นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน เสาร์ 20 เม.ย. 2024 8:25 am

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
โพสต์โพสต์แล้ว: อังคาร 30 ก.ย. 2008 6:14 pm 
ออฟไลน์
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 14 ก.ย. 2008 5:09 pm
โพสต์: 1368
หลวงพ่อสมภพ เตชปุญโญ ตอนพุทธบารมีแผ่ไพศาลอีกหนึ่งบริบทของหลวงพ่อ
โดย ศิษย์กวง
จาก http://www.oknation.net/blog/sitthi/2008/06/06/entry-1

01.jpg

ปีนี้ผมได้มีโอกาสเข้าร่วมกิจกรรมกับทางพุทธอุทยานธรรมโกศลเป็นครั้งที่สองแล้ว โดยครั้งแรกเป็นกิจกรรมการสวดนพเคราะห์ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ และงานวัดสรงน้ำ “หลวงปู่เผือก ปฐมสมภารวัดสาลีโข”
02.jpg

คงเหลืออีกครั้งหนึ่งคือการสรงน้ำในโอกาสครบรอบวันเกิดของ "ท่านหลวงพ่อสมภพ เตชปุญโญ หรือหลวงพ่อสาลีโข" แห่งพุทธอุทยานธรรมโกศล อำเภอลาดหลุมแก้ว จังหวัดปทุมธานี…

สำหรับเรื่องราวประวัติความเป็นมาของท่านหลวงพ่อสมภพ เตชปุญโญ ผมคงจะละไปซึ่งการเขียนถึงเนื่องจากในปัจจุบันมีสื่อต่างๆ เขียนถึงท่านอย่างมากมาย เพื่อนๆสามารถหาอ่านกันได้ไม่ยากนัก ดังนั้นบันทึกของผม คงเป็นเพียงส่วนน้อยนิดที่เข้ามาประกอบเพื่อเป็น “บทหนึ่งในการเสริมความเป็นปัจจุบัน” ของท่านเท่านั้นเอง
03.jpg

หลวงพ่อสมภพ ท่านเริ่มมีชื่อเสียงในกลุ่มของนักนิยมคติทางด้านไสยศาสตร์ เวทมนต์คาถา เพราะวัตถุมงคลที่ท่านสร้างขึ้นมาเป็นที่ระลึกแก่บรรดาลูกศิษย์มีประสบการณ์เกิดขึ้นเนืองๆ จนเมื่อ "หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ได้ลงพาดหัวข่าวถึง ความหนังเหนียวของ "กำนันผู้มีอิทธิพล" ท่านหนึ่ง ซึ่งโดนถล่มด้วยปืนเอ็ม ๑๖ ในระยะประมาณวาเศษแต่ไม่เป็นอะไรมากนัก แค่ขนคิ้วหายไปหมด แต่ตำรวจที่ติดตามกำนันท่านนี้มาต้องเสียชีวิตจากการกระหน่ำยิงในครั้งนี้ ทั้งๆที่ในคอของตำรวจคนนี้แขวนพระเป็นพวง แต่กำนันท่านนี้มีเพียง “เหรียญหลวงปู่เผือก” ...ที่สร้างและปลุกเสกโดยท่านหลวงพ่อสมภพ แขวนอยู่เพียงเหรียญเดียว ซึ่งเรื่องที่กำนันท่านนี้โดนยิงไม่เข้าทำให้ชื่อเสียงของท่านหลวงพ่อสมภพ โด่งดังเป็นที่รู้จักของคนทั่วไปทันที.....
04.jpg

ผมเองก็เริ่มรู้จักหลวงพ่อสมภพจากคำบอกเล่าของรุ่นพี่ และได้สะสมเรื่องราวและความรู้สึกต่างๆไว้ตลอดด้วยความเลื่อมใสศรัทธา ผมไม่ปฏิเสธตัวเองหรอกครับว่าตัวเรามีใจโน้มเอียงไปในเรื่องของความหนังเหนียวหรือคงกระพันชาตรี ผมคิดว่ามันเป็น "บทเริ่มต้น" ของการชักนำพวกผมและเพื่อนร่วมอุดมคติให้มาสนใจในเรื่องของคำว่า “พุทธคุณ” จะว่าไปแล้วท่านหลวงพ่อสมภพนี่แหละครับที่เปรียบเสมือนใบเบิกทางนำพวกเราเข้าสู่วงโคจรของ "พระพุทธศาสนา" ที่มีอะไรหลายๆอย่างมากไปกว่าการทำบุญขึ้นบ้านใหม่ การไปงานบวชพระ หรือแม้กระทั่งการไปร่วมงานบำเพ็ญกุศลต่างๆ ตามความคิดของเด็กๆ..
05.jpg

และก็เป็นเรื่องจริงที่ต้องยอมรับประการหนึ่งว่า คนทั่วไปรู้จักท่านหลวงพ่อสมภพ ในแง่ของการเป็น"นักไสยศาสตร์" อาคมขลัง ปลุกเสกของขึ้น ซึ่งตัวหลวงพ่อเองก็เอ่ยปากว่า เส้นทางในบวรพุทธศาสนาของท่านเองก็เริ่มต้นมาจากจุดนั้นเหมือนกับพวกเรา ความรู้สึกของพวกผมที่มีกับท่านเป็นอย่างนี้มาตลอด...

หลังงานสรงน้ำหลวงปู่เผือกได้มีโอกาสกราบนมัสการท่านอีกครั้ง ระหว่างการสนทนาท่านเมตตาเล่าให้พวกเราฟังถึงปรมาจารย์นักนิยมสะสมพระท่านหนึ่ง คือ..
06.jpg

"ตรียัมปวาย" หรือ "พันเอกประจญ กิตติประวัติ" ชื่อของท่านผู้นี้โด่งดังมากในวงการพระ เนื่องจากท่านเป็นนักเขียนคุณภาพและเป็นผู้ที่แต่งตำราการดูพระสมเด็จวัดระฆัง และตำราการดูพระเบญจภาคี หนังสือที่ท่านเขียนขึ้นได้ถูกใช้กันอย่างแพร่หลาย...ช่วงนั้น "อาจารย์ตรียัมปวาย" กำลังวุ่นวายอยู่กับการตีความพระเครื่ององค์หนึ่งที่มีรูปลักษณ์ปิดตา ปิดหู ฯลฯ หลายความเห็นว่าน่าจะเป็นพระควัมปติ (พระปิดตา) ซึ่งเป็นพระอรหันต์องค์หนึ่ง ความวุ่นวายเริ่มยุติลงเมื่อหลวงพ่อสมภพ ก้าวขึ้นไปที่สำนักงาน อาจารย์ตรียัมปวายจึงได้ให้หลวงพ่อสมภพช่วยดูว่าพระองค์นี้คืออะไร
07.jpg

“ฉันก็ไม่แน่ใจ เพราะเหตุหนึ่งเราไม่ใช่คนต้นคิดจึงไม่รู้ถึงเจตนาของผู้สร้างว่าต้องการสื่ออะไร แต่ถ้าตามคัมภีร์หรือตำรับตำราที่ฉันเคยศึกษา น่าจะเป็นพระ “ปิดทวารทั้งเก้า” ที่พูดเช่นนี้เพราะว่า ฉันศึกษาการทำผงพุทธคุณ การทำผงพุทธคุณจะต้องเริ่มต้นที่ “ปถมัง” ก่อน”
08.jpg

(ภาพพระปิดตาหรือพระภควัมบดี ที่สร้างขึ้นจากผงมหาราชและปถมัง ปี ๒๕๑๘)
09.jpg

“ปถมังพินทุ เราเรียกว่าปถมังตั้งตัว ตั้งตัวแล้วลบ ตั้งตัวแล้วลบ เกิด ดับ เกิด ดับ ผ่านโลกียะ เข้าโลกุตตระ สู่นิพพาน มหานิพพาน...การเข้าอยู่ในความดับจิตและเจตสิก มีสัญญาและเวทนาเป็นต้น เรียกว่า นิโรธสมาบัติ ซึ่งก็คือการเข้าสู่การดับสนิทแห่งนามขันธ์...ดังนั้นนิโรธสมาบัติ จึงอยู่ระหว่างช่วงผ่านของโลกียะ เข้าสู่โลกุตตระ”

หลวงพ่อสมภพท่านเล่าให้ผมฟังแค่นี้ ซึ่งผมเองก็ไม่ได้เข้าใจอะไรเลย เนื่องจากเรื่องของศัพท์ทางศาสนาหรือคัมภีร์อะไรก็แล้วแต่ ผมมีความรู้ก็แค่ระดับ "ตั้งไข่" เพียงแค่ชื่อเท่านั้น รายละเอียดอื่นๆ ไม่มีภูมิปัญญาเลยจริงๆ แต่สิ่งหนึ่งที่ผมได้จากคำบอกเล่าของหลวงพ่อก็คือ "การเป็นผู้ที่รู้จริงในสิ่งที่ศึกษา" และจากวันที่อาจารย์ตรียัมปวายได้ข้อคิดเห็นอันนี้วงการนักนิยมสะสมพระเครื่อง จึงได้รู้จัก "พระปิดทวารทั้งเก้า" ขึ้นอีกหนึ่งนามครับ....

นอกจากจะมีความสามารถในการวิเคราะห์โดยใช้หลักของตำรามาตีความหมายแล้ว แนวความคิดส่วนตัวของท่านก็ใช่ย่อย หลวงพ่อสมภพท่านเป็นพระที่มีอุดมการณ์และมีความมุ่งมั่นที่จะสืบสานพระพุทธศาสนาให้แผ่ขยายออกไปดังนั้นในวันที่ท่านได้ย้ายมาจำพรรษา ณ พุทธอุทยานธรรมโกศล แห่งนี้สิ่งแรกที่หลวงพ่อได้นำมาลงหลักปักแทนเสาเอกก็คือ "ธงชาติไทย และธงธรรมจักร" ซึ่งหลวงพ่อสมภพท่านได้อธิบายตรงจุดนี้ว่า..
10.jpg

“ธงชาติไทย อันมีความหมายถึง องค์สามประการ คือ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ พร้อมด้วยธงธรรมจักร อันหมายถึงพระพุทธศาสนา เมื่อเรานำมาปักลงสถานที่แห่งนี้แล้ว ย่อมเป็นนิมิตหมายว่า ณ ที่แห่งนี้จะเป็นสถานที่ประกาศพระพุทธศาสนาและเป็นที่พึ่งทางใจของชาวไทย พร้อมกับเป็นสถานที่พึงควรแก่การทัศนศึกษาของคนทั่วไปทุกชาติและทุกภาษา ซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งของการประกาศศักดิ์ศรีของชนชาวไทยที่ยึดมั่นอยู่ในองค์สาม คือชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ให้ชาวโลกได้รู้จักมากขึ้นอีกส่วนหนึ่งด้วย” (ยิ้ม)

ครับจากวันที่เริ่มปักธงลงพื้น จนถึงวันนี้ พุทธอุทยานธรรมโกศลแห่งนี้ไม่เคยเลยสักวันที่จะเอาธงชาติไทยและธงธรรมจักร เข้าไปเก็บไว้ในห้องเก็บของ ถ้าเก่าหรือขาด หลวงพ่อก็จะให้นำมาเปลี่ยนใหม่และถ้าเป็นวันพระราชสมภพของในหลวง พระราชินี ก็จะมีการตั้งแท่นถวายความจงรักภักดีไว้ตลอดเวลา เรื่องที่ผมเล่ามานี้ไม่ใช่มายกย่องแต่เป็นความจริง สามารถสอบถามได้จากชาวบ้านที่อาศัยอยู่รอบๆพุทธอุทยานแห่งนี้ได้ครับ…
11.jpg

พูดถึงความเป็นผู้ที่หมั่นศึกษาและต้องรู้จริงในสิ่งที่ตนเองศึกษา ดังนั้นวัตถุมงคลทุกประเภทที่สร้างสรรค์จากสถานที่แห่งนี้ จึงมีคุณภาพและเป็นที่เสาะแสวงหาของคนทั่วไป โดยเฉพาะ “ตะกรุด” การลงอักขระเลขยันต์ หลวงพ่อท่านจะเป็นผู้ลงเองทั้งหมด มีคำพูดหนึ่งที่หลวงพ่อกล่าวกับญาติโยมที่มากราบนมัสการท่านและท่านเมตตาลงยันต์ให้ที่หน้าผาก...
12.jpg

“แผ่นทองแดงฉันยังลงให้เกิดความคงกระพันได้ นับประสาอะไรกับหนังคน”

คำพูดที่มีค่ามากกว่าหลักประกันใดๆ ของจิตใจ สร้างความอบอุ่นและความมั่นคงทางจิตให้แก่ผู้ที่ได้รับจากท่าน...ถามผมว่าแล้วผมเชื่อไหม คงต้องตอบว่าเชื่อครับ และเชื่ออีกว่า การที่หลวงพ่อเป็นพระที่ตั้งมั่นใน "สัจจะวาจา" ลมที่ท่านเป่าจากปากลงสู่กระหม่อมของลูกศิษย์ ได้คุ้มครองชีวิตหลายชีวิตให้หลุดรอดความตายมาหลายคนแล้ว
13.jpg

ไม่ว่าจะเป็น กำนันผู้มีอิทธิพลของนนทบุรี ที่รอดตายจากกระสุนปืนเอ็มสิบหก สิบเอกสมพร ดำรงวุฒินนท์ ทหารอาสาสมัครชาวไทยในสงครามลาว จากจรวดอาร์.พี.จี. นายเหรียญ รักการ ชาวปากเกร็ด ที่โดนลูกหลงของปืน .๓๘ หรือ นายบุญยืน ชื่นครุฑ ซึ่งโดนโจรปล้นบ้านยิงแต่ไม่ออก...

เพื่อนๆหลายท่านอาจจะคิดว่าเรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องปกติ ยังไม่ถึงคราวตาย ทำอย่างไรก็ไม่อาสัญ...แต่กลับคนที่โดนและรอดจากเหตุการณ์แบบนี้..ผมเชื่อว่าเขาคงไม่คิดอย่างนี้หรอกครับ...

ด้วยลักษณะของคนที่คงแก่เรียน จึงไม่แปลกที่หลวงพ่อสมภพท่านจะโปรดปรานการอ่านหนังสือมากๆ โดยเฉพาะหนังสือที่เกี่ยวกับในหลวง ศาสนา และปราชญ์ชาวตะวันออก..
14.jpg

“นักคิดหรือปราชญ์ชาวตะวันตก ฉันก็ว่าเขาเก่งและทำคุณประโยชน์ให้กับโลกเรา แต่ฉันชอบของตะวันออกมากกว่า เพราะเป็นนักคิดที่ไม่จบประโยชน์แค่โลก แต่จบจนถึงจิตใจ”

ผมฟังแล้วคิดตามที่หลวงพ่อท่านพูด นึกไปถึงนักวิทยาศาสตร์ ที่สร้างสรรค์การขยายระบบไฟฟ้าเมื่อซักร้อยกว่าปีมาแล้ว..จริงอยู่ว่าเราได้รับประโยชน์จากความคิดอันนี้ แต่แสงสว่างที่เราได้รับละครับมันเป็นแค่ "แสงสว่างเพียงภายนอก" อย่างเดียวหรือเปล่า เปิดก็สว่าง ปิดก็มืด...แถมวันไหนเกิดบ้องตื้น ฝนตก รถติด ยังมีการดับแถมให้อีก..แต่กับความคิดของปราชญ์ชาวตะวันออก โดยเฉพาะ "พระพุทธเจ้าของเรา" สอนให้เราเห็น "ความสว่างทั้งภายในและภายนอก" สำคัญคือไม่มีวันดับ....สอนให้เราจบจนถึงจิตใจจริงๆ

หลวงพ่อสมภพ ท่านจะ "ถ่อมตัว" เสมอเมื่อพูดถึงเรื่องของการปฏิบัติหรือการอธิบายธรรม..ผมยอมรับท่านจุดหนึ่งคือ “การยอมรับในสิ่งที่ตัวเองไม่จัดเจน” และเปิดใจ “พร้อมที่จะศึกษา” ดังนั้นเวลาที่สนทนากับท่านก็จงอย่าแปลกใจเลยว่าบางทีหลวงพ่อท่านถึงยกย่องพระที่มีอายุและอาวุโสน้อยกว่าท่าน.....
15.jpg

“ปัจจุบันฉันเจริญภาวนา สมาธิภาวนา เดินจงกลม และหมั่นทำสมาธิให้เป็นนิสัย พิจารณากายในกาย จิตในจิต ธรรมในธรรม พวกเธอเชื่อไหม เรื่องพวกนี้การจะอธิบายสักทีใช้เวลามาก ฉันเองก็ไม่ถนัด...แต่..ฉันมีความเข้าใจ”

ในความไม่ถนัดของหลวงพ่อสมภพ ทำให้ผมต้องมานั่งทบทวนตัวเอง...ครับจะว่าไปแล้วถ้าความคิดของผมไม่ผิดเพี้ยนมากนัก ศาสนาพุทธของเราไม่ได้ให้แนวทางศรัทธาเป็นพื้นฐานเช่นศาสนาอื่น แต่ให้ยึดหลักการสังเกตด้วยตนเอง และพระพุทธเจ้าของเราท่านก็ไม่สนับสนุนให้เราเชื่อตามแนวทางความคิดหรือคำสอนใดๆ โดยไม่ทดลองปฏิบัติด้วยตนเองเสียก่อน...

คนเราไม่จำเป็นจะต้องเก่งทุกอย่าง สิ่งที่หลวงพ่อท่านบอกว่าไม่ถนัดจึงไม่ใช่สิ่งที่พวกเราจะตำหนิท่าน พวกที่เราควรจะตำหนิคือพวกที่ไม่รู้แล้วบอกว่ารู้ต่างหาก ไม่รู้แล้วอยู่เฉยๆก็ว่าไปอย่างแต่ไอ้พวกไม่รู้แล้วเที่ยวมอมเมาผู้คนนี่ซิครับอันตราย
16.jpg

พูดถึงเรื่องของการเรียนรู้และปฏิบัติ หลวงพ่อสมภพท่านมีฉายาในสังคมชุมชนนักนิยมพระเครื่องหรือวงการพระทั่วไปว่า “หลวงพ่อสาลีโข” (ถึงตอนนี้ขอแทรกนิดครับ-ความเป็นมาของชื่อนี้หรือรายละเอียดเบื้องต้น ในส่วนของประวัติวัดสาลีโข กฎและระเบียบของสำนัก กลุ่มลูกศิษย์ และวัตถุมงคลบางส่วน ผมได้เขียนบันทึกไว้แล้วในช่วงแรกๆ หากสนใจก็ลองเลือกอ่านย้อนหลังดูได้ครับ) ความละเอียดในการลงอักขระเลขยันต์ต่างๆ เป็นที่ยอมรับในหมู่พระเกจิอาจารย์ทั่วไปว่ามีความงดงามและถูกต้องตามตำรา พระหลายองค์ที่ได้รับการถ่ายทอดจากท่าน ได้พยายามเขียนเพื่อให้เหมือนกับหลวงพ่อ แต่ก็ยังไม่มีองค์ไหนสามารถทำได้ (ตามรูป)
17.jpg

ที่ผมพูดถึงเรื่องของการเขียนยันต์ให้ถูกต้องตามตำรา เนื่องจากปัจจุบันมีพระเกจิอาจารย์หลายองค์ยังคงขาดความรู้ความเข้าใจ อักขระเลขยันต์เหล่านี้หากเขียนไม่ครบถ้วนหรือบกพร่องตกหล่น เราจะเรียกกันว่า “อักขระวิบัติ” คำว่า “วิบัติ” ผมคงจะไม่ต้องอธิบายอะไรมาก ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของ "ท่านขงจื้อ" มาอธิบายแทน...
18.jpg

“ถ้าภาษาไม่ถูกต้อง สิ่งที่พูดก็ไม่ตรงกับความหมายที่จะพูด เมื่อเป็นเช่นนั้นสิ่งซึ่งควรกระทำก็เป็นอันไม่กระทำ ศีลธรรมและศิลปะย่อมจะเสื่อมทรามลง ความยุติธรรมเสื่อมเสียประชากรจะวุ่นวายอย่างไม่สามารถจะช่วยอะไรได้ ด้วยเหตุฉะนี้ ภาษาจึงมีความสำคัญเหนืออื่นใด”

ครับสิ่งต่างๆเหล่านี้เกิดจาก "กระบวนการเรียนรู้" คำว่าเรียนรู้นี้หลวงพ่อสมภพท่านได้อธิบายให้พวกเราฟังตามความเห็นของท่านว่า ....มีสองทางคือ "ทางโลกและทางธรรม"ลักษณะของการเรียนรู้ทางโลก คือการ "ดึงเอาปัญญาญาณ" ออกมาจากหัวสมองและบรรจุ สุ จิ ปุ ริ ลงไปจึงเกิดเป็น "ปัญญา" (เหมือนใส่ชิปคอมพิวเตอร์นั่นแหละครับ) ซึ่งจะแตกต่างจากการเรียนรู้ทางธรรมหรือทางศาสนา ซึ่งเป็นการเรียนรู้จากภายในโดยมีศีลเป็นโครงสร้างรองรับ ให้เกิดซึ่งสมาธิและนำไปสู่ปัญญาในที่สุด ปัญญาที่ได้จากการเรียนรู้ตัวนี้จึงเป็น "....ปัญญาบริสุทธิ์.... เป็นปัญญาที่วิสุทธิ์............"
19.jpg

นี่แหละครับบันทึกของผมในเรื่องของหลวงพ่อสมภพ พระเกจิอาจารย์ที่ยอมรับความเป็นตัวตนอย่างกล้าหาญว่า “เราเป็นนักไสยศาสตร” แต่ผมก็ได้พยายามบันทึกให้เฉียดไสยศาสตร์น้อยที่สุด คงมีติดปลายนวมแค่ประดับบารมี อยากให้เพื่อนๆได้รับรู้ "บริบทของท่านในอีกแง่มุมหนึ่ง" มุมที่ท่านบอกผมว่า
20.jpg

“เราอยากให้พุทธอุทยานธรรมโกศลแห่งนี้ เป็นที่ประกาศพุทธบารมีของพระพุทธศาสนาให้แผ่ไพศาลออกไป”
21.jpg

พวกผมกลุ่มลูกศิษย์ตัวน้อยๆ คิดกันแล้วว่าด้วย “คุณสมบัติ” ดังที่กล่าวมาข้างต้น พวกเราตกลงใจกันว่า...
22.jpg

ยอมให้ท่านเป็น “ผู้นำ” ในการประกาศพุทธบารมีในครั้งนี้..... สวัสดีครับ

ขอบคุณ คุณพรชนก สุขพงษ์ไทยและเพื่อนต่อ สำหรับรูปภาพและรายละเอียดบางส่วนประกอบเรื่อง คุณสมบูรณ์ ร้านนายฮ้อ สระบุรี สำหรับกำลังใจที่มีให้เสมอมา และหวังว่าจะมีให้ตลอดไปนะครับ


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 2 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
cron
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO