นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน พุธ 17 เม.ย. 2024 4:14 am

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 15 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
โพสต์โพสต์แล้ว: พุธ 22 เม.ย. 2009 2:21 am 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 27 มี.ค. 2009 12:25 am
โพสต์: 32
ไสยศาสตร์จัดเป็นวิชาอันลึกลับ มีองค์ประกอบที่ใช้ทั้งวัถตุรูปธรรมนามธรรม และ จิตศาสตร์ ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า แต่มีอานุภาพ และพลังอำนาจที่จะให้คุณ ให้โทษ แก้ผู้คนทั้งหลายได้อย่างน่าอัศจรรย์
ไสยศสาตร์มีต้นกำเนิตมาจากศาสนาพราห์ม ในอินเดีย สมัยโบราณ ซึ่งนับถืออาตมัน หรือ ปรมาตมัน ว่าเป็นพระพรหมผู้เป็นเทพเจ้าสูงสุดที่สรรสร้างโลกจักรวานมหาสมุทรผืนแผ่นดินภูเขาต้นไม้ลำธาน แม้น้ำกับมนุษย์ โดยมีการแบ่งแยกมนุษย์ออกเป็นสี่วรรณะ คือ หนึ่ง วรรณะพราห์ม คือนักบวชนักพรต ฤาษี ชีไพร ผู้รอบรู้ ต่อคำสอน ของพระพรหม ผู้เป็นเจ้า สอง วรรณะกษัติย์ คือชนชั้นนักปกครอบนักรบ นักบริหาร สาม วรรณะแพทย์ คือชนชั้นพ่อค้าวานิต ผู้ประกอบอาชีพค้าขาย รวมทั้งนักธุรกิจ คหบดี ผู้มั่งมีทั่วไป สี่วรรณะศูทร คือ ชนชั้นกรรมกรผู้ใช้แรงงาน เป็นทาส และลูกจ้างที่ขาดอิสระภาพ และเสรีภาพทางความคิด พวกวรรณะพราห์มถูกยกย้องและนับหน้าถือตาว่า เป็นผู้รอบรู้ ถึงกับมีการ รจนา แต่งคำภีย์ ซึ่งอ้างว่า ได้มาจากฝีปากของพระพรหม ซึ่ง มีด้วยกัน สามเล่มถือว่ามีความสูงส่งและทรงไว้ด้วยความศักดิ์สิทธิ์ ได้แก่ หนึ่ง คำภีย์ ฤคเวท เป็นคำฉันท์ใช้สวดอ้อนวอนสรรเสริญเทพเจ้า สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ต่างๆ สอง ยชุรเวท เป็นคำร้อยแก้ว ว่าด้วย การทำพิธีกรรม และบวงสรวง เทพเจ้า สิ่งสักดิ์สิทธิ์ ถ้วยทั่วทุกพระองค์ อาถรรย์เวท เป็นคาถาอาคมมนขลัง สำหรับทำพิธีแก้อาเพท เสนียดจันไร ของความสวัสดีมงคลมาให้แก่ตนและนำผลร้ายบังเกิดแต่ศัตรู
ต่อมาในยุคหลังคำภีย์อาถรรย์เวทจึงถูกเรียกใหม่ว่าไสยศาสตร์นั้นเอง ในทางพระพุทธศาสนาได้นำหลักการและวิธีการบางอย่างของลัตธิไสยศาสตร์มาประยุกค์ใช้เพื่อเป็นผลแห่งความสำเร็จ และความศัทธาจนกลางเป็นที่นิยมแผ่หลายอยู่ในยุคเอเชีย มาจนถึงปัจจุบันเมื่อประมาณสามสิบปีที่ผ่านมานี้มีนักธุรกิจคนไทยท่านหนึ่งที่หันมาสนใจเลื่อมใสด้านพุทธคุณและไสยศาสตร์ อย่างเอาจริงเอาจัง ถึงกับลงมือปฏบัติอย่างเคร่งครัด และได้ประสบความสำเร็จดีเท่าที่ควร บุคคลท่านนี้คือ อาจารย์ ดร ไมตรี บุญสูง อตีดนายกเทศมนตรีเมืองภูเก็ต และนักธุรกิจใหญ่ที่สำเร็จ การศึกษา ในวิชาการ บริหารธุรกิจ จากประเทศออสเตเลียและเกาะปีนัง
ในสมัยที่อาจารย์ไมตรี บุญสูง อายุราว สิบขวบ เริ่มมีความสนใจต่อวิชาไสยศาสตร์มาก่อนแล้วไม่ว่าจะเป็นหลวงพ่อ หลวงปู่ ครูบาอาจารย์ชั้นนำที่ไหน อาจารย์ไมตรี จะดั้นด่น ตัวเอง ไปมอบตัวเป็นลูกศิษย์ขอร่ำเรียรศึกษาตั้งแต่การถ่ายทอด ด้วยวิธี มุขปาฐะ คือสั่งสอนและแนะนำกันตัวต่อตัว รวมไปถึงการคัดลอกจากคำภีย์ตำหลับตำราโบราณเก่าแก่ แต่ครั้งกระโน้น ไม่มีคณาจารย์ ไสย์ศาสตร์ชื่อดัง ท่านใด ที่จะปฏิเสธ การรับเอาอาจารย์ไมตรี เด็กหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาเอาการเป็นลูกศิษย์ในสำนักของตนได้ อาจารย์ชุม ไชคลีรี แห่งเขาไชสนจังหวัดพัทลุง อาจารย์ไสย์ศาสตร์ชื่อดัง เจ้าสำนักกุณแจไสยศาสตร์ด้านประดิพัทร บางซื่อ กทม ก็ยอมถ่ายทอดไสย์ศาสตร์อีกครั้ง อีกทั้งตำหรับของท่าน ให้แก่อาจารย์ไมตรี บุญสูงและดูเหมือนจะเป็นศิษย์เพียงคนเดียวที่ได้รับการเทกระเป๋าวิชาการไสยศาสตร์ จากอาจารย์ชุม ไชคลีรีแทบทั้งหมด นั้บตั้งแต่ อักขระขอม ภาคนะโม และพระเวท อาคม คาถามนต์ต่างๆ นอกจากนี้ อาจารย์ชุม ไชคลีรี ยังได้ทำพิธีฝังเหล็กไหล อันเป็นโลหะธาตุที่ศักดิ์สิทธิ์ ลงในใต้ผิวเนื้อแก่อาจารย์ ไมตรี กับผู้เลื่อมใสวิชาไสย์ศาสตร์ รวมทั้งบิดาของผู้เขียนอีกด้วย ต่อมา อาจารย์ไมตรี ศึกษา ร่ำเรียนชนอาจารย์ชุมเห็นว่า พอจะมีความสามารถเชี่ยวชาญ ที่จะถ่ายทอด ให้แก่ผู้อื่น ได้เท่าตนเอง ดังนั้น อาจารย์ชุม จึงได้กระทำพิธีครอบครู รับศิษย์ เพื่อให้อาจารย์ไมตรี ได้เป็นอาจารย์ไสย์ศาสตร์ สืบแทนท่านต่อไปได้
ยังมียอดเกจิอาจารย์อีกท่านหนึ่งที่อาจารย์ไมตรีปวารณาตัวเป็นศิษย์ คือ พระอาจารย์นำ ชินวโร (แก้ว จันทร์) แห่งวัดดอน ศาลา อ.ควนขนุน จ.พัทลุง ซึ่งแต่เดิมพระอาจารย์นำนั้นท่านเป็นฆราวาสผู้คงแก่เรียน ได้เข้าศึกษาทางพระเวทย์กฤตยาคม เกือบจะทุกแขนงของสำนักวัดถ้ำเขาอ้อ อ.ควนขนุน จ.พัทลุง ที่สำนักวัดถ้ำเขาอ้อนี้ทางภาคต้ถือว่า เป็นเสมือนสำนักตักศิลา แห่งวิชาไสยศาสตร์ที่ขึ้นชื่อโดยเฉพาะ มีบรรดาข้าราชการ พ่อค้า ประชาชนทั่วไป ต่างเข้ามามอบตัวเป็นศิษย์เพื่อการศึกษาวิชาการ ทางดสย์ศาสตร์อย่างตั้งอกตั้งใจจนสำเร็จผลดีไปหลายรายหนึ่งในจำนวนนี้ก็มี พล.ต.ท ประชา บูรณธนิต พล.ต.ต. ขุนพันธรักษ์ราชเดช (ปัจจุบันเสียชีวิตแล้ว)
รวมทั้ง อาจารย์ ชุม ไชยคีรี เป็นต้น
ครั้งหนึ่ง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวราชการปัจจุบันโปรดเกล้าฯ ให้พระอาจารย์นำเข้าเฝ้าเป็นการส่วนพระองค์ ก่อนที่พระอาจารย์นำจะเดินทาเข้าเฝ้าบรรดาลูกศิษย์ ก็ไต่ถามท่านว่าจะถวายสิ่งใด เป็นของที่ละลึกแก่ในหลวงบ้าง พระอาจารย์นำครุ่นคิดอยู่ครูหนึ่ง ก็ตอบลูกศิษย์ขึ้นว่า ชานหมากที่เคี้ยวนี่แหละลูกศิษย์ต่างทำสีหน้างุนงง และแล้วในที่สุดชานหมากของท่านก็ปรากฏว่า ยิงด้วยอาวุธปืนไม่ออก สร้างความฮืฮาแก่ลูกศิษย์และคนใกล้ชิดอยู่ไม่น้อย
สำหรับอาจารย์ไมตรี บุญสูง เวลาทำพิธีกรรมทางพุทธคุณและไสยศาสตร์อื่นใด มักจะต้องกราบนิมนต์ พระอาจารย์นำมาเป็นประธานทุกครั้งคราวไม่เคยขาด การพำนักของพระอาจารย์นำ ก็ใช้นิวาสสถานของ อาจารย์ไมตรีนั้นเอง เป็นที่พำนักจำวัด ซึ่งทางบ้านอาจารย์ไมตรีได้จัดให้ท่านพำนักภายในห้องพระเป็นพิเศษ ถ้าจะว่าไปแล้วไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่พระอาจารย์นำจะยอมไปพำนักยังบ้านของลูกศิษย์คนไหนเป็นพิเศษ ดังนั้นลูกศิษย์ทุกคนจึงถือว่า เป็นความโชคดีและเป็นศิริมงคลแก่อาจารย์ไมตรีกันเลยทีเดียว
การศึกษาร่ำเรียนวิชาการโสยศาสตร์ของอาจารย์ไมตรี ถึงขีดสูงสุด เมื่อพระอาจารย์นำได้เห็นความสามารถในการรับการถ่ายทอดจากท่าน เริ่มขั้นพื้นฐานจนถึงขั้นสูงสุด จนหมดสิ้นภูมิปัญญาพระอาจารย์นำ จึงลงมือทำพิธีครอบครู รักศิษย์ให้แก่อาจารย์ไมตรี เป็นคณาจารย์ ไสยศาสตร์ สืบทอดจากท่านต่อไปอีกชั่วกาลปาวสานต์
สิ่งของวิเศษมีคุณสมบัติเลิศล้ำชั้นหนึ่ง ที่พระอาจารย์นำตั้งใจมอบให้แก่อาจารย์ไมตรี สิ่งนั้นคือ น้ำมันงาทิพย์ ซึ่งเป็นน้ำมันพืชสกัดจากเม็ดงา ที่มีกลิ่นหอมชื่นใจอย่างประหลาด ควรจะเรียกได้ว่าน้ำมันงาทิพย์ อัดเป็นฝีมือการปรุงรสของเทพยดามาก กว่ามนุษย์สามัญชน น้ำมันงา ทิพย์ที่กล่าวถึงนี้คือ ผลแห่งวิชาไสยศาสตร์ของอาจรย์นำจัดว่าเป็นยอดโอสถทิพย์ ใช้ป้องกันโรคภัยไข้เจ็บคุณไสยต่างๆ กับเสริมสร้างพลังกายพลังใจ ให้แข็งแรงสดชื่นอยู่ตลอดเวลา กรรมวิธีในการทำนั้น พระอาจารย์นำจะลงมือเคียวน้ำมันงาให้สะอาดบริสุทธิ์และนำมาบรรจุในภาชนะพิเศษแล้วท่านจะนั่งบริการรมที่หน้าภชนะใบนั้น จนกว่าน้ำมันงาจะกลายสภาะเป็นเนื้อวุ้น มีกลิ่นหอมหวนชวนดมยิ่งนัก เสร็จแล้วท่านจะป้อนน้ำมันงาทิพย์ให้แก่ศิษย์ หรือโอสถน้ำมันงาทิพย์นี้นอกเหนือจากสรรพคุณที่กล่าวมาแล้วก็ยังพบว่าทำให้เกิดความมีเมตตามหานิยม และคงพระพันชาตรีหนังเหนียว ตีรันฟันแทงไม่เข้า โดยเนื้อยาจะสถิดอยู่ในกายตัวจนตลอดชีวิตเลยทีเดียว ไม่มีวันเสื่อมคลาย แปรผันเป็นอย่างอื่น เป็นที่น่าประหลาดว่า วิชาอาคมอะไร
ในอดีตที่ผ่านมา อาจารย์ไมตรี บุญสูง เคยเป็นประธานจัดสร้างปูชนียวัตถุ และ บำรุงเสนาสนะวัดไชยธาราม วัดฉลอง จ.ภูเก็ดหลายครั้ง ความหนึ่ง อาจารย์ไมตรี ได้เดินทางมากรุงเทพ เพื่อพบนมัสการพระอาจารย์ อำพล เจ้าอาวาสวัดประสาท (วัดขวิด) สามเสน กรุงเทพ เพราะพระอาจารย์รูปนี้มีปกตินิมิตถึงอาจารย์ไมตรีอยู่เสมอ เมื่อพระอาจารย์อำพล ได้พบแล้ว ก็นำอาจารย์ไมตรีไปที่ฐานชุกชี ที่พระประธานวัดประสาท พร้อมกับได้มอบพระสมบัติของวัดฉลอง ภูเก็ต โดยทางวัดฉลอง นำออกเป็นของชำร่วยสมนาคุณแก่ผู้บริจากเงินซ่อมแซมเสนาสนะของวัด พระสมเด็จรุ่นนี้มีอภินิหารยิงไม่ออก มีชาวตังเกนำไปทดลองยิงถึงกับยกขบวนกันมาขอเหมาเช่าไปทั้งวัด สมเด็จรุ่นนี้มีชื่อเรียกเป็นที่รู้กันทั่วไปว่าสมเด็จไมตรี นอกจากนี้แล้วอาจารย์ไมตรียังได้สร้างพระพิมพ์ถวายไว้ที่กรุวัดฉลอง อีกเป็นจำนวนมากทั้งหมดเป็นประโยชน์แก่ พระพุทธศาสนาทั้งสิ้น โดยมิได้คิดเอาต้นทุนคืนแต่อย่างใดเลย
ท่ามกลางความงุนงงของนักธุรกิจทั้งไทย และ ต่างประเทศที่เห็นปฏิปทาของหนุ่มนักธุรกิจไทยว่ามุ่งมั่นต่อ วิชาไสยศาสตร์อาจารย์ไมตรี บุญสูง ก็ได้เข้าพบกับอาจารย์ ทองแถม ศาสตระรุจิ อาจารย์ใหญ่ในวิชาการพรหมศาสตร์ เขาได้รับการถ่ายทอดวิชาพรหมศาสตร์จากอาจารย์ใหญ่แห่งวิชานี้ โดยอาจารย์ใหญ่ยังได้เป็นพี่เลี้ยงให้อีกด้วยเมื่ออาจารย์ไมตรีวางมือจากงานบุกเบิกวิชาไสยศาสตร์แล้ว เข้าหันมาจับงานทางด้านวิชาพรหมศาสตร์ จนได้รับฉันทานุมัติจากองค์สมเด็จปรมาจารย์ในวิชาการพรหมศาสตร์ (หลวงปู่บรมครูอปรพรหม)
ให้จัดตั้งสถานสักการะกรรมพิธีมงคล “ท่านปโยธรเวส” ที่ จ.ภูเก็ต อันว่าสถานสักการะกรรมพิธีนี้ ในวิชาการพรหมศาสตร์ถือว่า ใครที่ได้รับฉันทานุญาตให้จัดตั้งได้นั้น นับว่าเป็นบุญของบุคคลผู้นั้น อย่างใหญ่หลวงทีเดียว ที่สถานสักการะกรรมพิธี มงคลของอาจารย์ไมตรี จงต้อง รับหน้าที่ เป็นอาจารย์พี่เลี้ยงของศิษย์พรหมศาสตร์ทั้งหมด รวม 16 คน (เมื่อปีพศ 2515) ทุกวันพระ 8 ค่ำ 15 ค่ำ และวันพฤหัสบดี ทุกๆคนจะไปประชุมประพฤติปฏิบัติธรรม ณ สถานสักการะกรรมแห่งนี้ นับเป็นการกระทำที่สมควรนำมาเป็นตัวอย่างในการปฏิบัติพรหมวิหารธรรมที่น่ายึดถือ เอาเป็นแบบอย่าง
จากนั้นไม่นาน อาจารย์ไมตรี ได้เดินทางมาพบกับพระกัสสปมุนี (อาภรณ์สิริ ปัญจวงศ์) แห่งสำนักวัดปิปผลิวนาราม จ.ระยอง ในอดีตพระกัสสปมุนีเคยเป็นหัวหน้ากองหนั่ง ที่กระทรวงอุสาหะกรรม ท่านได้สละโลกออกบำเพ็ญธุดงควัตร จนกระทั้งมหาฤาษีในอินเดีย แห่งสำนักฤาษีเกษมีชื่อเสียง พากันสักการะเลื่อมใสในปฏิปทาของพระกัสสปมุนี มีเรื่องเล่ากันว่า ที่สำนักฤาษีเกษตั้งอยู่ตรงเชิงเขาหิมาลัยชมพูทวีปพระกัสสปมุนี ถูกเชิญให้ไปประชุมรอบกองไฟในสำนักแห่งนี้ มีฤาษีคนหนึ่งบันดาล ด้วยฌาณ อิทธิฤทธิ์เกิดเป็นกองไฟขึ้นลุกโชนอยู่เบื่องหน้าพระกัสสปมุนี รู้ล่วงหน้าอยู่ก่อนแล้วว่า พระศาสนาของพระตถาคตเจ้าถูกลองดีกองอัคคีโหมไหม้ขึ้น ล้อมรอบตัวพระกัสสปมุนี ท่านจึงเข้าอภิญญาอธิฐานให้ทธิ์ไฟหมดอำนาจฉับพลัน ก็บังเกิดท่อสายน้ำใหญ่พวยพุ่งขึ้นมาจากพื้นดินมาดับกองอัคคีของมหาฤาษีนามว่า อาด๊าส ถึงกับตบเข่าด้วยความปิติยินดีที่ได้เห็น และประจักษ์ในอภิญญาของท่านกัสปมุนี
นอกจากนี้แล้วท่านยังสามารถลากจูงรถไฟทั้งขบวนด้วยไม้เท้าอันเล็กๆประจำตัวเพียงอันเดียวได้อย่างน่าประหลาด มหาชนที่ได้ประจักษ์ต่างเคารพเลื่อมใส ว่าท่านเป็น ฌาณลาภีบุคคลผู้ มีปัญญาสามารถกระทำฤทธิ์ ด้วย อิทธิวิธีจากอำนาจฌาณของท่านเอง และหลวงพ่อ กัสสปมุนีก็ได้รับอาจารย์ไมตรี บุญสูง นักธุรกิจ ผู้เป็นเกจิทางไสยศาสตร์ จากเกาะภูเก็ตไว้เป็นบุตรบุญธรรมของท่านด้วย.......


หากตรงไหนผิดพลาดไปขอ โทษครับแล้วจะมาแก้ ให้ครับ


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
โพสต์โพสต์แล้ว: พุธ 22 เม.ย. 2009 2:40 am 
ออฟไลน์
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 14 ก.ย. 2008 6:00 am
โพสต์: 6586
ขอบพระคุณมากครับ ชอบครับชอบ เล่าอีกเยอะ ๆ นะครับถ้ายังมีข้อมูล ขอบพระคุณอีกครั้งครับ :P

_________________
ถ้าเราไม่อยากได้อะไรจากใคร ก็จะไม่มีอะไรให้หมางใจกัน


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
โพสต์โพสต์แล้ว: พุธ 22 เม.ย. 2009 4:53 am 
ออฟไลน์
Administrator
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ 08 ก.ย. 2008 11:37 am
โพสต์: 6391
เยรี่ยยมก๊าาบบบ !!! :ilu:

_________________
089 969 9445 @ anytime
line ID navaraht


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
โพสต์โพสต์แล้ว: พุธ 22 เม.ย. 2009 7:46 am 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร 30 ก.ย. 2008 10:00 am
โพสต์: 634
โย่วๆๆ ชอบมากครับ :vvhpy:


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
โพสต์โพสต์แล้ว: พุธ 22 เม.ย. 2009 1:16 pm 
ออฟไลน์
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ 10 ธ.ค. 2008 11:36 pm
โพสต์: 1173
ขอบคุณครับ อ่านแล้วอยากเห็น อยากเรียน อยากเป็น โอ๊ย! กิเลสทั้งนั้นที่เข้ามา ก็เลยต้องอยากไปสวดมนต์ดีก่า
:pry:

_________________
หนอนในอาจมย่อมสกปรก เมื่อกลายเป็นจั๊กจั่นก็ดื่มน้ำค้าง เมื่อกลายเป็นหิ่งห้อยก็เรืองโรจน์ใต้เเสงจันทร์
พึงรู้ว่าสะอาดเกิดจากสกปรก สว่างเกิดจากมืดมน


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
โพสต์โพสต์แล้ว: พุธ 22 เม.ย. 2009 7:17 pm 
ออฟไลน์
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 14 ก.ย. 2008 6:00 am
โพสต์: 6586
เห็นด้วยครับ ;)

_________________
ถ้าเราไม่อยากได้อะไรจากใคร ก็จะไม่มีอะไรให้หมางใจกัน


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
โพสต์โพสต์แล้ว: พุธ 22 เม.ย. 2009 10:03 pm 
ออฟไลน์
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ 13 ต.ค. 2008 8:03 pm
โพสต์: 288
ตามมาอ่านคับ


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
โพสต์โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. 23 เม.ย. 2009 12:15 am 
ออฟไลน์
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 14 ก.ย. 2008 9:48 am
โพสต์: 937
แหล่มครับ ;)

_________________
อันความสุขทางใจนั้นหายาก คนส่วนมากไม่ชอบแสวงหา
หวังแต่สุขเพื่อสนุกเพียงหูตา มันจึงพาชักจูงให้ยุ่งใจ


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
โพสต์โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. 23 เม.ย. 2009 8:52 pm 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 27 มี.ค. 2009 12:25 am
โพสต์: 32
โย่ ดีใจจังที่หลายคนชอบ แล้วจะหามาลงให้ใหม่เยอะๆ ครับ :hhero:


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
โพสต์โพสต์แล้ว: ศุกร์ 24 เม.ย. 2009 12:23 am 
ออฟไลน์
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 14 ก.ย. 2008 5:09 pm
โพสต์: 1368
เอาอีกครับ เอาอีก ขอบพระคุณท่านเจ้าของกระทู้ที่นำเรื่องดีๆ มานำเสนอครับ ช่วยๆ กันครับ เว็บที่เราเล่นกันอยู่จะได้มีคุณภาพราวกับนามงามที่งามอย่างมีคุณค่า 5555


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
โพสต์โพสต์แล้ว: ศุกร์ 24 เม.ย. 2009 12:44 am 
ออฟไลน์
Administrator
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ 08 ก.ย. 2008 11:37 am
โพสต์: 6391
ขอบพระคุณล่วงหน้าก๊าบบบ :D

_________________
089 969 9445 @ anytime
line ID navaraht


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
โพสต์โพสต์แล้ว: ศุกร์ 24 เม.ย. 2009 2:36 am 
ออฟไลน์
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 14 ก.ย. 2008 11:16 pm
โพสต์: 1786
ขอบพระคุณมากครับ เป็นเรื่องที่ดีและน่าติดตามจริงๆ นี่ถ้ามีรูปภาพประกอบนะครับ
"เหลืองยังต้องยอม" "แดงยังต้องหลบ" เลยอ่ะครับ
:mrgreen: :mrgreen:
ปล.เป็นการเปรียบเทียบนะครับ มิได้หวังผลทางการเมือง :lol: :lol:


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
โพสต์โพสต์แล้ว: ศุกร์ 24 เม.ย. 2009 10:04 am 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 27 มี.ค. 2009 12:25 am
โพสต์: 32
จริงแล้วมีรูป ครับ แต่ไม่มีเครื่อง สแกนเลยไม่รู้จะเอาไปที่ไหน แหะๆ เดียว หาที่สแกนได้จะเอามาแปะท้าย ให้ดู :shhy:


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
โพสต์โพสต์แล้ว: ศุกร์ 24 เม.ย. 2009 11:14 am 
ออฟไลน์
Administrator
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ 08 ก.ย. 2008 11:37 am
โพสต์: 6391
ขอบคุณครับ :D คุณจิตรอิสระ

_________________
089 969 9445 @ anytime
line ID navaraht


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
โพสต์โพสต์แล้ว: ศุกร์ 24 เม.ย. 2009 3:00 pm 
ออฟไลน์
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 14 ก.ย. 2008 6:00 am
โพสต์: 6586
ขอบพระคุณล่วงหน้าก่อนเลยครับผม :P

_________________
ถ้าเราไม่อยากได้อะไรจากใคร ก็จะไม่มีอะไรให้หมางใจกัน


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 15 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: Bing [Bot], Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
cron
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO