นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน ศุกร์ 29 มี.ค. 2024 8:55 am

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 9 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
โพสต์โพสต์แล้ว: เสาร์ 04 เม.ย. 2009 3:12 am 
ออฟไลน์
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 14 ก.ย. 2008 6:00 am
โพสต์: 6586
“พระโหรากล่าวโศลกบูชาฤกษ์และพระมหาราชครูอ่านกระแสพระราชโองการตั้งพระมหานคร ขุนโหรเริ่มประกอบพิธีกล่าวอุทิศเทพสังหรณ์ อัญเชิญก้อนดินซึ่งพลีมาแต่ทิศทั้ง 4 แห่งพระนคร กระทำให้เป็นก้อนกลมดุจลูกนิมิตลงสู่ก้นหลุมเป็นลำดับกันไปเริ่มแต่ทิศบูรพา ทักษิณ ปัจฉิมและอุดร จากนั้นนำแผ่นศิลาเลขยันต์สำหรับรับรองหลักวางลงบนก้อนดินทั้ง 4 ก้อนนั้น ส่วนภายในก้นหลุมนั้นเล่าก็ได้ตกแต่งไว้เรียบร้อย กรุด้วยผ้าขาวสะอาดบริสุทธิ์ ดาษไปด้วยใบไม้อันเป็นมงคล 9 ประการ โปรยปรายแก้วนพรัตน์ไว้เรียงรายโดยรอบขอบปริมณฑลภายในก้นหลุมนั้น”

ขณะที่ได้พระฤกษ์ พระโหราย่ำฆ้องบอกกำหนดพระฤกษ์ ชีพราหมณ์เป่ามหาสังข์แกว่งบัณเฑาะว์ เจ้าพนักงานประโคมดุริยางค์แตรสังข์และพิณพาทย์ เจ้าหน้าที่ประจำยิงปืนใหญ่เป็นมหาพิชัยฤกษ์ เริ่มพระราชพิธีอัญเชิญเสาหลักเมืองลงสู่หลุม โดยวางไว้บนแผ่นศิลายันต์

ทันทีนั่นเอง ก็เกิดปรากฏการณ์เป็นมหัศจรรย์ขึ้น โดยปรากฏว่ามีงูตัวเล็ก ๆ 4 ตัวปาฏิหาริย์ลงไปอยู่ในหลุมนั้น และก็บังเอิญบันดาลให้ทุกคนที่ไปร่วมชุมนุมประกอบพิธีอยู่ ณ ที่นั่น ได้เห็นงูในขณะที่เคลื่อนเสาหลักเมืองนั้นลงไปในหลุมเสียแล้ว ซึ่งเมื่อก่อนที่จะยกเสาลงสู่หลุมนั้น หาปรากฏว่ามีงู 4 ตัวดังกล่าวนั้นไม่ และก็หมดโอกาสที่จะแก้ไขประการใด ๆ ได้ทั้งสิ้น เพราะเมื่อตอนที่เห็นงูนั้นเป็นขณะที่เสาได้เคลื่อนลงหลุมแล้ว จึงจำเป็นจะต้องปล่อยให้เลยตามเลยไป โดยปล่อยให้เสาลงไปในหลุมและกลบดินให้แน่น ทำให้งูทั้ง 4 ตัวนั้นต้องตายอยู่ภายในก้มหลุมนั่นเอง

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ในขณะที่ฝังเสาหลักเมืองนี้ ได้ยังพระวิตกให้แก่สมเด็จพระพุทธยอดฟ้าฯ เป็นอันมาก ทรงเรียกประชุมเหล่าเสวกามาตย์ราชบัณฑิตปุโรหิตาจารย์ พระราชาคณะและบรรดาผู้รู้ทั้งปวงมาร่วมประชุมวิจารณ์ถึงเหตุการณ์ที่บังเกิดขึ้นครั้งนี้ว่า จะเป็นมงคลนิมิตหรืออวมงคลนิมิต บรรดาผู้รู้ทั้งปวงต่างก็ให้ความเห็นสอดคล้องต้องกันว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้จัดว่าอยู่ในจำพวกอวมงคลนิมิต แต่ก็ไม่สามารถจะชี้ลงไปได้ว่า ผลจะปรากฏออกมาในทำนองใด นอกจากจะลงความเห็นว่างูเล็กทั้ง 4 นั่นแหละ จะเป็นมูลเหตุนำความอวมงคลให้แก่บ้านเมือง


แต่ก็เกิดเหตุการณ์ที่ถือว่าเป็นการบอกกล่าวของเทพยดาฟ้าดินขึ้นมาในระยะนั้น โดยเกิดฟ้าผ่าไฟไหม้พระที่นั่งอมรินทร์มหาปราสาท ทำให้ทรงพระราชวินิจฉัยออกมาว่าเป็นการสะเดาะเคราะห์เมือง โดยที่เทพยดาบันดาลให้เกิดฟ้าผ่าจนไฟไหม้พระมหาปราสาท ตามธรรมดาต้องเสียเมืองก่อนจึงจะเสียพระมหาปราสาท คราวนี้ได้เสียพระมหาปราสาทไปแล้วเท่ากับเสียเมืองไป เพราะเหตุที่ชะตากรุงเทพมหานครในระยะเริ่มตั้งแต่ฝังเสาหลักเมืองมานั้น

ชะตาเมืองอยู่ในเกณฑ์ร้ายถึง 7 ปี 7 เดือน เป็นอันเสร็จสิ้นพระเคราะห์เมืองไป และจะถาวรลำดับกษัตริย์ไป 150 ปี (อ.เทพย์ สาริกบุตร “โหราศาสตร์ในวรรณคดี”) คนไทยทุกคนที่อยู่ในกรุงเทพฯ หรือเคยเดินทางมากรุงเทพฯ ก็คงจะได้พบได้เห็นศาลเจ้าพ่อหลักเมืองที่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกเป็นประธานในการทำพิธีฝังตามคัมภีร์ของคนไทยที่ชื่อว่า คัมภีร์พระนครฐาน

แต่สำหรับคนธรรมดาสามัญทั่วไป หรือเฉพาะคนรุ่นใหม่ทุกวันนี้นับจำนวนล้าน ๆ คน อาจจะไม่เคยทราบว่าการทำพิธีฝังเสาหลักเมืองในวันนั้นเป็นเรื่องไม่ธรรมดาพิลึกพิลั่นและมีเหตุการณ์อันประหลาดมหัศจรรย์มากมายเพียงใด หรือคนโบราณเขาได้ทำกันอย่างไร และมีอะไรประกอบขึ้นมาบ้างก่อนที่จะมาเป็นศาลเจ้าพ่อหลักเมืองที่มีความสำคัญและศักดิ์สิทธิ์ จึงสามารถทำให้พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าฯ ทรงทำนายทายทักออกมาได้ว่า นับตั้งแต่วันที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2325 เป็นต้นไป ระบอบการปกครองของไทยจะต้องเปลี่ยนจากระบอบราชาธิปไตยไปเป็นประชาธิปไตยอย่างที่ปรากฏอยู่ทุกวันนี้

และยิ่งไปกว่านั้น การเปลี่ยนแปลงในวันทำเสาหลักเมืองนั้น ทุกคนที่ร่วมชุมนุมทำพิธีเหล่านั้น ตั้งแต่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าฯ และบรรดาชีบานาสงฆ์ฐานันดรสูงสุดของประเทศ ได้เห็นเป็นประจักษ์พยานว่า มันมีสิ่งบอกเหตุว่าจะต้องเกิดขึ้น เพราะในหลุมลึกที่ฝังเสาหลักเมืองที่กรองก้นหลุมไว้ด้วยผ้าขาวและสรรพคาถาอาคมและสิ่งศักดิ์สิทธิ์มากมายนั้น เมื่อเวลานำเสาลงหลุมเสร็จและกำลังจะกลบด้วยดินตามปกตินั้น ทุกคนก็ได้เห็นว่ามีงูเล็ก 4 ตัวลงไปนอนเล่นอยู่ในหลุม โดยที่ไม่มีทางแก้ไขอะไรได้ นอกจากถมให้ตายลงไป

และงูตัวนั้น โบราณหรือกษัตริย์ของกรุงรัตนโกสินทร์ทรงทราบว่า มันบอกถึงการสิ้นสุดของระบอบราชาธิปไตยของคนไทย ว่าการสิ้นสุดของระบอบนั้นจะเกิดจากการถือกำเนิดของเชื้อพระวงศ์ 4 พระองค์ของกรุงรัตนโกสินทร์ และเหตุการณ์ก็เป็นจริงเพราะว่าจากวันนั้นมาถึงวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2475 เป็นวันที่ครบ 150 ปี จากวันที่ฝังเสาหลักเมืองและการตายของงูทั้ง 4 ตัวนั้นเหมือนกับนัด

ในระยะนั้น เจ้านาย 4 พระองค์เป็นผู้รับผิดชอบกิจการของบ้านเมืองทั้งฝ่ายนอกฝ่ายในคือ

1. พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว
2. สมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระนครสวรรค์วรพินิจ
3. กรมพระกำแพงเพชรอัครโยธิน
4. สมเด็จเจ้าฟ้ากรมหลวงเพชรบุรีราชสิรินทร

ซึ่งทุกพระองค์ทรงมีพระราชสมภพในปีเดียวกันทั้ง 4 พระองค์คือ ปีมะเส็งซึ่งหมายถึง งูเล็กหรืองูทั้ง 4 ตัวที่ตายอยู่ในหลุมฝังเสาหลักเมืองวันนั้น

ดวงชะตาเมืองที่จัดทำขึ้นวันนั้นมันมีอาถรรพณ์และมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ตามความเชื่อของคนไทยโบราณ และมันแสดงให้เห็นเป็นประการแรกที่พิสูจน์ได้ สมัยเจ้าฟ้าทั้ง 4 พระองค์ หรือคนโบราณรู้ดีว่าการเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้น หรือไม่เกิดหรือจะสิ้นอายุ 150 อายุพระนครตามที่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกทรงให้คำทำนายไว้นั้น ตามประเพณีไทยก็ต้องไปทำบุญแก้เคล็ดหรือสะเดาะเคราะห์ไว้ก่อน เพราะฉะนั้นเจ้าฟ้าทั้ง 4 พระองค์นี้ก็ได้ร่วมกันสร้างตึกขึ้นหลังหนึ่งที่เรียกว่า ตึกสี่มะเส็ง ที่บริเวณโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์หรือที่สถานเสาวภาทุกวันนี้


การที่จะคาดหมายว่าอะไรจะเกิดขึ้นอย่างไรของคนโบราณอย่างที่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าฯ ทรงทำนายไว้นั้น ความจริงไม่เพียงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนั้นเท่านั้น แต่ตามประเพณีก็จะดูกันจากดวงชะตาเมือง ซึ่งโหรไทยหรือนักศึกษาโหราศาสตร์ไทยทุกคนก็จะรู้กันดีว่าเอาอะไรมาทำนายทายทักกันอย่างไร

อย่างไรก็ตาม เรื่องของขนบประเพณีในการสร้างบ้านสร้างเมืองหรือหลักการสร้างบ้านสร้างเมืองตามพิธีนครฐานนั้น เต็มไปด้วยกฎเกณฑ์ร้อยแปดที่จะต้องการสองประการคือ

1. จะต้องมีอาถรรพณ์หรือคำสาปแช่งนานาประการที่จะป้องกันเสนียดจัญไรหรืออันตรายทุกอย่างที่จะเกิดขึ้นแก่บ้านเมือง ผู้ใดที่ไม่หวังดีหรือได้กระทำความชั่วให้เกิดเหตุร้ายแก่บ้านเมืองจะต้องวินาศฉิบหายไป อริราชศัตรูหรือผู้ไม่หวังดีต่อบ้านเมืองที่กระทำการอันเป็นโทษต่อบ้านเมืองนั้น จงแพ้ภัยแก่ตัวเองและจะประสบความวินาศฉิบหายไป

2. ให้ฝนฟ้าตกต้องตามฤดูกาล ไม่ให้ผู้คนอดอยากและได้รับเวรภัยใด ๆ ให้ประสบแต่ความสมบูรณ์พูนสุขทั้งบ้านเมือง ทั้ง 4 มุมเมืองของกรุงเทพมหานครนั้น คนโบราณเล่ากันต่อไปว่าได้มีการฝังอาถรรพณ์ไว้ทั้งทิศเหนือ ทิศใต้ ทิศตะวันออกและทิศตะวันตก เพื่อป้องกันคนชั่วและคนที่มีความประสงค์ร้ายต่อบ้านเมือง อย่าได้มีโอกาสเข้ามาพ้นจากมุมที่ท่านฝังอาถรรพณ์เหล่านั้นไว้เป็นอันขาด



ว่ากันว่าคนที่เป็นผู้เชี่ยวชาญทางคาถาอาคมหรือเครื่องลางของขลังแน่นขนาดไหนก็ตาม เพียงแต่เดินผ่านมุมเมืองทั้งสี่มุมใดมุมหนึ่งเข้ามา ท่านก็ว่าวิชาอาคมทั้งปวงก็จะเสื่อมหมด ดีไม่ดีติดคุกเอาง่าย ๆ ในชีวิตจะหมดสิริมงคลทำมาหากินไม่ขึ้นเอาทีเดียว

ที่มีการบอกกล่าวกันว่า ได้มีการฝังอาถรรพณ์ไว้ทั้ง 4 มุมเมืองในวันนั้นก็เป็นเพียงรับรู้และบอกเล่ากันมา แต่ความจริงที่ทำอย่างแน่นอนก็คือ การอัญเชิญท้าวจตุโลกบาลทั้ง 4 เข้ามาประกอบพิธีด้วย ท่านว่า “และให้ปลูกโรงศาลโรงพิธีขึ้นใกล้ๆ กับหลุมที่จะขุด เพื่อจะปักเสาหลักเมืองนั้น ตั้งศาลจตุโลกบาลทั้ง 4 ทิศขึ้น 4 ศาล” ซึ่งอาจจะเป็นการฝังอาถรรพณ์ทั้ง 4 มุมเมืองที่บอกกล่าวกันมาก็ได้


เช่นเดียวกับเจ้าขุนมูลนายหรือผู้ปกครองบ้านเมืองที่คิดว่าตัวเองคือพระเจ้าที่อยากจะทำอะไรตามใจตัวเองก็ทำได้นั้น ก็ไม่เคยมีใครประสบความสำเร็จ นอกจากความวิบัติฉิบหายน้อยมากตามกรรมตามเวรของแต่ละคนก็ได้พิสูจน์กันมาแล้วเป็นลำดับ เฉพาะอย่างยิ่งตั้งแต่หลังจากการเปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นต้นมา ดูเหมือนจะอยู่จะตายพร้อมกับเสียงสาปแช่งของผู้คนไม่มากก็น้อย

หรือเอากันว่าโอกาสที่จะตายดีกันอย่างสามัญชนกันนั้น มีน้อยคนทีเดียว!

ตัวอย่างคณะผู้เปลี่ยนแปลงการปกครอง ซึ่งคนสำคัญ ๆ ล้วนแต่ดื่มน้ำพระพิพัฒน์สัตยากันมาแล้วทั้งนั้น และเมื่อปฏิวัติแล้วก็ได้รับพระราชทานอภัยโทษ แล้วทุกคนก็แตกกระสานซ่านเซ็นกันไปเกือบทั้งหมด เท่านั้นยังไม่พอ ยังพยายามติดตามจองล้างจองผลาญกันอย่างไม่ลืมหูลืมตาเอาด้วย ไม่ว่าเป็นพระยาทรงสุรเดช พระยาศรสิทธิสงครามและคนอื่น ๆ แม้แต่จอมพล ป. พิบูลสงครามเอง ทุกคนใช้ชีวิตสุดท้ายด้วยความทุกข์ยากและตายไม่ดีกันทั้งนั้น

แม้แต่หลวงประดิษฐ์มนูธรรม ถึงว่าจะทำบุญกุศลและสร้างเกียรติยศให้แก่บ้านเมืองเพียงไร ก็ไม่มีโอกาสได้ตายอย่างรัฐบุรุษของชาติ แต่ตายนอกประเทศที่ตนเองกอบกู้มันเอาไว้ และที่ร้ายที่สุดก็คือ ความแตกแยกชนิดเอากาวอะไรทาก็ไม่ยอมติด นั่นคือความอาถรรพณ์ของดวงชะตาเมือง

และรัฐบาลชุดนี้(พตท.ทักษิณ)ที่ถือเอาฤกษ์วันที่ 3 ตุลาคมที่ผ่านมานั้นเป็นหลัก สิ่งที่จะเกิดก่อนอื่นที่ไม่สามารถจะแก้ไขก็คือ ความแตกแยกที่จะต้องแตกกันขนาดต้องพังไปข้างหนึ่งอย่างไม่ต้องสงสัยอะไร ถึงแม้ว่ามีโอกาสได้ตั้งกระทรวงต่าง ๆ มาถลุงเงินประชาชนกันอย่างสนุกมือก็ตาม แต่ก็จะต้องระวังอาถรรพณ์และคำสาปแช่งของโบราณนั้นไว้บ้างก็ดี เพราะเสาหลักเมืองยังอยู่ อาถรรพณ์และเสียงสาปแช่งจะไม่ไปไหนเสีย

ถ้าหากเกิดความสกปรกหรือผิดพลาดอะไรขึ้นมา เจอพิษงูเล็กชุดนี้แน่

ไม่เพียงแต่ตัวรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมเท่านั้น แต่คณะรัฐบาลทั้งชุด ทั้งคณะควรจะรู้เรื่องราวของอาถรรพณ์เหล่านี้ไว้บ้าง อาจจะมีประโยชน์ก็ได้

สิ่งศักดิ์สิทธิ์นั้น ไม่เคยไว้หน้าใครหรอก

ไม่ว่าจะเป็นใครหรืออยู่ในตำแหน่งใหญ่ขนาดไหนก็ตาม !


.........................................................................................

ที่มา : น.ส.พ. ผู้จัดการ ลงวันศุกร์ที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2545

_________________
ถ้าเราไม่อยากได้อะไรจากใคร ก็จะไม่มีอะไรให้หมางใจกัน


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
โพสต์โพสต์แล้ว: เสาร์ 04 เม.ย. 2009 9:40 am 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร 30 ก.ย. 2008 10:00 am
โพสต์: 634
ขอบคุณมากครับ สำหรับข้อมูลดีๆ :shock: อ่านแล้วก็เชื่อว่า สิ่งศักดิ์สิทธิ์มีจริง ผมว่าคนที่คิดร้ายกับประเทศไทยไม่ได้กลับมาประเทศแน่นอน อาจจะตายที่อื่น


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
โพสต์โพสต์แล้ว: เสาร์ 04 เม.ย. 2009 3:38 pm 
ออฟไลน์
Administrator
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ 08 ก.ย. 2008 11:37 am
โพสต์: 6391
ถูกใจ ถูกใจ สาาา ... ธุ

_________________
089 969 9445 @ anytime
line ID navaraht


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
โพสต์โพสต์แล้ว: เสาร์ 04 เม.ย. 2009 5:42 pm 
ออฟไลน์
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ 13 ต.ค. 2008 8:03 pm
โพสต์: 288
ขอบคุณคับ


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
โพสต์โพสต์แล้ว: เสาร์ 04 เม.ย. 2009 10:12 pm 
ออฟไลน์
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ 10 ธ.ค. 2008 11:36 pm
โพสต์: 1173
ดีจังครับเรี่องนี้เข้ากับบรรยากาศของวันที่ 6 เม.ย ที่จะถึงนี้ก็คือวัน จักรี แล้วครับ

_________________
หนอนในอาจมย่อมสกปรก เมื่อกลายเป็นจั๊กจั่นก็ดื่มน้ำค้าง เมื่อกลายเป็นหิ่งห้อยก็เรืองโรจน์ใต้เเสงจันทร์
พึงรู้ว่าสะอาดเกิดจากสกปรก สว่างเกิดจากมืดมน


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
โพสต์โพสต์แล้ว: อาทิตย์ 05 เม.ย. 2009 12:21 am 
ออฟไลน์
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 14 ก.ย. 2008 5:09 pm
โพสต์: 1368
ผมเชื่อในกฎแห่งกรรม


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
โพสต์โพสต์แล้ว: อาทิตย์ 05 เม.ย. 2009 12:29 am 
ออฟไลน์
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 14 ก.ย. 2008 6:00 am
โพสต์: 6586
ผมก็เชื่อเป็นอย่างยิ่งครับ

จึงคิดง่าย ๆ ว่า "ใครทำอะไรไว้ ก็จะได้อย่างนั้นกลับไป"

คิดดี กระทำดีกับผู้อื่น มุ่งให้ผู้อื่นมีความสุข ความสุขอย่างยิ่งก็จะกลับมาเป็นสมบัติตน

คิดชั่ว กระทำชั่วกับผู้อื่น มุ่งให้ผู้อื่นมีความทุกข์ ความทุกข์อย่างยิ่งก็จะกลับมาเป็นสมบัติตน

วันนี้ผมได้เห็นหลายคนแล้วครับ ที่กำลังรับผลอันนั้น

_________________
ถ้าเราไม่อยากได้อะไรจากใคร ก็จะไม่มีอะไรให้หมางใจกัน


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
โพสต์โพสต์แล้ว: อาทิตย์ 05 เม.ย. 2009 1:25 am 
ออฟไลน์
Administrator
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ 08 ก.ย. 2008 11:37 am
โพสต์: 6391
ถะ ถะ ถุ ถูกต้องนะคร้าบบบ :D

_________________
089 969 9445 @ anytime
line ID navaraht


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
โพสต์โพสต์แล้ว: พุธ 20 พ.ค. 2009 9:49 pm 
ออฟไลน์
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. 19 ก.พ. 2009 1:17 am
โพสต์: 6
สาธุ สาธุ สาธุ จริงครับ :pry:

_________________
พุทธํ สรณํ คจฺฉามิ ธมฺมํ สรณํ สรณํ คจฺฉามิ สงฺฆํ สรณํ คจฺฉามิ


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 9 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 3 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
cron
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO