“ ความสุขในการเสพกามก็เหมือนกับคนเรามีบาดแผลที่มันคัน เวลาเกาอยู่นั่นก็รู้สึกว่ามันได้รับความสุข มันดิบมันดี แต่เมื่อเวลากลายจากการเกาแล้วล่ะ เป็นยังไง แผลนั้นๆ มันมีแต่ออกร้าน มีความเจ็บปวด เรื่องของมันเป็นอย่างนั้น คนที่ลุ่มหลงในกามก็ทำนองเดียวกัน มันเพลินมันหลง ไม่ใช่ของดิบของดีอะไร สัตว์ทั่วไปก็ทำนองเดียวกัน ไม่ว่าแต่มนุษย์ ท่านจึงว่า กามโลก คือมันติดในเรื่องของกาม มันยินดีในเรื่องของกาม เราจะต้องพินิจพิจารณาเรื่องของกามอันนี้แหละ “
พระอาจารย์สิงห์ทอง ธัมมวโร
ท่านผู้รู้ทั่วไปก็เหมือนกัน อาศัยธาตุขันธ์เป็นทางประพฤติปฏิบัติ เมื่อธาตุขันธ์ขัดข้องก็เยียวยารักษากันไปแต่ไม่ถือว่า ธาตุขันธ์เป็นตัวของท่าน ไม่ถือว่าท่านเป็นธาตุเป็นขันธ์ ถึงคราวมันแตกมันสลายไป ท่านก็ไม่มาแบกมาหามมันอีก พระอาจารย์สิงห์ทอง ธมฺมวโร
ให้พิจารณากันให้ทั่วถึงในเรื่องของกาย หนังมันก็ไม่ได้บอกว่ามันเป็นหนัง แต่ความสมมติของเราว่าหนัง แล้วเราก็ไปยึดสมมตินั้นว่าเป็นเรา เป็นของของเราไปเสีย แต่มันไม่ได้เคยพูดกับเราว่า ฉันเป็นหนัง ฉันเป็นของคุณนะ คุณด้องรักษาดูแลฉันให้ดีนะ มันไม่เคยพูด เคยว่า เรื่องของหนังเนื้อ เอ็นกระดูก ก็ทำนองเดียวกัน นี่...พิจารณาเพื่อความถอนจิตใจที่ยึดมั่น ว่าเป็นเขาเป็นเรา เป็นสัตว์ เป็นบุคคล เพราะสิ่งเหล่านี้มันไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตน ไม่ใช่เราเขา มันเป็นหน้าที่ของมันต่างหาก ถ้าหากเป็นตัวของเราจริงจัง เราจะต้องบอกได้ สอนได้ ไม่ให้มันแก่ มันเจ็บ มันตาย มันก็ไม่แก่ ไม่เจ็บ ไม่ตาย เพราะเราสอนมันได้ มันเป็นของของเรา เราหักห้ามมันได้ นี่...มันไม่เป็นเช่นนั้น หักห้ามมันไม่ได้ ใครรู้เรื่องของมัน มันก็เป็นอยู่อย่างนั้น ใครไม่รู้เรื่องของมัน มันก็เป็นอยู่อย่างนั้น ผู้รู้ถึงฐานของมันจริงจังไม่ได้ไปยึด ไม่ได้ไปถือเพราะทราบดีว่าสิ่งเหล่านั้นมันเกิดขึ้น มันแปรปรวน มันแตกสลายไปเมื่อถึงกาลถึงสมัย แทนที่จะเสียอกเสียใจเพราะเรื่องกายมันแตกมันทำลายไป มันไม่เป็นอย่างนั้น มันไม่เสียอกเสียใจอะไร เพราะทราบแล้ว เข้าใจแล้ว ความจริงมันเป็นอย่างไร เราเข้าใจชัดเจน
พระอาจารย์สิงห์ทอง ธมฺมวโร
|