Switch to full style
พระพุทธพจน์ - พุทธภาษิต พระธรรมเทศนา และ ธรรมะจากครูบาอาจารย์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ
ตอบกระทู้

คู่บารมี

ศุกร์ 21 เม.ย. 2017 8:03 am

"คู่บารมี"

ถาม : คู่บารมีจำเป็นต้องเป็นผู้ปรารถนาพุทธภูมิเท่านั้นหรือไม่เจ้าคะ

พระอาจารย์ : อ๋อไม่หรอก คู่บารมีคือผู้ที่ชอบทำอะไรคล้ายคลึงกัน ชอบเที่ยวเหมือนกัน ชอบเต้นรำเหมือนกัน ชอบทำอะไรเหมือนกัน มันก็เป็นคู่ของตนไป เหมือนกับรองเท้าน่ะ มันก็ต้องพอดีกับเท้า ใช่ไหม ถ้ามันใหญ่กว่าเท้ามันก็จะไม่เป็นคู่ มันเล็กเกินไปก็ไม่ได้ เวลาเราซื้อรองเท้า เราก็ต้องเลือกขนาดของรองเท้าที่พอดีกับเรา เวลาเราหาคู่ครองเราก็หาคู่ที่ถูกกับเรา เหมาะกับเรา ฉะนั้นไม่จำเป็นจะต้องเป็นขึ้นไปพุทธภูมิเพียงอย่างเดียว ไปเวียนว่ายตายเกิดด้วยกันก็ได้ บางคู่ก็อยากจะกลับมาเกิดเจอกันอยู่เรื่อยๆ ทุกภพทุกชาติ ตายไปแล้วชาติหน้าก็ขอได้กลับมาเกิดได้มาเจอกันอีก.

ธรรมะบนเขา

วันที่ ๑๖ เมษายน ๒๕๖๐

พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต




"การศึกษาตำรับตำราหรือศึกษาส่วนอื่น ศึกษามาเท่าไหร่ ถ้าหากใจยังไม่รักษา ทางภาวนาไม่ได้บำเพ็ญ มันก็เป็นสัญญาไปเสีย ลืมๆหลงๆ ใช้ประโยชน์ไม่ได้ เราก็รู้อยู่ว่าตำราไม่ใช่ตัวยา ตัวยาจะสมมติไปว่าอะไรก็สมมติไปได้ แต่ตำราไม่สามารถที่จะแก้ไขโรคภัยของผู้ที่ป่วยให้หาย ส่วนยาจะเป็นยาอย่างไหนก็ตาม จะเป็นยารากไม้ หรือยาสำเร็จรูปก็ตาม ถ้าหากถูกต้องกับโรคภัยไข้เจ็บของตนแล้วก็เป็นยาทั้งนั้น สามารถที่จะต้านทานโรคภัยให้หายไปได้ ฉันใด คำสอนของพระพุทธเจ้าเป็นอย่างนั้น"
หลวงปู่สิงห์ทอง ธัมมวโร





ผู้ถาม “พระพุทธรูปนี้จะต้องมีการปลุกเสกเสียก่อนจึงจะกราบไหว้บูชาได้หรืออย่างไรครับ”
ท่านอาจารย์ “การปลุกเสกเป็นเรื่องทางไสยศาสตร์ พุทธศาสนาไม่มี เราเลื่อมใสแล้ว กราบไหว้ไปเถิดได้บุญทั้งนั้น”
ผู้ถาม “พระพุทธรูปโดยมากเขาอยากให้มีการปลุกเสก ถือว่าเป็นของขลัง ศักดิ์สิทธิ์ และสามารถที่จะกันภัยอันตรายตลอดจนภูตผีปีศาจได้ ถ้าไม่ปลุกเสกไม่น่ากราบไหว้
ท่านอาจารย์ “เพราะความถือนั่นเอง พอไม่มีการปลุกเสกก็ไม่ขลัง ความจริงพระพุทธรูปมิใช่ของขลัง เป็นแต่พยานให้ระลึกถึงพระคุณของพระพุทธเจ้าต่างหาก
คนถือของขลังอะไรๆ ก็เลยเป็นของขลังไปหมด กระทั่งก้อนอิฐก้อนปูนก้อนหินเป็นของขลังไปทั้งนั้น ถ้าพุทธาภิเษกแล้วขลังทั้งนั้น”

หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี
วัดหินหมากเป้ง จ.หนองคาย
ที่มา : จากหนังสือ "ปุจฉาวิสัชชนาในต่างประเทศ โดย พระราชนิโรธรังสีคัมภีรปัญญาวิศิษฏ์ (เทสก์ เทสรังสี)"







ให้ทราบว่าในโลกนี้ไม่มีแก่นสารอันใด
เกิดมาแล้วก็ต้องตาย เอาอะไรไปไม่ได้สักอย่าง
ที่จะเอาได้ก็เป็นเรื่องของดวงจิตเท่านั้น...

ฉะนั้น...จึงให้รู้จักทำจิตคลายจากความชั่ว
ความเศร้าหมอง ทำจิตใจ
ให้เป็นบุญเป็นกุศล เป็นจิตที่สงบผ่องใส เป็นสมาธิ

ให้รู้จักใช้ปัญญา พิจารณารูปนาม
ให้เห็นตามความเป็นจริงของสังขาร
จนสามารถละวางตัณหาอุปทานทั้งหลายได้

หลวงปู่ฝั้น อาจาโร
วัดป่าอุดมสมพร อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร
ตอบกระทู้