นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน พฤหัสฯ. 28 มี.ค. 2024 6:31 pm

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 9 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
 หัวข้อกระทู้: พระผู้ทรงอภิญญา
โพสต์โพสต์แล้ว: ศุกร์ 29 พ.ค. 2009 9:32 pm 
ออฟไลน์
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 16 พ.ย. 2008 9:25 pm
โพสต์: 1207
เมื่อสิบกว่าปีที่แล้วผมเคยอ่านหนังสือธรรมะเล่มหนึ่งได้กล่าวถึงชื่อพระสายหลวงปู่มั่นที่ได้อภิญญาและปฏิสัมภิทา หากเป็นทั่วไปแล้วผมอาจมองพระที่เทศน์นี้ว่า มั่ว แล้วก็เลิกอ่านไป แต่สำหรับหนังสือเล่มนี้ผมคงต้องเชื่อโดยสนิทใจไม่กล้าสงสัยเพราะผู้เทศน์คือหลวงปู่คำดี ปภาโส แห่งวัดถ้ำผาปู่ จ.เลย
เหตุผลคืออัฐิหลวงปู่คำดีที่เจดีย์วัดถ้ำผาปู่ได้แปรสภาพเป็น พระธาตุ
ซึ่งเป็นสิ่งที่ยืนยันคุณธรรมในองค์หลวงปู่คำดีได้เป็นอย่างดี
หลังจากตามหาหนังสือเล่มนี้อยู่หลายปีจึงมีรุ่นพี่ท่านหนึ่งกรุณานำมาให้ยืม

ในเทศน์ได้กล่าวถึงพระที่มีอภิญญา ตรงนี้มีผู้รู้บางท่านได้กล่าวว่าพระอภิญญามี 2 ประเภทคือ
1. พระที่มีอภิญญา5 หรือพระที่มีฤทธิ์
2. พระที่มีอภิญญา6 หรือพระอรหันต์ที่มีฤทธิ์

ถ้ากล่าวตามตัวอักษรจึงไม่อาจบอกได้ว่า พระอภิญญา ในความหมายของหลวงปู่คำดีเป็นพระอรหันต์
แต่สำหรับพระปฏิสัมภิทา เท่าที่ผมเคยศึกษามาบ้าง หมายถึงพระอรหันต์ที่ได้อภิญญา6 แล้วได้วิชาพิเศษซึ่งมีอยู่ 4อย่างคือ
1. อัตถปฏิสัมภิทา คือความแตกฉานในการอธิบายธรรมะย่อๆ ให้พิสดารได้
2. ธัมมปฏิสัมภิทา คือสามารถเอาภาษิตยกขึ้นมาแล้วผูกเป็นกระทู้ขึ้นมาได้โดยอาจใช้อตีตังสญาณ
3. นิรุตติปฏิสัมภิทา คือความเข้าใจในภาษา รู้จักใช้ถ้อยคำพูดอธิบายให้คนเข้าใจ ตลอดจนรู้ภาษาต่างๆ อาจชักนำคนให้เชื่อถือหรือนิยมตามคำพูด
4. ปฏิภาณปฏิสัมภิทา คือเป็นคนฉลาดมีไหวพริบทั้งในการถามและตอบโต้หรือแตกฉานในเหตุที่จะให้บรรลุมรรคผล

หากได้อย่างใดอย่างหนึ่งหรือไม่ครบทั้ง 4 เรียก ปฏิสัมภิทานุสาสน์ หรือ จตุปฏิสัมภิทานุโลมญาณ (เป็นคุณสมบัติของพระอรหันต์ผู้ที่ได้จตุปฏิสัมภิทาญาณไม่เต็มเปี่ยม: จากหนังสือบูรพาจารย์ พิมพ์โดยมูลนิธิพระอาจารย์มั่น ภูริทัตตเถระ) หากได้ครบทั้ง 4 ก็จะเรียก จตุปฏิสัมภิทาญาณ
หรือกล่าวโดยอักษรจะสามารถบอกได้ว่า พระปฏิสัมภิทา คือ พระอรหันต์ประเภทหนึ่ง
ตามพระไตรปิฎกพระอรหันต์มี 4 ประเภทคือ
1. พระสุกขวิปัสสโก หรือพระอรหันต์ ที่ทำอาสวะให้สิ้นไป (อาสวักขยญาณ) โดยไม่ได้มีอิทธิฤทธิ์หรีอวิชาพิเศษ
2. พระเตวิชโช หรือพระอรหันต์ที่ได้วิชชา 3 คือ รู้ระลึกชาติได้(บุพเพนิวาสานุสสติญาณ), รู้จุติและอุบัติของสัตว์ทั้งหลาย(จุตูปปาตญาณ) ,รู้ทำอาสวะให้สิ้น(อาสวักขยญาณ)
3. พระฉฬภิญโญ หรือพระอรหันต์ที่ได้ 6 คือ ตาทิพย์(ทิพฺพจักขุ), หูทิพย์(ทิพยโสต), แสดงฤทธิ์ได้ (อิทธิวิธี), รู้ใจผู้อื่นได้(เจโตปริยญาณ), ระลึกชาติได้(บุพเพนิวาสานุสสติญาณ), และญาณที่ทำให้อาสวะสิ้นไป(อาสวักขยะญาณ)
4. พระปฏิสัมภิทา หรือพระอรหันต์ที่ได้ ผู้บรรลุปฏิสัมภิทา 4 คือแตกฉานในความรู้อันยิ่ง 4 ประการ ดังที่กล่าวไปแล้วข้างต้น

กล่าวโดยวาสนาและวิชาพิเศษ พระปฏิสัมภิทา คือพระอรหันต์ที่มีวิชาและความรู้ที่นอกเหนือจากทำอาสวะให้สิ้นไป มากที่สุด
ที่กล่าวมายืดยาวเพราะผมเชื่อว่าน่าจะมีบางท่านไม่เข้าใจคำศัพท์ที่เป็นบาลีหลายคำจึงได้ค้นคว้าเพิ่มเติมมา ซึ่งต้องขอยอมรับโดยดีว่าเมื่อสิบกว่าปี่ก่อนผมเองก็ไม่เข้าใจ
สำหรับเทศน์ของหลวงปู่คำดีผมได้ตัดมาเรื่องเดียวคือเรื่อง “อภิญญา”
หากท่านใดสนใจสามารถหาอ่านเพิ่มเติมได้จากหนังสือแก่นพระพุทธศาสนา (ISBN 974-619-019-9)


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
 หัวข้อกระทู้: Re: พระผู้ทรงอภิญญา
โพสต์โพสต์แล้ว: ศุกร์ 29 พ.ค. 2009 9:34 pm 
ออฟไลน์
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 16 พ.ย. 2008 9:25 pm
โพสต์: 1207
ธรรมเทศนาเรื่อง “อภิญญา” จากหนังสือแก่นพระพุทธศาสนา โดยหลวงปู่คำดี ปภาโส วัดถ้ำผาปู่

เมื่อได้ฌานแล้วบางครั้งก็จะได้ถึงขั้นอภิญญา ซึ่งเป็นความรู้พิเศษ ผู้ที่เวลาปฎิบัติเกิดนิมิตมากๆมักจะได้อภิญญา
เมื่อมีเหตุการณ์ใดๆที่จะเกิดขึ้น ท่านมักจะรู้ล่วงหน้าก่อนเสมอ เช่น จะรู้ล่วงหน้าว่าวันนี้จะมีผู้มาหา เป็นต้น
อภิญญาเกิดจากฌานสมาธิ อภิญญานี้ไม่แน่นอนมักจะเสื่อมได้ หรืออาจจะเป็นวิปลาสจะพูดไม่ตรงต่อธรรมวินัย
เมื่อผู้ที่ได้อภิญญาแล้ว ถ้าไม่รู้ทัน ก็จะทำให้เกิดความหลงได้
ในสายของหลวงปู่มั่นนี้ ท่านที่ได้อภิญญาที่สำคัญ คือ ท่านอาจารย์ฝั้น อาจาโร
ท่านสามารถที่จะพูดกันได้กับท่านหลวงปู่มั่นเวลาท่านไปเยี่ยมกัน
ท่านมักถามเป็นปัญหาว่า “เมื่อคืนรับแขกมากไหม”
คำว่า “แขก” ในที่นี้ก็หมายถึงพวกเทพยดาในสวรรค์ชั้นต่างๆตลอดจนถึงพรอินทร์ที่ลงมากราบมาเยี่ยม
สำหรับท่านพระอาจารย์ฝั้น ท่านประสบเหตุมามาก ท่านเคยเล่าให้อาตมาหลายเรื่อง ถ้าเขียนเป็นหนังสือ ก็จะได้เล่มหนาทีเดียว
ท่านอาจารย์อ่อน ญาณสิริ วัดป่านิโครธาราม ท่านเคยอยู่กับท่านอาจารย์ฝั้นหลายปี
ท่านเคยเล่าให้อาตมาฟังว่า มีนกฮูกตัวหนึ่งมันร้องกุ๊กๆกู้ฮูก จับอยู่ที่ต้นไม้ใกล้กับที่พักของท่าน
เมื่อได้เวลาประมาณ 2 ทุ่ม มันก็ร้องอยู่อย่างนั้นทุกคืน
ท่านมีฌาน ท่านเลยเพ่งนกฮูก ปรากฏว่าพอท่านเพ่งไปเท่านั้นแหละ
ขนของนกฮูกก็หลุดกระจุยเลย และก็มีเสียงตกลงดิน
ท่านก็คิดว่ามันจะเป็นหรือตายอย่างไรหนอ ท่านกลัวจะเป็นโทษ ท่านเดินไปค้นหาซากของมัน ก็ไม่ปรากฏเห็น

หลวงปู่มั่นท่านก็ประสบเหตุทำนองนี้เหมือนกัน คือมีบ่างใหญ่ตัวหนึ่งมาร้องอยู่บนต้นไม้ใกล้ๆกับท่านทุกวัน
พอท่านเพ่งไปที่บ่าง บ่างก็ตกดินเลย แต่ปรากฏว่าไม่ตาย
หลวงปู่มั่นท่านว่า หลังจากที่ผมเพ่งวันนั้นแล้ว ไม่ปรากฏเห็นบ่างตัวนั้นมาร้องอีก
แสดงว่านกหรือบ่างอาจจะกระเทือนจิตใจของมันเหมือนกัน

พระอาจารย์มหาบัว ญาณสัมปันโน วัดป่าบ้านตาด ก็เป็นอีกองค์หนึ่งที่แตกฉานในธัมมปฏิสัมภิทา
แตกฉานในการพูด การแสดงธรรม การแต่งหนังสือ
โดยเฉพาะการแต่งหนังสือนั้น ท่านได้เขียนเกี่ยวกับประวัติของหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ไว้ได้อย่างละเอียดมาก ตลอดทั้งหนังสือที่เกี่ยวกับธรรมปฎิบัติอีกหลายเล่ม

อย่างท่านเจ้าคุณนิโรธ ฯ (พระอาจารย์เทสก์ เทสรังสี) ก็เคยได้ไปกราบเยี่ยมท่าน
พักอยู่กับท่านครั้งละหลายๆวัน ท่านให้เคยให้นโยบายเทศน์ให้ฟัง แต่ท่านไม่ได้เล่าเกี่ยวกับอภิญญา
โดยท่านมักจะปกปิด ไม่เล่าให้ฟังทั่วๆไป

ท่านหลวงปู่มั่น หรือท่านอาจารย์ฝั้นก็เช่นเดียวกัน ท่านก็จะพูดให้ผู้ที่ไว้ใจได้ฟังเท่านั้น
ในขณะที่มีพระเณรญาติโยมมากๆ ท่านก็จะไม่พูด เพราะท่านว่าถ้าพูดไปเขาไม่เชื่อ
เกรงว่าเขาจะหลบหลู่ดูหมิ่น จะเป็นบาปเป็นกรรมแก่พวกเขา
หลวงปู่มั่นท่านจะหลบหลีกหมู่(เพื่อน) ไปธุดงค์องค์เดียวหรือสองสามองค์เป็นอย่างมาก
บรรดาหมู่คณะหรือผู้ปฎิบัติเกิดความรู้ต่างๆหรือมีปัญหาที่จะต้องกราบเรียนถาม ก็จะต้องออกตามหาท่านเอง
ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะตามท่านพบเสียด้วย

บุคคลที่มีปัญญาแก่กล้า ไตรลักษณ์จะเกิดในปฐมฌานหรือทุติยฌาน
ส่วนบุคคลที่มีปัญญาขนาดกลาง ไตรลักษณ์จะเกิดเมื่อสำเร็จฌาน 4 แล้ว
บุคคลใดที่สามารถสำเร็จฌาน 4 ก็มักจะไม่เกิดความกำหนัดหรือที่เรียกว่า จิตตกกระแสธรรม
มันจะเป็นของมันเอง เรียกว่าเป็นผลของฌานสมาธิก็ได้
ไตรลักษณ์ นี้จะเป็นเครื่องตัดสินถูกหรือผิด จะเป็นสัมมาสมาธิหรือมิจฉาสมาธิ
ถึงแม้ว่าบุคคลใดจะทำสมาธิได้ดี จะได้รับความสุขขนาดไหนก็ตามหรือจะได้อภิญญาเพียงใดก็ตาม
ถ้าไตรลักษณญาณยังไม่เกิดแล้ว ก็ยังนับว่าเป็นมิจฉาสมาธิ ยังอยู่ในวงเขตที่ผิด

เมื่อพิจารณาขันธ์ 5 ธาตุ 4 เห็นเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตาแล้ว
จนเกิดญาณ ความรู้พิเศษ เมื่อเกิดความรู้พิเศษแล้ว วิปัสสนูกิเลสหรือวิปลาส ก็เกิดขึ้นไม่ได้
เมื่อสิ่งใดหรือความรู้ใดเกิดขึ้นก็จะเอาไตรลักษณ์เป็นเครื่องตัดสิน

การพิจารณาให้ถือเอารู้รูปกายตามความเป็นจริง รู้เวทนาตามความเป็นจริง รู้จิตตามความเป็นจริง
ให้ยึดถือความรู้นี้เป็นหลัก ความรู้อย่างอื่นไม่สำคัญ
ถึงจะเกิดอภิญญารู้ในเหตุผลต่างๆ ครั้งแรก ๆ ก็อาจเป็นจริง
แต่ถ้าเรายึดถือในสิ่งเหล่านั้นต่อไป ก็จะกลายเป็นเรื่องหลอกลวงเรา ท่านจึงห้ามไม่ให้ถือเอานิมิตเป็นสิ่งสำคัญ
ท่านจึงว่า ถ้าไตรลักษณญาณยังไม่เกิด ก็ยังเป็นมิจฉาสมาธิต้องทำการศึกษาและเร่งความเพียรยิ่งขึ้นไป

พระภิกษุรูปใดเด็ดเดี่ยว ชอบไปบำเพ็ญภาวนารูปเดียว มักจะได้อภิญญารู้เหตุผลต่างๆแม้แต่ในครั้งพุทธกาล
พระภิกษุที่สำเร็จเป็นพระอรหันต์ก็ยังมีคุณสมบัติไม่เสมอเหมือนกัน
ตัวอย่างเช่นพระอรหันต์ที่สำเร็จอย่างแห้งแล้ง แสดงธรรมสอนผู้อื่นไม่ได้ไม่มีปฎิภาณโวหาร
แต่ก็สามารถสิ้นอาสวะกิเลส เรียกพระอรหันต์จำพวกนี้ว่า “สุกขวิปัสสโก”
ถ้าพูดถึงความสุขของผู้ที่สิ้นอาสวะกิเลสแล้ว ก็เหมือนกันหมด มีความสุขความสบายเท่าเทียมกัน
เป็นพระนิพพานเหมือนกันหมด
การที่ท่านผู้ใดจะได้วิชชา 3 อภิญญา 6 ปฏิสัมภิทา 4 นั้นก็จะต้องขึ้นอยู่กับบุญวาสนาของแต่ละท่านด้วย

ผู้ที่ปฎิบัติเพียง2-3 ครั้ง ก็สามารถที่ทำจิตให้สงบได้ มีความรู้บาป บุญคุณโทษ
ทำให้เพิ่มความเชื่อความเลื่อมใส จิตใจเยือกเย็นได้รับความสุข นี่ก็เป็นเพราะอำนาจบารมีเก่าที่ได้สะสมมา
สิ่งที่ควรตั้งความปรารถนาให้เป็นอุปนิสัย คือ ทาน ศีล ภาวนา
ถ้าบุคคลใดมีอุปนิสัยครบทั้ง 3 ประการนี้แล้ว หากเกิดภพชาติใดๆได้พบพระพุทธเจ้าองค์ใดองค์หนึ่ง
หรือสาวกของพระพุทธเจ้าองค์ใดองค์หนึ่งแล้ว เมื่อได้ยินได้ฟังธรรมพระเทศนาก็มักจะได้บรรลุผลในการฟัง
ในครั้งพุทธกาล มีท่านที่สำเร็จจากการฟังเป็นพระโสดาบันบ้าง พระสกทาคามีบ้าง พระอนาคามีบ้าง
แสดงว่าท่านเหล่านี้เคยบำเพ็ญสร้างสมอบรมมา ตั้งแต่หนึ่งชาติขึ้นไป
ส่วนผู้ที่ปรารถนาใหญ่ เช่นปรารถนาเป็นอัครสาวก ต้องเกิดเป็นมนุษย์เพื่อที่จะสร้างสมบารมีถึงแสนชาติ
อย่างพระโมคคัลลาน์ พระสารีบุตร เป็นต้น
ไม่ว่าจะเป็นหญิงหรือชาย ถ้าได้บำเพ็ญติดต่อกัน 1-3 ชาติ ก็จะเป็นอุปนิสัย
ถ้าได้มีโอกาสพบครูบาอาจารย์ ก็จะทำสมาธิได้ง่าย หรือเจริญฌานได้ง่าย
ขอให้พวกท่านจงทำกัน ไม่ว่าจะอยู่ที่ใดก็สามารถปฎิบัติได้เหมือนกัน เมื่อตั้งใจทำแล้ว
จะไร้ผลเสียเลยก็ไม่มี อย่างต่ำก็เป็นการเพิ่มบุญวาสนาบารมีของเราให้แก่กล้าขึ้น
พูดมาก็สมควรแก่เวลา........


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
 หัวข้อกระทู้: Re: พระผู้ทรงอภิญญา
โพสต์โพสต์แล้ว: เสาร์ 30 พ.ค. 2009 9:20 am 
ออฟไลน์
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 14 ก.ย. 2008 8:36 pm
โพสต์: 969
สาธุ เพิ่งจะเข้าใจความหมายเชิงลึกของความหมายเชิงลึกของคำว่าอภิญญา
ขอบคุณครับ อ.bon

_________________
ดีใดไม่มีโทษ ดีนั้นคือดีเลิศ


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
 หัวข้อกระทู้: Re: พระผู้ทรงอภิญญา
โพสต์โพสต์แล้ว: เสาร์ 30 พ.ค. 2009 2:09 pm 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. 11 ธ.ค. 2008 10:07 am
โพสต์: 43
ขอบพระคุณมากๆครับ ได้อ่านเรื่องราวดีๆ


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
 หัวข้อกระทู้: Re: พระผู้ทรงอภิญญา
โพสต์โพสต์แล้ว: เสาร์ 30 พ.ค. 2009 8:10 pm 
ออฟไลน์
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 14 ก.ย. 2008 6:00 am
โพสต์: 6586
ขอบคุณมาก ๆ ๆ ๆ ๆ ครับอ.bonที่กรุณานำ "อภิเทศน์" อย่างนี้มาโพสท์ลง

เทศน์ของหลวงปู่คำดีข้างบนนั้นผมมองเป็น "อักษรทองคำ" เลยทีเดียว มีคุณค่า มีประโยชน์มากครับกับคนที่มุ่งจะภาวนาอย่างจริง ๆ จัง ๆ หรือแม้ผู้ที่ภาวนาเป็นแล้ว เทศน์นี้ก็เรียกได้ว่าเปิดโลกทัศน์เลยล่ะครับ

ขอบพระคุณอีกครั้งครับ :P

_________________
ถ้าเราไม่อยากได้อะไรจากใคร ก็จะไม่มีอะไรให้หมางใจกัน


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
 หัวข้อกระทู้: Re: พระผู้ทรงอภิญญา
โพสต์โพสต์แล้ว: เสาร์ 30 พ.ค. 2009 8:24 pm 
ออฟไลน์
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ 13 ต.ค. 2008 1:09 pm
โพสต์: 139
:grt: ยอดเยี่ยมครับ อ.Bon

แจกธรรมะแล้ว.... ไม่มีวัตถุมงคลของครูบาอาจารย์มาแจกบ้างหรือครับ :mrgreen:

_________________
ไม่ว่าจะเกิดเป็นอะไร อยู่ในภพที่สูงส่งเพียงไร ก็หนีความทุกข์ไม่พ้น


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
 หัวข้อกระทู้: Re: พระผู้ทรงอภิญญา
โพสต์โพสต์แล้ว: เสาร์ 30 พ.ค. 2009 10:34 pm 
ออฟไลน์
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ 28 มี.ค. 2009 3:30 pm
โพสต์: 70
ที่อยู่: อ.เมือง จ.สงขลา
แวะมาอ่านครับผม


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
 หัวข้อกระทู้: Re: พระผู้ทรงอภิญญา
โพสต์โพสต์แล้ว: เสาร์ 30 พ.ค. 2009 11:01 pm 
ออฟไลน์
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 14 ก.ย. 2008 6:00 am
โพสต์: 6586
นึกว่าแวะมารับสิ่งที่คุณUltraChaiถามอ.bonเสียอีก :lol: :lol:

_________________
ถ้าเราไม่อยากได้อะไรจากใคร ก็จะไม่มีอะไรให้หมางใจกัน


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
 หัวข้อกระทู้: Re: พระผู้ทรงอภิญญา
โพสต์โพสต์แล้ว: อาทิตย์ 31 พ.ค. 2009 11:43 am 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ 29 ก.ย. 2008 12:53 pm
โพสต์: 754
เออ.ว่าแต่เมื่อไหร่อ.bonจะแจกกะเขามั่ง

อยากได้จิงๆ................
:D

_________________
.........ถ้าเจ้าได้ทุกอย่างอย่างที่คิด
ชั่วชีวิตจะเอาของกองที่ไหน
จะได้บ้างเสียบ้างจะเป็นไร
ช่างหัวใครช่างหัวมันเท่านั้นเอง ..........


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 9 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 2 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
cron
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO