพสต์แล้ว: พุธ 17 มิ.ย. 2009 4:45 pm 
ออฟไลน์
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 14 ก.ย. 2008 8:36 pm
โพสต์: 969
หลวงปู่ญาท่านสวน เป็นสหธรรมิกกับหลวงปู่บุญมี โชติปาโล หลวงปู่ทั้งสองไปมาหาสู่กันเนืองๆครับ

_________________
ดีใดไม่มีโทษ ดีนั้นคือดีเลิศ


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 6 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
cron
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO