นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน อังคาร 16 เม.ย. 2024 12:22 pm

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 25 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป
เจ้าของ ข้อความ
โพสต์โพสต์แล้ว: อังคาร 31 มี.ค. 2009 11:55 pm 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร 16 ก.ย. 2008 11:16 am
โพสต์: 94
มหาวิเศษ-มหาระงับ มหัศจรรย์แห่งตะกรุดโทนของ หลวงพ่อสาลีโข (สมภพ เตชปุญโญ)
โดย...รณธรรม ธาราพันธุ์


ตะกรุด เป็นเครื่องรางชนิดหนึ่งซึ่งอาจทำจากใบลาน กระดาษสา หรือหนังสัตว์ ที่พบเห็นบ่อยที่สุด คือ โลหะธาตุต่างชนิด อาทิ ทองคำ นาก เงิน ตะกั่ว ฯลฯ สุดแต่พระคณาจารย์รูปใดจะเห็นเหมาะนำมาแผ่เป็นแผ่นแบน แล้วลงจารอักขระสำคัญ พระยันต์ต่าง ๆ ซึ่งท่านได้ร่ำเรียนมาจนชำนิชำนาญ ก่อนจะม้วนเป็นหลอดกลมแล้วเสกเป่าสำทับอีกครั้งเป็นเสร็จพิธี

นี่ว่าโดยย่อ

แท้จริงการทำตะกรุดของแต่ละสำนักย่อมมีเอกลักษณ์ต่างแบบกันไปขึ้นอยู่กับการสืบทอด เช่น ตะกรุดลูกอมของหลวงพ่อเฒ่ายิ้ม วัดหนองบัว จ.กาญจนบุรี ที่ถ่ายทอดให้พระเถระรุ่นใหญ่ดัง หลวงปู่ใจ วัดเสด็จ หลวงปู่เหรียญ วัดหนองบัว หรือ หลวงปู่ดี วัดเหนือ

ย่อมต้องใช้กระแสจิตเข้มข้นในการลงอักขระเรียกสูตรและเพ่งเสกจนแผ่นโลหะม้วนตัวเข้าหากันเป็นรูปตะกรุด ฉะนั้นหลวงพ่อเฒ่ายิ้มจึงต้องสอบศิษย์ที่มาเรียนโดยให้เพ่งเทียนจนละลายไส้ขาดกลาง

ถือว่าสอบผ่าน

ชัดเจนว่าตะกรุดเป็นของทำยาก สร้างลำบากโดยเกณฑ์อยู่แล้ว อักขระแต่ละตัวที่ลงจำต้องเรียกสูตร ปฏิสนธิตั้งนาม และกรึงไว้ไม่ให้เสื่อม เส้นยันต์หนึ่งเส้นมีคาถาว่าเฉพาะบท ขมวดมุมยันต์ก็อีกบท เส้นกลางในตัวยันต์ก็อีกบท เขียนทับกันก็ไม่ได้ ถือว่าวิบัติต้องทิ้งไป

ละเอียดลออเห็นปานนี้

ตะกรุดจึงเป็นของที่พระอาจารย์ทั้งหลายไม่ใคร่มอบให้ใครโดยไม่จำเป็น คนได้ต้องย่อมผ่านการกลั่นกรองจากท่านดีแล้วจึงได้ เช่น พระสุทธิสารวุฒาจารย์ หรือ หลวงปู่ใจ วัดเสด็จ จ.สมุทรสงคราม เมื่อใครปรารถนาตะกรุดสุดยอดของท่าน คือ ตะกรุดมหาระงับ ครั้นท่านอนุญาตว่าทำให้ ต้องรีดแผ่นเงินบริสุทธิ์มาให้ได้ 7 นิ้วไทย เกินกว่าก็ไม่ได้ น้อยกว่าก็ไม่ได้ ท่านเตรียมไม้บรรทัดวัดทีเดียว

ผิดนิดหนึ่งไล่กลับทันที

หากสมบูรณ์ ท่านก็รับไว้แล้วรอฤกษ์ลงอักขระเลขยันต์ บางดอกใช้เวลาหลายเดือนกว่าจะเสร็จด้วยไม่ปรากฏฤกษ์ในระยะนั้น เมื่อลงครบตามตำราบังคับ ท่านก็เอาด้ายพรหมจารีมาถักหุ้มตัวตะกรุด จากนั้นก็พอกว่านยาผสมผงวิเศษจนทั่วถึง แล้วลงรักทับให้แน่นหนาจึงปิดทองคำแท้เป็นการสมโภชภายหลัง ท้ายสุดก็ขั้นตอนปลุกเสกโดยว่ากันตามอัธยาศัยจนจุใจท่าน แล้วค่อยประสิทธิเมให้ศิษย์

นี่ก็เล่าโดยย่อ

ตะกรุดมหาระงับของหลวงปู่ใจปรากฏอภินิหารลือลั่นไปทั่ว มีคนอยากได้ของท่านมากมายแต่ของที่อยากไม่มีจะได้ ลางทีมีเงินแต่ไม่มีของก็ต้องจนใจ ไม่นานเท่าไรก็มีข่าวพระรูปหนึ่งสร้างตะกรุดมหาระงับ มีคุณวิเศษดุจเดียวกัน อยู่ จ.พระนครศรีอยุธยา ท่านชื่อว่า หลวงพ่อเทียม สิริปัญโญ วัดกษัตราธิราช

ตะกรุดมหาระงับตำรับพิศดารของหลวงพ่อเทียม มีขนาดใหญ่ราว 1 ฟุตเศษ ส่วนใหญ่คนไม่เอาติดตัวด้วยพกพาลำบาก นิยมผูก-วางบูชาบนหิ้งพระในบ้านเรือน เพื่อปัดเป่าเสนียดจัญไรภัยพิบัตินานา เช่น ชายชาวสวนคนหนึ่งต้องตระหนกถึงขีด เมื่อเห็นว่าไฟไหม้สวนผลไม้เพื่อนบ้านแล้วลามดิ่งตรงมายังสวนตน

จะบนบานวิงวอนอะไรก็ไม่เป็นผล เพราะเปลวไฟแดงโร่ฟ้องอยู่ว่าอีกไม่กี่นาทีสวนเขาซึ่งติดกันต้องวอดวายสิ้นเนื้อประดาตัวแน่แท้ ก็น่ามหัศจรรย์ที่สุด เมื่อเปลวไฟแดงฉานลามเลียมาถึงคันสวน ปรากฏพระเพลิงอ่อนกำลังลงตามลำดับแล้วหยุดสนิทเป็นแนวยาวไม่อาจแผดเผาต้นผลไม้ที่อยู่ติดกัน

นึกฉงนในใจก็ไม่รู้คำตอบว่าเป็นเพราะเหตุใด ต่อเมื่อเข้าไปนั่งพักในกระท่อมชายสวน สายตาก็เหลือบไปเห็นตะกรุดมหาระงับบอกเขื่องแขวนอยู่ในกระท่อม ซึ่งตนได้แขวนไว้นานเนเพื่อหมายจะเป็นเครื่องกันภัยอันอาจเกิดได้ในวันหนึ่งข้างหน้า

แขวนจนลืม

หากอำนาจพุทธคุณในตะกรุดไม่ขึ้นตรงต่อลืมหรือไม่ลืมของใคร จึงแสดงอภินิหารห้ามไฟไม่ให้กล้ำกรายเข้าทำลายทรัพย์ผู้เป็นเจ้าของ

เรียกว่า ‘ระงับ’ ภัยได้จริง

ข่าวขลังของตะกรุดหลวงพ่อเทียมจึงสะพัดไปในหมู่ผู้นิยมพระ พลอยส่งตะกรุดนานาชนิดของท่านได้แสดงกฤดาภินิหารฉายโชนขึ้นหลังจากผู้ไปนมัสการท่านเช่าติดมือกลับไป เช่น ตะกรุดโทนมหารูด, ตะกรุดสี่มหาอำนาจ เป็นต้น

ครั้นสิ้นหลวงพ่อเทียม ในปี พ.ศ.2522 ความหวังของผู้ปรารถนาตะกรุดวิเศษซึ่งสร้างอย่างถูกแบบทุกประการก็เลือนลับ พระคณาจารย์ที่รู้จริงก็ลาโลกวุ่น ๆไปจนสิ้น ทิ้งไว้เพียงปริศนาแห่งการทำขลังและตำราที่พระอาจารย์รุ่นใหม่อ่านตัวขอม มะ อะ อุ เป็น เอ อี ไอ โอ ยู

ผมผู้เฝ้ามองย้อนหลังถึงกำเนิดของตะกรุดมหาระงับหลวงปู่ใจ ระเรื่อยมาจนตะกรุดมหาระงับหลวงพ่อเทียมก็ถึงความรันทดจนต้อง ‘ระงับ’ ความอยากของตนเสียเอง ด้วยมองไม่เห็นว่าใครจะสร้างขลังเพียงนั้นได้อีก

จนต้นปี พ.ศ.2541 ผมรับฟังข่าวหนึ่งอย่างตื่นเต้นถึงใจ เมื่อคุณอภิรักษ์ จุฬาสินนท์ คนชอบพระเล่าประสบการณ์จากคนใกล้ชิดที่เป็นหัวหน้าช่างให้ฟังว่า นายช่างคนนี้มีภรรยาที่คิดเอาใจออกห่าง คุณอภิรักษ์เห็นความกลัดกลุ้มของลูกน้องแล้วทนไม่ได้ จึงไปเช่าตะกรุดมหาระงับมาเผื่อดอกหนึ่ง พร้อมแจงว่าให้ลองบูชา ถ้าไม่ได้ผลยินดีเช่าคืน

วันเวลาผ่านไป หัวหน้าช่างก็ยังซึมเศร้าไม่เปลี่ยน คุณอภิรักษ์เข้าไปถามข่าวคราว เขาก็โวยว่าตะกรุดนั้นไม่เห็นมีดีตรงไหนเลย บูชามาตั้งนานก็เหมือนเดิม เลยถามว่าบูชายังไง นายช่างว่าเอาไว้บนหิ้งกราบไหว้นั่นแหละ คุณอภิรักษ์จึงเอะอะเอาบ้างว่า ใครเขาทำอย่างนั้น ให้อาราธนาลงมาใช้สิ วิธีการก็มีอยู่ในใบสรรพคุณที่มาพร้อมกัน

หัวหน้าช่างตาสว่างรีบกลับบ้านอาราธนาตะกรุดลงมาสวดตามใบฝอย ทำน้ำมนต์ล้างหน้าสระหัวอาบตัวเอง จากนั้นก็เปิดตู้เย็นเอาตะกรุดลงแกว่งในกระบอกน้ำดื่มทุกอัน พลางอธิษฐานในใจขออานุภาพแห่งตะกรุดจงระงับความคิดที่จะทิ้งสามีไปอยู่กับคนอื่นด้วยเถิด

ตกตอนเย็นศรีภรรยากลับมาบ้านพร้อมกับขนเสื้อผ้าเตรียมย้าย เก็บโน่นเก็บนี่จนเหนื่อย ยกของลงมากองหน้าบ้านแล้วตรงไปเปิดตู้เย็นหยิบน้ำมาดื่ม ดื่มแล้วนั่งพักอยู่ครู่เดียวก็ลุกไปหยิบกระเป๋าเสื้อผ้า สามีใจหายวาบ อะไรกันวา! ทำตามตำราทุกอย่าง ไม่ได้ดีอะไรเลยแล้วหัวใจก็กระตุกวูบเมื่อยอดรักหอบข้าวของตรงดิ่งเข้าไปเก็บที่เก่า ขอโทษขอโพยจนลงเอยด้วยดี

ทุกวันนี้ยังอยู่ด้วยกัน

อำนาจเร้นลับมหัศจรรย์ในตะกรุดดอกดังกล่าว แสดงอานุภาพดลใจภรรยา-สามีให้ครองคู่คืนดีอย่างเก่าได้อย่างไม่น่าเชื่อ แต่ทั้งหมดเป็นเรื่องจริงชนิดที่ไม่ได้เห็นกับตาก็ไม่อยากเชื่อว่าจริง

ผมถามลั่นคับบ้านคุณอภิรักษ์ว่า ตะกรุดนั้นเป็นของอาจารย์ใด อยู่ที่ไหน คุณอภิรักษ์ตอบยิ้ม ๆ ในลนลานกิริยาของผมว่า

“หลวงพ่อสาลีโข สำนักพุทธอุทยานธรรมโกศล ปทุมธานี”
01-1.jpg



วันเดียวกับที่คุณอภิรักษ์เล่า ผมก็มาปรากฏตัวที่หน้าตู้วัตถุมงคลของทางวัดเช่านั่นเช่านี่จนตัวเองงง ที่ขาดไม่ได้ “ตะกรุดมหาระงับ” ดอกต้นเหตุของเรื่องตะกรุดที่ผมใฝ่ฝันมานานว่าน่าจะมีอย่างถูกแบบกับเขาสักดอก เมื่อผมซักประวัติการสร้าง ผมบอกได้คำเดียวว่า

นี่แหละ ‘สุดยอด’

ตะกรุดโทนมหาระงับดอกนี้สร้างขึ้นตามตำราพิชัยสงคราม ซึ่งเก็บรักษาไว้ที่ วัดประดู่ทรงธรรม จ.พระนครศรีอยุธยา ตักศิลาแห่งสรรพวิชาทั้งมวลของเมืองกรุงเก่า แต่หลวงพ่อสาลีโข ท่านได้วิธีการสร้างมาจากดวงวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ผู้เป็นครูท่าน คือ หลวงปู่เผือก วัดสาลีโข

ก็ไม่น่าแปลกใจเพราะหลวงปู่เผือก ท่านเป็นพระในสมัยอยุธยาตอนปลาย ย่อมต้องได้สืบทอดพุทธาคมมาจากตำรับเก่าวัดประดู่ฯอยู่แล้ว
01.jpg



ตะกรุดโทนมหาระงับต้องใช้แผ่นทองแดงหนา ที่มีความยาวถึง 9 นิ้ว กว้าง 7 นิ้ว เพราะประกอบด้วยพระยันต์ศักดิ์สิทธิ์ และอักขระวิเศษมากมาย ถ้าแผ่นเล็กจะลงไม่พอ

ยันต์ที่ลงนั้นจำต้องลงกำกับทั้งด้านหน้าและด้านหลังเต็มแน่นหมด โดยหลวงพ่อกำหนดฤกษ์ยามมงคลในการลงทุกขั้นตอน ครั้นม้วนแล้วเสร็จก็ถักด้วยด้ายสายสิญจน์ที่ผ่านการปลุกเสกมาแล้วอย่างดี คลุกด้วยน้ำรักแท้ดำสนิท จากนั้นก็พอกผงวิเศษมหาระงับลงไปบนด้ายอีกที

โดยผงมหาระงับนั้นประกอบด้วย ผงพุทธคุณ 2 ชนิด คือ ผงปถมัง และ ผงมหาราช ซึ่งวิธีการเขียนและเสกผงนี้ กว่าหลวงพ่อสาลีโขจะเรียนจำทำเป็นจนชำนิชำนาญ ท่านใช้เวลาศึกษาถึง 17 ปีเต็ม คิดดูเถิด นี่เฉพาะการทำผงวิเศษ 5 ประการเท่านั้นหนา

ต้องหาใบไม่รู้นอน 7 สิ่งมาบดผสมลงไป ได้แก่ ใบชุมแสง, ใบสมี, ใบระงับ, ใบหิงหาย, ใบกระเฉด, หญ้าใต้ใบ และใบกระถิน ผสมกับไม้งิ้วดำ ผงคัมภีร์ใบลานของวัดสาลีโข ผงพระประธานองค์เก่าในโบสถ์วัดสาลีโข

ยังมีว่านวิเศษที่ท่านเลี้ยงไว้ด้วยน้ำมนต์ในสถานที่เฉพาะ ล้อมสายสิญจน์เป็นปริมณฑล ห้ามสตรีเพศเข้าโดยเด็ดขาด เพื่อนำมาทำตะกรุดโทนโดยตรง ประกอบด้วยว่านมหาจักรพรรดิ, พญาว่าน, จ่าว่าน, ว่านมหาปราบ, ว่านมเหศวร, ว่านมหาระงับ, ว่านพญาหอกหัก, ว่านสามพันตึง, ว่านชมภูหนังแห้ง และว่านเพชรน้อย ว่านเพชรใหญ่

นำของทั้งหมดมาประสมเข้ากับ ผงมูลกัจจายน์, ผงตรีนิสิงเห, ไคลเสมา, เกสรศรีมหาโพธิ์, ชันโรงใต้ดิน, ดินสอกำบัง, รังหมาล่า, ใบไมยราพ, ดอกรักซ้อน, ผงมหาฤาษีจากในถ้ำ, วัตถุสารมงคลต่าง ๆ ที่มีฤทธิ์เป็นทนสิทธิ์อยู่ในตัว และดินศักดิ์สิทธิ์จากสถานที่มงคลนานา ผนวกด้วยแร่ทรงคุณ 9 ชนิด

สรรพมวลสารมงคลทั้งหมดถูกคลุกคลีด้วยน้ำรักบริสุทธิ์จนเหนียวตัว แล้วปรุงด้วยเครื่องหอมทั้ง 9 คือ จันทร์ขาว, จันทร์แดง, กฤษณา, กลำพัก, ขอนดอกชะมด, พิมเสน, อำพันทอง และน้ำมันหอมชั้นดี จึงนำผงวิเศษที่ปรุงแล้วชะโลมทาลงบนด้าย พอกพูนจนหนาแล้วลงรักทับ รักชั้นที่ 1 แห้ง ก็ลงชั้นที่ 2 ทับอีกเพื่อความคงทน

เมื่อผงต่าง ๆ แห้งสนิทเกาะตัวแน่นดีแล้ว จึงอธิฐานจิตปิดทองเป็นการสมโภช วาระต่อมาจึงประกอบพิธีมหาพุทธาภิเษกขึ้นในโอกาสต่าง ๆ นอกเหนือไปจากการปลุกเสกเดี่ยวทุกวัน ๆ โดยหลวงพ่อสาลีโขตลอดไตรมาส

นี่คือความวิริยะอุตสาหะของหลวงพ่อสาลีโขที่มุ่งมั่นสร้างตะกรุดให้เป็นตะกรุด มิใช่ทำตะกรุดเป็น ‘ตะกรูด’ คือถอยหลังหนีดังกรูด ๆ ดังหลวงพ่อเทียมว่า

ผมแลหาพระเถระสายวิชาที่รู้จริงถึงพร้อมเช่นนี้มานานแล้ว เมื่อได้พบเจอก็ให้ประทับใจในความรู้จริงและเก่งจริงของท่านนัก ผมจึงขนสมัครพรรคพวกไปกราบคาราวะท่านมากมาย ทุกคนล้วนมีประสบการณ์กับท่านแตกต่างกัน

มีสุภาพสตรีท่านหนึ่งกำลังถูกแฟนทอดทิ้ง เธอเสียใจมาเพราะรักกันมาถึง 5 ปี เธอมาปรับทุกข์กับผม ผมก็ไม่รู้จะช่วยยังไง เลยพาไปกราบหลวงพ่อสาลีโขที่วัด โดยพวกเราไม่ได้เล่าเรื่องใดให้ท่านทราบ เมื่อคุยกับท่านสักพักท่านก็เมตตาลงนะหน้าทองให้พวกเรา

ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ

ขณะที่แฟนสาวถูกหลวงพ่อลงทองอยู่นั้น ตลอดเวลาเธอพร่ำขอให้ได้คู่รักกลับคืน ฝ่ายชายซึ่งนอนอยู่บ้านที่ชลบุรีกลับระลึกถึงสตรีที่ตนทอดทิ้งอย่างรุนแรง ระลึกถึงความหลังตลอด 5 ปีที่ฝ่าฟันทุกข์ร่วมสุขกันมา ความดีที่เป็นกำลังใจให้เขายามท้อแท้ ความคิดเกี่ยวกับแฟนสาวหลั่งไหลเข้ามาในสมองอย่างห้ามไม่หยุดฉุดไม่อยู่

เขาบอกไม่ได้ว่าทำไมเป็นเช่นนั้น สุดท้ายก็นอนร้องไห้เพราะสงสารแฟนอยู่คนเดียวจนถึงบ่ายโมง เลยรีบโทรหาแฟน บอกรีบกลับนะคิดถึงเหลือเกิน ผมถามฝ่ายชายภายหลังว่าเริ่มคิดถึงแฟนตอนไหน เขาบอก 10 โมงครึ่ง

นั่นเป็นเวลาเดียวกับที่ฝ่ายหญิงกำลังลงทองอย่างมหัศจรรย์

เพื่อนหญิงคนนี้ของผมจึงเช่าตะกรุดมหาระงับมาด้วย 1 ดอก เอาแกว่งน้ำให้แฟนดื่ม ทุกวันนี้ก็ได้แฟน กลับคืนหลังจากที่ทิ้งไปหาหญิงใหม่อยู่ 2 เดือน รักกันหวานชื่นเหมือนเก่า

โปรดอย่าเข้าใจผิดว่าเป็นการเล่นของ เพราะไม่เกี่ยวอะไรเลยกับคุณไสยฝ่ายต่ำ เป็นการขอบารมีครูบาอาจารย์และเทวานุภาพมาช่วยเหลือ ถ้าคุณถูกใครสักคนทอดทิ้งอาจทำยิ่งกว่านี้ก็ได้

ผมจึงมั่นใจในอิทธิแห่งหลวงปู่เผือก และหลวงพ่อสาลีโขมาตลอด ท่านใดมีโอกาสมีกำลังพอจะเช่าได้ จงขวนขวายเถิดครับ ของดีอย่างนี้หมดแล้วหมดเลย หลวงพ่อไม่สร้างเพิ่มเสริมอีกอายุท่านก็ 60 ปีแล้ว ตาไม่ดีข้างหนึ่งอีกต่างหากเพราะเพ่งเตโชกสิณมาตลอด

อีกไม่นานเรื่องราวของ “ตะกรุดมหาระงับ” อาจกลายเป็นเพียงตำนานเล่าขานให้ลูกหลานฟัง สุดท้ายคงเหลือเพียงรูปให้ดู


บทความนี้ได้ตีพิมพ์เมื่อ วันที่ 1 มีนาคม 2542


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
โพสต์โพสต์แล้ว: พุธ 01 เม.ย. 2009 1:25 am 
ออฟไลน์
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 14 ก.ย. 2008 9:48 am
โพสต์: 937
แหล่มมากมาย ภาพคมชัด เฮ้อ เมื่อไหร่จะเขียนให้อ่านอีกน้อ :roll:

_________________
อันความสุขทางใจนั้นหายาก คนส่วนมากไม่ชอบแสวงหา
หวังแต่สุขเพื่อสนุกเพียงหูตา มันจึงพาชักจูงให้ยุ่งใจ


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
โพสต์โพสต์แล้ว: พุธ 01 เม.ย. 2009 2:55 am 
ออฟไลน์
Administrator
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ 08 ก.ย. 2008 11:37 am
โพสต์: 6391
น่านนาสิ :D

_________________
089 969 9445 @ anytime
line ID navaraht


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
โพสต์โพสต์แล้ว: พุธ 01 เม.ย. 2009 2:22 pm 
ออฟไลน์
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ 08 ก.ย. 2008 10:41 am
โพสต์: 1599
อ่า ขอบพระคุณ คุณพี่ถั่วพู มากมายได้อีกฮะ

ตอนนี้ที่พุทธอุทยานธรรมโกศล น่าจะยังพอมีอยู่นะฮะ แต่ราคาบูชาครั้งสุดท้ายที่ทราบคือ

10,000 บาท หรือ หนึ่งหมื่นบาทถ้วน

ท่านใดสนใจ เรียนเชิญได้ฮะ

แต่เอะ

พอทราบมา อย่างเลือนลาง ว่า เมื่อปี 2534 หลวงพ่อสาลีโขท่านทำตะกรุดมหาระงับมาอีกชุดหนึ่ง แต่ขนาดจะเล็กกว่าเดิมอยู่

ต้องเรียนถามคุณอารณธรรมแล้วล่ะฮะ เรื่องรายละเอียด

เด็กลึกลับ เป็นแค่ เด็กตัวเล็ก เล็ก คนหนึ่งที่มานั่งตาแป๋วรอฟังอยู่ฮะ

_________________
ชาตินี้ไม่จริง ชาติไหนก็ไม่จริง


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
โพสต์โพสต์แล้ว: พุธ 01 เม.ย. 2009 3:46 pm 
ออฟไลน์
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 14 ก.ย. 2008 10:40 am
โพสต์: 369
:o :o :o อ่านจบแล้ว ว่าจะไปดูของจริงที่บางแสนซะหน่อย ไม่รู้เจ้าบ้านจะระงับไม่ให้เข้าชมหรือเปล่า ;) ;) ;)


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
โพสต์โพสต์แล้ว: พุธ 01 เม.ย. 2009 3:51 pm 
ออฟไลน์
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 14 ก.ย. 2008 6:00 am
โพสต์: 6586
ดำเนินการ "ระงับ" ตั้งแต่กระทู้นี้เป็นต้นไปฮับ :lol: :lol: :lol:

_________________
ถ้าเราไม่อยากได้อะไรจากใคร ก็จะไม่มีอะไรให้หมางใจกัน


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
โพสต์โพสต์แล้ว: พุธ 01 เม.ย. 2009 6:13 pm 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ 08 พ.ย. 2008 5:10 pm
โพสต์: 340
กำลังจะถามพอดีครับ เพราะผมบูชาตะกรุดมหาระงับ ขนาด 6 นิ้ว ของหลวงพ่อมาจากที่พุทธอุทยานเลย

ต้องเรียนถามคุณรณธรรมแล้วครับ เรื่องรายละเอียด ป้าจิรนันท์บอกว่า ปี 48 ผมว่าไม่น่าใช่ เพราะแต่ก่อนไปๆมาๆไม่เห็นวาง น่าจะทำก่อนนั้นแล้วมาวางปี 48 หรือไร ช่วยแถลงไขหน่อยครับ คาใจมานานปีแล้ว


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
โพสต์โพสต์แล้ว: พุธ 01 เม.ย. 2009 6:17 pm 
ออฟไลน์
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ 08 ก.ย. 2008 10:41 am
โพสต์: 1599
อ้างคำพูด:
พอทราบมา อย่างเลือนลาง ว่า เมื่อปี 2534 หลวงพ่อสาลีโขท่านทำตะกรุดมหาระงับมาอีกชุดหนึ่ง แต่ขนาดจะเล็กกว่าเดิมอยู่

ต้องเรียนถามคุณอารณธรรมแล้วล่ะฮะ เรื่องรายละเอียด

เด็กลึกลับ เป็นแค่ เด็กตัวเล็ก เล็ก คนหนึ่งที่มานั่งตาแป๋วรอฟังอยู่ฮะ


ยังย้ำว่า เลือนลางนะฮะ

_________________
ชาตินี้ไม่จริง ชาติไหนก็ไม่จริง


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
โพสต์โพสต์แล้ว: พุธ 01 เม.ย. 2009 8:17 pm 
ออฟไลน์
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 14 ก.ย. 2008 6:00 am
โพสต์: 6586
poan เขียน:
กำลังจะถามพอดีครับ เพราะผมบูชาตะกรุดมหาระงับ ขนาด 6 นิ้ว ของหลวงพ่อมาจากที่พุทธอุทยานเลย

ต้องเรียนถามคุณรณธรรมแล้วครับ เรื่องรายละเอียด ป้าจิรนันท์บอกว่า ปี 48 ผมว่าไม่น่าใช่ เพราะแต่ก่อนไป ๆ มา ๆ ไม่เห็นวาง น่าจะทำก่อนนั้นแล้วมาวางปี 48 หรือไร ช่วยแถลงไขหน่อยครับ คาใจมานานปีแล้ว



เรียนคุณpoan

หลวงพ่อสาลีโขชอบสร้างพระเครื่องพระบูชาหรือมงคลวัตถุขึ้นตามวโรกาสอันเป็นมงคล ตามฤกษ์ยามมงคล ท่านจะไม่ทำเพียงเพราะแค่อยากทำขึ้นมาเฉย ๆ ลอย ๆ ครับ

ดังนัั้น ในปีอันเป็นมหามงคลที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ทรงครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี ซึ่งตรงกับปีพุทธศักราช 2549 หลวงพ่อสาลีโขจึงนำแผ่นโลหะมาจัดสร้างตะกรุดขึ้นสองชนิด คือ ตะกรุดมหาระงับ และ ตะกรุดนเรศวรปราบหงสา โดยที่เป็นปีมหามงคลแก่ปวงชนชาวไทยรวมไปถึงพระภิกษุทั้งหลาย หลวงพ่อจึงเฉลิมนามตะกรุดทั้งสองชนิดนี้ว่า

1. ตะกรุดมหาระงับมงคลเก้า

2. ตะกรุดนเรศวรปราบหงสามงคลเก้า

รวมทั้งมีดำริทำ "เหรียญมหามงคลเก้า" อันยอดเยี่ยมด้วยพุทธศิลป์ เนื้อชนวนที่เข้มข้นและการเสกที่เข้มขลังอย่างที่ท่านบอกว่าดีกว่าทุก ๆ รุ่นที่ท่านเคยสร้างสรรค์มาแม้จะเป็น "เหรียญขี่สิงห์" หรือ "สีหบรรลือ" ที่โด่งดังก็ตาม

แต่ตะกรุดมหามงคลเก้าทั้งสองชนิดใช้แผ่นเงินและแผ่นทองแดงที่มีขนาดเล็กไปกว่าสมัยแรก เพื่อให้เห็นความต่างว่า "เป็นคนละรุ่นกัน" จะได้ไม่ซ้ำซ้อนสับสนกับของเก่า ไม่เป็นภาระงงงวยให้กับคนรุ่นใหม่ครับ

แต่พิธีกรรมการสร้างและการเสกนั้นเหมือนเดิมทุกประการ โดยเฉพาะวลีที่ว่า

"หลวงพ่อเก่งขึ้นทุกวัน"


ยังเป็นอมตะอยู่ครับ...

_________________
ถ้าเราไม่อยากได้อะไรจากใคร ก็จะไม่มีอะไรให้หมางใจกัน


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
โพสต์โพสต์แล้ว: พุธ 01 เม.ย. 2009 9:35 pm 
ออฟไลน์
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 14 ก.ย. 2008 11:16 pm
โพสต์: 1786
เป็นคำตอบที่ชัดเจนมากครับ ขอบคุณครับ :P


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
โพสต์โพสต์แล้ว: พุธ 01 เม.ย. 2009 9:40 pm 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร 16 ก.ย. 2008 11:16 am
โพสต์: 94
รณธรรม ธาราพันธุ์ เขียน:
ดำเนินการ "ระงับ" ตั้งแต่กระทู้นี้เป็นต้นไปฮับ :lol: :lol: :lol:


ได้ข่าวมาว่า พี่รณธรรมกำลังทำน้ำมนต์จากตะกรุดมหาระงับ เพื่อแจกแก่ผู้ที่สนใจ
นัยว่าเพื่อที่จะได้ใช้สำหรับ "ระงับความอยาก"

ของผมนี้ขอใส่ขวด 5 ลิตรนะครับ จะได้ทั้งกินและอาบ :mrgreen: :mrgreen:


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
โพสต์โพสต์แล้ว: พุธ 01 เม.ย. 2009 10:17 pm 
ออฟไลน์
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 14 ก.ย. 2008 6:00 am
โพสต์: 6586
ศิษย์กวง เขียน:
เป็นคำตอบที่ชัดเจนมากครับ ขอบคุณครับ :P



ยินดีรับใช้ขอรับ :D

_________________
ถ้าเราไม่อยากได้อะไรจากใคร ก็จะไม่มีอะไรให้หมางใจกัน


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
โพสต์โพสต์แล้ว: พุธ 01 เม.ย. 2009 10:18 pm 
ออฟไลน์
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 14 ก.ย. 2008 6:00 am
โพสต์: 6586
ถั่วพู เขียน:
รณธรรม ธาราพันธุ์ เขียน:
ดำเนินการ "ระงับ" ตั้งแต่กระทู้นี้เป็นต้นไปฮับ :lol: :lol: :lol:


ได้ข่าวมาว่า พี่รณธรรมกำลังทำน้ำมนต์จากตะกรุดมหาระงับ เพื่อแจกแก่ผู้ที่สนใจ
นัยว่าเพื่อที่จะได้ใช้สำหรับ "ระงับความอยาก"

ของผมนี้ขอใส่ขวด 5 ลิตรนะครับ จะได้ทั้งกินและอาบ :mrgreen: :mrgreen:



กระผมแนะนำว่าควรรับเป็น "แท็งค์ตราจระเข้" ดีกว่านะขอรับ :lol: :lol: :lol:

_________________
ถ้าเราไม่อยากได้อะไรจากใคร ก็จะไม่มีอะไรให้หมางใจกัน


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
โพสต์โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. 02 เม.ย. 2009 12:29 am 
ออฟไลน์
Administrator
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ 08 ก.ย. 2008 11:37 am
โพสต์: 6391
ขอบคุณครับผม

_________________
089 969 9445 @ anytime
line ID navaraht


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
โพสต์โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. 02 เม.ย. 2009 1:55 am 
ออฟไลน์
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 14 ก.ย. 2008 6:00 am
โพสต์: 6586
ขออนุญาตแก้ไขข้อมูลข้างบนหน่อยนะครับ เนื่องจากว่าเมื่อกี้ได้คุยกับคุณเด็กลึกลับ แล้วทบทวนกันเรื่องเหรียญมหามงคลเก้ากับตะกรุดชุดดังกล่าว เมื่อออกพร้อมกัน แล้วเหรียญระบุว่าสร้างในปี พ.ศ. 2549 ดังนั้น ตะกรุดซึ่งออกพร้อมกัน ก็ควรต้องออกในปี พ.ศ. 2549 เช่นเดียวกันครับ ผมจึงขออนุญาตแก้ไขข้อมูลและขอประทานโทษมา ณ ที่นี้ด้วย เพราะตัวเองก็ลืมไปว่างานฉลองครองราชย์นั้นจัดขึ้นสองครั้ง คือ ครบ 50 ปีใน พ.ศ. 2539 ครั้งหนึ่ง และทรงครองราชย์ครบ 60 ปีใน พ.ศ. 2549 อีกครั้งหนึ่ง

ขอบคุณครับที่ให้อภัยกัน :D

_________________
ถ้าเราไม่อยากได้อะไรจากใคร ก็จะไม่มีอะไรให้หมางใจกัน


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
โพสต์โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. 02 เม.ย. 2009 6:20 pm 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ 08 พ.ย. 2008 5:10 pm
โพสต์: 340
ขอบพระคุณคุณรณธรรมจริงๆครับ จิตฟูขึ้นมานิดเมื่อคลายความสงสัย สรุปว่าปี 49 ผมยิ่งมั่นใจ เพราะไม่ต้องเสี่ยงกับการเช่าของเก่า นี่เอามาจากแหล่งเลยทีเดียว ก่อนนั้นผมไปกราบท่านอยู่บ้าง ไม่เห็นเคยวาง บอกมาว่าปี 48 ผมล่ะงง หลังๆ ตั้งแต่ปี 49 ผมห่างท่านไปนานเลย เป็นศิษย์ที่แย่เหลือเกิน จึงไม่ทราบข่าวนี้
ไหนๆส่งคน ส่งให้ถึงสุขาวดีเถอะครับ หลายปีก่อนเพื่อนบูชาตะกรุดท่านอีกแบบที่พุทธอุทยาน ยาว 5 นิ้ว บางๆ ม้วนแล้วผอมๆ ถักเชือกลงรักปิดทองตรงกลางตามสไตล์ท่าน ไม่ใช่จักรพรรดิและอื่นใดในตะกรุดทั้ง 8 แบบของท่าน กระดาษที่หุ้มก็ดูไม่เก่ามากแต่ขาดแล้ว จะตีเป็นนเรศวรปราบหงสาปี 12 ก็เกรงใจ ใครช่วยบรรยายลักษณะหรือลงรูปตะกรุดปี 12 และปี 49 ให้ชมสักที จะไหว้งามๆเลยครับ
ผมเองก็เชื่อว่า หลวงพ่อเก่งขึ้นทุกวัน จึงสนใจของใหม่มากกว่าของเก่า อีกครับ ยังห้อยสีหบรรลือแทนเหรียญปี 14 ทั้งที่ขนาดใหญ่กว่า ขอบพระคุณคุณต่ออีกครั้งครับ


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
โพสต์โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. 02 เม.ย. 2009 8:02 pm 
ออฟไลน์
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 14 ก.ย. 2008 6:00 am
โพสต์: 6586
ด้วยความยินดีครับคุณpoan

ส่วนตะกรุดผอม ๆ ลักษณะดังที่คุณpoanเล่ามานั้น ให้ผมนึกไปในทางไหนก็ยังนึกไม่ออก ออกได้อยู่ทางเดียวคือต้องเป็น "ตะกรุดนเรศวรปราบหงสา" รุ่นแรกในพิธีเสาร์ 5 ปีพ.ศ. 2512 แน่นอนครับ เพราะหลวงพ่อไม่เคยสร้างตะกรุดอะไรเป็นพิเศษ ให้ใครเป็นพิเศษนี่ครับ เมื่อท่านคิดสร้าง ก็หมายความว่าต้องออกกันมาเป็นหมู่คณะดังที่เห็นกันทั่วไป

ผมมั่นใจ(ของผมเอง)ครับว่าตะกรุดที่คุณpoanกล่าวถึงคือตะกรุดรุ่นแรกของหลวงพ่อสาลีโข

สำหรับเรื่องรูปถ่ายของตะกรุดนเรศวรรุ่นแรก เสาร์ห้า ปี 12 นั้นผมจะขอร้องคุณศิษย์กวงให้ท่านนำมาโพสท์ลงให้ได้ชมของจริงกันนะครับ แต่รูปตะกรุดนเรศวรปี 49 คงต้องเป็นวาระของคุณเด็กลึกลับครับ โปรดรอสักครู่(ใหญ่ ๆ) เด้อครับพี่น้อง :P

_________________
ถ้าเราไม่อยากได้อะไรจากใคร ก็จะไม่มีอะไรให้หมางใจกัน


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
โพสต์โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. 02 เม.ย. 2009 10:23 pm 
ออฟไลน์
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 14 ก.ย. 2008 11:16 pm
โพสต์: 1786
:P จัดให้ตามคำขอครับ เสด็จพี่

Picture 001.jpg



ขออภัยที่สภาพอาจจะผ่านสงครามมาเยอะครับ
:lol: :lol:


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
โพสต์โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. 02 เม.ย. 2009 10:52 pm 
ออฟไลน์
Administrator
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ 08 ก.ย. 2008 11:37 am
โพสต์: 6391
ว๊าววว ๆ ๆ ๆ ของดีแยะแฮะ ลูกพี่เรา :D

_________________
089 969 9445 @ anytime
line ID navaraht


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
โพสต์โพสต์แล้ว: ศุกร์ 03 เม.ย. 2009 1:32 am 
ออฟไลน์
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 14 ก.ย. 2008 11:16 pm
โพสต์: 1786
อู๊ด อู๊ด เขียน:
ว๊าววว ๆ ๆ ๆ ของดีแยะแฮะ ลูกพี่เรา :D


บางส่วนเท่านั้นครับ บางส่วนๆๆ :lol: :lol:


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 25 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
cron
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO