นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน อังคาร 23 เม.ย. 2024 8:18 pm

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 24 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป
เจ้าของ ข้อความ
โพสต์โพสต์แล้ว: อาทิตย์ 21 ก.ย. 2008 12:13 am 
ออฟไลน์
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ 08 ก.ย. 2008 10:41 am
โพสต์: 1599
มหาอริยมรรค ตะกรุดพับแห่งแรกในสยาม
โดย รณธรรม ธาราพันธุ์


ปลายฝนต้นหนาวเมื่อจวนออกพรรษา ผมและเพื่อนพ้องพากันไปกราบนมัสการหลวงพ่อสาลีโข ณ พุทธอุทยานธรรมโกศล ต.หน้าไม้ อ.ลาดหลุมแก้ว จ.ปทุมธานี ทุกคนได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดีจากคุณป้าจิระนันท์ ธรรมโกศล บุตรีบุญธรรมคนเดียวของหลวงปู่เผือกที่ได้รับอนุญาตให้ใช้ "สมณศักดิ์" ของท่านเป็นนามสกุล

ครั้นได้เข้าพบหลวงพ่อก็ทราบว่าท่านมีอาพาธเนื่องด้วยเส้นโลหิตในสมองตีบจนต้องเข้ารับการผ่าตัด แต่สุขภาพโดยรวมแล้วนับว่าแกร่งนักหากเทียบกับคนวัยเดียวกัน ผมสังเกตดูผิวพรรณลักษณ์ของท่านเห็นได้ชัดว่าผ่องใส เปล่งปลั่งกว่าเมื่อก่อน อาจเป็นด้วยการควบคุมดูแลด้านอาหาร อาจด้วยการทำโยคะศาสตร์เป็นประจำ ฤาอาจด้วยอำนาจฌานสมาบัติที่ท่านเชี่ยวชาญ...

ย่อมเป็นไปได้ทั้งนั้น

แต่ประโยคหนึ่งที่ตื่นใจ ท่านกล่าวว่า...

“พวกเธอควรยินดีและอนุโมทนากับฉันที่ทุกวันนี้ฉันกำลังก้าวเดินไปบนเส้นทางสายมรรคาปฏิปทา”

แปลง่าย ๆ ท่านเริ่มหันข้างให้ "วิทยาคุณ" แม้ไม่ถึง "หันหลัง " ก็นับเป็นก้าวสำคัญที่ท่านกำลังใช้สมาธิอันชำนาญเป็นบาทฐานก้าวขึ้นสู่ความเป็น "พระอริยบุคคล"

หรือนี่คือตัวแปรเรื่องผิวพรรณและราศี

แม้ท่านปรารภว่าท่านคือเชือกที่กำลังคลายออกจากการกระหวัดรัดรึงกับโลกแห่งขลัง หากพวกเราผู้เปี่ยมกิเลสกลับพยายามรั้งเชือกทั้งสองด้านเพื่อให้รัดแน่นเข้า ก็ด้วยเกรงว่าท่านผู้ทรงพิทยาคุณเช่นนี้จะหมดไปดอก ท่านผู้รู้แท้รู้จริง ผู้แตกฉานใน "อักขระวิธี" การลบผงวิเศษทั้งห้าประการอย่างอุตสาหะ สร้างตะกรุดที่ทรงอิทธิฤทธิ์ได้ถูกถ้วนอย่างโบราณาจารย์จนคุ้มชีวิตคนมานักต่อนัก

น่าเสียดายเหลือเกิน

แต่เสียดายก็หมายเอาว่าเสียดายผู้รู้จริงในศาสตร์ลี้ลับอัศจรรย์เยี่ยงนี้ มิได้เสียดายที่ท่านปฏิวัติจิตไปสู่สิ่งที่ดียิ่งกว่า ถ้าว่ายินดีก็ต้องยินดีกับ "โลกสงสาร" ที่จะได้สดับธรรรมจาก "พระสุปฏิปันโน" อีกรูปหนึ่ง

เมื่อท่านออกเดินจากสายทางแห่งไสยศาสตร์นี้ไป สิ่งที่ท่านทิ้งไว้เป็นมรดกคือ วัตถุมงคลที่ขลังแท้ดีจริง ด้วยท่านเป็นพระโบราณโดยนิสัย มิใช่เสแสร้งแกล้งเป็น การสร้างขลังแต่ละคราวท่านจึงพิถีพิถันยิ่ง ท่านว่าทำแล้วต้องทำให้ดี ให้คุ้มชีวิตเขาได้ ให้อยู่คู่พระศาสนาไปจนสิ้นห้าพันปี

ทุกวันนี้น้อยคนนักจะได้เข้าพบท่าน ดังกล่าวแล้วว่าท่านอาพาธด้วยระบบเกี่ยวกับสมองซึ่งเป็นส่วนสำคัญของมนุษย์ คณะศิษย์จึงอยากให้ท่านพักผ่อนมาก ๆ การรับแขกต่อเนื่องย่อมส่งผลกระทบกับสุขภาพท่านแน่นอน ถ้าใครไปแล้วไม่ได้เข้าพบขอได้โปรดเข้าใจ อย่าคิดว่าศิษย์กีดกันเลยนะครับ

ส่วนวัตถุมงคล ท่านรับรองด้วยปากหลายครั้งว่า ของทุกชิ้นท่านทำไว้ดีที่สุดแล้วจึงมอบให้เป็นสมบัติของมูลนิธิพุทธอุทยานธรรมโกศล และมูลนิธิฯ ก็ได้นำออกให้บูชา เมื่อเช่าของทุกอย่างสามารถนำไปใช้ได้เลยไม่ต้องมาให้ท่านเสกเป่าอีกแต่อย่างใด และวัตถุมงคลแต่ละอย่างทางวัดจะมอบเอกสารวิธีการอาราธนาให้ด้วยทุกชิ้นไป

วัตถุมงคลอันหลวงพ่อสาลีโขได้รังสรรค์นับเนื่องแต่ปี พ.ศ. 2509 คือสร้างรูปเหมือนเท่าองค์จริงของหลวงปู่เผือก วัดสาลีโขภิตาราม อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี พ.ศ. 2510 สร้างเหรียญรุ่นแรกรูปหลวงปู่เผือกประทับนั่งบนหลังราชสีห์ เรียกกันในหมู่ผู้นิยมพระว่า เหรียญขี่สิงห์

พ.ศ. 2511 สร้างพระผงผสมว่านทั้ง 4 พิมพ์ พิธีนี้นับเป็นมหาพุทธาภิเษกที่แปลกต่างไม่เหมือนใคร กล่าวคือ คุลีการมวลสารประสมเนื้อและกดพิมพ์ไปพร้อม ๆ กับการพุทธาภิเษก ส่งผลให้ชื่อเสียงของหลวงปู่เผือกและหลวงพ่อวัดสาลีโขลือกระฉ่อนไปทั้งประเทศ

จากนั้นหลวงปู่เผือกก็อนุญาตให้สร้างวัตถุมงคลต่อเนื่องมาอีกหลายรุ่น แต่ละรุ่นสร้างอย่างถูกต้องตามหลักไสยเวทย์พุทธาคมแท้จริง ถ้าเป็นพระผงย่อมต้องประสมด้วยผงวิเศษห้าประการ ได้แก่ ผงปถมัง ผงอิทธเจ ผงตรีนิสิงเห ผงมหาราช และผงพุทธคุณ ว่านศักดิ์สิทธิ์ที่เก็บและเลี้ยงด้วยน้ำพระพุทธมนต์ ลงอักขระก่อนนำมาบดเป็นผงทุกครั้ง ดินจากสังเวชนียสถานสี่แห่งในอินเดียและสถานมงคลต่าง ๆ แร่ธาตุกายสิทธิ์มากมาย ผงพุทธคุณจากครูบาอาจารย์หลายร้อยองค์ ผงพระก้นกรุหลายแห่ง ฯลฯ

นี่เรื่องของพระผง

พระโลหะยิ่งยากใหญ่ หลวงพ่อต้องนำแผ่นทองคำบริสุทธิ์ แผ่นเงินบริสุทธิ์ และแผ่นทองแดง มาลงอักขระพระยันต์ต่าง ๆ นับร้อยยันต์อันท่านชำนาญนัก พร้อมลงสูตร นะปถมัง ซึ่งกระจายออกเป็นอักษร นะ มหาวิเศษได้อีก 108 นะ

ท่านลงแล้วลบถมซ้ำแล้วซ้ำอีก ซ้อนกันได้หลายร้อยแผ่นน้ำหนักนับสิบกิโล จากนั้นจึงนำไปหลอมรวมกับโลหะวิเศษจากหลายสถานที่ แล้วรีดเป็นแผ่นเข้าแม่พิมพ์ปั๊มเป็นเหรียญพระ คำรับรองที่มั่นคงดุจขุนเขาออกจากปากท่านว่า...

“เหรียญที่ปั๊มออกมาแล้วไม่ต้องปลุกเสกอีกแต่อย่างใด ให้นำไปแขวนได้เลย !”

เป็นวาจาที่อาจหาญดังราชสีห์คำราม

ในวันนี้แม้หลวงพ่อยังดำรงขันธ์อยู่ แต่ก็มีอาพาธและอุปสรรคแห่งวัยเป็นเครื่องทอนกำลัง จะให้เหมือนเมื่อยังหนุ่มย่อมเป็นไปไม่ได้ ฉะนั้นเครื่องมงคลประดามีหากหวังให้ท่านสถาปนาออกมาเรื่อยก็เห็นแต่ทางยาก ยิ่งท่านเปรยถึงการปฏิบัติที่ต่อไปจะมุ่งตรงต่อพระพุทธเจ้าโดยถ่ายเดียวคณะศิษย์ทำได้ก็แต่อนุโมทนา และตั้งหน้าเก็บวัตถุมงคลของเก่าที่ตกค้างอยู่ต่อไป

ทว่าในหลายปีก่อน หลวงพ่อได้รังสรรค์ตะกรุดสุดพิเศษขึ้นชุดหนึ่ง ปรารภว่าไว้แจกจ่ายในภายหลังจากท่านทิ้งขันธ์ไปแล้ว จะเพื่องานทำบุญของท่าน หรือจะเพื่อประโยชน์สำนักต่อไปภายหน้าก็สุดแล้วแต่คนอยู่หลังจะหวังกัน

ตะกรุดนี้มีความพิสดารหลายประการคล้ายท่านทำอย่างทิ้งทวน หลวงพ่อประจุอักขระสำคัญที่ท่านบรรลุถึงอย่างแท้จริงลงไปบนแผ่นเงินบริสุทธิ์ จารด้วยมือท่านเองเรียกสูตรเรียกนามถูกต้อง หากวาระนี้ท่านมิได้ม้วนแผ่นเงินเช่นตะกรุดทั่วไป กลับพับทบกันจนมีขนาดเขื่องกว่าพระวัดปากน้ำนิดหน่อย

ทำให้เราเห็นลายมือของหลวงพ่ออย่างชัดเจน จำได้แต่ไม่ถนัดนักเหมือนว่าท่านสร้างไว้ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2540 ท่านปลุกเสกองค์เดียวอย่างมั่นใจ และการเสกครั้งนี้แปลกกว่าทุกคราว ด้วยท่านนำตะกรุดทั้งหมดเข้าอบรังสีจากธาตุกายสิทธิ์ชนิดหนึ่ง ธาตุวิเศษนี้เป็นที่แสวงหาจากผู้ศรัทธามาตลอดกาลอันยาวนานนับพันปี ครูบาอาจารย์ผู้ทรงคุณหลายรูปยอมรับถึงความมีอยู่จริงของธาตุนี้

ซ้ำบางท่านก็มีอยู่ในครอบครอง

หลวงพ่อสาลีโขเองได้เห็นอัศจรรย์ในธาตุกายสิทธิ์นี้ประจักษ์ตาหลายวาระ อาทิ เมื่อถูกคนนำออกจากที่ไปโดยมิได้รับอนุญาต ก็กลับมาหาได้เองหลังผ่านไปนานนับเดือน อีกทั้งการมาก็น่าตกตะลึงเมื่อท่านเปิดตู้มั่นคงที่ปิดแน่นหนา พบว่ามีรอยน้ำผึ้งเรี่ยราดเป็นทางในตู้อย่างไม่น่าเชื่อ ครั้นสำรวจตรวจดูก็พบธาตุวิเศษนี้ซุกอยู่ก้นตู้ด้านในสุดน่าอัศจรรย์

เข้าไปได้อย่างไร !!

ของทนสิทธิ์อย่างนี้แหละที่หลวงพ่อนำแผ่นพระยันต์ไปอบร่ำไว้และปลุกเสกด้วยระยะเวลาที่ยาวนานชนิดเต็มกำลัง ท่านบอกว่ารังสีจากธาตุกายสิทธิ์นี้ได้ซึมซับไปทุกอณูของโลหะ

ดังนั้นตะกรุดนี้จึงอาจเป็นตัวแทนของธาตุศักดิ์สิทธิ์นั้นได้สนิทใจ

หลวงพ่อจึงแนะนำว่า เมื่อได้ตะกรุดไปแล้วพึงนำไปแช่ในน้ำผึ้งบริสุทธิ์เป็นเวลา 3 วัน ระหว่างนั้นให้เตรียมน้ำมนต์ไว้ จะเอาเหรียญหลวงปู่เผือกทำน้ำมนต์รอท่าไว้ก็ได้ เมื่อครบกำหนดสามวัน จงตั้งจิตอธิษฐานให้ดีอัญเชิญตะกรุดออกมาแล้วดื่มน้ำผึ้งนั้นเข้าไป น้ำผึ้งธรรมดาย่อมเป็นน้ำผึ้งพิเศษได้ด้วยรังสีศักดิ์สิทธิ์จากตะกรุด เมื่อกินเข้าไปอำนาจส่วนหนึ่งของตะกรุดย่อมเข้าไปอยู่ในตัวเรา นั่นคือตะกรุดกับเราเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันโดยสมบูรณ์ เรียบร้อยแล้วให้นำตะกรุดมาล้างด้วยน้ำมนต์ที่เตรียมไว้จึงเอามาเลี่ยมแขวนหรือจะแช่น้ำผึ้งไว้รับประทานทุกวันก็ย่อมได้

น่าประหลาดว่าพิธีกรรมที่หลวงพ่อประทานให้เรานั้นไปสอดคล้องกับตำราสำคัญของสำนักไสยเวทย์อันเลื่องชื่อในพัทลุง นั่นคือ สำนักวัดเขาอ้อ ตักศิลาแห่งวิทยาคุณทางภาคใต้

ในตำราอายุกว่าพันปีซึ่งท่านอาจารย์ชุม ไชยคีรี เมตตาแสดงไว้มีบางส่วนที่นำมาเล่าได้ดังนี้

“ท่านให้เอาเหล็กไหลเท่าเมล็ดข้าวโพดอมไว้ในปากกินน้ำลายตนเองเป็นประจำทุกวัน คงทนแก่ปืนผา หน้าไม้ กริช หอกทองแดง ขวากหนามกับสัตว์ร้ายที่มีเขี้ยวงาและแรงกัดฟันขยี้ อาจต่อสู้แก่คนหมู่มากแม้จะจับเราก็ไม่ติด แหวกวงล้อมและกรงขังขื่อคาไปได้ ทั้งเป็นยาอายุวัฒนะให้อายุยืนร้อยกว่าปี

อนึ่ง ท่านให้เอาเหล็กไหลเท่าเมล็ดข้าวโพดแช่น้ำผึ้งรวงกินเป็นประจำเช้าเย็นทุกวัน 7 วันคงเนื้อคงหนัง 3 เดือนอยู่คงถึงกระดูกคงถึงลูกที่เกิดมา 1 ปีหมดโรคหมดภัยนานา 3 ปีเกิดปัญญาเรียนรู้ธรรมจบพระไตรปิฎก 7 ปีกายเบาดังสำลีหมดกิเลสจากโลกนี้ไปสู่เทวโลกโดยไม่ทิ้งซากอสุภไว้ อนึ่ง ท่านให้เอาเหล็กไหลเท่าเมล็ดข้าวโพดประสมด้วยนวโลหะเท่าตัวควายถึก นวโลหะนั้นจะมีคุณภาพเหมือนเหล็กไหลไปหมด เป็นกายสิทธิ์ คงทน กำบังล่องหน คน ๆ เดียวต่อสู้ศัตรูได้ทั้งกองทัพ ผีสางเทวดายักษ์มารเปรตอสุรกายเกรงกลัว ทรงอำนาจเหมือนพระอุปคุตเถระ”


มหัศจรรย์เกินพรรณนา

แม้ไม่อาจรู้ได้ว่าธาตุกายสิทธิ์ของหลวงพ่อสาลีโขคืออะไร หากท่านประทานแนวทางการใช้ตะกรุดไว้ผมก็เห็นควรทำตาม

เรียกว่ามั่นใจในท่านร้อยเปอร์เซ็นต์

ด้วยความวิเศษอย่างนี้ ทำยาก สร้างยาก สำเร็จยาก หลวงพ่อจึงอภิเษกนามว่า ตะกรุดมหาอริยมรรค แม้พระยันต์ในตะกรุดอาจดูไม่มาก ทว่าผมก็เข้าใจถึงความแตกฉานในหลวงพ่อที่เก่งกล้าและเชี่ยวชาญขึ้นทุกวัน คนเริ่มเก่งบางทีประจุยันต์มาก ลงมาก เสกนานด้วยเกรงไม่ขลัง

แต่คนเก่งเริ่มจารอักขระน้อยตัวด้วยมั่นใจและเป็นดังที่ว่าของดีไม่จำเป็นต้องมาก แม้การเสกยังน้อยวันน้อยเวลาลงเรื่อย ๆ เพราะจิตที่มั่นคงหนักแน่นดังภูเขา ลางทีเป่าพ้วงเดียวยังยิงไม่ออกก็มี

ผมเชื่อว่าหลวงพ่อเก่งขึ้นทุกวัน

บางพระอาจารย์ต้องประกอบพุทธาภิเษกเพื่อความมั่นใจ หากบางพระอาจารย์เสกลำพังองค์เดียวไม่ยุ่งใครเพราะมั่นใจในตน เรียกว่าอยู่อย่างเสือไม่ขอเนื้อใครกิน

หลวงพ่อเป็นดังนั้น

ความสามารถที่ท่านมีได้แสดงอภินิหารคุ้มครองคณะศิษย์มานับร้อยนับพันราย หากไม่เข้าถึงภาวะขลังได้จริงคงไม่อาจฝากชื่อและยืนอย่างสง่างามมาได้ตลอดสี่สิบกว่าปีนี้ ก็ท่านลือลั่นโด่งดังมาแต่ปี พ.ศ. 2502

เพียงทุกวันนี้ท่านหลีกหนีความเจริญอย่างโลก ๆ เพื่ออยู่อย่างสงบ หลบจากลาภ ยศ สรรเสริญ อันใคร ๆ ต่างกระเสือกกระสนให้ได้มา อย่างหลวงพ่อนั้นแม้ปรารถนาสิ่งดังว่าย่อมไม่ใช่เรื่องยากแม้สักน้อย แต่ท่านก็ไม่ยินดีเสมือนของเหล่านั้นเป็นอากาศธาตุ

โดยสถานะภาพความเป็นผู้ทรงวิทยาคุณอย่างเอกอุ หลวงพ่อได้สร้างตะกรุดไว้ 7 ชนิด ด้วยกัน ดังนี้

1. ตะกรุดโทนสมเด็จพระนเรศวรมหาราช สร้าง 23 มีนาคม พ.ศ. 2512 เป็นวันเสาร์ห้า
2. ตะกรุดโทนมหาระงับ สร้าง 7 มิถุนายน พ.ศ. 2523
3. ตะกรุดโทนมหาจักพัตราธิราช สร้าง พ.ศ. 2525
4. ตะกรุดหัวใจอริยสัจจ์โสฬสมงคล สร้าง พ.ศ. 2525
5. ตะกรุดหัวใจบุรุษแปดจำพวก สร้าง พ.ศ. 2525
6. ตะกรุดหัวใจพระวิภัตติ์ สร้าง พ.ศ. 2525
7. ตะกรุดอะระหัง สุคะโต ภะคะวา สร้าง พ.ศ. 2525

และดอกที่ 8 อันเราได้รู้กันวันนี้คือ ตะกรุดมหาอริยมรรค น่าแปลกว่าตะกรุดนี้ถูกสร้างเป็นลำดับที่ 8 นามของตะกรุดเองก็หมายถึงหนทางสายกลางอันนำไปสู่ความเป็นพระอริยบุคคลซึ่งมีด้วยกัน 8 สายทาง ที่เรียกกันว่า "มรรคแปด" นั่นเอง
img066.jpg



ไม่แน่นักว่าตะกรุดนี้อาจเป็นมรดกขลังชิ้นสุดท้ายในรูปลักษณ์แห่งตะกรุดที่หลวงพ่อจะสร้างสรรค์ ใครที่รัก ของจริง จงเร่งรีบเถิด

ผมขอความกรุณาคุณป้าจิระนันท์ไปขุดคุ้ยลุยตู้วัตถุมงคล เห็นตะกรุดเก่าค้างอยู่ 4 ชนิดไม่นับตะกรุดมหาอริยมรรค ซึ่งแต่ละอย่างมีจำนวนไม่มากนัก โลกแห่งขลังทุกวันนี้เจียนกลายเป็นโลกแห่งคนลวง บอกกันตรงนี้เลยว่าของจริงที่ทำได้อย่างโบราณประเพณีผมเห็นมีที่นี่ที่เดียว ณ ปัจจุบันนี้ ชี้แจงแล้วถ้าศรัทธาและเงินถึงให้รีบซะ

ของที่ค้างอยู่พอบอกเล่าได้ดังนี้

1. ตะกรุดมหาจักพัตราธิราช บูชา 5,000 บาท เหลือประมาณ 5 ดอก
2. ตะกรุดหัวใจอริยสัจจ์โสฬสมงคล บูชา 1,000 บาท
3. ตะกรุดหัวใจพระวิภัตติ์ บูชา 1,000 บาท
4. ตะกรุดหัวใจบุรุษแปดจำพวก บูชา 1,000 บาท

ส่วนตะกรุดมหาอริยมรรคให้ทำบุญดอกละ 3,000 บาท ของทุกอย่างอาจดูสูงราคา แต่เชื่อเถิดว่ามิใช่ของโหลดังที่เขาชอบโฆษณากัน หากเป็นของที่สูงคุณค่าชนิดที่ว่า ตะกรุดเป็นตะกรุด

อีกทั้งระยะเวลาที่สร้างมาบางชนิดก็เนิ่นนานร่วม 20 ปีเศษ ถ้าคนชอบขลังไม่น่าว่าราคานี้จะหนักหนาเกินควร บางวัดออกอะไรให้บูชาก็ไม่ทราบ หาที่มาในตำรับตำราก็ไม่มีเข้าทำนองสร้างให้แปลกเข้าว่า ยังขายกันห้าพันหกพัน

ก็ยังซื้อกันได้แฮะ

มีสิ่งที่อยากแนะนำให้หายคาใจอีกอย่างคือ เหรียญหลวงปู่เผือกรุ่น 2 ที่นิยมเรียกกันว่าเหรียญนั่งโต๊ะขาสิงห์ ซึ่งสร้างในปี พ.ศ. 2514 เป็นมหาพิธีที่สำคัญยิ่งของหลวงพ่อสาลีโขเรียกว่า พิธีสี่มหาจักร เคยบรรยายไว้ครั้งหนึ่งแล้วถึงความวิเศษของพิธีนี้อยากทราบหา "ศักดิ์สิทธิ์" เล่มเก่ามาอ่านกัน เล่มอะไรผมก็ลืมครับเห็นทีต้องโทรถามคุณวงเดือนเจ้าหน้าที่คนสวยของ "ศักดิ์สิทธิ์"
img065.jpg



เหรียญนี้เป็นแผ่นยันต์มาหลอมสร้างและคลุกเคล้าผงวิเศษทั่วทุกเหรียญ คณาจารย์ที่มาเสกก็เหลือบรรยาย อาทิ หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี หลวงพ่อทบ วัดชนแดน หลวงพ่อเทียม วัดกษัตราธิราช หลวงพ่อถิร วัดป่าเลไลยก์ หลวงพ่อพริ้ง วัดโบสถ์โก่งธนู หลวงพ่อโอด วัดจันเสน หลวงพ่อผาง วัดอุดมคงคาคีรีเขต หลวงพ่อนอ วัดกลางท่าเรือ หลวงพ่อเนื่อง วัดจุฬามณี หลวงพ่อคง วัดวังสรรพรส เป็นต้น

ขอย้ำว่าเป็นต้น

โชคดีของแฟนานุแฟนศักดิ์สิทธ์อีกอย่างคือคุณป้าจิระนันท์ท่านไปค้นพบพระนาคปรกลอยองค์ที่สร้างยากอย่างสาหัสและเข้าเสกเป็นของหลักในพิธีสี่มหาจักรนี้ด้วยคือ พระปรกสาลีโข นอกจากเนื้อโลหะอันเป็นชนวนล้วน ๆ แล้ว ใต้ฐานยังอุดผงวิเศษไว้ทุกองค์

เมื่อปี พ.ศ. 2514 พระปรกสาลีโขเป็น องค์เอก ของพิธีนี้ทีเดียว คุณป้าไปค้นพบถึงสองเนื้อ คือ เนื้อเงินบริสุทธิ์ บูชา 2,000 บาท และเนื้อสัมฤทธิ์ บูชา 1,000 บาท

บอกได้คำเดียวว่า ให้ไว

เหรียญหลวงปู่เผือกนั่งโต๊ะ ปี 14 บูชาองค์ละ 300 บาท เหรียญสีหบรรลือเนื้อเงินจารเต็มทุกเหรียญพิมพ์ใหญ่ 5,000 บาท พิมพ์เล็กจารเต็ม 3,000 บาท เนื้อทองแดงพิมพ์ใหญ่ 300 บาท พิมพ์เล็ก 200 บาท

แหวนพระเจ้าปราบไตรภพเนื้อเงินใต้ท้องแหวนอุดผงพุทธคุณประทับด้วยตราราชสีห์ มีหลายขนาด วงละ 900 บาท สร้าง พ.ศ. 2532 (ทองคำก็มี)

ผ้ายันต์พระเจ้าตรึงไตรภพสีขาว-สีแดง ผืนละ 200 บาท ผ้ายันต์บรรลือสีหนาทสองหน้าเย็บติดกันเป็นผืนเดียว บูชา 200 บาท สร้าง พ.ศ. 2533

ที่จริงยังมีอีกหลายรายการ วัตถุมงคลปีหนึ่งกว่าก็มีตกค้างพอสมควร เวลาหลวงพ่อประกอบพิธีใหญ่ท่านนำมาเสกซ้ำแล้วซ้ำอีก ถ้าของที่นี่คุ้มใครไม่ได้ผมจะเขียนใบลาออกจากถนนสายขลังกราบลาครูอำพลไปเดินบนถนนสายโสดคนเดียวให้มันรู้แล้วรู้รอดไป

เส้นทางไปวัดไม่ยากเลยบอกกันอีกที ถ้าใช้ถนนสายบางบัวทอง-สุพรรณบุรี วิ่งรถไปจนถึงสี่แยกนพวงศ์ นึกภาพว่าถ้าไปจากบางบัวทองหรือบางใหญ่ เลี้ยวซ้ายจะไปอำเภอบางเลน นครปฐม เลี้ยวขวาจะไปวัดหลวงพ่อล่ะ ตรงไปจะไปสุพรรณฯ แต่เขาห้ามเลี้ยวตรงกลางแยกด้วยเกิดอุบัติเหตุบ่อย ให้แล่นไปอีกประมาณ 200 เมตรจะพบทางยูเทอนขวามือ ก็ให้เลี้ยวกลับมาแล้วเลี้ยวซ้ายเข้าถนนลาดหลุดแก้ว อีกประมาณ 300 เมตรนั่นแหละพุทธอุทยานธรรมโกศลซ้ายมือ

ถ้าไปจากถนนติวานนท์ ก็ตรงไปตามป้ายที่บอกว่าไป อ.ลาดหลุมแก้ว เมื่อผ่านตัวอำเภอแล้วยังต้องตรงไปอีก สังเกตซ้ายมือจะเป็นป้ายสูง ๆ ของปั๊มน้ำมันยี่ห้อ คอสโม มองทางขวาทันทีจะเห็นวัดท่านแต่ยังเลี้ยวไม่ได้ เลยปั๊มคอสโมไปสักพักจะมีสะพานข้ามคลองจงชลอแล้วกลับรถที่ใต้สะพาน กลับรถแล้ววิ่งตรงไปอีกประมาณ 100 เมตร ซ้ายมือก็วัดท่านนั่นแล

โฮ้ย ! คนแก่เหนื่อยวุ้ย

สงสัยอะไรโทรสอบถามคุณป้าจิระนันท์ก่อนได้ที่ 01-7788779 ได้แต่หวังว่าคุณป้าคงไม่ตำหนิที่ผมเอาเบอร์มาแจกโดยไม่ทันขออนุญาตนะครับ

ไปกราบรูปหล่อหลวงปู่เผือกได้ครับ ขอพรจากพระผู้ศักดิ์สิทธิ์เป็นมงคลดีออก.

** เรื่องนี้ลงในศักดิ์สิทธิ์ ฉบับที่ 527-528 ต้นปี 2548 โน่นน่ะครับ ดังนั้นราคาวัตถุมงคลคงไม่ใช่เท่านี้แล้ว และก็ไม่แน่ว่ายังจะมีเหลืออยู่ทีพุทธอุทยานธรรมโกศลหรือเปล่า เพราะหลังจากหลวงพ่อมรณภาพ ได้ข่าวแว่วๆว่าวัตถุมงคล โดยเฉพาะตะกรุดเหลือน้อยมาก จนบางรายการหมดไปแล้วด้วย จึงเรียนมาเพื่อทราบครับ **

_________________
ชาตินี้ไม่จริง ชาติไหนก็ไม่จริง


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
โพสต์โพสต์แล้ว: อาทิตย์ 21 ก.ย. 2008 1:16 am 
ออฟไลน์
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 14 ก.ย. 2008 11:16 pm
โพสต์: 1786
:P :P

ฮั่นแน่...ตัวจริงเสียงจริงมาแระ..
ผมชอบบทความตอนนี้มาเลยครับ
อ่านแล้วทำให้คิดถึงหลวงพ่อ..
หลวงพ่อท่านก็บอกผมว่า...
"คิดถึงคนเขียนด้วยครับ"
:P


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
โพสต์โพสต์แล้ว: อาทิตย์ 03 พ.ค. 2009 8:37 am 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ 22 เม.ย. 2009 9:54 pm
โพสต์: 88
โอ้พึ่งเห็นกระทู้นี้... ไม่ทราบว่าตอนนี้ยังหาเช่าตะกรุดมหาอริยมรรคได้ที่ไหนมั๊ยครับ???
แหวนพระเจ้าตรึงไตรภพก็ดูดีครับ...


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
โพสต์โพสต์แล้ว: อาทิตย์ 03 พ.ค. 2009 11:06 pm 
ออฟไลน์
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 14 ก.ย. 2008 8:36 pm
โพสต์: 969
ที่พุทธอุทยานธรรมโกศล น่าจะยังมีครับ

_________________
ดีใดไม่มีโทษ ดีนั้นคือดีเลิศ


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
โพสต์โพสต์แล้ว: จันทร์ 04 พ.ค. 2009 10:15 am 
ออฟไลน์
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ 08 ก.ย. 2008 10:41 am
โพสต์: 1599
แหวนพระเจ้าปราบไตรภพยังมีอยู่ฮะ

แต่ตะกรุดมหาอริยมรรคนี่ คุณป้านันท์ยังหาไม่เจอฮะ

_________________
ชาตินี้ไม่จริง ชาติไหนก็ไม่จริง


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
โพสต์โพสต์แล้ว: จันทร์ 04 พ.ค. 2009 11:28 am 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ 22 เม.ย. 2009 9:54 pm
โพสต์: 88
โอ้... กะว่าพรุ่งนี้ผมจะไปที่วัดนิมนต์แหวนซะหน่อย แต่ไม่แน่ใจว่าตะกรุดมหาอริยมรรคนี่ผมต้องติดต่อคุณป้านันท์โดยตรงรึป่าวครับ?


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
โพสต์โพสต์แล้ว: จันทร์ 04 พ.ค. 2009 12:50 pm 
ออฟไลน์
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ 08 ก.ย. 2008 10:41 am
โพสต์: 1599
ฮะ คุณพี่ Montree

คงตอบถามกับคุณป้านันท์ดีที่สุดฮะ เพราะล่าสุดที่เด็กลึกลับถาม คุณป้าบอกว่า ยังหาไม่เจอฮะ

แต่ถ้าไหนๆคุณพี่ Montree ไปแล้ว ก็บูชาพระปรกสาลีโขมาด้วยสิฮะ

_________________
ชาตินี้ไม่จริง ชาติไหนก็ไม่จริง


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
โพสต์โพสต์แล้ว: จันทร์ 04 พ.ค. 2009 2:03 pm 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ 22 เม.ย. 2009 9:54 pm
โพสต์: 88
ขอบคุณที่แนะนำครับคุณเด็กลึกลับ จะลองไปวัดดวงดูว่าจะได้อะไรกลับมาบ้าง :)


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
โพสต์โพสต์แล้ว: อังคาร 05 พ.ค. 2009 8:30 pm 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ 22 เม.ย. 2009 9:54 pm
โพสต์: 88
สอยมาเรียบร้อยแล้วครับ กับตะกรุดโทนสมเด็จพระนเรศวรมหาราช(ดอกเล็ก) ตะกรุดหัวใจบุรุษ ๘ จำพวก ตะกรุดหัวใจพระวิภัตติ์ ตะกรุดอรหสุคโตภควา เหรียญสีหบรรลือ(ใหญ่) แล้วก็แหวนพระเจ้าปราบไตรภพ มีอะไรน่าสนใจอีกหลายอย่างแต่พอดีเกินงบครับ เลยต้องรอคราวหน้าครับ คุณป้าน่ารักมากขุดๆค้นๆหามาให้ดูเรื่อยๆ ยืนคุยกันสนุกสนาน... พระปรกคุณป้าหาไม่เจอครับ แต่ก็มีแถมรูปหลวงพ่อ ผ้ายันต์ น้ำมนต์ และสติ๊กเกอร์ติดรถครับ ไว้ว่างๆจะแวะไปอีกครับ


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
โพสต์โพสต์แล้ว: พุธ 06 พ.ค. 2009 9:16 am 
ออฟไลน์
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ 08 ก.ย. 2008 10:41 am
โพสต์: 1599
ดีฮะ คุณพี่ Montree

ตอนนี้ทางพุทธอุทยานฯ มีรายรับอยู่ทางเดียวล่ะฮะ คือจากบูชาวัตถุมงคล เงินในส่วนตรงนี้ก็นำไปใช้สำหรับรายจ่ายในพุทธอุทยานฯ อย่างค่าน้ำ ค่าไฟ อะไรหลายๆอย่างจิปาถะ

ถ้าได้มีโอกาสไปอีก ลองดูรายการนี้ด้วยสิฮะ
http://www.navaraht.com/forum/forum41/topic491.html

_________________
ชาตินี้ไม่จริง ชาติไหนก็ไม่จริง


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
โพสต์โพสต์แล้ว: พุธ 06 พ.ค. 2009 11:38 am 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ 22 เม.ย. 2009 9:54 pm
โพสต์: 88
ขอบคุณมากครับคุณเด็กลึกลับ ผมเองยังเสียดายอยู่ว่าผมไปฝากตัวเป็นศิษย์ไม่ทันตอนที่หลวงพ่อยังมีชีวิตอยู่ ทั้งๆที่เพื่อนสนิทผมเคยเล่าให้ผมฟังมาแล้ว พึ่งมาเห็นกระทู้นี้เลยรู้สึกเสียดายที่เราพลาดโอกาสไปพบท่าน ได้แต่ไปกราบสังขารของท่าน พอไปถึงที่พุทธอุทยานเห็นว่าเดี๋ยวนี้แทบไม่มีคนเลย รู้สึกเศร้าๆเหงาๆปลงๆ


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
โพสต์โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. 07 พ.ค. 2009 6:01 pm 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ 22 เม.ย. 2009 9:54 pm
โพสต์: 88
มีคำถามครับว่า ตะกรุดของหลวงพ่อมีดอกไหนสามารถพกในกระเป๋ากางเกงได้มั๊ยครับ? หรือว่าทุกดอกต้องขึ้นคอหรือเอวหมด???


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
โพสต์โพสต์แล้ว: เสาร์ 09 พ.ค. 2009 6:46 pm 
ออฟไลน์
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 14 ก.ย. 2008 6:00 am
โพสต์: 6586
เรียนคุณMontree

ขออนุญาตตอบนะครับ

ตั้งแต่หลวงพ่อยังทรงสังขารอยู่ ได้สร้างตะกรุดออกมารวมเบ็ดเสร็จ 7 รายการ(ในยุคนั้น) ประกอบด้วย

1. ตะกรุดโทนสมเด็จพระนเรศวร(ตะกรุดนเรศวรปราบหงสา) เสาร์ 5 ปีพ.ศ. 2512
2. ตะกรุดโทนมหาระงับ ปี พ.ศ. 2522
3. ตะกรุดมหาจักพัตราธิราช ปี พ.ศ. 2525
4. ตะกรุดอริยสัจจ์โสฬสมหามงคล ปี พ.ศ. 2525
5. ตะกรุดหัวใจพระวิภัตติ์ ปี พ.ศ. 2525
6. ตะกรุดหัวใจมหาบุรุษแปดจำพวก ปี พ.ศ. 2525 และ
7. ตะกรุดอะระหังสุคะโตภะคะวา ปี พ.ศ. 2525

ตะกรุดทั้ง 7 ชนิดนั้น คณะศิษย์เมื่อจะแขวนบูชาติดตัวไป ไม่มีใครกล้านำไปไว้ต่ำเสมอแม้แต่เพียง "เอว" ทั้ง ๆ ที่คตินิยมของการพกพาตะกรุดก็มักเป็นไปอย่างเดียวกันคือ "คาดเอว" ทว่าความเคารพนับถือของปวงศิษย์ที่มีต่อองค์หลวงพ่อสาลีโขนั้น เขามองท่านเสมอด้วยพ่อ แม่ และ ครูบาอาจารย์ผู้อยู่สูงสุดเหนือเกล้าเกศา

เมื่อเทิดทูนกันถึงเพียงนั้น จึงไม่มีใครกล้าพกเครื่องมงคลของท่านต่ำเสมอเอว จึงกลายเป็นว่าทุกคนต้อง "คาด" ตะกรุดเฉวียงบ่าราวกับห้อยสังวาลย์สาย บางคนตะกรุดร้อยเรียงกันไปทั้ง 7 ชนิดราวกับมาลัยชั้นดี หากผู้ใดนำไปคาดเอว ก็ถูกมองว่ายังไม่ใช่ศิษย์ตัวจริง

ทั้งหมดนี้หลวงพ่อมิได้บังคับให้ผู้ใดทำ เขาทำกันเองด้วยศรัทธา

ดังนั้น หากคุณMontreeไม่สะดวกจะพกเพียงเอว ก็ลองนำใส่กระเป๋าเสื้อหรือกระเป๋าถือดูก่อนเถิดครับ อย่าเพ่อให้ถึงขั้นลงสู่กระเป๋ากางเกงเลยจักเป็นพระคุณยิ่ง

เชื่อว่าหลวงพ่อรับคุณMontreeเป็นศิษย์ตั้งแต่มีใจเคารพท่านโดยแท้แล้วครับผม

ยินดีต้อนรับครับ

_________________
ถ้าเราไม่อยากได้อะไรจากใคร ก็จะไม่มีอะไรให้หมางใจกัน


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
โพสต์โพสต์แล้ว: อาทิตย์ 10 พ.ค. 2009 10:04 pm 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ 22 เม.ย. 2009 9:54 pm
โพสต์: 88
เป็นคำตอบที่ชัดเจนมากครับ ขอบคุณสำหรับคำแนะนำแก่ศิษย์รุ่นน้องที่ยังไม่ประสาครับ ตอนนี้ผมก็พกที่กระเป๋าเสื้อ หรือไม่ก็กระเป๋าสะพายอยู่ ไม่กล้าใส่กระเป๋ากางเกงครับ

มีอีกคำถามครับ ผมเข้าใจถูกรึเปล่าครับว่าตะกรุดที่หลวงพ่อสร้างขึ้นมาแต่ละรุ่นนี่คือสร้างครั้งเดียวตั้งแต่สมัยปีพ.ศ. ที่คุณรณธรรมได้อธิบายมาแล้ว หรือว่ามีการสร้างรุ่นเดียวกันต่อหลังจากนั้นครับ?


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
โพสต์โพสต์แล้ว: จันทร์ 11 พ.ค. 2009 2:04 am 
ออฟไลน์
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 14 ก.ย. 2008 6:00 am
โพสต์: 6586
โดยนิสัยของหลวงพ่อสาลีโขนั้น นิยมสร้างมงคลวัตถุแต่ละรุ่น แต่ละรูปแบบเพียงครั้งเดียว ไม่นิยมการสร้างซ้ำซ้อนขึ้นมาอีก ด้วยเกรงจะถูกครหาว่าเมื่อเป็นที่นิยมแล้วก็ทำขายตอบสนองความต้องการของตลาด เพราะเจตนาที่แท้ของท่านต้องการทำเครื่องมงคลเพื่ออนุรักษ์ศาสตร์ชั้นสูงของโบราณาจารย์ทั้งปวงไว้ประการหนึ่ง เพื่อทำของไว้คุ้มตัวศิษย์ประการหนึ่ง และเพื่อนำรายได้จากการเช่าบูชามาบูรณะปฏิสังขรณ์เสนาสนะทั้งหลายนี่อีกประการหนึ่ง

มิได้ตั้งเจตนาไว้ที่ "ขาย...ขาย...ขาย..และ ขาย"

จึงกลายเป็นว่าสรรพเครื่องขลังตั้งแต่รูปพระพุทธ หลวงปู่เผือก หลวงพ่อสาลีโข และเครื่องรางประดามีไม่เคยมีการสร้างซ้ำขึ้นมาอีกในรูปลักษณ์เดิม เรียกว่าหมดแล้วหมดเลย

แต่ใด ๆ ในโลก ก็ล้วนอนิจจัง

เมื่อวันมหามงคลในปี 2549 เวียนมาถึง ซึ่งก็คือปีที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี หลวงพ่อสาลีโขซึ่งเป็นพระเถระอีกองค์หนึ่งที่มีความเคารพรักและเทอดทูนในองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวยิ่งนัก จึงดำริทำของมหามงคลขึ้นหลายสิ่งเพื่อเป็นศุภนิมิตมหามงคลในวโรกาสนี้ อาทิ เหรียญมหามงคลเก้า เหรียญบูรพาจารย์ เป็นต้น

และที่ขาดไม่ได้คือ เครื่องราง

หลายปีที่ผ่านมา "ตะกรุด" นานาชนิดอันเป็นเครื่องรางชิ้นสำคัญของหลวงพ่อได้สร้างชื่อหลวงพ่อให้ลือลั่นไปทั่วประเทศมาแล้วในเรื่องของความอยู่คงอย่างที่เรียกว่า เหนียวแบบแมลงวันไม่ได้กินเลือด

คนรู้จักกับคุณศิษย์กวงเคยถูกปืนลูกซองยิงชนิดเผาขนจนตัวปลิวไปชนถังน้ำมัน 200 ลิตร นอนกองอยู่กับที่อย่างที่ผ้าขี้ริ้วยังอาย ใครก็นึกว่าตายเป็นผีไม่ต้องเรียกรถพยาบาล แต่นักเรียนช่างคนนั้นก็รอดตายได้อย่างเหลือเชื่อ

ลูกปืนไม่ผ่านหนังสักเม็ด

ทั้งเนื้อทั้งตัวก็มีแต่ เหรียญขี่สิงห์ (เหรียญหลวงปู่เผือกรุ่นแรกปี 2511) และตะกรุดโทนสมเด็จพระนเรศวร เสาร์ห้า ปี 12 พกติดกายอยู่เท่านั้น

และจากประสบการณ์ต่าง ๆ มากมายนี้เอง ทำให้ศิษย์เรียกร้องขอให้หลวงพ่อทำตะกรุดสำคัญเช่นนี้ขึ้นอีกสักครั้ง แต่ท่านก็บ่ายเบี่ยงเรื่อยมา จวบจนปีมหามงคลครองราชย์ครบ 60 ปีนี่แหละครับ ที่เป็นแรงบันดาลใจให้หลวงพ่อทำตะกรุดซ้ำของเดิมขึ้นมาใหม่อีกครั้ง จำนวน 2 รายการ คือ

1. ตะกรุดโทนสมเด็จพระนเรศวรมหามงคลเก้า ยาวประมาณ 4 นิ้ว
2. ตะกรุดโทนมหาระงับมหามงคลเก้า ยาว 5 นิ้ว (ของเดิมรุ่นแรกสร้างปี 2522 ยาว 7 นิ้ว)

ทั้งหมดมีขนาดของการม้วนแผ่นตะกรุด ความยาวของตะกรุด และลายถักเชือกที่ผิดแผกกันเพื่อให้ดูง่าย แยกแยะสะดวก

จำนวนสร้างที่ไม่มากทำให้ของหมดลงอย่างรวดเร็วเช่นกัน ซึ่งทุกวันนี้ผมก็ไม่ทราบว่าที่สำนักจะยังมีเหลืออยู่เหรือไม่ประการใด คงต้องรบกวนให้คุณเด็กลึกลับเข้ามาชี้แจงแล้วล่ะครับ

_________________
ถ้าเราไม่อยากได้อะไรจากใคร ก็จะไม่มีอะไรให้หมางใจกัน


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
โพสต์โพสต์แล้ว: จันทร์ 11 พ.ค. 2009 5:40 pm 
ออฟไลน์
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ 08 ก.ย. 2008 10:41 am
โพสต์: 1599
อ๋า

เดี๋ยววันอาทิตย์นี้ นู๋จะไปที่พุทธอุทยานฯฮะ ไปบูชาพระเบญจภาคีมาส่งให้พี่ๆทั้งหลาย แล้วจะเลียบๆเคียงๆ ถามคุณป้านันท์เกี่ยวกับตะกรุดทั้งสองดอกมาด้วยนะฮะ

เคยทราบราคามาว่า อยู่ที่ดอกละ 4,000 บาทนะฮะ

แต่ใดๆล้วนอนิจจัง จะสอบถามคุณป้านันท์อีกครั้งนึง

แล้วจะมาเรียนให้พี่ๆทราบอีกครั้งฮะ

_________________
ชาตินี้ไม่จริง ชาติไหนก็ไม่จริง


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
โพสต์โพสต์แล้ว: จันทร์ 11 พ.ค. 2009 11:55 pm 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ 22 เม.ย. 2009 9:54 pm
โพสต์: 88
อ่า...ผมก็มีฝากเพื่อนไปดูให้เหมือนกันครับ...กะจะฝากเพื่อนบูชาพระเบญจภาคีเหมือนกัน...รวมถึงอื่นๆอีกมากมาย

คุณรณธรรมทำให้ผมนึกถึงหนังกำลังภายใน เพราะหนังกำลังภายในส่วนใหญ่จะต้องมีจอมยุทธคนนึงที่เก็บความรู้และลำดับเหตุการณ์ทั้งหมดไว้เป็นบันทึกเพื่อเล่าให้ชนรุ่นหลังฟัง คนส่วนใหญ่จะเรียกจอมยุทธนี้ว่า "บันทึกบู๊ลิ้ม" ครับ :) ขอบคุณสำหรับข้อมูลที่กระจ่างชัดเจนครับ


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
โพสต์โพสต์แล้ว: จันทร์ 11 พ.ค. 2009 11:58 pm 
ออฟไลน์
Administrator
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ 08 ก.ย. 2008 11:37 am
โพสต์: 6391
"บันทึกบู้ลิ๊ม"

ไม่รู้เจ้าตัวชอบหรือเปล่า แต่อู๊ดชอบมาก น่ารักดีครับ :D :D

_________________
089 969 9445 @ anytime
line ID navaraht


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
โพสต์โพสต์แล้ว: อังคาร 12 พ.ค. 2009 8:55 pm 
ออฟไลน์
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 14 ก.ย. 2008 11:16 pm
โพสต์: 1786
อู๊ด อู๊ด เขียน:
"บันทึกบู้ลิ๊ม"

ไม่รู้เจ้าตัวชอบหรือเปล่า แต่อู๊ดชอบมาก น่ารักดีครับ :D :D


เกี่ยวอะไรกับเขาด้วยเนี่ยยยย :lol: :lol:


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
โพสต์โพสต์แล้ว: พุธ 13 พ.ค. 2009 5:16 am 
ออฟไลน์
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 14 ก.ย. 2008 6:00 am
โพสต์: 6586
ขอบพระคุณคุณMontreeมากครับ สำหรับความเป็น "บันทึกบู๊ลิ้ม" ที่กรุณามอบให้ แต่ที่จริงผมเป็นได้ก็แค่ "บันทึกประจำทาง" เท่านั้นแหละครับ คือไปทางไหนก็บันทึกมันเละเทะเรื่อยไป หลวงพ่อชำนาญยังเมตตาให้ตำแหน่งผมเป็น "จอมเลอะเทอะ" ไม่เชื่อถามคุณศิษย์กวง คุณเบญจพร คุณจิ้งจก คุณอู๊ดดี้ และ คุณชิน ดูได้ครับ ทั้งหมดที่กล่าวนามมาอยู่ในเหตุการณ์รับมอบตำแหน่งของผมด้วยกันทั้งนั้น

และถ้าจำไม่ผิด คุณศิษย์กวงก็ได้รองชนะเลิศอันดับหนึ่งเสียด้วยสิ คริ คริ (อุ๊ย เสียงใครขำหว่า ?) :lol: :lol: :lol:

_________________
ถ้าเราไม่อยากได้อะไรจากใคร ก็จะไม่มีอะไรให้หมางใจกัน


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 24 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: Bing [Bot] และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO